จอมยุทธ์ระบบเลเวล Invincible Level Up - ตอนที่ 73
จอมยุทธ์ระบบเลเวล ตอนที่ 73 ฆ่าให้เหี้ยน
พื้นที่ทางตอนเหนือของเมือง ที่หน้าจวนตระกูลฉิน ฉินเทียนจ้องป้าย ‘จวนตระกูลฉิน’ เขาก้าวออกเดินพร้อมกับระเบิดจิตสังหารออกมา เป็นจิตสังหารที่ราวกับหลุดมาจากขุมนรก ผู้คนที่สัญจรผ่านไปผ่านมาล้วนไม่กล้าเข้าใกล้
“ผู้ใดกัน?”
“ไม่รู้รึว่านี่คือพื้นที่ของจวนตระกูลฉิน?”
ยามเฝ้าประตูทั้งสองรับรู้ได้ถึงกลิ่นอายอันตราย จึงรีบร้องปรามฉินเทียน
“ฉินเซี่ยงเทียนอยู่หรือไม่?”
น้ำเสียงที่เย็นชาทำให้ยามเฝ้าประตูทั้งสองสั่นสะท้านขณะสูดหายใจเข้าปอดอย่างหนาวเหน็บ กระนั้นยามทั้งสองก็ยังทำท่าใจดีสู้เสือ พวกมันชักดาบข้างเอวออกมา “เจ้าเป็นใครกันแน่? มีธุระอะไรกับท่านผู้อาวุโสใหญ่?”
“ข้าจะถามอีกครั้ง สารเลวฉินเซี่ยงเทียนอยู่ด้านในหรือไม่?” ฉินเทียนหรี่ตาลง ในใจพลุ่งพล่านด้วยความโกรธ ท่าทางแข็งก้าวค่อยๆเผยออก
ยามเฝ้าประตูผู้หนึ่งพลันทำหน้าตาดุร้าย “ไม่ว่าท่านผู้อาวุโสใหญ่จะอยู่หรือไม่อยู่ มันก็ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของเจ้า ไอ้เด็กเปรต คิดว่าตัวเองเป็นใครมาจากไหนกัน? มาทางไหนก็คลานกลับไปทางนั้น ไม่อย่างนั้นหากบิดาอารมณ์ไม่ดีขึ้นมาจะฟาดเจ้าให้ขา……”
เหอะ!
หลังจากแค่นเสียง ฉินเทียนก็ยิ้มมุมปาก ในแววตาแฝงด้วยจิตสังหารอันไร้ขอบเขต
เห็นรอยยิ้มเยาะของฉินเทียน ยามเฝ้าประตูผู้นั้นก็เดือดดาล มันสบถด่าพลางยกดาบฟันใส่ฉินเทียน
โครม!
เสียงกระแทกอันหนักหน่วงดังขึ้นคราหนึ่ง
ประตูตระกูลฉินพลันเปรอะเปื้อนด้วยโลหิต ร่างของยามเฝ้าประตูนายนั้นชโลมไปด้วยโลหิตจากแขนขาที่ถูกหักจนหมดสิ้น แววตาของมันยังคงฉายแววเดือดดาลเหมือนก่อนหน้า จากนั้นดวงตาที่แข็งค้างก็ค่อยๆปิดลง…..
ยามผู้โชคร้ายสิ้นใจแล้ว ผู้ฝึกตนระดับสามขั้นก่อเกิดวิญญาณกลับตกตายไปง่ายๆเช่นนี้
ข้อความจากระบบได้แจ้งเตือนว่าค่าบาปของเขาเพิ่มขึ้นหนึ่งจุด นี่ยิ่งทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของฉินเทียนฉีกกว้างขึ้น สายตาของเขาย้ายไปหายามเฝ้าประตูอีกผู้หนึ่งก่อนจะถามเสียงราบเรียบ “หวังว่าสมองของเจ้าคงไม่ทึมทึบ ตอบคำถามของข้ามา”
กล่าวจบเขาก็หยุดไปครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวอีกประโยค “ข้าเองก็เป็นคนตระกูลฉิน”
ยามเฝ้าประตูจ้องฉินเทียนราวกับได้พบเจอมัจจุราช ฉินเทียนขยับตัวคราหนึ่ง มันก็รีบขยับถอยหนีด้วยความหวาดกลัว ใบหน้าของมันขาวซีด แขนขาอ่อนแรงจนล้มก้นกระแทกพื้น มันรีบกล่าวตอบเสียงสั่น “นะ…นะ….ใน….เรือนผู้อาวุโสใหญ่…..กำลังประชุม…”
“ขอบใจ” ฉินเทียนเผยยิ้มสดใส ขณะที่เขากำลังจะผ่านทางเข้าตระกูลฉิน ศิษย์ตระกูลฉินหลายคนก็กรูกันออกมาจากด้านใน หนึ่งในนั้นคือพ่อบ้านของตระกูลฉิน ฉินเหริน
แม้ระดับบ่มเพาะของฉินเหรินจะต่ำต้อย แต่อาศัยความสัมพันธ์กับฉินเซี่ยงเทียน มันก็สามารถอยู่ในตระกูลฉินพร้อมกับตำแหน่งพ่อบ้านใหญ่ ฉินเหรินชักนำศิษย์ในตระกูลตรงมาทางฉินเทียนด้วยความโกรธ “เป็นผู้ใดที่หาญกล้ามาท้าทายตระกูลฉิน เจ้าเบื่อที่จะมีชีวิตแล้ว?……”
ระดับเสียงของมันจากดังจนถึงเบา จากเบาจนแผ่ว ก่อนที่ท่อนสุดท้ายกระทั่งตัวมันเองก็แทบไม่ได้ยินเสียงตัวเอง สายตาของมันจ้องมองฉินเทียน ขณะที่หัวใจราวกับถูกบีบรัด “ฉ..ฉะ…ฉะ….ฉิน….เทียน?….อึก.”
“ยังจำข้าได้?” ฉินเทียนหัวเราะอย่างปลอดโปร่ง ทว่าผู้คนที่ได้ยินต่างรู้สึกคล้ายเหยียบกับระเบิด
ฉินเหรินค่อยๆหันไปมองประตูที่เปื้อนเลือด ดวงตาของมันเผยแววฆ่าฟัน มันรีบก้าวถอยหลังก่อนจะโบกมือ “จัดการคนทรยศ หากขัดขืนก็ฆ่าได้”
เหล่าศิษย์เข้าล้อมฉินเทียนไว้ก่อนจะชักอาวุธออกมาจ่อเล็งไปที่ฉินเทียน
“คนทรยศของตระกูลฉิน?”
ฉินเทียนชะงักก่อนจะแค่นเสียง สามปีก่อนเขาคือวีรบุรุษของตระกูล สามปีต่อมากลับกลายเป็นคนทรยศเสียแล้ว ช่างเป็นเรื่องที่งี่เง่าเสียจริง
“เมื่อทั้งหมดล้วนแต่เป็นคนตระกูลฉิน วันนี้ข้าจะไว้ชีวิตสุนัขของเจ้าสักวันก็แล้วกัน จงไปซะ มิเช่นนั้น……” รอยยิ้มเลือดเย็นปรากฏขึ้นบนใบหน้าของฉินเทียนอีกครั้ง มีเพียงยามเฝ้าประตูที่เหลือรอดเท่านั้นที่รีบก้าวถอยหลังไม่กล้าสบตาฉินเทียน ขณะที่เหล่าศิษย์ต่างเดือดดาล สายตาที่ทั้งหมดมองดูฉินเทียนนั้นเต็มไปด้วยความดูถูก
“กล้ามาก่อกวนที่ตระกูลฉิน ไม่รู้จักเจียมตัว!”
“พวกเราเป็นคนของอาณาจักรขอบนภา….”
“อ๊าก!”
ทันใดนั้นบุรุษคนหนึ่งก็ลอยกระเด็นราวกับว่าวขาดสายป่าน ก่อนที่ร่างของคนผู้นั้นจะกระแทกลงพื้นห่างออกไปราวร้อยก้าวด้วยสภาพสาหัส ร่างกายของมันกระตุกอยู่หลายครั้งก่อนจะนิ่งไป
“ฆ่าโจรชั่ว!”
ฉินเหรินพลันรู้สึกเสียววาบที่สันหลัง ดวงตาของมันเผยความกลัว หลังจากตะโกนเสียงดังคราหนึ่งก็รีบวิ่งเข้าตระกูลฉินไป
เหล่าคนที่ยังอยู่จะกล้าขัดคำสั่งของพ่อบ้านใหญ่ได้อย่างไร? ยิ่งกว่านั้นฉินเทียนยังเป็นคนทรยศของตระกูล ทุกคนล้วนสามารถฆ่าฟัน หากพวกมันตัดหัวฉินเทียนได้ ตระกูลฉินย่อมต้องตบรางวัลให้อย่างงาม
ทันใดนั้นศิษย์บางคนก็กระชับอาวุธก่อนจะพุ่งเข้าโจมตีฉินเทียน ใบหน้าของพวกมันเผยความคิดฆ่าฟันออกมาอย่างชัดเจน พวกมันต้องการเฉือนเนื้อฉินเทียนด้วยอาวุธในมือ ทั้งหมดคล้ายกับลืมคิดไปว่าศิษย์ผู้นั้นตายได้อย่างไร และไม่ได้สังเกตว่ากำลังสู้อยู่กับใคร…….
“ไม่ประมาณตน”
ฉินเทียนแค่นเสียง เขากางมือก่อนที่กระบี่กระดูกจะปรากฏ พลังปราณค่อยๆไหลสู่กระบี่จนอัดแน่น
ฉัวะ ฉัวะ……..
อ๊าก………
“ปะ…โปรด….อ๊ากกก!” เพียงชั่วไม่กี่ลมหายใจ ทางเข้าตระกูลฉินก็กลับคืนสู่ความสงบ เป็นความสงบที่ชวนให้ผู้พบเห็นต่างขนหัวลุก
“อึ๋ย” บุคคลที่หลงเหลือเป็นคนสุดท้ายก็คือยามเฝ้าประตูที่ตอนนี้หน้าซีดราวกับคนตาย ดวงตาของมันแข็งค้างคล้ายวิญญาณหลุดจากร่าง มือของมันอ่อนแรงขณะมองดูฉินเทียนจนเผลอปล่อยกระบี่ร่วงลงพื้น ทั้งร่างของมันตอนนี้ดูไร้เรี่ยวแรงแม้แต่จะใช้กล่าววาจา
แตกตื่น ทั้งหมดล้วนแตกตื่น
ไม่ใช่ว่ามันไม่เคยเห็นฉากนองเลือดมาก่อน เพียงแต่ไม่เคยพบเห็นผู้ใดที่สังหารคนได้อย่างเลือดเย็นถึงเพียงนี้ จิตสังหารที่ฉินเทียนปล่อยออกมาทำให้ยามเฝ้าประตูร่างแข็งทื่อจนไม่อาจกระทำสิ่งใด
ฉินเทียนยืนนิ่งอยู่กับที่ ท่าทางของเขาเย็นชาราวกับศิลาที่ชืดชาต่อสรรพชีวิตทั้งมวล
“พาข้าไปยังที่พักผู้อาวุโสใหญ่”
ฉินเทียนกล่าวพลางเก็บกระบี่ ความโกรธในใจไม่เพียงไม่เจือจาง จิตสังหารที่แผ่ออกยังยิ่งมายิ่งเข้มข้น หนอนแมลงตระกูลฉินเหล่านี้ไม่เพียงพอจะดับเพลิงโทสะของเขาลง ฉินเทียนไม่ได้รู้สึกเสียใจที่สังหารคนเหล่านี้ คนเหล่านี้ไม่มีอันใดที่เกี่ยวข้องกับเขา
น้ำเสียงที่เย็นเยียบของฉินเทียนทำให้ยามเฝ้าประตูไม่กล้าโต้แย้ง ขาของมันสั่นเทา มันรีบเดินนำทางฉินเทียนไปลานตระกูลฉิน…….
หน้าจวนตระกูลฉินเวลานี้เต็มไปด้วยฝูงชน
ทั้งหมดเหม่อมองดูฉากนองเลือดที่เบื้องหน้า เด็กและสตรีต่างพากันวิ่งไปอาเจียนที่ด้านข้าง
“ดูเหมือนฉินเทียนจะกลับมาแล้ว”
“ใช่คนที่ฆ่าเสี่ยวหรูเฟิงในงานชุมนุมเมื่อสามปีก่อน และต่อมารับมือหนึ่งกระบวนท่าของจ้าวอู่ตี้หรือไม่?”
“จะเป็นผู้ใดถ้าไม่ใช่เขา?”
“ตอนนี้ตระกูลฉินกลายเป็นสุนัขเฝ้าบ้านของเมืองขอบนภาไปแล้ว แม้แต่สิ่งที่บรรพบุรุษตกทอดยังส่งมอบออก ตระกูลเช่นนี้อีกไม่นานคงล่มจม…”
เสียงถกเถียงดังขึ้นจากทางถนน จำนวนผู้คนที่มามุงดูเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากนั้นไม่นานชาวเมืองชิงเหอกว่าครึ่งก็ทราบข่าวการกลับมาของฉินเทียน ฉินเทียนที่เข้าไปในเทือกเขาคุนหลุนกว่าสามปีได้กลับมาแล้ว……..