จอมยุทธ์ระบบเลเวล Invincible Level Up - ตอนที่ 74
จอมยุทธ์ระบบเลเวล ตอนที่ 74 เกราะกระหายเลือด
มีบุญคุณต้องทดแทน มีแค้นต้องชำระ
เงาร่างของเมิ่งเล่ยปรากฏขึ้นในห้วงคิดของฉินเทียนตลอดทาง ร่างที่สูงกำยำ รอยยิ้มอันโง่งม ในในของเขายึดถือเมิ่งเล่ยเป็นน้องชายในสายเลือดมาตลอด
เมิ่งเล่ยตกจากผา เป็นตายไม่แน่ชัด ยิ่งคิดความโกรธในใจก็ยิ่งทบทวี ทุกย่างก้าวเพิ่มกลิ่นอายฆ่าฟัน ฉินเทียนในตอนนี้คล้ายกับมัจจุราชที่พบเห็นผู้ใดเป็นต้องสังหารผู้นั้น
ยามเฝ้าประตูนำทางด้วยความกลัว ท่าทางการเดินคล้ายจะล้มพับลงไปได้ทุกเมื่อ เดินไปก็ส่ายไป ความกลัวที่สลักลึกในจิตใจแทบทำให้มันสติแตก
หลังจากเดินไปได้สักพัก ฉินเหรินที่กลับไปรวบรวมศิษย์ได้หลายสิบคนก็มุ่งหน้ามาหาฉินเทียน คนเหล่านี้ล้วนเป็นยอดฝีมือของตระกูลฉิน เป็นรากฐานของตระกูล ทั้งหมดล้วนมีระดับบ่มเพาะอยู่ระดับสุดยอดของขั้นก่อวิญญาณ
มียอดฝีมือกลุ่มนี้อยู่ ใบหน้าของฉินเหรินก็เปลี่ยนเป็นถือดี มันยกมือชี้ไปทางฉินเทียนก่อนจะตะโกนว่า “จัดการมัน!”
“ฉินเทียน…..”
“ไฉนเป็นเขา?”
ศิษย์ทั้งหมดต่างรีรอลังเล ส่วนมากไม่กล้าเคลื่อนไหว ขณะที่อีกส่วนพุ่งเข้าไปรายล้อมฉินเทียน
ในงานชุมนุมเมื่อสามปีก่อน ศิษย์ทั้งหมดต่างยึดถือฉินเทียนเป็นแบบอย่าง ทั้งหมดฝึกปรืออย่างหนักหวังไล่ตามฉินเทียน ความทรงจำอันงดงามนั้นยังคงสดใหม่ราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน
เมื่อได้เห็นฉินเทียน ในแววตาของศิษย์บางส่วนก็ฉายแววตื่นเต้น สามารถท่องอยู่ในเทือกเขาคุนหลุนถึงสามปี ทั้งยังกลับออกมา เวลานี้เขาจะแข็งแกร่งถึงขั้นใด?
ในขณะที่ตื่นเต้น พวกเขาก็ลืมเลือนการดำรงอยู่ของฉินเหรินไป นี่ทำให้ฉินเหรินเดือดดาลมาก “พวกเจ้าหูตึงกันรึไง!?”
“มันเป็นคนทรยศตระกูลฉิน ยังมัวรออะไรอีก? สับมันเป็นชิ้นๆซะ!”
ฉินเหรินกล่าวด้วยความโกรธ มันจ้องพวกศิษย์ของตระกูลด้วยแววตาถมึงทึง การแสดงออกอันดุร้ายของพ่อบ้านใหญ่ทำให้ทั้งหมดอึดอัดใจ
ฉินเทียนเผยยิ้มบาง เมื่อกวาดมองเหล่าศิษย์ เขาก็โล่งอกขณะคิดขึ้นในใจ ‘ดูเหมือนตระกูลฉินจะไม่ได้ฟอนเฟะไปเสียทั้งหมด’
“พวกเจ้าเป็นยอดฝีมือตระกูลฉิน ส่วนใหญ่สมควรเห็นข้ามาก่อน ข้าไม่ต้องการทำร้ายพวกเจ้า ดังนั้นอย่าบีบให้ข้าต้องลงมือ….”
“แต่เจ้า…..” ฉินเทียนยิ้มเย็นขณะชี้นิ้วไปยังฉินเหรินที่กำลังเดือดดาล “ต้องตาย!”
ได้ยินคำว่า ‘ต้องตาย’ จากฉินเทียน ฉินเหรินก็ตกตใจจนแทบล้มคะมำ นี่คล้ายมีกระบี่เย็นยะเยือกเล่มหนึ่งเสียบเข้ากลางใจ
ร่างกายอ้วนท้วนเริ่มสั่น และหลั่งเหงื่อเย็น ใบหน้าของมันซีดเผือดขณะพยายามสูดเอาอากาศเข้าปอด “พวก..พวกเจ้าคิดก่อกบฏกันรึไง? การขัดคำสั่ง….หรือเบื่อที่จะมีชีวิตกันแล้ว!?”
ฟุ่บ!
ฉินเทียนแค่นเสียงพลางยกมือขวาขึ้นใช้ออกด้วยพลังปราณ พลังปราณไหลเวียนอย่างบ้าคลั่งก่อนจะก่อตัวเป็นฝ่ามือปราณขนาดใหญ่ ฉินเทียนทำท่าคว้า ฉินเหรินที่ไม่อาจขัดขืนก็ถูกโยนขึ้นไปกลางอากาศ……
“ชะ…ช่วย ช่วยด้วย!”
ฉินเหรินกรีดร้องสุดเสียง ไม่มีศิษย์คนไหนขยับ ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่ต้องการช่วยฉินเหริน เพียงแต่เวลานี้ทั้งหมดต่างตกตะลึง พลังปราณของฉินเทียนสามารถควบแน่นจนเกิดเป็นหัตถ์ปราณขนาดใหญ่ได้ ต่อให้เขาไม่ใช่ผู้บ่มเพาะขั้นกลั่นวิญญาณ หากแต่พลังปราณของเขานั้นถึงขั้นกลั่นวิญญาณแล้วแน่นอน
พลังปราณที่บรรลุถึงขั้นกลั่นวิญญาณ!
แววตาของเหล่าศิษย์ยิ่งมายิ่งตื่นเต้น มาถึงจุดนี้พวกเขาย่อมไม่คิดว่าฉินเทียนเป็นคนทรยศอีก หากแต่เป็นผู้เชี่ยวชาญที่สูงศักดิ์กว่าพวกเขา
และพวกเขาก็เชื่อว่า ต่อให้พวกเขาทั้งหมดร่วมมือกัน มันก็ยังไม่เพียงพอที่จะล้มฉินเทียนเพียงคนเดียว
เพียงกลิ่นอายที่ฉินเทียนปลดปล่อยออกมาก็ทำพวกเขาขยับเคลื่อนไหวไม่ได้แล้ว
สำหรับพวกเขา ฉินเทียนคือตัวตนที่เสมือนอยู่คนละโลกกับพวกเขา
ฉินเหรินถูกยกลอยขึ้น มันพยายามตะเกียกตะกาย ปากก็ต้องการส่งเสียงร้อง กระนั้นกลับไม่มีเสียงเปล่งออกมา ดวงตาของมันฉายแววหวาดกลัวและตื่นตะหนก ในตอนนี้มันทราบแล้วมันได้ไปตอแยบุคคลที่ไม่ควรตอแยเข้าเสียแล้ว……
แต่คิดได้ก็สายไปเสียแล้ว……..
“หยุดมือ!” มีเสียงที่เปี่ยมโทสะดังขึ้นขัด
หลังจากนั้นกลิ่นอายกดดันก็โถมเข้าใส่ฉินเทียน ฉินเทียนขมวดคิ้วพลางหันไปมองแหล่งต้นกำเนิดแรงกดดันนั้น คนผู้นั้นขยับ สายตาเย็นชาของฉินเทียนจับจ้องที่ฉินเซี่ยงเทียนเขม็ง จากนั้นฉินเทียนก็เผยยิ้มเยาะมุมปาก “บ้าคลั่ง!”
แกร๊ก!
ศีรษะของฉินเหรินถูกบดขยี้ ร่างที่ไร้ศีรษะของมันร่วงตกลงบนพื้นกลายเป็นซากศพที่เหี่ยวเฉา ไม่มีเลือดแม้สักหยดที่ไหลรินออกมา
ทันทีที่ศีรษะถูกบดขยี้ แก่นโลหิตในร่างฉินเหรินก็ถูกเกราะปีศาจโลหิตสงครามดูดซับไปจนแห้งกรัง โลหิตสีแดงกระพริบขึ้นบนตัวเกราะ เป็นสัญญาณบ่งบอกว่ามันมาถึงระดับสูงสุดของระดับปัจจุบันแล้ว
นี่เป็นครั้งแรกที่ฉินเทียนสังเกตเห็นเกราะปีศาจโลหิตสงครามดูดซับแก่นโลหิต
ชุดเกราะดูเหมือนจะแข็งแกร่งขึ้นหลังจากดูดซับแก่นโลหิตไป มันให้ความรู้สึกที่แตกต่างจากสองวันก่อน
เกราะปีศาจโลหิตสงครามเป็นชุดเกราะระดับวิญญาณขั้นสูง ทั้งยังมีจิตวิญญาณเป็นของตนเอง เมื่อเห็นการเปลี่ยนแปลง ฉินเทียนก็มั่นใจว่ามันต้องใช้แก่นโลหิตของผู้อื่นในการเพิ่มระดับตัวมันเอง
“ถ้าเป็นแบบนี้ ข้าจะให้เจ้าได้ดูดซับจนอิ่มหนำเลย…..”
“เจ้าโจรชั่ว! กล้ามาหยิ่งผยองในพื้นที่ตระกูลฉิน”
ที่ข้างกายของฉินเซี่ยงเทียน เด็กหนุ่มผู้หนึ่งพลันชักกระบี่โถมออกมา
หลิวตง หัวหน้าศิษย์ที่ฉินเซี่ยงเทียนโปรดปรานที่สุด มีระดับบ่มเพาะอยู่ที่ระดับสี่ขั้นรวบรวมวิญญาณ
ในตระกูลฉิน ระดับสี่ขั้นรวบรวมวิญญาณอาจไม่แย่ แต่สำหรับฉินเทียน ระดับนี้ไม่นับเป็นตัวอะไร
สายตาของเขาจับจ้องอยู่ที่ฉินเซี่ยงเทียน ไม่แม้แต่จะชำเลืองมองหลิงตงที่กำลังพุ่งเข้ามา ฉินเทียนยกยิ้มมุมปาก ร่างของเขากระพริบวูบหนึ่งก่อนจะหายไป
เมื่อเห็นกระบี่ที่ทิ่มแทงออกถูกบางสิ่งขวางกั้นไม่อาจเขยื้อน หลิวตงก็ตะลึงและปล่อยพลังปราณออกมามากขึ้น กระบี่ยาวหลุดจากมือหลิวตงก่อนจะก่อเป็นกระบี่ปราณลอยเกลื่อนฟ้า หากฉินเทียนกล้าเข้ามาย่อมต้องตกตายภายใต้คมกระบี่นับพันเหล่านี้
กระบวนท่านี้ใช้ออกได้ทั้งรุกและรับ แม้แต่ฉินเซี่ยงเทียนที่ยืนดูอยู่ก็ยังเผยยิ้มกว้าง ขณะที่ในใจบังเกิดจิตอาฆาตต่อฉินเทียน ‘เจ้าตัวบัดซบฉินเทียน ต่อให้เจ้าโชคดีรอดชีวิตออกมาได้ วันนี้ข้าก็จะล้างแค้นให้กับบุตรชาย สาบานว่าหากไม่ได้หั่นเจ้าเป็นหมื่นชิ้น ข้าไม่ขออยู่เป็นคน!’
หลิวตงเชื่อมั่นในฝีมือตนมาก ในความคิดของหลิวตง ต่อให้ฉินเทียนจะมีฝีมือเทียมฟ้า เขาก็คงไม่อาจไปไกลเกินกว่าขอบเขตขั้นรวบรวมวิญญาณหลังจากฝึกฝนเพียงสามปี เช่นนั้นแล้วยังจะรอดจากกระบี่ปราณนับพันของตนได้อย่างไร?
มีบ้างบางคน ที่ต่อให้ตายไปแล้วก็ยังไม่ทราบว่าตนตกตายได้อย่างไร…..
หลิวตงจัดอยู่ในคนจำพวกนี้เอง
ลมหนาวหอบหนึ่งพัดผ่าน กระบี่ปราณนับพันอันตธานหาย
หลิวตงใบหน้าซีดเผือด แววตาของเขาเปลี่ยนเป็นโง่งมขณะเหม่อมองภาพเบื้องหน้า เขาก้มลงไปมองหน้าอกของตนอย่างไม่อยากจะเชื่อ ที่นั่นมีรูโลหิตอยู่รูหนึ่ง….
มีควันสีขาวลอยออกจากรูนั้น จากนั้นโลหิตก็พุ่งกระฉูดออกมา ใบหน้าของหลิวตงเปลี่ยนเป็ยเหยเก เขาต้องการจะยกมือขึ้นกุมอก หากแต่ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงราวกับถูกมัจจุราชคร่ากุมลำคอ
พริบตานั้นศพที่แห้งกรังศพหนึ่งก็ล้มตึงลงกับพื้น…….