จอมยุทธ์ระบบเลเวล Invincible Level Up - ตอนที่ 79
จอมยุทธ์ระบบเลเวล ตอนที่ 79 บงกชโลหิตต้องห้าม
สองสัปดาห์ก่อน….
เมิ่งเล่ยถูกต่อยกระเด็นตกผา ร่างของเขาดิ่งลงเหวอย่างรวดเร็ว ความเจ็บปวดบริเวณหน้าอกทำให้เขาแทบจะสิ้นสติไป กระนั้นความเจ็บปวดก็ปลุกเขากลับมา
เขาไม่ทราบว่าตนเองตกลงมานานเท่าไรแล้ว แต่ตัวเขายังคงดิ่งลงไปราวกับเป็นหุบเหวไร้ก้นบึ้ง
“ขออภัยนายน้อย….ที่ข้าปกป้องอวิ๋นม่านไม่ได้……” เพราะไม่อาจทำตามคำขอร้องจากฉินเทียน เมิ่งเล่ยจึงรู้สึกย่ำแย่อย่างที่สุด
ตอนที่บนหน้าผา เขาใช้ชีวิตเข้าแลกในการปกป้องอวิ๋นม่าน ดังนั้นเขาจึงถูกส่งลงมาที่นี่…….
ผ่านไปอีกสักพัก ร่างของเมิ่งเล่ยก็ยังคงร่วงหล่น สายลมอันชั่วร้ายกรีดผ่านหน้าจนเขาเจ็บปวด หากไม่ใช่เพราะมีร่างกายอันแข็งแกร่ง และมีพลังอันมหาศาลปกป้องเขาไว้อย่างต่อเนื่องแล้ว ร่างกายของเขาก็คงถูกฉีกเป็นชิ้นๆไปตั้งแต่ก่อนหน้า
“เหวแห่งนี้กำลังนำข้าไปที่ใดกันนะ?”
“หรือจะเชื่อมต่อกับนรกเลย?”
“แบบนั้นก็ดี อย่างไรข้าก็ไม่รอดอยู่แล้ว จะได้รายงานต่อพญายมโดยตรงเลย….”
“ฮ่าๆ…….”
เมิ่งเล่ยหัวเราะ เขาหยิบเม็ดยามังกรพยัคฆ์ออกมามอง ขณะนึกถึงฉินเทียน นับตั้งแต่ที่เขาลืมตาครั้งแรก เขาก็ได้สลักภาพของฉินเทียนไว้ในใจ ในช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมาด้วยกัน เมิ่งเล่ยมีความสุขยิ่ง
ยามอยู่ต่อหน้าฉินเทียน เขายินดีและเต็มใจที่จะเป็นเพียงบุรุษร่างยักษ์ที่โง่งม และเชื่อฟังทุกสิ่งอย่าง ทุกคำพูดของฉินเทียนคือคำสั่ง และไม่ว่าจะยากเย็นเพียงใด เขาจะต้องทำสำเร็จให้จงได้
ตัวเขายึดถือในเส้นทางนี้
และจะคงเดิมไปชั่วชีวิต!
“นายน้อย ในภายหน้าท่านย่อมสามารถยืนอยู่บนจุดสูงสุดของพื้นพิภพ และทำให้ทั้งตระกูลต้องเคารพยำเกรงท่าน สำหรับข้าแล้วท่านคือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด…..”
ฮูววววว!!……………
ฉับพลันสายลมอันรุนแรงก็พัดผ่านเมิ่งเล่ยจนเขาตั้งตัวไม่ทัน เม็ดยาในมือพลันปลิวเข้าปาก และเมิ่งเล่ยก็เผลอกลืนเข้าไป
เม็ดยามังกรพยัคฆ์นี้เป็นเม็ดยาระดับเจ็ดที่คังเทียนจี๋มอบให้ฉินเทียน ตัวยามีฤทธิ์รุนแรงยิ่ง ผู้ที่ยังไม่บรรลุขั้นก่อเกิดวิญญาณไม่มีทางรับได้
หลังจากฝึกหนักมาตลอดสามปี ไม่ว่าการฝึกจะหนักหนาสาหัสเพียงใด เมิ่งเล่ยก็ยังไม่อาจทะลวงผ่านขั้นก่อเกิดวิญญาณ และยังคงติดอยู่ที่ขั้นผู้ฝึกตน นี่คล้ายกับมีโซ่คอยพันธนการและฉุดรั้งเขาเอาไว้
เม็ดยามังกรพยัคฆ์เริ่มหลอมละลายภายในกายของเขา พลังอันรุนแรงของมันค่อยๆเติมเต็มไปทั้งร่าง เพียงชั่วไม่กี่ลมหายใจ เสื้อผ้าของเขาก็ชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ สามลมอันชั่วร้ายไม่อาจนับเป็นอย่างไรเมื่อภายในร่างของเขาเวลานี้ร้อนระอุราวกับภูเขาไฟจนยากจะแบกรับไว้ได้
“อ๊าก……อ๊ากกก…….”
เมิ่งเล่ยฉีกเสื้อจนถึงเอว ทั่วร่างของเขาแดงฉานปานเปลวเพลิง เส้นผมบนศีรษะค่อยร่วงหล่นทีละเส้น เวลานี้เมิ่งเล่ยกลายเป็นคนหัวล้านไปแล้ว……
เพลิงสีแดงยังคงก่อความเปลี่ยนแปลง บนศีรษะที่ล้านเลี่ยน บงกชโ,หิตค่อยๆปรากฏขึ้นลางๆ จนก่อเป็นดอกบัวที่ดึงดูดสายตา
บงกชโลหิตต้องห้าม!
ความเจ็บปวดจากการถูกแผดเผาร่างทำให้เมิ่งเล่ยแทบจะหมดสติไป หลังจากบงกชโลหิตปรากฏขึ้นมา ในกายของเขาก็มีพลังงานอันลึกล้ำไหลเวียนพลุ่งพล่าน ทันใดนั้นฉากที่เบื้องหน้าของเขาก็กระจ่างใสราวสายน้ำ
“ค่ายกลโบราณ?”
เมิ่งเล่ยสะกดกลั้นความเจ็บปวดขณะมองไปยังค่ายกลขนาดใหญ่ที่อยู่เบื้องล่าง หัวใจของเขาถูกบีบรัด ค่ายกลเปล่งแสงสีแดงอ่อนจางอยู่ลางๆคล้ายกับการไหลเวียนของโลหิต สายลมอันเย็นยะเยือกก็ถูกสร้างขึ้นจากค่ายกลนี้เอง
“ย๊ากกก………”
เมิ่งเล่ยกู่ร้องขณะที่ใช้พลังทั้งหมดชะลอความเร็วในการตกลงไป……
โครม!
ร่างกายที่หนักกว่าสองร้อยห้าสิบจินกระแทกลงบนพื้นอย่างรุนแรง สายลมหอบหนึ่งพัดมาทางเมิ่งเลย ทว่าทันใดนั้นเอง แรงดึงดูดอันทรงพลังก็พุ่งออกมาจากดวงตาค่ายกลก่อนจะดูดตัวเมิ่งเล่ยเข้าไป…….
ผ่านไปนานเท่าใดก็ไม่อาจทราบ เมิ่งเล่ยฟื้นคืนสติก่อนจะสูดอากาศหายใจ กลิ่นโลหิตที่กระทบกับจมูกทำให้เขาแทบจะอาเจียนออกมา เขากวาดมองโดยรอบก่อนจะพบว่าตนเองกำลังอยู่ภายในสระโลหิต
ที่กึ่งกลางสระมีเสาผนึกอยู่ต้นหนึ่ง เสาดังกล่าวได้ปล่อยพลังงานคอยสะกดยับยั้งสระโลหิตแห่งนี้เอาไว้ เมิ่งเล่ยตกตะลึงก่อนจะพยายามปีนออกจากสระโลหิต หากแต่มีเสียงหนึ่งดังขึ้นในหูของเขาเสียก่อน เสียงนั้นคล้ายเสียงเพรียกวิญญาณจากขุมนรก……
“อุวะฮ่าๆ……..”
“เผ่าปีศาจ เป็นร่างกายของเผ่าปีศาจ!….”
เมิ่งเล่ยตัวสั่นพลางมองไปรอบๆอย่างลุกลี้ลุกลน แต่เขาก็ไม่อาจทราบแหล่งที่มาของเสียง “ใครน่ะ? นั่นใครพูด?….”
“ปีศาจตัวน้อยเอย ที่แท้เจ้ากลับเป็นคนของเผ่าพันธุ์ปีศาจ จุ๊จุ๊ๆ……”
“หลังจากถูกผนึกมานานกว่าหมื่นปี ในที่สุดโชคก็เข้าข้างข้า อุวะฮ่าๆ……”
………………………………….
เวลาปัจจุบัน…..
หลังจากเร่งเดินทางตลอดคืน ในที่สุดฉินเทียนก็มาถึงเมืองขอบนภา……