จอมยุทธ์ระบบเลเวล Invincible Level Up - ตอนที่ 84
จอมยุทธ์ระบบเลเวล ตอนที่ 84 ประหัตถ์ประหาร
ลานจัสตุรัสของนครหลวงตกอยู่ในความโกลาหล ทหารองค์รักษ์เกราะทองบ้างตายบ้างบาดเจ็บ
เวทีหินอ่อนที่กึ่งกลางลานจัสตุรัสหลงเหลือเพียงเศษซาก และหายไปยามเมื่อสายลมพัดผ่าน
พลังอันรุนแรงม้วนค่อยๆม้วนกวาดพื้นที่โดยรอบ ทำให้ทั้งลานจัสตุรัสเต็มไปด้วยแรงกดดัน
ชาวเมืองธรรมดาที่วิ่งเตลิดหนีในตอนแรกทำได้เพียงคลานไปตามพื้นพลางหอบหายใจอย่างหนัก แรงกดดันมหาศาลกดทับร่างของพวกเขาจนราวกับพวกเขากำลังอยู่ใต้มหาสมุทรสุดไพศาล
หยางหลิน ฉินซานเทียน และฉินควงเร่งพลังปราณเพื่อตระเตรียมลงมืออีกครั้ง
เรื่องที่ผู้บ่มเพาะระดับเก้าขั้นรวบรวมวิญญาณเพียงคนเดียวทำให้ผู้บ่มเพาะขั้นกลั่นวิญญาณถึงสามคนต้องลงมือพร้อมกันทำให้ผู้คนต่างก็ฉงนงงงวย ฉินเทียนแข็งแกร่งถึงขั้นใดกัน? แม้แต่หยางฮงในเวลานี้ก็ยังปั่นป่วนขึ่นมาแล้ว อนาคตของเขาจะไร้ขีดจำกัด กระทั่งอาจกลายเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งแห่งทวีปเทียนหยวน
อย่างไรก็ตามเมื่อความเกลียดชังระหว่างสองฝ่ายถูกเพาะสร้างขึ้นมาแล้ว ฉินเทียนจะต้องตาย
เขาจะไม่ปล่อยให้ฉินเทียนพัฒนาจนกลายเป็นหายนะของตระกูลหยาง เป็นภัยซ่อนเร้นของอาณาจักรขอบนภา
“ฆ่า!”
หยางฮงตะโกนสั่งการ และหยางหลินก็ลงมือในทันที ในเวลาเดียวกันนั้นเอง มือสังหารทั้งสามก็ทุ่มกำลังโจมตีหยางหลิน……
ฟึ่บ!
กลิ่นอายที่หยางหลินปลดปล่อยออกในครั้งนี้แตกต่างจากเดิมโดยสิ้นเชิง หยางหลินควงหอกในมือและบีบให้มือสังหารทั้งสามต้องถอยห่าง หรือว่าก่อนหน้านี้หยางหลินยังไม่ได้ใช้พลังแท้จริง? มือสังหารทั้งสามตกตะลึงแล้ว
มือสังหารทั้งสามขมวดคิ้วพลางเร่งเร้าพลังปราณเล็งโจมตีไปที่ศีรษะของหยางหลิน
“ไม่ประมาณตน”
“ตาย!”
เมื่อหยางหลินโบกมือ เจดีย์หลังหนึ่งก็ปรากฏ มีเสียงร้องคร่ำครวญของเหล่าวิญญาณร้ายดังรอดออกมาจากเจดีย์ นี่เป็นสมบัติขั้นอมตะระดับต่ำ เจดีย์สยบวิญญาณ!
สมบัติโจมตีขั้นอมตะที่กักเก็บพลังมหาศาล มันเป็นสมบัติที่ผู้บ่มเพาขั้นกลั่นวิญญาณในยุคโบราณโดยใช้พลังที่รั่วไหลออกมาจากนรกและปีศาจ
ฉินเทียนตกตะลึง เขาคิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะมีสมบัติขั้นอมตะอยู่อีกชิ้น เมื่อมองไปยังกลิ่นอายสุดแกร่งที่แผ่ออกมา ฉินเทียนก็สะท้านอยู่ในใจ ‘สมบัติขั้นอมตะนี่สุดยอดจริงๆ…..’
ความโลภปรากฏขึ้นในแววตาของฉินเทียน ‘หลังจัดการเจ้าได้ ต้องได้ของดีอีกชิ้นสองชิ้นล่ะน่า’
“ฉินเทียน จงยอมแพ้เสีย สำหรับการต่อต้านศักดิ์ศรีของประมุขตระกูล เจ้าจะต้องถูกลงโทษ!” ฉินซานเทียนตะโกนพลางรวบรวมพลังปราณไว้ที่ฝ่ามือ
“ศักดิ์ศรี? ประมุขอย่างเจ้ามีศักดิ์ศรีด้วยหรือ?” ฉินเทียนแค่นเสียงอย่างเดือดดาล เขาจ้องฉินซานเทียนเขม็งพลางด่าทอออกมา “ในฐานะประมุขของตระกูล เจ้ากลับส่งมอบรากฐานที่บรรพบุรูษทิ้งไว้ให้ต่อคนนอก ในฐานะประมุขของตระกูล เจ้าอนุญาตให้เหล่าผู้อาวุโสกระทำตามอำเภอใจปล่อยให้ฉินเซี่ยงเทียนกระทำการหยาบช้า ในฐานะประมุขของตระกูล เจ้ากลับก้มหัวยอมรับใช้ศัตรู การที่ตระกูลฉินมีเจ้าเป็นประมุขนับเป็นเรื่องอัปยศอย่างที่สุด!”
ฉินเทียนกล่าวเน้นย้ำทีละประโยคอย่างไม่ไว้หน้าประมุขของตระกูล ฉินซายเทียนกำหมัดแน่น ไม่ว่าประมุขตระกูลอย่างเขาจะทำผิดอย่างไร เขาก็ไม่อาจทนยอมให้สมาชิกของตระกูลมาชี้หน้าด่าทอเช่นนี้ จิตสังหารแผ่กำจาย ภาพของเทพสงครามปรากฏขึ้นที่ด้านหลังฉินซานเทียน
“ทุกสิ่งที่เจ้ากระทำต่อตระกูลฉิน ข้าไม่เคยสนใจ ทว่าเจ้าไม่ควรปล่อยให้เมิ่งเล่ยถูกฉินเซี่ยงเทียนทำร้ายตกผา ในฐานะผู้มีอำนาจสูงสุดของตระกูล สัญญาที่เจ้าให้ไว้ไม่ต่างอะไรกับมูลสุนัข คนเช่นเจ้าสมควรตาย!” ฉินเทียนด่าทอ
“ฉินเทียน คนทรยศต่อตระกูลอย่างเจ้า มีคุณสมบัติใดมาตำหนิท่านประมุข!” ฉินควงกล่าวขึ้นอย่างโกรธแค้น แรงกดดันที่ดึงมาจากพลังฟ้าดินพลันพุ่งตรงไปทางฉินเทียน……
ฉินเทียนเรียกใช้พลังปราณ เปลวเพลิงสีม่วงพลันลุกขึ้นที่ปลายกระบี่กระดูก แรงกดดันที่ดึงมาจากพลังฟ้าดินถูกบดขยี้ในทันที
ฉินควงเพิ่งเข้าสู่เขตขั้นกลั่นวิญญาณได้ไม่นาน ดังนั้นรากฐานจึงยังไม่มั่นคง เขายังอ่อนแอกว่าฉินซานเทียนอยู่ช่วงใหญ่ ฉินเทียนจึงสามารถทำลายแรงกดดันของเขาได้ด้วยบ้าคลั่งขั้นที่หนึ่ง
หลังจากด่าทอฉินซานเทียน ฉินเทียนก็หันไปกล่าวกับฉินควง “ในเทศกาลล่าสัตว์ฤดูใบไม้ผลิที่เป็นตายขึ้นอยู่กับโชคชะตา บัตรชายของเจ้าฉินหยางถูกข้าสังหารเพราะสมควรตาย ในฐานะผู้อาวุโสสูงสุด บุตรของประมุขตระกูลคนก่อน เจ้าก็รู้ซึ้งถึงกฏนั้นดี แต่เจ้าก็ยังต้องการสังหารข้า หากไม่ใช่เพราะข้าโชคของข้ายังดี ในงานชุมนุมตระกูลก็คงถูกเจ้าสังหารไปแล้ว”
“วันนี้พวกเจ้าทั้งสองต้องตาย!”
“ฉินเทียน เจ้าจะโอหังเกินไปแล้ว”
“ชดใช้ชีวิตบุตรชายข้ามา!”
ฉินซานเทียนและฉินควงต่างก็เดือดดาลถึงขีดสุด ภาพของเทพสงครามด้านหลังพลันยกมือฟันมีดลง
ฉินควงกวัดแกว่งกระบี่ และกระบี่ปราณนับพันก็ปรากฏขึ้นอีกครั้งเรียงซ้อนกันชั้นแล้วชั้นเล่า เมื่อจิตสั่งการ พยุหะกระบี่ก็พุ่งลงมา
“บิดาจะส่งเจ้าลงนรกเอง….”
“มาวมาว!”
“ร่างต่อสู้!”
ครืน……………..
ทันใดนั้นจัตุรัสกลางเมืองก็สั่นสะเทือนราวกับสวรรค์จะถล่มลงมา ราชสีห์เนตรโลหิต สัตว์อสูรระดับหกเหินร่อนลงจากฟ้า นัยน์ตาสีโลหิตทั้งสองข้างดูชั่วร้ายสุดแสน กลิ่นอายที่แผ่จากร่างของมันพลันบดขยี้พยุหะกระบี่ของฉินควง
โครม!
มาวมาวร่อนลงบนพื้นก่อนจะตบปบอุ้งเท้าลง เกิดเป็นคมมีดสายลมขนาดใหญ่นับสิบสายพุ่งออกไป……
ในเวลาเดียวกันฉินเทียนก็เงยหน้ากู่ร้อง มังกรสีฟ้าครามปรากฏขึ้นบินวนรอบร่างของเขา และชุดเกราะปีศาจโลหิตสงครามก็เปล่งแสงสีแดงเจิดจ้าอีกครั้ง พลังคชสารบรรพกาลหลั่งไหลไปรวมที่มือทั้งสองข้าง เขากระโดดขึ้นฟ้าและฟันกระบี่ไปทางเทพสงครามที่อยู่ด้านหลังฉินซานเทียน
ตูม ตูม ตูม……..
ฉินควงถูกบีบให้จนตรอกโดยคมมีดสายลมของมาวมาว คมมีดที่พุ่งเข้าหาไม่มอบเวลาให้ฉินควงได้ทันตอบสนองใดๆ พลังอันมหาศาลของสัตว์อสูรระดับจึงพุ่งปะทะทรวงอกของฉินควงเข้าอย่างจัง หนาอกของฉินควงถูกแหวกเปิดออกจนเห็นกระดูกขาวโพลน โลหิตสาดกระเซ็นจากปากแผล…..
ใบหน้าของฉินซานเทียนแดงวูบ เม็ดเหงื่อหลั่งไหลจากศีรษะ เขาจ้องมองฉินเทียนที่ยังเผยความแข็งแกร่งออกมาไม่หยุดด้วยตาแดงฉาน ยิ่งจ้องมองก็ยิ่งเกิดโทสะ ทันใดนั้นเขาซัดขว้างมีดที่อยู่ในมือขึ้นสู่ท้องฟ้า มีดนั้นลอยตีวงโค้งอ้อมไปทางด้านหลังของฉินเทียน
“ปะทุ!”
ตูม ตูม ตูม……
ฉินเทียนที่อยู่กลางอากาศยกยิ้มมุมปาก เขายกมือขึ้นก่อนที่เปลวเพลิงสีม่วงจะปรากฏออกมา พลังปราณของเขาลดฮวบลงอย่างรวดเร็ว แก่นภายในหมุนเร็วจี๋เพื่อเติมเต็มพลังปราณอย่างต่อเนื่อง
ภายในจุดตันเถียนของเขา พลังงานไร้ลักษณ์ที่เกิดขึ้นจากพลังมังกรพิสุทธิ์ค่อยๆหนาแน่นขึ้น พลังปราณอันมหาศาลที่แผ่ออกมาถึงกับทำให้ฉินซานเทียนหายใจไม่ทั่วท้อง
เมื่อสิ้นคำ ‘ปะทุ’ ฉินเทียนก็ใช้พลังปราณอันลึกล้ำโอฬารกดทับฉินซานเทียนจนร่างครึ่งล่างจมลงไปกับพื้น
ฉินเทียนหมุนตัวครึ่งวงกลม เขาพุ่งไปยังมีดบินเป็นวงโค้งเข้ามา และฟันมันด้วยกระบี่กระดูกที่อยู่ในมือ
แกร๊ก!
มีดเล่มนั้้นถูกสะบั้นเป็นชิ้นๆ
ฉินเทียนไม่แม้แต่จะเหลือบแลผลงาน เขาพลันพุ่งตัวและฟันกระบี่ใส่ฉินซานเทียนที่กระเสือกกระสนหลบหนี
“ตายซะ!”