จอมยุทธ์ระบบเลเวล Invincible Level Up - ตอนที่ 88
จอมยุทธ์ระบบเลเวล ตอนที่ 88 ท่านน้าแสนสวย
ณ ถ้ำแห่งหนึ่งภายในหุบเขาเสวียนคง
เนื้อตัวของฉินเทียนเปรอะเปื้อนไปด้วยโลหิต หน้าอกของเขาพองขึ้นและยุบลงตามจังหวะการหายใจอย่างรวดเร็ว ใบหน้าของเขาขาวซีด ดวงตาของเขาเหม่อลอย เบื้องหน้าของเขาคือ นางฟ้าผู้แสนงดงามที่ให้ความรู้สึกอันคุ้นเคย แต่เขาจำไม่ได้ว่าเคยพบนางมาก่อน
หยางฮงแข็งแกร่งถึงเพียงไหน? เทพสงครามทมิฬที่อยู่ด้านหลังของเขาสามารถกลืนกินสรรพสิ่ง ฉินเทียนถูกฟาดลอยกระเด็น การที่เขายืนหยัดลุกขึ้นในครั้งสุดท้ายได้นั้นก็เป็นเพราะใช้แรงฮึดเฮือกสุดท้าย ในเวลานั้นอวัยวะภายในของเขาล้วนได้รับความเสียหาย หากไม่ใช่พลังมังกรพิสุทธิ์คอยปกป้องคุ้มครองอยู่ เขาก็คงสิ้นลมไปเนิ่นนานแล้ว
เดิมทีเขาคิดว่าตนคงไม่รอดแล้ว แต่ขณะที่เขากำลังจะเสี่ยงชีวิตกับอีกฝ่าย ความรู้สึกอันอบอุ่นก็ท่วมท้นเข้าสู่ร่าง ร่างของเขาลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าและหายวับไป นี่เป็นเรื่องที่อยู่เหนือจินตนาการของเขาอย่างสิ้นเชิง นี่มันเรื่องอะไรกัน?
ก่อนที่เขาจะทำความเข้าใจได้ เขาก็สลบไสลไปเพราะพิษบาดแผล หลังจากนั้นเขาก็ฟื้นขึ้นภายในถ้ำแห่งนี้
“ท่านเป็นใคร?” ฉินเทียนพยายามสะกดระงับความเจ็บปวดบริเวณทรวงอก เขามองไปยังสตรีงดงามนั้นก่อนจะมุ่นคิ้วถาม “ข้ารู้จักท่านหรือไม่?”
สตรีนางนี้งดงามไปแล้ว นางสวมชุดสีขาวที่สะท้อนประกายยามเมื่อต้องแสง เกิดเป็นกลิ่นอายพ้นโลกีย์ นางคล้ายกับเป็นนางฟ้านางสวรรค์ ขณะที่มองไปยังนาง ในใจของฉินเทียนก็รู้สึกสงบอย่างประหลาด
มองดูฉินเทียนที่โลหิตโทรมกาย สตรีนางนั้นก็เผยสีหน้าโศกเศร้า นางค่อยๆพยุงฉินเทียนนอนลงอย่างนุ่มนวลก่อนจะกล่าวตอบ “เทียนเอ๋อ นี่น้าเอง เจ้าจำข้าไม่ได้แล้วหรือ?”
“น้า?”
ฉินเทียนพึมพำก่อนที่สีหน้าของเขาจะเปลี่ยนไป เขาจ้องตานางอีกครั้ง ‘เอาจริงดิ? นี่คือท่านน้าหญิงของข้าจริงๆ? สวยยังกับนางฟ้าเลย’
คำพูดของนางได้ดับไฟปรารถนาภายในใจของฉินเทียนให้มอดดับลง เขานึกย้อนถึงความทรงจำของเจ้าของร่างคนก่อนก่อนจะกล่าวออกมาเสียงน่าฟัง “ท่านน้าฉินเหลียน ท่านช่วยข้าไว้หรือ?”
ฉินเหลียน น้องสาวบิดาของฉินเทียนที่ไม่ได้มีความเกี่ยวพันทางสายเลือด นางเติบโตขึ้นภายในตระกูลฉิน และมีอายุมากกว่าฉินเทียนห้าปี ตอนอายุสิบปี ผู้อาวุโสของนิกายจิงซิงเกิดถูกชะตาและรับตัวนางกลับไปนิกายไป เป็นเวลาสิบกว่าปีแล้วที่พวกเขาขาดการติดต่อจากนาง ความทรงจำของเขาที่มีต่อนางนั้นเลือนลางจนแทบจะลืมการดำรงอยู่ของนางไป คิดไม่ถึงว่าจะเป็นนางที่ช่วยชีวิตเขาไว้ในวันนี้
ฉินเหลียนพยักหน้าก่อนจะล้วงเอาโอสถออกมาก่อนจะค่อยๆป้อนให้ฉินเทียน “กินโอสถกูซินนี่ก่อนเถอะ อย่าได้ออกแรงมาก มิเช่นนั้นแผลจะเปิดเอาได้”
การได้รับการดูแลนั้นให้ความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมยิ่ง
ความรู้สึกสงบสุขก่อตัวขึ้นในใจเขา เป็นความผ่อนคลายที่เกินบรรยาย ฉินเทียนเวลาเปลี่ยนร่างกลายเป็นเด็กชายที่ว่านอนสอนง่ายและอ้าปากกลืนเม็ดยาลงไป
เมื่อเม็ดยาไหลผ่านลำคอและออกฤทธิ์ เขาก็ต้องตะลึง ‘โอสถชั้นยอด! ถึงกับให้ค่าพลังปราณถึง 5,000 จุด ในเมื่อมันดีกว่าเม็ดยามังกรพยัคฆ์ เช่นนั้นก็คงเป็นโอสถระดับแปดแล้ว?’
ความเจ็บปวดบริเวณอกของเขาเบาบางลง ใบหน้าที่ขาวซีดเริ่มมีเลือดฝาด ในเวลาเดียวกัน คัมภีร์มังกรฟ้าก็ค่อยๆสงบลง ฉินเทียนทอดถอนใจ ‘ดูเหมือนข้าจะรอดแล้ว’
‘หยางฮง รอข้าก่อนเถอะ บิดาจะพลิกตลบเมืองขอบนภาของเจ้าขึ้นมา!’
ในใจด่าทอ หากแต่ปากกลับกล่าวถามออกไป “ท่านน้า ท่านไฉนจู่ๆจึงปรากฏตัวขึ้นได้?”
การปรากฏตัวของฉินเหลียนออกจะบังเอิญเกินไป นางจากตระกูลฉินไปสิบกว่าปี แล้วทำไมจู่ๆนางจึงปรากฏตัวขึ้นในห้วงคับขันของเขาได้? ฉินเทียนไม่อาจเข้าใจ ‘หรือในร่างของเราจะมีสิ่งวิเศษที่สามารถเพิ่มโชคมหาศาล?’
เมื่อเห็นอาการของฉินเทียนดีขึ้น ฉินเหลียนก็คลายกังวลลง นางยื่นมืออกจัดแต่งผมเผ้าให้ฉินเทียนอย่างนุ่มนวล “ท่านอาจารย์ของข้าได้ใช้ทักษะศักดิ์สิทธิ์อันทรงอำนาจทำนายว่าวันนี้เจ้าจะประสบกับหายนะ ดังนั้นข้าจึงรีบรุดมา”
กล่าวจบ ในแววตาของนางก็ฉายแววขมขื่น
ฉินเทียนสังเกตเห็นและรับรู้ได้ว่านางคงมีเรื่องกังวลใจ ต้องทราบก่อนว่าสำนักของผู้ฝึกตนแท้จริงกับสำนักของผู้บ่มเพาะเล็กๆนั้นแตกต่างกัน หากไม่มีคำอนุญาต ศิษย์ของสำนักนั้นย่อมไม่อาจก้าวเท้าออกจากสำนัก
“ท่านลอบหนีออกมาหรือ?”
“เอ๊ะ?!”
ฉินเหลียนตกใจ มือที่งดงามราวกับหยกสั่นเทาขณะที่แวววิตกฉายชัดบนใบหน้า “ไม่ใช่หรอก”
ตอนนี้ฉินเทียนมั่นใจแล้วว่าฉินเหลียนได้ฝ่าฝืนกฏของนิกายและลอบหนีออกมา หากนางกลับไปที่นิกายจิงซิน นางคงโดนลงโทษสถานหนักเป็นแน่ ฉินเทียนรู้สึกซาบซึ้งและอบอุ่นใจ คิดไม่ถึงว่าในโลกใบนี้จะยังมีคนที่ห่วงใยเขาอยู่
เขาเอนกายลงบนต้นขาของฉินเหลียนพลางหลับตาลงช้าๆ กลิ่นหอมจางๆจากตัวนางทำให้เขาดื่มด่ำไปความเงียบสงบที่ยากจะหาได้ เขารู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก เขาปรารถนาให้ช่วงเวลานี้ยาวนานออกไปไม่มีสิ้นสุด……
ฉินเหลียนมองดูฉินเทียนที่จมอยู่ในความสุขขณะเผยยิ้มอันโง่งมออกมา นางก็ปวดใจ สิบปีที่ปรารถนา สิบปีที่กังวล สิบปีที่นางเฝ้าวาดฝันว่ายามที่พวกเขาพบหน้ากันอีกครั้งจะเป็นอย่างไร พวกเขากลับพบเจอกันในลักษณะนี้
ในใจของฉินเหลียนที่ตรากตรำฝึกฝนฝีมือมาหลายปี ความโกรธระลอกหนึ่งปรากฏขึ้น คิดถึงหยางฮงที่ลงมือทำร้ายฉินเทียนแล้ว ความโกรธก็แปรเปลี่ยนเป็นความคิดฆ่าฟัน สำหรับบุคคลเช่นนางแล้ว การเกิดสภาวะเช่นนี้ขึ้นก็ไม่ต่างอะไรกับเกิดจิตมาร นางไม่อาจสะกดจิตสังหารของนางได้ยามที่ได้เห็นภาพที่ฉินเทียนเลือดท่วมตัว…….
ฉินเทียนรับรู้ได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของฉินเหลียนและลืมตาขึ้น “ท่านน้า ข้าจะสะสางปัญหาของข้าเอง”
“ปัญหาของเทียนเอ๋อก็คือปัญหาของน้า ข้าจะดับลมหายใจทุกผู้ที่กล้ารังแกเทียนน้อยของข้า”
นางกล่าวเสียงเรียบ หากแต่ในคำกล่าวนั้นอัดแน่นไปด้วยความคิดฆ่าฟัน จิตสังหารนั้นกระทั่งฉินเทียนยังต้องสยิวกาย คิดถึงตอนที่หยางฮงถูกแสงสีทองหน่วงรั้งไว้ เขาก็เอ่ยปากถาม “ท่านน้า ท่านบ่มเพาะถึงขั้นใดแล้ว?”
“ระดับเจ็ดขั้นกลั่นวิญญาณ”
“ข้าอาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหยางฮง แต่หากสู้แบบเอาชีวิตเข้าแลกก็ไม่ใช่จะไม่มีโอกาส คนที่กล้ารังแกเทียนเอ๋อล้วนต้องตาย” ฉินเหลียนกล่าวอย่างจริงจัง นับเป็นครั้งแรกที่นางกล่าวอย่างวู่วามเช่นนี้ นี่เป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับวิชาที่นางฝึกฝนอย่างสิ้นเชิง
นานหลายปีที่นางฝึกฝนเคล็ดวิชาสายพุทธะ เพื่อขัดเกลาจิตใจให้มีเมตตาและปราศจากจิตสังหาร อย่างไรก็ตามทั้งหมดได้เปลี่ยนไปในวันนี้ เมื่อเห็นสภาพบาดเจ็บของฉินเทียน ความรู้สึกรวดร้าวก็ได้ปลุกกระตุ้นเนื้อแท้ของนางออกมา และทำให้ในใจของนางเต็มไปด้วยความคิดฆ่าฟัน
กลิ่นอายที่เปลี่ยนไปของนางทำให้ฉินเทียนตกใจ แต่ปัญหาเรื่องหยางฮงนั้นเขาจะสะสางมันด้วยตนเอง ทั่วทั้งเมืองขอบนภานั้นคับคั่งไปด้วยบอสมนุษย์ หรือก็คือกลุ่มก้อนค่าประสบการณ์นับล้านหน่วย เช่นนั้นแล้วฉินเทียนยังจะยอมยกธงขาวหรือ?
ทันใดนั้น เขาก็นึกถึงอวิ๋นม่านขึ้นมาได้ คิ้วของเขาขมวดมุ่นลงอีกครั้ง ‘อวิ๋นม่าน อดทนหน่อยนะ….’
“ท่านน้า ตอนนี้พวกเราอยู่ที่ไหน?”
“หุบเขาเสวียนคง หมื่นลี้จากเมืองขอบนภา ไม่ต้องกังวลหรอก เจ้าพักผ่อนก่อนเถอะ ข้าจะล้างแค้นให้กับเจ้าและสังหารเขาให้เอง ไม่มีผู้ใดรังแกเจ้าได้” แววตาของนางเปลี่ยนเป็นแน่วแน่
“เจ้ากับเด็กสาวผู้นั้นมีความสัมพันธ์อย่างไร?”
“แค่สหายทั่วไป นางเองก็เป็นศิษย์ตระกูลฉิน ทว่าหยางหลินพึงตาต้องใจนาง เขากระทั่งละทิ้งความปลอดภัยของตนและใช้สมบัติระดับอมะปกป้องนาง จะต้องมีความนัยซุกซ่อนอยู่เป็นแน่” ฉินเทียนบอกเล่าเรื่องราว
“นางคือไป่สือชานซิ่น รัศมีพลังของนางสามารถช่วยให้ผู้อื่นรอดพ้นหายนะทั้งปวง เป็นพลังที่ท้าทายสวรรค์ ที่เมืองขอบนภาปรากฏปราณมังกรขึ้นก็มาจากนางเอง”
ฉินเหลียนที่ฝึกฝนอยู่ในนิกายฝ่ายพุทธย่อมรับรู้ได้ว่าอวิ๋นม่านเป็นผู้มีจิตใจดีงามล้ำเลิศหนึ่งร้อยชาติภพ สำหรับทวีปเล็กๆแห่งนี้แล้ว การปรากฏขึ้นของไป่สือชานซิ่นนับว่าน่าตกตะลึงยิ่ง อย่างไรก็ตาม ในเวลานั้นนางได้แต่ใช้เครื่องรางโปรดวิญญาณที่ประมุขนิกายจิงซินหลอมสร้างขึ้น สกัดหยางฮงไว้ชั่วขณะจึงสามารถช่วยฉินเทียนออกมาได้ มิเช่นนั้นอาศัยกำลังของนางเพียงลำพังก็คงยากจะช่วยฉินเทียน การช่วยอวิ๋นม่านออกมาพร้อมกันจึงยิ่งเป็นไปไม่ได้
“ผู้มีจิตใจดีงามล้ำเลิศหนึ่งร้อยชาติภพ? รอดพ้นหายนะทั้งปวง?” ฉินเทียนตกใจ ในโลกนี้ยังมีบุคคลเช่นนั้นด้วย? ถึงตรงนี้ก็ไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมอวิ๋นม่านจึงไม่กล้าทำร้ายใคร
“ตราผนึกของนางกำลังพังทลาย ข้าเกรงว่าหากนางตกอยู่ในสภาพปั่นป่วนอีกสักครั้ง ผนึกบนประตูบานนั้นคงพังทลายลง จากนั้นนางก็จะได้รับความแข็งแกร่งอันไร้ผู้ต้าน และคงไม่ง่ายที่จะใช้รัศมีพลังของนางอีก” ฉินเหลียนกล่าวอย่างกระตือรือร้น แต่ในใจกลับยิ่งกังวล การปรากฏขึ้นของผู้มีจิตใจดีงามล้ำเลิศหนึ่งร้อยชาติภพจะทำให้โลกแห่งการฝึกตนต้องตกอยู่ในความโกลาหล และอาจกระทั่งดึงดูดความสนใจจากเหล่าปีศาจยุคโบราณ ผู้ฝึกตนแท้จริง และเหล่ายอดฝีมือที่เก็บตัวเร้นกาย ไม่ว่าผู้ใดก็ต้องการหลีกเลี่ยงหายนะและสำเร็จเป็นเซียนกันทั้งนั้น
การหลีกเลี่ยงหายนะได้ย่อมเป็นความปรารถนาของผู้ฝึกตนแท้จริงทุกคน
ความสำคัญของอวิ๋นม่านย่อมเป็นที่จินตนาการได้ อย่างไรก็ตาม ฉินเทียนไม่ได้กังวลเกี่ยวกับเรื่องนั้น ที่เขากังวลคือการทะลวงผ่านไปขั้นกลั่นวิญญาณโดยเร็วที่สุด เมื่อดึงพลังฟ้าดินมาใช้ได้ เขาจะเหยียบย่ำหยางฮงและตระกูลหยางให้จมดิน
จะมัวแต่เสียเวลาไม่ได้แล้ว!