จอมยุทธ์ระบบเลเวล Invincible Level Up - ตอนที่ 90
จอมยุทธ์ระบบเลเวล ตอนที่ 90 แดนปีศาจ
ที่ส่วนลึกของสระน้ำใต้น้ำตกมีโพรงแห่งหนึ่งซุกซ่อนอยู่ กลิ่นอายชั่วร้ายลอยออกมาทางโพรงนี้เอง
ราวกับมีบางสิ่งคอยกระตุ้นกลิ่นอายชั่วร้ายนั้นอยู่ หมอกดำปรากฏขึ้นและดูดฉินเทียนเข้าไปอย่างไม่ทันตั้งตัวก่อนจะหายไป
เวลาเพียงชั่วกระพริบตาคล้ายยาวนานนับสิบปี ฉินเทียนสังเกตสภาพแวดล้อมโดยรอบ นอกจากกลิ่นอายชั่วร้ายที่กดดันเข้ามาแล้ว ที่นี่ก็ไม่มีสิ่งใดอีก
“ฟู่….”
“นี่มันที่ไหนกัน?”
ดวงตะวันคล้อยต่ำใกล้ลาลับ จันทราสีเลือดแขวนประดับกลางฟ้า
ทั้งท้องฟ้าและพื้นดินต่างก็อาบย้อมไปด้วยโลหิต ภายในสถานที่แห่งนี้มีเพียงสีเดียว นั่นก็คือสีแดง เป็นสีแดงดุจโลหิตที่ชวนขนลุก
ฉินเทียนตกใจกับฉากเบื้องหน้า มองดูทุกสิ่งด้านหน้า ฉินเทียนก็รู้สึกราวกับหลุดมาอีกโลก คิดไม่ถึงว่าที่ใต้น้ำตกจะมีสถานที่เช่นนี้อยู่
โฮก……………
สัตว์อสูรสวมเกราะตัวหนึ่งร้องคำรามและพุ่งมาทางเขาราวกับรถบรรทุก
“บัดซบ! นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน?”
“พลังมังกรพิสุทธิ์…..”
พลังงานไร้ลักษณ์หลอมรวมไปกับร่าง เขาหันไปเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรเกราะ เขาชักกระบี่กระดูกออกมาพุ่งเข้าฟาดฟัน
เคร้ง เคร้ง เคร้ง
ฉินเทียนโจมตีออกไปสามครั้ง ทว่าการโจมตีของเขากลับไม่ระคายผิวมันแม้แต่น้อย ร่างกายอันใหญ่โตของมันไถลครูดไปกับพื้น มันหันมามองฉินเทียนด้วยดวงตาแดงฉาน และเผยเขี้ยวที่ดูคล้ายเหล็กกล้าซึ่งมีน้ำลายสีดำไหลลงมา
“สัตว์อสูรที่แข็งแกร่งนัก กระบี่กระดูกกลับทำอะไรมันไม่ได้ พลังป้องกันของมันไม่สูงไปหน่อยเหรอ?” ฉินเทียนเปิดหน้าต่างระบบและ หน้าต่างสถานะของสัตว์อสูรก็แสดงขึ้นมา
———————————
อสูรเกราะ: สัตว์อสูรแห่งดินแดนปีศาจ
ระดับ: 1
พลังชีวิต: 40,000
ค่าประสบการณ์: 10,000
ทักษะ: พุ่งชนสุดกำลัง
เพิ่มเติม: อสูรเกราะมีพลังป้องกันสูง เป็นสัตว์ชั้นต่ำสุดของแดนปีศาจ
——————————–
“ไอ้ระบบเฮงกะบ๊วยเอ๊ย!”
ฉินเทียนสบถด่า “พลังชีวิตสี่หมื่น แต่เป็นสัตวอสูรชั้นต่ำสุดงั้นเรอะ ตีไปสามทียังไม่ระคายผิวมัน นี่ตรูมาอยู่ที่ไหนฟะเนี่ยยย!?”
ตึง ตึง ตึง……
อสูรเกราะใช้พุ่งชนสุดกำลังอีกครั้ง ขาทั้งสี่ของมันกระหน่ำลงพื้นขณะที่พุ่งเข้าใส่ฉินเทียน เหล้กกล้าบนตัวมันเปล่งแสงสีแดงขึ้นวูบหนึ่ง เหล็กแหลมบนตัวก็ลุกขึ้นตั้งเป็นทิวแถวประดุจตัวเม่น
ฉินเทียนไม่กล้าประมาท ในเมื่อเข้ารังปีศาจมาแล้วก็สำรวจสักหน่อยแล้วกัน แม้ผิวหนังของอสูรเกราะจะหยาบหนา แต่มันก็ให้ค่าประสบการณ์สูง ฉินเทียนย่อมไม่ปล่อยให้มันเตลิดหนีไป
พลังปราณไหลรวมสู่กระบี่กระดูกในมือ มองดูอสูรเกราะที่พุ่งเข้ามา ฉินเทียนก็แค่นเสียง เขายันเท้ากับพื้นก่อนจะพุ่งตัวออกไปดุจกระสุนปืน
ฉึก!
กระบี่ทั้งสองเสียบเข้าไปในดวงตาสองข้างของอสูรเกราะจนโลหิตสีดำพุ่งกระฉูด อสูรเกราะส่งเสียงร้อยอย่างเจ็บปวด
เมื่อสูญเสียดวงตาทั้งสองมันก็โกรธมากและพุ่งเข้าใส่อย่างบ้าคลั่ง ขอเพียงได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวมันเป็นต้องพุ่งเข้าไปงับสักครา
ฉินเทียนเก็บซ่อนกลิ่นอายก่อนจะหยิบหินขึ้นมากำมือหนึ่งและซัดขว้างไปยังหินก้อนใหญ่ที่อยู่ด้านข้าง เมื่อเห็นอสูรเกราะพุ่งชนจนหินก้อนใหญ่นั้นแตกกระจาย ฉินเทียนก็ได้แต่กลืนน้ำลายอย่างเสียวไส้ “แรงมันไม่เยอะไปหน่อยเรอะ?”
หลังจากเล่นกับมันอยู่พักหนึ่ง ฉินเทียนก็เบื่อหน่าย พลังงานไร้ลักษณ์ถูกรวบรวมไว้เป็นจุดเดียว ร่างของเขาปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของอสูรเกราะก่อนจะต่อยลงไปบนศีรษะของมันอย่างรุนแรง โดยไม่รอให้มันได้ทันตอบสนอง ฉินเทียนประเคนกำปั้นให้อีกหมัดหนึ่ง………
พลังงานไร้ลักษณ์ที่หมัดของเขามีอานุภาพที่รุนแรง
อสูรเกราะถูกฉินเทียนต่อยใส่หลายสิบครั้งจนในที่สุดมันก็ทรุดลงกับพื้น ลาโลกอย่างไม่สมัครใจ
“ได้รับค่าประสบการณ์ 10,000 หน่วย ค่าพลังปราณ 500 จุด ค่าการรอดชีวิต 0”
เมื่ออสูรเกราะตาย ระบบก็แจ้งเตือน นอกจากค่าการรอดชีวิตที่ศูนย์แล้ว อีกสองค่าทำให้ฉินเทียนพอใจ “ทำไมค่าการรอดชีวิตถึงเป็นศูนย์?”
สองสามปีที่ผ่านมา สัตว์อสูรทุกตัวที่เขาสังหารล้วนแต่มอบค่าการรอดชีวิต และเขาก็ไม่เคยเข้าใจว่ามันเอาไว้ทำอะไร มันไม่เคยลดลงและถูกสะสมไว้
ขบคิดอยู่พักหนึ่งก็ยังไม่ได้คำตอบ ฉินเทียนก็รู้สึกขี้เกลียดจะนึกหาต่อ ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่มีเวลาให้เขาได้คิดมากนัก เนื่องเพราะที่เบื้องหน้าของเขาตอนนี้มีฝูงอสูรเกราะนับร้อยกำลังพุ่งมาทางเขา
“รู้น่าว่าพวกเจ้าอยากจะเอาชีวิตข้า”
เหงื่อเย็นไหลรินจากหน้าผาก เพียงไม่กี่ช่วงลมหายใจ พวกมันก็ใกล้เข้ามาแล้ว หากถูกพวกมันพุ่งชนเข้าล่ะก็ ตัวเขาคงกลายเป็นเนื้อบดอย่างไม่ต้องสงสัย ฉินเทียนกลับหลังออกวิ่งทันที
ขณะที่เขาวิ่งหนี พวกอสูรเกราะก็วิ่งตาม พื้นดินสั่นสะเทือนราวกำลังเกิดแผ่นดินไหว
“ที่นี่มันอะไรกันนักกันหนา!”
“มีบ้างหรือไม่? คนที่ไม่ต้องการฆ่าข้า….” ขณะที่วิ่งอยู่ ฉินเทียนก็ก่นด่าไม่หยุด แต่เขายังไม่มีความคิดจะออกไปจากที่นี่ ตอนนี้เขากำลังดึงดูดพวกอสูรเกราะให้มารวมตัวกันมากขึ้น
ภายในป่าสีเลือด อสูรเกราะที่อยู่แถวนั้นก็เข้าร่วมวิ่งไล่ฉินเทียนด้วย กล้ามเนื้อขาอันแข็งแกร่งห้อตะบึงไล่ตามฉินเทียนอย่างไม่ย่อท้อ ระหว่างวิ่งไล่ยังร้องคำรามไปด้วย
“ข้าไปฆ่าพ่อฆ่าแม่พวกเจ้าหรือไงถึงต้องต้องมายุ่งกับข้า!”
“จะเอาแบบนี้ใช่ไหม งั้นก็ตามมา ยิ่งมากยิ่งดี ฮ่าๆ….” ฉินเทียนพาพวกมันวิ่งวนกว่าครึ่งชั่วโมง และก็พบว่าอสูรเกราะส่วนใหญ่ภายในรัศมีสิบลี้ล้วนแต่ติดตามอยู่ด้านหลังของเขาแล้ว สมควรมีอสูรเกราะราวสี่ห้าร้อยตัว ในใจคิดคำนวณ อสูรเกราะหนึ่งตัวให้ค่าประสบการณ์หนึ่งหมื่นหน่วย สิบตัวก็ให้หนึ่งแสน………..
“ถ้าพวกมันมีห้าร้อยตัว……..”
ฉินเทียนฉีกยิ้มกว้าง “ค่าประสบการณ์ห้าล้านหน่วย! มารดามันเถอะ นี่มันสุดยอดไปเลย!”
ฉับพลันนั้น ฉินทียนก็กระโดดขึ้นฟ้า อสูรเกราะอยู่ด้านล่างดูหนาแน่นราวกับเมฆดำกลุ่มหนึ่ง
“เคล็ดวิชชุทะลวงฟ้า….”
พลังปราณหนึ่งแสนจุดสลายไป รัศมีพลังสีม่วงพวยพุ่งขึ้นฟ้า ก่อตัวเป็นกลุ่มเมฆ พริบตาเดียว กลุ่มเมฆก็ลอยปกคลุมทั่วอสูรเกราะฝูงนั้น “จัดการมันให้หมด ลงมา!”
ครืน……………..
เปรี้ยง………….
รัศมีพลังสีม่วงจางหายไป สายฟ้าขนาดใหญ่ฟาดผ่าลงพร้อมพลังทำลายล้าง
อานุภาพของมันทำให้ฝูงอสูรเกราะตกใจจนยืนนิ่งอยู่กับที่ เมื่อพวกมันรู้สึกตัว นั่นก็สายไปเสียแล้ว
แม้พวกมันจะมีพลังป้องกันสูง แต่เมื่อเผชิญกับสายฟ้าที่เกรี้ยวโกรธ ผิวที่แข็งประดุจเหล็กกล้ากลับไม่ช่วยอะไร……
“ได้รับค่าประสบการณ์ 10,000 หน่วย ค่าพลังปราณ 500 จุด ค่าการรอดชีวิต 0”
“ได้รับค่าประสบการณ์ 10,000 หน่วย ค่าพลังปราณ 500 จุด ค่าการรอดชีวิต 0”
……………………………..
ข้อความแจ้งเตือนจากระบบเด้งขึ้นถี่รัว ฉินเทียนยิ้มอย่างมีความสุข
อสูเกราะทั้งหมดกลายเป็นเถ้าถ่าน เถ้ากระดูกของพวกมันกระจัดกระจายเกลื่อนพื้น สภาพพื้นที่โดยรอบดำเป็นตอตะโก
อสูรเกราะหว่าห้าร้อยตัวตกตายสิ้น ระบบยังคงแจ้งเตือนไม่หยุดหย่อน
“ขอแสดงความยินดีต่อผู้เล่น ‘ฉินเทียน’ ที่สามารถเข้าสู่เขตขั้นกลั่นวิญญาณ…..”