จอมยุทธ์ระบบเลเวล Invincible Level Up - ตอนที่ 91
จอมยุทธ์ระบบเลเวล ตอนที่ 91 วิญญาณชั่วร้าย
“ขอแสดงความยินดีต่อผู้เล่น ‘ฉินเทียน’ ที่สามารถเข้าสู่เขตขั้นกลั่นวิญญาณ…..”
เสียงจากระบบดังขึ้นแจ้งเตือน สำหรับฉินเทียนแล้วนี่เป็นเสียงที่เฝ้ารอมานาน มันทำให้เขามีความสุขอย่างที่สุด
“ขั้นกลั่นวิญญาณ ในที่สุดบิดาก็ทะลวงผ่านมาได้” ฉินเทียนตะโกนใส่ท้องฟ้าอย่างยินดี ฉับพลันกลิ่นอายของเขาก็เปลี่ยนไป พลังปราณของเขาพุ่งสูงขึ้น พริบตาถัดมา เทพโบราณที่ดูดุร้ายก็ปรากฏขึ้นที่ด้านหลังของเขาพร้อมกับเคียวในมือ กลิ่นอายที่แผ่กำจายจากร่างแข็งกร้าวสุดประมาณ
เทพเจ้าดุร้ายจากยุคโบราณ!
พลังฟ้าดินถูกชักนำไปที่ร่างเทพโบราณ ฉินเทียนรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายทรงพลังของมัน นั่นทำให้เขายินดีอย่างมาก “ขั้นกลั่นวิญญาณนี่ยอดเยี่ยมจริงๆ”
หลังจากได้สัมผัสพลังของขั้นกลั่นวิญญาณ ฉินเทียนเรียกพลังปราณกลับคืนก่อนจะค่อยๆร่อนลงพื้น เมื่อไม่เห็นอสูรเกราะหลงเหลืออีก ฉินเทียนก็หัวเราะ “เพิ่มระดับวิธีนี้นี่มันสะดวกดีจริงๆ”
สังหารอสูรเกราะห้าร้อยกว่าตัวในคราวเดียว พลังปราณหนึ่งแสนจุดที่จ่ายออกก็ถูกเติมเต็มกลับมา นี่มันฟาร์มเลเวลฟรีชัดๆ
การโจมตีวงกว้างนั้นให้ความรู้สึกสดชื่นสุดๆ!
อย่างไรก็ตาม เมื่อฉินเทียนใช้เคล็ดวิชชุทะลวงฟ้า โลกแห่งนี้ก็เปลี่ยนไป ดวงตะวันที่กำลังจะลาลับเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม จันทร์เสี้ยวที่ลอยอยู่กลางฟ้าก็คล้ายกับมันกำลังหลั่งโลหิต บรรยากาศโดยรอบเงียบเชียบ โลกแห่งนี้เปลี่ยนไปแล้ว
ฉินเทียนไม่ได้ตระหนักในสิ่งเหล่านี้
สังหารอสูรเกราะไปได้หลายร้อยตัว ฉินเทียนก็ราวกับเพิ่งได้ลิ้มรสชาติหอมหวาน เขาพุ่งเข้าไปล่าภายในป่าสีโลหิตอีกครั้ง ฉินเทียนล่อฝูงอสูรเกราะไปพื้นที่โล่งกว้างและใช้เคล็ดวิชชุทะลวงฟ้า ค่าประสบการณ์นับล้านทำให้ฉินเทียนรู้สึกปลื้มปิติ
ขณะเดียวกัน มาวมาวที่แสนโดดเดี่ยวก็ได้รับการปล่อยตัวออกมา มันอาละวาดไปทั่วหลังจากได้กลับออกมาสูดอากาศที่ภายนอกอีกครั้ง หนึ่งคนหนึ่งสัตว์สร้างความปั่นป่วนไปทั่วป่า อสูรเกราะหลายพันตัวกลายเป็นเหยื่อสังเวยของพวกเขา และระดับของฉินเทียนก็เพิ่มขึ้นเป็นระดับสองขั้นกลั่นวิญญาณ
ความเร็วนี้นับว่าน่าอัศจรรย์มาก
“หยางฮง รอก่อนเถอะ บิดาจะกลับไปบดขยี้เจ้าดุจขยี้มดตัวหนึ่ง!” หากยังเก็บค่าประสบการณ์ด้วยความเร็วระดับนี้ต่อไป ไม่ถึงครึ่งเดือนเขาก็คงไปถึงระดับสูงสุดของขั้นกลั่นวิญญาณได้ ถึงเวลานั้น เขาก็ไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวหยางฮง
ป่าสีโลหิตถูกเปลี่ยนเป็นป่าทมิฬ แมกไม้ที่เดิมที่ยืนต้นอยู่เต็มป่ากลับถูกเปลี่ยนเป็นตอตะโก ตามพื้นเกลื่อนกลาดไปด้วยเถ้าถ่าน
ท้องฟ้าสีโลหิตยิ่งมายิ่งดูแปลกตา คล้ายกับถูกเคลือบไว้ด้วยชั้นเลือดสีแดงสด ฉินเทียนเงยหน้าขึ้นมองและตระหนักได้ว่าท้องฟ้าในตอนนี้ไม่เหมือนกับท้องฟ้ายามที่เขาเพิ่งเข้ามา
ชั้นบรรยากาศระหว่างท้องฟ้าและพื้นดินเต็มไปด้วยสีแดง คล้ายกับเป็นสระโลหิตขนาดใหญ่สระหนึ่ง
“มีบางอย่างแปลกๆ”
ฉินเทียนพึมพำ จู่ๆมาวมาวก็ตัวสั่นเทาอย่างหวาดกลัว มันจ้องไปยังหุบเขาที่เบื้องหน้าพลางเริ่มขยับตัวถอยห่าง มันเริ่มใช้ปากเล็กๆงับไปที่ขากางเกงของฉินเทียนเพื่อพยายามลากให้หนีไปด้วยกัน
สิ่งที่ทำให้กระทั่งสัตว์อสูรระดับหกยังหวาดหวั่นคืออะไรกันแน่?
ฉินเทียนจ้องมองไปยังหุบเขาที่ถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่นผงสีโลหิต ฝุ่นกลุ่มนั้นยิ่งมายิ่งหนาแน่น พื้นดินเกิดการสั่นสะเทือนราวกับมีช้างนับพันเชือกกำลังวิ่งตะบึงอยู่ “แผ่นดินไหว?”
ฉินเทียนพลันตื่นตัวขึ้นมา ในโลกสีโลหิตแห่งนี้ กระทั่งสัตว์อสูรระดับสี่ภายในเทือกเขาคุนหลุนยังถือเป็นชนชั้นต่ำสุด ใครจะรู้ว่าเขายังต้องพบเจอสิ่งใด?
หมอกฝุ่นโลหิตเคลื่อนตัวใกล้เข้ามา ท่ามกลางหมอกฝุ่นกลุ่มนั้น เสียงคำรามต่ำๆดังออกมาอย่างน่ากลัว
สัตว์อสูรสีเงินที่ปกคลุมไปด้วยใบมีดอยู่ทั่วร่างวิ่งฝ่าหมอกโลหิตนั้นออกมา แววตาของมันฉายชัดถึงความหวาดกลัว
————————————-
อสูรใบมีด: สัตว์อสูรแห่งดินแดนปีศาจ
ระดับ: 3
พลังชีวิต: 60,000
ค่าประสบการณ์: 13,000
ทักษะ: ทิ่มแทง, พุ่งเสียบ
เพิ่มเติม: อสูรใบมีดมักอยู่รวมกันเป็นฝูง, เป็นอสูรเผ่าพันธุ์เดียวที่อยู่รวมกันเป็นฝูง
————————————-
“บัดซบ ฝุ่นโลหิตเกิดจากการห้อตะบึงของพวกมันเอง” ฉินเทียนตกใจและนับจำนวนของพวกมันดูคร่าวๆก่อนจะตื่นเต้นขึ้นมา “มีอย่างน้อยก็พันตัว ตีเป็นค่าประสบการณ์ก็นับสิบล้าน ฮ่าๆ…….”
ฉินเทียนตระเตรียมจะใช้เคล็ดวิชชุทะลวงฟ้าอีกครั้ง แต่มาวมาวยังคงพยายามจะลากเขาหนีไป เห็นได้ชัดว่ามันไม่ได้กลัวอสูรใบมีด หากแต่เป็นอย่างอื่น………..
ประสาทรับรู้ของสัตว์อสูรระดับหกเหนือล้ำกว่ามนุษย์มาก สามารถสูดดมกลิ่นอายอันตรายจากในอากาศ แม้ฉินเทียนจะบรรลุกลิ่นอายนักล่า เขาก็สามารถรับรู้กลิ่นอายได้เพียงในรัศมีหนึ่งกิโลเมตรเท่านั้น
ความตื่นกลัวของมาวมาวทำให้ฉินเทียนได้สติขึ้นมา อสูรใบมีดนับพันนั้นแข็งแกร่งถึงเพียงใด?
ทำไมมันถึงต้องวิ่งหนีสุดชีวิตแบบนั้น?
เสียงร้องอย่างหวาดกลัวยังคงดังขึ้นจากภายในฝูงอสูรใบมีด เป็นเสียงกรีดร้องที่หวาดกลัวอย่างถึงที่สุด
ฉินเทียนขมวดคิ้วก่อนที่ความกลัวจะก่อตัวขึ้นในใจ เขาเก็บซ่อนกลิ่นอายก่อนจะกล่าวว่า “ซ่อนตัวกันก่อน บิดาของดูหน่อยว่าพวกมันหวาดกลัวสิ่งใด”
ภายในหมอกฝุ่นโลหิต
อสูรใบมีดนับพันตัวกำลังวิ่งหนีสุดชีวิต ต่อให้เป็นสัตว์อสูรระดับแปดมาพบเจอ พวกมันก็ยังต้องตกใจ ในแววตาของพวกมันไม่มีความคิดที่จะต่อสู้เลยแม้แต่น้อย สิ่งเดียวที่ปรากฏคือความกลัว
ฮู่ววว
ภายในหมอกฝุ่นโลหิตมีรัศมีสีดำปรากฏขึ้นวูบหนึ่ง และเสียงร้องโหยหวนก็ดังตามมา อสูรใบมีดตัวหนึ่งถูกผ่าครึ่งอย่างสยดสยอง หยาดโลหิตที่สาดกระเซ็นสู่อากาศพลันถูกดูดซับไว้โดยรัศมีสีดำ พริบตาถัดมา อสูรใบมีดอีกตัวก็ถูกแยกส่วน จากนั้นฉากแบบนี้ก็เกิดขึ้นวนซ้ำ
“หมอกดำนั่นมันอะไรกัน?” หมอกดำนั้นทำให้ฉินเทียนตกตะลึง มันแข็งแกร่งเกินไป เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันโจมตีอย่างไร
ฉินเทียนต้องการตรวจสอบมันโดยใช้ระบบ แต่ระบบก็ไม่แสดงสิ่งใดนอกจาก ‘???’ เขาสบถด่าระบบและเริ่มซ่อนตัว
รับมือกับสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งและรับมือด้วยไม่ได้เช่นนี้ ฉินเทียนย่อมไม่กล้าเสนอหน้าออกไป
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าฉินเทียนจะไม่ต้องการตอแยมัน นั่นก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะยอมปล่อยเขาไป
อสูรใบมีดร้องคำรามขณะที่วิ่งผ่านเขาไป ฉินเทียนซ่อนตัวอยู่ในกองหินกับมาวมาวที่ตัวสั่นเทา มันไม่กล้ามองออกไปด้านนอกเสียด้วยซ้ำ
ฉินเทียนค่อยๆใช้กลิ่นอายนักล่าอย่างระมัดระวัง เขาต้องการตรวจสอบว่ามันมีร่างกายหรือไม่ และเขาก็ต้องตะลึงอีกครั้ง กลิ่นอายนักล่าของเขาไม่อายจับสัมผัสสิ่งใดจากมันได้เลย คล้ายกับมันไม่มีตัวตน “นี่มันบ้าอะไรกัน?”
ฉินเทียนได้แต่สงสัย กลิ่นอายในตัวเขาเกิดการผันผวน และหมอกดำนั้นก็สั่นเบาๆ มันจ้องมองไปยังกองหินที่ทับซ้อนกันอยู่………..
“มารดามันเถอะ!” ฉินเทียนสั่นสะท้านขณะที่กลางฝ่ามือเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ เขาเปิดใช้งานคัมภีร์มังกรฟ้าพลางเข้าสู่สภาวะพร้อมรบ “หากเจ้ากล้ามา บิดาก็กล้าสู้”
ฉินเทียนคิดขึ้นเด็ดเดี่ยว หากในนั้นยังแฝงไว้ด้วยความไม่มั่นใจ ในใจนึกภาวนาถึงท่านปู่ป่านย่า ขอให้มันอย่าได้เข้ามาใกล้เลย เขาไม่อยากถูกฉีกร่างเป็นชิ้นๆโดยไม่ทราบว่ากำลังเผชิญหน้ากับอะไร การตายโดยไม่ทราบว่าตายอย่างไรนั้นเป็นเรื่องที่ยากจะรับได้
แต่กลัวสิ่งใดก็มักจะได้เช่นนั้น
เห็นมันเริ่มใกล้เข้ามา ฉินเทียนก็เดือดดาล “ลงมือก่อนย่อมได้เปรียบ”
กลิ่นอายของเขาพุ่งสูงขึ้นขณะที่เขาคำราม “บ้าคลั่งขั้นที่หนึ่ง!”
ถัดจากนั้นพลังมังกรพิสุทธิ์ก็ถูกเปิดใช้ ทักษะศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถสะกดยับยั้งสิ่งชั่วร้ายทำให้หมอกหยุดชะงัก “ดูเหมือนเจ้าก็กลัวเป็นนี่”
ฉับพลัน ฉินเทียนก็กู่ร้องและพุ่งโถมออกไป
ความแข็งแกร่งของขั้นรวบรวมวิญญาณและขั้นกลั่นวิญญาณนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เทพโบราณผู้ดุร้ายปรากฏตัวขึ้นก่อนจะตวัดเคียวในมือ กลิ่นอายอันไร้เทียมทานสาดออกโดยรอบ
หมอกดำสั่นกระเพื่อม เมื่อเห็นฉินเทียนพุ่งเข้าใส่ มันก็เริ่มสลายก่อนจะหายไป
“บ้าเอ๊ย เกิดอะไรขึ้นอีกล่ะ?”