จอมศาสตราพลิกดารา - บทที่ 303 ไสหัวออกมา
เมื่อหนึ่งชั่วยามก่อน หลังจากตรวจสอบเอกสารหินดาราที่เจิ้งฉุนเจี้ยนส่งมาแล้ว หลี่มู่ก็แก้ยันต์เป็นตายในกายของเจิ้งฉุนเจี้ยนให้ และปล่อยตัวเขาไปแล้ว
นี่นับว่าสิ้นสุดความสัมพันธ์นายบ่าวของทั้งสองคนโดยสมบูรณ์
นับจากนี้ต่างคนต่างไป ต่างคนต่างเดิน
นี่ไม่ใช่ว่าใจเมตตาของหลี่มู่กำเริบขึ้นมา
ถึงแม้ตอนนั้นเจิ้งฉุนเจี้ยนจะสร้างความเดือดร้อน ก่อเวรกรรมในอำเภอขาวพิสุทธิ์ แต่หลายวันที่ผ่านมาถูกยันต์เป็นตายทรมานตามเวลา ก็นับว่าได้ชดใช้แล้ว อย่างไรเสียก็เป็นคนคุ้นหน้าคุ้นตากัน หากใช้ดาบฟันฉับจะเป็นการโหดร้ายเกินไป หลี่มู่ลงมืออย่างเหี้ยมโหดกับคนคุ้นเคยไม่ลง
อีกทั้งสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ตอนนี้เวลาหลี่มู่ใช้เจิ้งฉุนเจี้ยนก็ไม่วางใจขึ้นทุกทีแล้ว
นี่ไม่ใช่ว่าเจิ้งฉุนเจี้ยนไม่กลัวการข่มขู่จากยันต์เป็นตาย
แต่เป็นเพราะเจ้านายเบื้องหลังซิ่วไฉใจเหี้ยมอย่างเจ้าเมืองฉางอันหลี่กังเริ่มปรับท่าทีต่อหลี่มู่ต่างหาก
ก่อนหวงเหวินหย่วนจะตาย หลี่กังมองว่าตนเองเป็นผู้ถือหมากสูงส่ง เป็นคนวางหมาก หลี่มู่เป็นแค่หมากตัวหนึ่งเท่านั้น ต่อให้ภายหลังหลี่มู่ทะลวงขั้นฟ้าประทาน สู้กับขั้นเหนือมนุษย์ ก็แค่กลายเป็นหมากที่เก่งกาจขึ้นมาอีกนิดเท่านั้น
แต่ว่า เมื่อหลี่มู่มีพลังที่ต้านทานขั้นเทวะได้ ไม่ว่าพลังนั้นจะเป็นพลังที่เขาครอบครองหรือยืมมาจากวัตถุภายนอก สำหรับหลี่กังก็ล้วนหมายถึงว่าหมากเม็ดนี้เริ่มไม่อยู่ในการควบคุมแล้ว
หมากที่ไม่อยู่ในการควบคุม หลี่กังยังจะลอบสนับสนุนอีกไหมเล่า?
ไม่มีทางแน่นอน
นอกเสียจากหลี่กังจะเป็นคนโง่งม
ดังนั้นภายใต้ภูมิหลังเช่นนี้ เจิ้งฉุนเจี้ยนเป็นสุนัขรับใช้ของหลี่กัง ข่าวที่เขาส่งให้หลี่มู่จะจริงกี่ส่วนปลอมกี่ส่วน? ต่อให้เจิ้งฉุนเจี้ยนหวาดเกรงต่อความน่ากลัวของยันต์เป็นตาย แต่เขาจะไม่กลัวหลี่กังหรืออย่างไร?
คนที่คอยรองรับอารมณ์ทั้งสองฝ่าย ไปไหนมีแต่คนสาปส่ง ข่าวที่ส่งมาหลี่มู่เชื่อถือได้มากน้อยเท่าใด?
ดังนั้นหลี่มู่มิสู้ ‘ปล่อยสัตว์เอาบุญ’ เสียให้สิ้นเรื่องไป
ไสหัวไปให้ไกล ไปเล่นเป็นเพื่อนชายชั่วตรงนู้นเลย ข้าไม่ต้องการเจ้าแล้ว
นี่คือความคิดของหลี่มู่
และในตอนนี้ หลังสังหารพวกหวงเหวินหย่วนก็ผ่านมาสามวันแล้ว
ในสามวันที่ผ่านไป หลี่มู่หยุดฝึกฝนตามกิจวัตร ทำแค่เรื่องเดียวคือ…ทำให้ค่ายกลฮวงจุ้ย ‘จุดรวมมังกร’ สมบูรณ์ ยกระดับความเสถียรและพลังของมันให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
หลี่มู่เคยพูดไว้ว่า ในอำเภอขาวพิสุทธิ์เขานั้นไร้พ่าย
ประโยคนี้ไม่ได้วางท่าอวดดี
แต่กำลังบอกเล่าเรื่องจริง
นับจากที่ค่ายกลฮวงจุ้ย ‘จุดรวมมังกร’ สำเร็จในขั้นแรกเมื่อเดือนกว่าๆ ก่อนหน้านี้ พลังฮวงจุ้ยในเทือกเขาขาวพิสุทธิ์และพลังวิญญาณฟ้าดิน ก็มีอำเภอขาวพิสุทธิ์…ถ้าจะพูดให้ถูกคือมี ‘ค่ายกลกดาราพิฆาต’ ในอาณาเขตที่ว่าการเก่าเป็นศูนย์กลาง คอยรวบรวมพลังชีพจรมังกรและพลังแห่งเทือกเขาในอาณาบริเวณเกือบพันลี้มา พลังที่อยู่ข้างในนั้นน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง
หลี่มู่ใช้ ‘ตราประทับห้าธาตุพลิกนภา’ เป็นสื่อนำ ยืมพลังของค่ายกลฮวงจุ้ย ‘รวมมังกร’ มา ทำให้แข็งแกร่งไม่แพ้ขั้นเทวะเลย
ต่อให้ผู้แข็งแกร่งขั้นเทวะมา หลี่มู่ก็ไม่กลัว
นี่หมายถึงไร้พ่ายในความหมายอย่างหนึ่งแล้ว
จุดบอดอยู่ที่ หากออกจากเทือกเขาขาวพิสุทธิ์ไปยังโลกภายนอก เช่นนั้นหลี่มู่ก็ยืมพลังนี้ไม่ได้ กำลังรบจะคืนสู่ระดับของเดิมของตนคือขั้นฟ้าประทานสูงสุด อย่าว่าแต่เจอขั้นเทวะเลย ต่อให้เป็นขั้นเหนือมนุษย์ก้าวสองขึ้นไปก็คงต้องคุกเข่าให้ ณ ตรงนั้นเลย
แต่ว่าคนชั่วช้าอย่างหลี่มู่ หากไม่มั่นใจแล้วจะออกไปจากอำเภอขาวพิสุทธิ์ทำไมเล่า?
นี่ก็คือปัจจัยที่มั่นใจที่สุดซึ่งทำให้หลี่มู่กล้าสังหารหวงเหวินหย่วน
และเหตุที่วันนั้นสำแดงพลังเช่นนี้ออกมา จุดประสงค์ของหลี่มู่แน่นอนว่าการวางท่าเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ที่สำคัญที่สุดคืออยากจะปลอบขวัญประชาชนในอำเภอขาวพิสุทธิ์ มิฉะนั้นต่อให้เป็นพวกเฝิงหยวนซิงหม่าจวินอู่ ก็เกรงว่ายากจะต้านรับความกดดันที่บุคคลยิ่งใหญ่จากทุ่งปิดภูผานำมาให้ แล้วนับประสาอะไรกับชาวบ้านธรรมดา?
อำเภอขาวพิสุทธิ์เป็นจุดยุทธศาสตร์ในแผนการของหลี่มู่
สะเก็ดไฟเล็กๆ หากอยากจะเผาป่าก็ต้องเก็บเชื้อไฟเอาไว้
หลี่มู่ยังต้องหาทางร้อยใจผู้คนเอาไว้
มิฉะนั้นหากใจคนกระจัดกระจาย กองทัพก็ควบคุมไว้ยาก
เวลาหลายวันนี้ สำหรับหลี่มู่แล้วสำคัญมาก
ครั้งแรกหลังจากใช้พลังค่ายกลฮวงจุ้ย ‘จุดรวมมังกร’ หลี่มู่ก็พบข้อบกพร่องต่างๆ ของค่ายกลที่ตนวางเอาไว้ ดังนั้นเขาจึงแก้ไขปรับปรุงทั้งวันทั้งคืนมาโดยตลอด
ในเทือกเขาขาวพิสุทธิ์มีแขนงค่ายกลเล็กๆ ใหญ่ๆ หลายพันค่ายกล หลี่มู่เหมือนวิศวกรผู้ขยันขันแข็ง ตรวจแก้ค่ายกลทุกค่ายกลทีละรอบ ค่ายกลฮวงจุ้ย ‘จุดรวมมังกร’ อันซับซ้อนมีลำดับเหมือนกับการสร้างเครื่องจักรกลเครื่องหนึ่งขึ้นมาจริงๆ จำเป็นต้องตรวจแก้ ลองใช้ และตรวจแก้อีกครั้ง
ตอนนี้เขาตรวจแก้สำเร็จแล้ว
พลังของค่ายกลฮวงจุ้ย ‘จุดรวมมังกร’ ยกระดับขึ้นอีกขั้น
ผ่านไปแล้วสามวัน การแก้แค้นจากทุ่งปิดภูผาที่คิดไว้ยังไม่มา หลี่มู่จึงลองเปิดถุงสมบัติเก็บของของหวงเหวินหย่วนและองค์ชายสองเสียเลย หลังจากใช้พลังของ ‘ตราประทับห้าธาตุพลิกนภา’ สัมผัสดูหลายครั้ง สุดท้ายก็เปิดถุงสมบัติของหวงเหวินหย่วนก่อน
ในนั้นมีเงินจำนวนมหาศาล ของล้ำค่าต่างๆ เคล็ดวิชาฝึกฝนทั้งหลาย อาวุธหลายเล่ม และก็เป็นอาวุธระดับสมบัติวิญญาณทั้งนั้น มีทั้งดาบและกระบี่ แต่กระบี่มีมากที่สุด ในบรรดากระบี่มีกระบี่สองมือเล่มหนึ่งกว้างประมาณสองฝ่ามือ ยาวเจ็ดสิบหกฉื่อ ระดับสูงมาก ตัวกระบี่สีเหมือนดิน พลังธาตุดินในนั้นเข้มข้นมาก คิดดูแล้วน่าจะเป็นกระบี่คู่ใจของหวงเหวินหย่วน น่าเสียดายที่วันนั้นไม่มีแม้แต่โอกาสจะลงมือ หลี่มู่ก็จัดการเขาเรียบร้อย
“ดาบกระบี่พวกนี้ทำลายให้หมด เอาไปเป็นวัตถุดิบในการหลอมดาบวัฏจักร”
หลี่มู่เฝ้าใฝ่ฝันใน ‘โลหะต้นกำเนิดสรรพสิ่ง’ เป็นอย่างมาก ตัดสินใจเดินเส้นทางการหลอมดาบแบบจับฉ่ายของตัวเองต่อไป เพื่อหลอมโลหะแห่งสรรพสิ่ง และสร้างดาบ ‘โลหะต้นกำเนิดสรรพสิ่ง’ ที่เป็นของตัวเองขึ้นมา ดาบวัฏจักรในตอนนี้เป็นแค่อาวุธระดับสมบัติวิญญาณเท่านั้น หากจะยกระดับเป็นสมบัติเวทหรือสมบัติเต๋ายังต้องพัฒนาอีกไกล
ในถุงสมบัติของหวงเหวินหย่วนมีหินดาราอยู่ตามคาด
อีกทั้งจำนวนมากกว่าของหลิวฉงมาก มีถึงสิบก้อนด้วยกัน ภายนอกมีสีเหลืองเป็นหลัก เก้าก้อนพลังถูกดูดใช้ไปหมดแล้ว ยังเหลือก้อนสุดท้ายอีกก้อนหนึ่ง หลี่มู่สัมผัสได้ถึงคลื่นพลังพิเศษในนั้น
“นี่เป็นพลังงานในหินดารา ยังมีเหลืออยู่ ยังไม่ถูกหวงเหวินหย่วนดูดซับไปหมด…” หลี่มู่ใคร่รู้ยิ่งนัก
วันนั้น หลิวฉงบอกว่าในหินดาราแฝงด้วยพลังนอกพิภพ สามารถยกระดับพลังของจอมยุทธ์ได้ หลี่มู่ก็สงสัยว่ามีคลื่นรังสีของจักรวาลอะไรรึไม่ ของพรรค์นี้อยู่บนโลก หากไม่ระวังจะทำให้เป็นมะเร็งเอาได้ ที่จะกลายเป็นซูเปอร์ฮีโร่พาวเวอร์เรนเจอร์พวกนี้มันเป็นส่วนน้อย
ดูดซับพลังนอกพิภพแบบนี้ จะทำให้เป็นโรคอะไรทีหลังหรือไม่
คิดๆ แล้ว ด้วยความรอบคอบ หลี่มู่จึงไม่ได้ดูดซับพลังในหินดาราก้อนนี้เอง แต่เรียก ‘ตราประทับห้าธาตุพลิกนภา’ ออกมา แล้วดูดซับพลังกลุ่มนี้เข้าไปในตราประทับแทน
ส่วนธาตุไฟของตราประทับพลิกนภาแสงส่องกะพริบ หลังจากนั้นก็กลับคืนสู่สภาพปกติ ผิวนอกดูแล้วก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงพิเศษอะไร
กลับเป็นหินดาราที่ถูกตราประทับพลิกนภาดูดซับพลังเกิดการเปลี่ยนแปลง เศษหินบนพื้นผิวร่วงกราวเป็นชั้นๆ สุดท้ายเหลือขนาดอยู่ประมาณหนึ่งในสิบจากของเดิม หินสีเหลืองเปลี่ยนเป็นโลหะประหลาดรูปร่างไม่เป็นทรงส่องแสงสีเหลืองเคลื่อนที่ไปมา กะพริบวาบรางๆ
โลหะประหลาดสีเหลืองก้อนนี้หนักมาก ขนาดประมาณกำปั้นเท่านั้น แต่หนักประมาณร้อยจินได้
“นี่ก็คือโลหะนอกพิภพ?”
หลี่มู่คล้ายครุ่นคิดอะไร จากนั้นใบหน้าก็ฉายแววลิงโลดเหนือความคาดหมาย
เมื่อวิเคราะห์ตามข้อมูลต่างๆ ที่เจิ้งฉุนเจี้ยนมอบให้ นี่เป็นโลหะนอกพิภพที่ระดับความบริสุทธิ์สูงมากอย่างแน่นอน
และพูดตามทฤษฎีแล้ว การหลอมโลหะนอกพิภพในหินดาราออกมานั้นยากมาก ต่อให้เป็นบรรดาปรมาจารย์ค่ายกลดาราหรือนักเล่นแร่แปรธาตุทั้งหลายก็ต้องมีเงื่อนไขและอุปกรณ์เฉพาะ ถึงจะมีอัตราการสำเร็จบ้าง ในเมื่อโลกนี้ไม่มีโรงหลอมเหล็กอยู่
แต่ตอนนี้ตัวเองกลับใช้ ‘ตราประทับห้าธาตุพลิกนภา’ หลอมสกัดหินดาราก้อนนี้ จนได้โลหะนอกพิภพระดับความบริสุทธิ์สูงออกมา?
หินดาราที่มีเศษเสี้ยวพลังนอกพิภพหลงเหลือ หลอมออกมาเป็นโลหะนอกพิภพได้ เช่นนั้นหินดาราที่เสียพลังงานไปแล้วเล่า?
หลี่มู่ลองทำแบบเดิมอีกครั้ง
ได้ผล
ถึงแม้ ‘ตราประทับห้าธาตุพลิกนภา’ จะไม่มีปฏิกิริยากับหินดาราที่เสียพลังงานไปแล้วพวกนั้น แต่ก็แปรส่วนประกอบของก้อนหิน หลอมสกัดโลหะนอกพิภพในนั้นออกมาได้
หินดาราสิบก้อนในถุงสมบัติของหงเหวินหย่วนถูกหลอมเป็นโลหะนอกพิภพแปลกประหลาดสีเหลืองที่ไม่เป็นรูปทรง
จากการสังเกตครั้งแล้วครั้งเล่าของหลี่มู่ โลหะนอกพิภพสีเหลืองประหลาดสิบก้อนใกล้เคียงกับพลังฟ้าดินธาตุดินมาก มีประโยชน์ในการเพิ่มพลัง แต่สำหรับพลังฟ้าดินธาตุอื่นๆ ก็มีผลเรื่องการเหนี่ยวนำ แต่ไม่มีผลต่อการเพิ่มพลัง
หลังจากนั้น เขาหลอมหินดาราก้อนอื่นๆ ที่ได้มาจากพวกฉู่หนานเทียนกับหวงเหวินหย่วน
สุดท้ายก็ได้โลหะนอกพิภพสีเงินธาตุทองสี่ก้อน สีแดงธาตุไฟห้าก้อน และสีเขียวธาตุไม้หนึ่งก้อน รวมกับธาตุดินแล้วรวมทั้งสิ้นยี่สิบก้อน ขนาดไม่เท่ากัน แต่ไม่มีโลหะนอกพิภพธาตุน้ำ จึงรวมได้ไม่ครบห้าธาตุ
ในส่วนการใช้งานโลหะนอกพิภพพวกนี้?
หลี่มู่คิดๆ ดู แต่ก็ไม่ได้หลอมรวมเข้าไปในดาบวัฏจักรทันที
จะใช้โลหะนอกพิภพประหลาดพวกนี้ให้ดีอย่างไร หลี่มู่จำต้องทดลองและขบคิด เขารู้สึกตามสัญชาตญาณว่าการใช้ประโยชน์จากหินนอกพิภพของโลกใบนี้น่าจะอยู่ในระดับต่ำ หากใช้โลหะนอกพิภพตามวิธีในเอกสารที่เจิ้งฉุนเจี้ยนรวบรวมมา อาจจะเป็นการสิ้นเปลืองเปล่า
หลี่มู่รู้สึกได้รางๆ ว่า ความล้ำค่าของโลหะดารานอกพิภพสูงกว่าที่เห็นตอนนี้มากนัก
การแก้แค้นจากทุ่งปิดภูผามาช้ากว่าที่หลี่มู่คิดเอาไว้
ดังนั้นเขาจึงหลอมดาบต่อไปเสียเลย
หลี่มู่ทำลายอาวุธและแร่ในถุงสมบัติของหวงเหวินหย่วนและหลิวฉง แปลงมาเป็นวัตถุดิบ ใช้พลังส่วนธาตุไฟของ ‘ตราประทับห้าธาตุพลิกนภา’ หลอม และผสานแก่นสำคัญเข้าไปในดาบวัฏจักร
ในที่สุด เมื่อถึงวันที่สี่ ดาบวัฏจักรยังหลอมไม่เสร็จดี เสียงที่หลี่มู่เฝ้ารอมานานก็ดังขึ้นเหนือท้องฟ้าอำเภอขาวพิสุทธิ์
“หลี่มู่ ไสหัวออกมาตอบคำถามเสีย”
เสียงของหวงเซิ่งอี้ดุจอัสนีบาต สะเทือนจนทั่วทั้งอำเภอขาวพิสุทธิ์สั่นไหวรุนแรง จิตสังหารที่ไร้เทียมทานตรงเข้ามาดุจถล่มเขาทลายสมุทร