จอมศาสตราพลิกดารา - บทที่ 319 โอกาสหน้าเชิญใหม่นะ
เมื่อกัวอวี่ชิงและชิวอิ่นมาถึง หลี่มู่ก็สงบใจลงแล้ว
ค่ายกลคุ้มกันเรือนดาบ หลังจากซ่อมแซมด้วยตัวเองแล้วก็กลับมาโคจรใหม่อีกครั้ง
กล่าวกันตามจริง หากตอนนั้นหลี่มู่อยู่ละก็ บางทีเจียงชิวไป๋ก็คงจะโจมตีค่ายกลดาราพิฆาตไม่ได้ง่ายอย่างนั้น หลี่มู่สำรวจแล้วว่าวิธีที่ตำนานวิถียุทธ์แห่งที่ราบทุ่งหญ้าใช้นั้นง่ายมาก คือใช้กำลังเข้าโจมตี
ซ่างกวนอวี่ถิงและเด็กรับใช้บัณฑิตน้อยชิงเฟิงล้วนสามารถควบคุมค่ายกลดาราพิฆาตได้ แต่แน่นอนว่าพวกเขาห่างจากหลี่มู่หลายชั้นนัก หากบอกว่าค่ายกลดาราพิฆาตที่อยู่ภายใต้การควบคุมของหลี่มู่เหมือนระเบิดปรมาณูแล้วละก็ เช่นนั้นค่ายกลดาราพิฆาตภายใต้การควบคุมจากพวกเขาสองคนนับว่าเป็นระเบิดมือยังไม่ได้เลย
“น้องสาม ไม่เป็นไรใช่ไหม?” ชิวอิ่นเป็นห่วงหลี่มู่ สายตาของเขาเหลือบไปเห็นตัวอักษรที่ใช้ใบไม้เรียงเอาไว้บนพื้นพวกนั้น ทำเอาเขาไม่รู้ว่าควรจะปลอบหลี่มู่อย่างไรในทันที
คู่สามีภรรยากัวอวี่ชิงและหลิวจื่อหยวนก็เห็นแล้วเหมือนกัน
ประมาทไปแล้ว
กัวอวี่ชิงรู้สึกผิดนัก
เขารู้ดีอยู่แล้วว่าศิษย์น้องของตนเป็นคนอย่างไร คนคนนั้นหากไม่ถึงเป้าหมายจะไม่ยอมรามือเป็นอันขาด ต่อให้เป็นถึงผู้แข็งแกร่งขั้นเทวะแต่ก็ไม่เลือกวิธี ดังนั้นควรจะคิดได้ตั้งนานแล้วว่าเจียงชิวไป๋ไม่มีทางจากไปง่ายๆ แบบนั้น
แต่ว่าเขาก็ยังประมาท
หากไหวตัวให้เร็วกว่านี้ละก็ เช่นนั้นคงไม่ทำให้เจียงชิวไป๋สบโอกาสได้
“พี่ชิง…” หลิวจื่อหยวนมองสามีของตน
นางเคยได้ยินเรื่องราวและเรื่องเล่าต่างๆ ของหลี่มู่กับฮวาเสี่ยงหรง หลี่มู่ปฏิเสธการทาบทามเข้าเป็นพวกจากองค์ชายสองเพื่อฮวาเสี่ยงหรง กระทั่งโกรธผมตั้งชันเพื่อสาวงาม สังหารองค์ชายที่ตำแหน่งสูงอำนาจมากผู้นี้ไป จะเห็นได้ถึงความสัมพันธ์ของทั้งสอง ในฐานะที่เป็นผู้หญิง หลิวจื่อหยวนชื่นชมเรื่องความรักแบบนี้เป็นอย่างมาก
และตอนนี้ฮวาเสี่ยงหรงถูกลักพาตัวไปเสียแล้ว
จินตนาการได้เลยว่าจิตใจของหลี่มู่ตอนนี้จะย่ำแย่เพียงใด
“พี่ใหญ่ พี่รอง” หลี่มู่ยกมือปัดตัวอักษรบนพื้นทิ้ง เอ่ยอย่างใจเย็นว่า “เห็นทีข้าคงต้องไปที่ราบทุ่งหญ้าสักหน่อยแล้ว”
เรื่องนี้ทำให้เขาเสียแผนไปโดยสมบูรณ์
แต่เดิมเขาจะหลบอยู่ในกระดองเทือกเขาขาวพิสุทธิ์นี้เพื่อศึกษาฝึกฝนวิชายุทธ์ เมื่อสำเร็จวิชาเทพแล้วถึงจะออกไปสยบเหล่าผู้กล้าใต้หล้า ต่อให้เป็นเทวะ เมื่อถึงตอนนั้นก็ไม่อยู่ในสายตาเขาแล้ว อย่างไรเสียตอนนี้ค่ายกลฮวงจุ้ย ‘จุดรวมมังกร’ ในเทือกเขาขาวพิสุทธิ์ก็เสร็จสมบูรณ์ ทั่วทั้งเทือกเขาขาวพิสุทธิ์กลายเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์แล้ว
ทว่าตอนนี้…
ระหว่างเขากับซ่างกวนอวี่ถิงไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่เขาจะหดหัวอยู่ในเขตคุ้มกัน
ผู้หญิงข้างกายถูกลักพาตัวไป แต่ยังหดอยู่ในกระดอง นั่นนับเป็นผู้ชายประสาอะไร?
“ไม่มีกุญแจสุสานราชาเซียน เจ้าก็ไม่มีทางแลกตัวคนคืนมาได้” กัวอวี่ชิงมีสีหน้าซับซ้อน “น้องสาม เรื่องนี้จะรีบร้อนไม่ได้ จำต้องวางแผนในระยะยาว เจ้าคนเดียวยากจะช่วยน้องสะใภ้ออกมาจากวิหารเทพหมาป่าได้”
หลี่มู่พยักหน้าตอบ “ข้ารู้ จะต้องวางแผนกันสักหน่อย”
เขาไม่ได้เอ่ยปากขอกุญแจสุสานราชาเซียนที่ว่านั่นกับกัวอวี่ชิง
ถึงแม้ไม่รู้ว่าเบื้องหลังมีเรื่องภายในอะไร แต่แค่คิดๆ ดูว่าแม้ยามลูกเมียมีภัย กัวอวี่ชิงยังไม่ส่งกุญแจให้ไป ก็รู้ได้แล้วว่าเรื่องนี้ไม่ธรรมดา
ชิวอิ่นตบอกเอ่ย “น้องสาม พี่รองจะไปกับเจ้า เจ้ากับข้าสองดาบรวมพลัง ต่อให้ต้องบุกน้ำลุยไฟจะมีอะไรต้องกลัว?”
หลี่มู่หัวเราะก่อนจะตอบ “ดี”
กัวอวี่ชิงกัดฟัน กล่าวว่า “ข้าก็จะไปด้วย พวกเราพี่น้องทั้งสามจะแยกกันได้อย่างไร?” เขารู้จักความน่ากลัวของศิษย์น้องคนนั้นเป็นอย่างดี ตอนนั้นที่เรียนวิชาอยู่ที่ราบทุ่งหญ้า เจียงชิวไป๋เป็นคนน่ากลัวอย่างไร มีแต่เขาที่เคยเห็นและได้รับรู้
หลิวจื่อหยวนมองสามีแวบหนึ่ง แต่ไม่ได้พูดอะไร
ตอนนั้นผู้เป็นสามีสาบานเอาไว้ว่าจะไม่เหยียบย่างเข้าไปในที่ราบทุ่งหญ้าอีก แต่วันนี้กลับจะผิดคำสาบานเพื่อพี่น้อง หวังว่าสวรรค์จะคุ้มครองเขา นี่เป็นเพราะสถานการณ์บังคับ คำสาบานพวกนั้นอย่าได้เป็นจริงเลย
สำหรับเรื่องคัดค้านสามีกลับไปที่ที่ราบทุ่งหญ้า?
หลิวจื่อหยวนไม่เคยคิดเลย
ในฐานะที่เป็นชายชาตรี เรื่องบางเรื่องจะต้องไปทำให้ได้
และในฐานะที่เป็นอิสตรี เรื่องบางเรื่องก็ต้องไม่ทำเป็นอันขาด
บุรุษของนางเป็นผู้กล้า นางไม่มีวันขัดขวางความองอาจของเขาเพราะความรักชายหญิงเด็ดขาด
หลี่มู่พยักหน้า เอ่ยว่า “ขอบคุณพี่ใหญ่และพี่รองมาก พวกเราคุยกันให้ละเอียดก่อนแล้วค่อยวางแผนเถอะ” เขาไม่รู้ว่ากัวอวี่ชิงเคยสาบานเอาไว้ว่าจะไม่เหยียบย่างเข้าไปในที่ราบทุ่งหญ้าอีก
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เรื่องนี้จะรีบร้อนไม่ได้
หลี่มู่เองก็ต้องเตรียมการเหมือนกัน
ทั้งสามเข้าไปในเรือนดาบ หารือกันอย่างละเอียด
เพราะเด็กรับใช้บัณฑิตน้อยชิงเฟิงจัดการได้ทันเวลา เรื่องนี้จึงไม่แพร่งพรายออกไป คนภายนอกไม่มีใครรู้
มีเพียงสวีหว่านเอ๋อร์ สาวใช้ตัวน้อยซินเอ๋อร์ ลู่เซิ่งหนาน และเหล่าสาวงามที่ใจร้อนรุ่ม
ซินเอ๋อร์พูดด้วยน้ำตานองหน้า “คุณชาย ท่านต้องช่วยคุณหนูกลับมาให้ได้นะเจ้าคะ…” นางเป็นห่วงความปลอดภัยของซ่างกวนอวี่ถิงมาก
หลี่มู่ตอบ “วางใจเถอะ คนที่พาถิงเอ๋อร์ไปเป็นขั้นเทวะ แน่นอนว่าย่อมมีน้ำใจและท่าทีอย่างเทวะ ไม่มีทางสร้างความลำบากใจให้กับถิงเอ๋อร์แน่” ถึงแม้เจียงชิวไป๋ลอบโจมตีเรือนดาบ แต่ด้วยตำแหน่งและฐานะของเขาจะไม่มีทางทำเรื่องเกินสมควรอะไรกับซ่างกวนอวี่ถิงแน่
กัวอวี่ชิงก็พูดขึ้นเช่นกัน “ใช่แล้ว เรื่องนี้วางใจได้ แม่นางฮวาไม่มีทางได้รับความไม่เป็นธรรมเมื่ออยู่ที่วิหารเทพหมาป่าแน่นอน”
เขาเข้าใจศิษย์น้องของตัวเองดีว่าไม่ใช่พวกไม่มีขอบเขต
หลี่มู่เผยสีหน้าแปลกประหลาด
แม่นางฮวา?
พี่ใหญ่ท่าทางคงไม่รู้ถึงความหมายของคำนี้บนโลกที่ตนจากมากระมัง
สุดท้าย หลังจากทั้งสามหารือกันแล้ว ก็ตัดสินใจว่าจะไปช่วยคนที่ที่ราบทุ่งหญ้าหลังจากนี้อีกสิบวัน
ครอบครัวกัวอวี่ชิงทั้งสี่คนอยู่ต่อที่เรือนดาบ
หลังจากผ่านเรื่องก่อนหน้านี้มา พวกเขาไม่อาจอยู่ที่หมู่บ้านปากเหยี่ยวได้อีกต่อไป เพราะเหล่าคนในหมู่บ้านรู้ว่าพวกเขาไม่ใช่คนธรรมดา เมื่อพบหน้ากันอีกก็ยากจะกลับไปเหมือนเมื่อก่อน กลับจะทำให้หมู่บ้านปากเหยี่ยวไม่สงบสุขเสียเปล่า
อีกทั้งกัวอวี่ชิงจะกลับไปยังที่ราบทุ่งหญ้าอีกครั้ง หลิวจื่อหยวนและลูกสาวลูกชายอยู่ที่หมู่บ้านปากเหยี่ยวต่อไปก็ไม่ปลอดภัย ค่ายกลในเรือนดาบมหัศจรรย์นัก หลิวจื่อหยวนเดิมเองก็เป็นธิดาเทพแห่งสำนักบัณฑิตถามเต๋า พลังฝึกถึงแม้จะไม่เท่ากัวอวี่ชิง และถึงแม้นางจะควบคุมค่ายกลดาราพิฆาตไม่เชี่ยวชาญเท่าหลี่มู่ แต่ก็สามารถดึงพลังของค่ายกลส่วนใหญ่มา ต่อให้ขั้นเทวะมาก็ทำอะไรไม่ได้ทันที
ชิวอิ่นตรงกลับไปยังทุ่งปิดภูผาอีกครั้ง
เขาต้องกลับไปเตรียมตัวสักหน่อย
ทั้งสามนัดกันเรียบร้อยว่าสิบวันหลังจากนี้ให้ไปพบกันที่เมืองเจิ้นหลง เมืองชายแดนสำคัญของจักรวรรดิฉินตะวันตก
เวลาอีกหลายวันต่อมา หลี่มู่เตรียมตัวอย่างใจเย็น
เรื่องแรกคือวางค่ายกลดาราพิฆาตคุ้มกันเรือนดาบใหม่อีกครั้ง ยกระดับพลังคุกคามขึ้น…จากการโคจรอย่างต่อเนื่องของค่ายกลฮวงจุ้ย ‘จุดรวมมังกร’ พลังฟ้าดินในเรือนดาบราวคลื่นถาโถม ต่อให้เป็นแดนศักดิ์สิทธิ์สำหรับฝึกฝนของสำนักใหญ่ทั้งหลายก็สู้ไม่ได้ ค่ายกลดาราพิฆาตดูดซับพลังฟ้าดินจนเต็มอิ่ม พลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ผ่านไปทุกช่วงเวลาหนึ่ง หลี่มู่ก็จะลงมือเพิ่มการเหนี่ยวนำและปรับปรุงให้ดีขึ้น
ค่ายกลดาราพิฆาตในตอนนี้ พลังยกระดับขึ้นมากกว่าก่อนหน้านี้ไม่รู้ต่อกี่เท่า
แต่การโจมตีเรือนดาบของเจียงชิวไป๋ครั้งนี้ทำให้หลี่มู่ระวังตัวมากขึ้น
ผู้แข็งแกร่งชั้นยอดด้านการฝึกยุทธ์ระดับตำนานในโลกใบนี้ ต่อให้เป็นค่ายกลที่ต่างกันก็สามารถฝืนใช้กำลังทำลายลงได้…ดังนั้นจะประมาทไม่ได้เลย
หลังจากนั้น หลี่มู่ก็สอนหลิวจื่อหยวนให้ควบคุมค่ายกลดาราพิฆาต
หลิวจื่อหยวนคือธิดาเทพแห่งสำนักบัณฑิตถามเต๋าหนึ่งในเก้าสำนักเทพ ในอดีตก็เป็นยอดฝีมืออายุน้อยที่ชื่อเลื่องลือไปในยุทธจักรเช่นกัน พลังฝึกอยู่ขั้นเหนือมนุษย์ก้าวที่สี่ ฉลาดเฉลียว ความรู้ด้านวิถียุทธ์และความรู้ด้านทฤษฎีมีมากกว่าหลี่มู่ ไม่นานนักนางก็กุมเคล็ดลับการควบคุมค่ายกลเอาไว้ได้
“น้องสาม ค่ายกลนี้เจ้าวางเองจริงๆ หรือ?” หลิวจื่อหยวนตะลึงเป็นอย่างยิ่ง หลังจากสัมผัสกับพลังของค่ายกลนี้ นางไม่อยากจะเชื่อว่าเมื่ออาศัยค่ายกลนี้ นางก็แทบจะสู้กับผู้แข็งแกร่งขั้นเทวะได้ ในโลกนี้มีค่ายกลดาราแบบนี้ด้วยหรือ?
หากค่ายกลดารามีพลังเช่นนี้ เช่นนั้นเหตุใดเหล่าจอมเวทจึงถูกผู้ฝึกยุทธ์กดจนโงหัวไม่ขึ้น ทำได้แค่เป็นสายสนับสนุนอย่างเช่นวางค่ายกลเล็กๆ สลักอักษร หรือหลอมอาวุธอะไรพวกนี้?
หลี่มู่ตอบไปว่า “ข้าบังเอิญได้เคล็ดวิชาค่ายกลนอกพิภพมา วางค่ายกลตามแผนภาพถึงได้มีพลังเช่นนี้”
นี่นับว่าเป็นการโกหกด้วยความหวังดี
ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาเปิดเผยที่มาที่ไปของตน โดยเฉพาะหลังจากเรื่องยุ่งยากต่างๆ นานาที่เกิดขึ้นหลังจากทูตของชวีอ๋องแห่งฉู่ใต้เปิดเผยฐานะคนจากดาวโลกของตนอย่างตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม หลี่มู่ก็ยิ่งระมัดระวังในด้านนี้เป็นพิเศษ
อีกหลายวันต่อมา เมื่อหลี่มู่จัดการเรื่องในเมืองขาวพิสุทธิ์เรียบร้อย ก็ประกาศกับภายนอกว่าจะปิดด่านฝึกฝนระยะหนึ่ง
หลังได้ตำแหน่งอ๋องมา คำว่าอำเภอในอำเภอขาวพิสุทธิ์ก็ตัดทิ้งไป ยกระดับเป็นเมืองขาวพิสุทธิ์แล้ว
หลังจากนั้นห้าวัน หลี่มู่ก็ได้รับจดหมายของชิวอิ่นที่ส่งมาจากทุ่งปิดภูผา
เมื่ออ่านจบ หลี่มู่ก็ปล่อยตัว ‘เทพมารเพลิง’ หวงเซิ่งอี้
“โอกาสหน้ามาใหม่นะ” หลี่มู่เอ่ยลาอย่างอาลัยอาวรณ์
หวงเซิ่งอี้หน้าดำคล้ำ จากไปอย่างไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในเมืองขาวพิสุทธิ์คือฝันร้ายชัดๆ ดีที่ในที่สุดก็ออกมาได้เสียที ในใจของเขาแม้แต่ความคิดจะแก้แค้นก็ไม่เหลือแล้ว ครึ่งหนึ่งเป็นเพราะถูกหลี่มู่อัด อีกครึ่งหนึ่งเพราะสิ่งที่หลี่มู่สำแดงออกมาทำให้หวาดกลัว รู้สึกว่าตัวเองเล็กจ้อยด้อยค่า และรู้ตัวว่าไม่มีหวังที่จะแก้แค้นแล้ว
“แล้วมาใหม่ล่ะ” หลี่มู่โบกมืออย่างอาลัยอาวรณ์
เขามาส่งหวงเซิ่งอี้ออกจากเมืองด้วยตัวเอง
ฉากนี้ทำเอาคนมากมายตาแทบถลน
เกิดอะไรขึ้น?
คนสองคนที่ไม่ร่วมโลกกัน ความสัมพันธ์กลับเปลี่ยนมาดีกันขนาดนี้?
‘เทพมารเพลิง’ หวงเซิ่งอี้วันนั้นไม่ใช่ว่าแทบอยากจะถลกหนังดื่มเลือดหลี่มู่หรอกหรือ?
หรือว่าที่ชิวอิ่นลูกศิษย์สายตรงของ ‘เก้าชั้นฟ้าปิดภูผา’ มายังเมืองขาวพิสุทธิ์เมื่อก่อนหน้านี้ ที่จริงแล้วก็เพื่อคลี่คลายความขัดแย้ง วันนี้เมืองขาวพิสุทธิ์และเมืองปิดภูผาจะจับมือผูกมิตรกันแล้ว?
“เฮ้อ ไม่อยากให้เจ้าไปเลยจริงๆ นะ” หลี่มู่ทอดถอนใจ
เขาพูดจากใจจริงเลย
เพราะหวงเซิ่งอี้เป็นแรงงานที่ได้มาตรฐานจะตายไป ความสามารถมากประสบการณ์เยอะ ใช้งานก็คล่องมือ แถมยังไม่หวังสิ่งตอบแทน ครึ่งเทวะคนหนึ่งเชียวนะ ทาสแบบนี้จะไปหาจากที่ไหนได้อีก หากไม่ใช่ว่าอาจารย์ของพี่รองเอ่ยปากแล้วละก็ หลี่มู่ไม่อยากจะปล่อยหวงเซิ่งอี้ไปเลยจริงๆ
ผ่านไปอีกสองวัน
จ้าวอวี่แห่งสำนักกระบี่ขาวพิสุทธิ์มาส่งน้องสาวกลับเมืองขาวพิสุทธิ์ด้วยตัวเอง
อีกวันหนึ่ง หลี่มู่ก็ส่งสหายมากอายุต่งรุ่ยและสวีเซิ่งกลับ ภารกิจของคณะทูตองค์รัชทายาทเสร็จสิ้นแล้ว หลี่มู่จะปิดด่านฝึกฝน ดังนั้นผู้ชราทั้งสองจึงตัดสินใจจากไป แต่ว่าก็นัดกันเอาไว้แล้วว่าหลังจากกลับไปรายงานผลที่เมืองหลวงแล้วจะมาพักที่เมืองขาวพิสุทธิ์
เมืองขาวพิสุทธิ์จะกลายเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์แล้ว ทั้งสองเป็นคนฉลาด ทำไมจะดูไม่ออกว่าที่นี่เป็นสถานที่ดีต่อการฝึกฝน
วันที่เก้า ก่อนหน้าที่หลี่มู่และกัวอวี่ชิงจะออกเดินทางหนึ่งวัน ข่าวที่ทำให้จักรวรรดิฉินตะวันตกตื่นตะลึงฮือฮาก็แพร่สะพัดไปทั่วราวพายุคลั่ง