จอมศาสตราพลิกดารา - บทที่ 327 ใครจะสู้ได้
คนลึกลับในแสงทองมองกองทัพทหารหมาป่าแห่งที่ราบทุ่งหญ้าที่กรูเข้ามาจากด้านนอก ใจก็สงบลงไปเยอะ ถึงแม้กองกำลังกระบี่เหล็กจะเสียแผนเพราะเด็กหนุ่มลึกลับจู่ๆ ปรากฏตัวขึ้น แต่กองกำลังทหารหมาป่ามาถึงแล้ว ยอดฝีมือที่คอยรับมือของวิหารเทพแมงมุมก็ตามมาถึงแล้วเช่นกัน เมืองด่านมังกรอย่างไรเสียก็ต้องแตก
ลำแสงส่องกะพริบ
ผู้บัญชาการกองกำลังกระบี่เหล็กโจวอันมายังเบื้องหน้าคนลึกลับในแสงเทพสีทอง
“เป็นเจ้าเอง?” โจวอันจำได้ เด็กหนุ่มที่ใช้วิชาดาบเหินหาวน่าครั่นคร้ามคนนั้น ก็คือคนที่ถูกเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเหมยเขียวม้าไม้ไผ่ของไช่ไช่ที่ตนเจอในบ้านของนางเมื่อเช้านั่นเอง
หลี่มู่ไม่สนใจคนทั้งสองเบื้องหน้า
สายตาของเขาทอดมองไปที่นอกเมือง
มีทหารหมาป่าอย่างน้อยห้าหมื่น อีกทั้งในนั้นยังมีผู้แข็งแกร่งจากวิหารเทพแมงมุมอีกไม่น้อย
เห็นทีหากคิดจะจัดการเงียบๆ และปกป้องด่านเมืองมังกรโดยไม่เปิดเผยฐานะคงเป็นไปไม่ได้แล้ว
จังหวะนี้ ในใจของหลี่มู่มีแผนการแล้ว
“เจ้าเป็นใครก็แน่?” โจวอันจ้องหลี่มู่ แผนในคืนนี้ล้มเหลวก็เพราะเด็กหนุ่มผมสั้นเบื้องหน้าคนนี้ แต่เดิมเขาจะสร้างคุณูปการครั้งใหญ่กับองค์รัชทายาทแท้ๆ แต่ตอนนี้ไม่ใช่แค่ไม่มีความดีความชอบ ซ้ำร้ายยังกลายเป็นคนผิดอีกต่างหาก ใจเขานึกเกลียดหลี่มู่ยิ่งนัก
สิ่งที่ตอบกลับเขาคือแสงดาบสายหนึ่ง
ดาบบินธาตุทอง
แม้แต่ใยแมงมุมกลุ่มนั้นก็ยังไม่อาจต้านทานพลังโจมตีของดาบบินธาตุทองได้ โจวอันเป็นแค่ครึ่งขั้นเหนือมนุษย์เท่านั้น จะต้านทานได้อย่างไร? ถึงแม้ในด่านเมืองมังกรเขาจะเก็บซ่อนพลังเอาไว้ แต่ก็หนีรอดชะตาที่ต้องกลายเป็นวิญญาณภายใต้ดาบนี้ไปได้ยาก
แสงดาบเลือนรางดุจความฝัน กะพริบขึ้นอย่างรวดเร็ว
ร่างของโจวอันแข็งค้างกลางอากาศ จากนั้นปราณแท้แตกซ่าน พลังชีวิตหลั่งไหลออกมา ร่างขาดเป็นสองส่วนในชั่วพริบตา รอยฟันเรียบเนียนราวเลื่อยตัดหน้าไม้ ดาบเดียวฟันขาดสองท่อน ร่วงลงจากกลางฟ้า ตายสนิทเรียบร้อย
ผู้แข็งแกร่งลึกลับในแสงเทพสีทองที่อยู่ข้างๆ อยากจะช่วยก็ช่วยไม่ทัน
“เจ้า…” เขากัดฟันจ้องหลี่มู่ ตะลึงกับพลังแท้จริงของคู่ต่อสู้ ยิ่งไปกว่านั้นคือโกรธแค้นความโหดเหี้ยมของอีกฝ่าย โจวอันอยู่ในฝ่ายของเขาถึงแม้จะไม่ใช่บุคคลสำคัญอะไร แต่ก็เป็นหมากที่ฝึกฝนมาหลายปี
ตอนนี้ เสียงหอนของหมาป่าดังขึ้นจากนอกกำแพงเมือง
ในขณะเดียวกัน ท่ามกลางท้องฟ้า ผู้แข็งแกร่งจากวิหารเทพแมงมุมก็พรั่งพรูเข้ามาดุจตั๊กแตนจำนวนมหาศาล
การโจมตีของเผ่าหมานแห่งที่ราบทุ่งหญ้าเริ่มขึ้นแล้ว
ค่ายกลลายดาราปกป้องน่านฟ้าของด่านเมืองมังกรถูกกองกำลังกบฏกระบี่เหล็กทำลายไปพอสมควรแล้วก่อนหน้านี้ พวกอู๋เป่ยเฉินรักษาประตูเมืองไม่ให้ถูกตีแตกได้ก็นับว่าเป็นเรื่องอัศจรรย์แล้ว ตอนนี้เมื่อเผชิญหน้ากับกองทัพจำนวนมหาศาลของเผ่าหมานแห่งที่ราบทุ่งหญ้าซึ่งโจมตีมาราวคลื่น ค่ายกลกำแพงเมืองพังทลาย ทหารมีบาดแผลทั่วร่าง ด่านเมืองมังกรตอนนี้ไม่แตกต่างอะไรกับเมืองที่ไม่มีการคุ้มกันเลย
ใบหน้าของทหารฉินตะวันตกทั้งหลายฉายแววฮึกเหิมแต่ก็เศร้าสลด
ความหวังที่เกิดขึ้นในใจของแปดกรพิพากษาจงเหว่ยจมดิ่งและสลายไปอีกครั้ง
นี่เป็นกองกำลังเผ่าหมานแห่งที่ราบทุ่งหญ้าอันยอดเยี่ยมที่สวมเครื่องป้องกันครบครันไปจนถึงฟัน ภายใต้การโจมตีของพวกเขา ด้วยสถานการณ์ในตอนนี้ การรักษาเมืองไว้ยากเหลือประมาณ ต่อให้มีผู้แข็งแกร่งลึกลับที่จู่ๆ ปรากฏตัวขึ้นมาอย่างเด็กหนุ่มคนนี้ ก็เกรงว่าจะดึงสถานการณ์กลับมาได้ยาก นอกเสียจากขั้นเทวะจะปรากฏตัวขึ้น
แต่เทวะในยุคนี้รวมแล้วมีไม่กี่คนเท่านั้น และในนั้นไม่มีเด็กหนุ่มคนนี้อยู่ด้วย
ขุนนางทหารชายแดนคนอื่นก็มีความคิดประมาณนี้ เมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูที่โจมตีมา สีหน้าของพวกเขาฮึกเหิมแต่เศร้าสลด กำดาบในมือไว้แน่น กอดความตั้งมั่นว่าต้องตายแน่แล้ว ต้องการจะต่อสู้เป็นครั้งสุดท้าย…
มีเพียงอู๋เป่ยเฉินคนเดียวที่รู้ที่มาที่ไปของหลี่มู่ ใบหน้าจึงไม่มีความกังวลเลยแม้แต่น้อย
เขามองหลี่มู่ด้วยสีหน้าเลื่อมใสบูชา ในใจเต็มไปด้วยความหวัง
กลางท้องฟ้า หลี่มู่ราวกับไม่ได้ยินเสียงกองทัพเผ่าหมานและผู้แข็งแกร่งยอดฝีมือที่ถาโถมมา แต่กลับก้มลงพูดกับไช่ไช่ที่สีหน้าขลาดกลัว “เจ้าอยากรู้มิใช่หรือว่าทำไมบิดาของเจ้าจึงต้องรบ? อยากจะเดินตามเส้นทางที่พ่อเจ้าเดินต่อไปมิใช่หรือ? เช่นนั้นก็ดูทุกอย่างที่นี่ให้ดี จำเอาไว้ว่าคนที่ก่อสงครามนำความเดือดร้อนและหายนะมาให้ ล้วนสมควรตายทั้งนั้น”
ไช่ไช่พยักหน้า
ก่อนหน้านี้หลี่มู่ฆ่าโจวอันไม่ใช่เพราะเขาภักดีอะไรกับฉินตะวันตก
แต่เป็นเพราะการทรยศและสังหารของโจวอันทำให้คนบริสุทธิ์มากมายในด่านเมืองมังกรต้องพลอยรับเคราะห์ไปด้วย ซ้ำการดึงกองทัพที่ราบทุ่งหญ้าเข้ามาในดินแดนฉินตะวันตก เป็นการดึงภูตผีปีศาจเข้าเมืองชัดๆ โดยเฉพาะกองทัพที่ควบคุมโดยวิหารเทพแมงมุมที่ชั่วร้ายแห่งที่ราบทุ่งหญ้าแบบนี้
หลี่มู่มองคนลึกลับในแสงทองคนนั้น ก่อนจะเอ่ย “เจ้าอยากรู้ไม่ใช่หรือว่าข้าเป็นใคร?”
คนลึกลับในแสงทองพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว
หลี่มู่หัวเราะ ก่อนสะบัดมือ แสงเทพห้าสีทั่วฟ้าดั่งผีเสื้อโบยบินรวมตัวเข้ามา ดาบบินเล่มหนึ่งก่อร่างขึ้นในมือของเขา แล้วแปรเลี่ยนเป็นดาบยักษ์เย็นยะเยือกราวสายน้ำยามฤดูใบไม้ร่วงซึ่งมีประกายแสงประหลาดไหลวน เหมือนว่ารวมเป็นดาบวัฏจักรแห่งมิติ
ดาบวัฏจักร
หลี่มู่มือข้างหนึ่งถือดาบ อีกข้างหนึ่งจับมือไช่ไช่เอาไว้ เดินไปยังประตูเมืองฝั่งบูรพาทีละก้าวๆ
แค่สามก้าว เขาก็ก้าวข้ามระยะสามสิบจั้งมาถึงยังท้องฟ้าเหนือประตูเมืองฝั่งบูรพาแล้ว
ตอนนี้ หมาป่าดำตัวมหึมานับไม่ถ้วนแบกทหารขี่หมาป่าสังหารของเผ่าหมานเข้าโจมตีกำแพงเมือง ส่วนบนท้องฟ้า ร่างเงาแต่ละร่างพุ่งมาประหนึ่งฝูงตั๊กแตน กำลังจะกลืนกินประตูเมืองฝั่งบูรพาอยู่แล้ว
หลี่มู่เอ่ยปากขึ้น
“ไท่ไป๋อ๋องหลี่มู่แห่งฉินตะวันตกอยู่ที่นี่…ผู้ที่ก้าวเข้ามาในด่านนี้ ตาย”
เสียงดุจอัสนีกัมปนาทดังฟาดท้องฟ้า
จากนั้น ดาบยาวที่ลากอยู่ด้านหลังหลี่มู่ก็ยกขึ้นแล้วฟันออกมา
แสงดาบดั่งภาพฝันมายากรีดผ่าท้องฟ้ายามค่ำคืนของด่านเมืองมังกร
ทหารขี่หมาป่าแห่งที่ราบทุ่งหญ้าซึ่งปีนข้ามกำแพงมา รวมถึงยอดฝีมือวิหารเทพแมงมุมที่บินอยู่กลางท้องฟ้า ล้วนดับดิ้นลงอย่างง่ายดายเมื่ออยู่ต่อหน้าแสงดาบนี้
ภาพนั้นทำให้คนที่เห็นยากจะลืมเลือนไปชั่วชีวิต
กองกำลังขี่หมาป่าที่พุ่งมายังกำแพงเมืองบางคนก็เหมือนกับรูปปั้นดินถูกลมพัดจนแห้ง กลายเป็นฝุ่นในพริบตา บางคนเหมือนไส้ตะเกียงที่ลุกไหม้ กลายเป็นเถ้าธุลีในบัดดล บ้างก็กลายเป็นละอองน้ำระเหยไป บางคนมีกิ่งไม้เขียวงอกออกมาจากในกายที่เน่าเฟะทันทีทันใด
ส่วนผู้แข็งแกร่งจากวิหารเทพแมงมุมที่บินอยู่กลางอากาศก็ปานเต้าหู้สดใหม่นุ่มนิ่มปะทะเข้ากับเส้นด้ายที่มองไม่เห็น กลายเป็นชิ้นส่วนไม่เป็นทรงในพริบตา ก่อนจะร่วงลงมาจากท้องฟ้า…โดยไม่มีใครเหลือรอด
ร่างเงาทั้งหมดที่บุกมาใหม่จากนอกเมือง แค่เพียงเข้าใกล้กำแพงด่านเมืองมังกรในระยะสามสิบจั้งก็ถูกทำลาย บดขยี้ หรือสังหารทิ้งทันที
พลังเพียงดาบเดียว ฟ้าดินเปลี่ยนสี
ท้องฟ้ายามราตรีของด่านเมืองมังกรเย็นเยียบอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในชั่วขณะนี้
และก็ร้อนแผดเผาอย่างที่ไม่เคยเป็นเช่นเดียวกัน
กองทัพทหารหมาป่าที่ถาโถมมาราวคลื่นคลั่ง ในพริบตานี้เหมือนปะทะเข้ากับกำแพงแข็งแกร่ง แหลกละเอียดไปทันที กองทัพข้างหลังคือทหารราชาหมาป่าที่ดุดันที่สุด ชั่วขณะนี้กลัวจนตัวสั่นงันงก ร้องสะอึกสะอื้นไปด้วยเช่นกัน หมาป่าดำไม่รู้ต่อกี่ตัวแข้งขาอ่อน ขี้หดตดหาย
ผู้แข็งแกร่งจากวิหารเทพแมงมุมที่เหี้ยมเกรียมที่สุด ในชั่วเวลานี้ก็ถอยหลังไปราวสุนัขไร้ที่พึ่ง
ภายใต้ดาบนี้ กองทัพหมาป่าสูญเสียเกินพัน ส่วนผู้แข็งแกร่งขั้นยอดปรมาจารย์ขึ้นไปของวิหารเทพแมงมุมสูญเสียไปเกินร้อยแล้ว
ทั้งหมดล้วนเป็นบุคคลชั้นยอดในบุคลคลชั้นยอด กลายเป็นเถ้าธุลีจากหนึ่งดาบนี้
ส่วนด่านเมืองมังกร แปดกรพิพากษาจงเหว่ยและคนอื่นๆ ลิงโลดเป็นอย่างยิ่ง ชั่วขณะนั้นรู้สึกเหมือนถูกสายฟ้าฟาด สมองขาวโพลนไปหมด ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี
คนลึกลับในแสงทองมองหลี่มู่อย่างอึ้งตะลึง
ตอนนี้ กลางท้องฟ้ายังมีคำที่หลี่มู่พูดก่อนหน้านี้ดังสะท้อนไปมา…
“ไท่ไป๋อ๋องหลี่มู่แห่งฉินตะวันตกอยู่ที่นี่…ผู้ก้าวเข้ามาในด่านนี้ ตาย”
เสียงทอดยาวไม่สิ้นสุดสะเทือนแหวกเมฆดำ สะท้านจิตใจและความกล้าของศัตรู
ไท่ไป๋อ๋องหลี่มู่
เด็กหนุ่มผมสั้นคนนี้ก็คือไท่ไป๋อ๋องหลี่มู่แห่งฉินตะวันตก
พริบตาที่สติดึงกลับมาได้ หลายคนก็กระจ่างในพริบตา ที่แท้…ก็เป็น…ท่านผู้นั้นนั่นเอง
หากหนึ่งเดือนก่อนหน้านี้ยังมีคนไม่รู้จักหลี่มู่ละก็ เช่นนั้นตอนนี้ไท่ไป๋อ๋องหลี่มู่ห้าคำนี้ก็กล่าวได้ว่าฟังจนคุ้นหู ชื่อเสียงเลื่องลือไปไกล
ช่วยไม่ได้ ผู้ที่จับครึ่งเทวะอย่าง ‘เทพมารเพลิง’ หวงเซิ่งอี้เอาไว้เป็นๆ ได้ ไม่ว่าจะยุคใด ที่ไหน เมื่อไหร่ ก็ล้วนเป็นผู้ที่เจิดจ้าโดดเด่นจนไม่อาจเพิกเฉยได้
อีกทั้งคนเช่นนั้นยังเป็นแค่เด็กหนุ่มอายุสิบห้าสิบหกเท่านั้น
ศึกเดียวชื่อเสียงโด่งดัง รู้จักลือเลื่องทั้งใต้หล้า
เป็นทั้งใต้หล้า ไม่ใช่เมืองฉางอันหรือฉินตะวันตก
ถึงจะเป็นซ่งเหนือ ฉู่ใต้ ที่ราบทุ่งหญ้า เผ่าผู้วิเศษสุดแดนใต้ก็ล้วนเล่าลือชื่อของหลี่มู่ โดยเฉพาะในหมู่ชนชั้นสูง ผู้นำระดับสูง สำนัก ผู้แข็งแกร่ง ผู้ฝึกไร้สังกัดระดับสุดยอดที่กุมอำนาจในที่ต่างๆ ยิ่งไม่มีทางเพิกเฉยต่อบุคคลขั้นเทวะที่จู่ๆ ก็โผล่ขึ้นมา
คนลึกลับในแสงสีทองรู้สึกว่าสมองของตนเหมือนถูกค้อนทุบระเบิด เสียงดังวิ้งๆ อยู่ในหู ภาพเบื้องหน้าพร่าเลือน อยู่ต่อหน้าบุคคลระดับเทวะ เขาไม่เหลือแม้แต่ความกล้าที่จะหนีแล้ว
ส่วนนอกด่านเมืองมังกร กองทัพหมาป่าที่จิตกระหายต่อสู้เปี่ยมล้นโหมบ่าเข้ามา หลังจากอลหม่านประมาณหนึ่งถ้วยชา ก็ถอยกลับไปราวคลื่นน้ำ ผู้บัญชาการระดับขุนพลกระทั่งว่าไม่แม้แต่จะรายงานสถานการณ์ก็ถอยทัพไปในทันที…
ผู้แข็งแกร่งยอดฝีมือจากวิหารเทพแมงมุมก็หายไปในท้องฟ้าไกลโพ้นเช่นกัน
สงครามสิ้นสุดลงแล้วภายในพริบตาที่หลี่มู่ปรากฏตัวขึ้น
นี่เป็นเรื่องที่ทุกคนรู้กัน
ดินแดนที่มีบุคคลขั้นเทวะคุ้มครอง ไม่ใช่เรื่องที่กองทัพหรือยอดฝีมือทั่วไปจะต้านทานได้
เทวะบันดาลโทสะ ซากศพนอนกองระเนระนาด
นอกเสียจากจะเป็นการสู้ประจันหน้ากันของเทวะ มิฉะนั้นกองทัพธรรมดา ผู้แข็งแกร่งทั่วไป…จนกระทั่งผู้แข็งแกร่งขั้นเหนือมนุษย์ทั้งหลาย เมื่ออยู่ต่อหน้าเทวะก็เหมือนกับมดปลวก แค่เหยียบลงไปก็ดับดิ้นแล้ว
ไม่ว่าก่อนหน้านี้จะจ่ายไปราคาเท่าไหร่ ใช้ความพยายามมากน้อยแค่ไหน ไม่ว่าชัยชนะจะอยู่ต่อหน้าหรือไม่ ไม่ว่าชัยชนะครั้งนี้สำหรับพวกเขามีความหมายสำคัญมากน้อยเพียงใด…ไม่ว่าจะด้วยเหตุปัจจัยอะไร จำเอาไว้แค่ว่าหากผู้ที่ยืนอยู่เบื้องหน้าคือเทวะ เช่นนั้นถอย…คือทางออกเดียวเท่านั้น
ต่อหน้าเด็กหนุ่มที่ไร้เทียมทานผู้นี้ เทวะคือขั้นสูงสุด
มีเพียงเทวะ ถึงจะต่อกรกับเทวะได้
ขั้นทะลวงสวรรค์ไม่ออกมา ใครจะสู้กับเขาได้?