จอมศาสตราพลิกดารา - บทที่ 422 ถังดินปืนติดไฟ
“วันนี้เหล่าผู้กล้าจากทั่วทิศมารวมตัวกันที่นี่ เพื่อร่วมกันวางแผนสังหารมารร้ายหลี่มู่” ภายในโรงเตี๊ยมที่ด่านเมืองมังกร ชายวัยกลางคนในชุดคลุมอ๋องของฉินตะวันตกคนหนึ่งกล่าวด้วยสีหน้าโกรธชัง
เขาคือหมิงซานอ๋องแห่งฉินตะวันตก น้องชายของจักรพรรดิฉินหมิง ครั้งนี้แต่งเนื้อแต่งตัวมายังด่านเมืองมังกรโดยไม่เกรงกลัวความตาย
ในโรงเตี๊ยมมีคนอยู่หลายสิบคน ส่วนมากเป็นคนระดับสูงจากสำนักใหญ่ในฉินตะวันตก บุคคลเก่งกาจที่เก็บตัวปลีกวิเวก เหล่าคนเฒ่าประหลาดจากตระกูลเก่าแก่ รวมถึงดาวเด่นรุ่นหลังที่เป็นลูกวัวไม่กลัวเสือบางส่วน
“ถูกต้อง หลี่มู่เจ้าคนไร้บุพการี ต้องสังหารทิ้งเสีย”
“เหอๆ เสืออยู่ในที่โล่ง นี่เป็นโอกาสของเราพอดี”
“ถ้าหากปล่อยให้มารร้ายอย่างหลี่มู่มีชีวิตต่อไป เช่นนั้นพวกเราต้องทนรับความมืดมิดที่ไร้ขอบเขตจริงๆ แน่”
ขุนนางตระกูลกวนซาน เจ้าสำนักใหญ่เช่นสำนักวิญญาณเหนือและสำนักสกุลหนาน ก็พากันแสดงท่าทีเช่นกัน
หลายวันมานี้ ในด่านเมืองมังกรมีการรวมตัวกันของคนหลายร้อยแล้ว ทั้งหมดเป็นผู้แข็งแกร่งจากสามจักรวรรดิใหญ่ ปกติทำตัวเหมือนเทพมังกรเห็นหัวไม่เห็นหาง ไม่ข้องเกี่ยวกับโลกภายนอก ทว่าตอนนี้กลับปรากฏตัวออกมา
หนึ่งในนั้นเป็นชายหนุ่มท่าทางสุภาพอ่อนโยนคนหนึ่ง พลังประมาณขั้นครึ่งเทวะ บนใบหน้ามีรอยยิ้มบาง ไม่พูดไม่จา เพียงกวาดสายตามองกลุ่มคนด้วยแววตาเปล่งกระกาย
จอมมารจันทราโลหิตยืนอยู่ข้างชายหนุ่มผู้นี้
“ฝ่าบาท พวกเราต้องร่วมมือกับคนพวกนี้หรือ?” เขาไม่เข้าใจ ทำไมบุตรเทวะที่เคยบอกว่าไม่คิดจะยุ่งกับเรื่องนี้ ปล่อยให้เหล่าขั้วอำนาจสายยุทธ์ที่มีใจละโมบไปหยั่งเชิงหลี่มู่ สุดท้ายกลับเปลี่ยนความคิดและมายังที่นี่
“ร่วมมือ?” บุตรเทวะเสียไห่เอ่ยคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “ร่วมมืออะไรกัน ต่อให้หลี่มู่กำลังบาดเจ็บหนัก จะจัดการเจ้าพวกอัปลักษณ์เหล่านี้ก็แค่ชั่วความคิดเดียวเท่านั้น ฮี่ๆๆ เจ้าไม่คิดว่าคนพวกนี้รสชาติน่าอร่อยบ้างหรือ?”
จอมมารจันทราโลหิตไร้คำพูดในทันที
บุตรเทวะนี่ช่างใจกล้าเสียจริง มาถึงที่นี่เพื่อดูดกลืนแก่นเลือดของผู้แข็งแกร่งที่มารวมตัวกันเลยหรือ?
แต่ก็ต้องยอมรับว่าผู้แข็งแกร่งสายยุทธ์ที่มาด่านเมืองมังกรล้วนเป็นพวกสุดยอดบนโลกนี้ทั้งสิ้น ถือเป็นเครื่องสังเวยชั้นดีที่สุดสำหรับเผ่าทะเลโลหิต สุ่มเลือกมาสักคนก็บำรุงได้มากแล้ว มีแก่นเลือดมหาศาล สะดวกกว่าไปไล่หาตามที่ต่างๆ มากทีเดียว
ทว่านี่มันอยู่ใต้จมูกหลี่มู่ เสี่ยงอันตรายเกินไป
จอมมารจันทราโลหิตสงสัย ตอนแรกที่บุตรเทวะให้คนกระจายข่าวนี้ไปก็เพื่อจะล่าอาหารกระมัง?
“ข้าจะถ่ายทอด ‘วิชาดื่มทะเลโลหิต’ ให้กับเจ้า เจ้าฝึกนิดหน่อยก็ดื่มได้เช่นกัน” บุตรเทวะเสียไห่หยิบคัมภีร์วิชาเล่มหนึ่งยื่นให้กับจอมมารจันทราโลหิต
นี่เป็นรางวัลสำหรับการตั้งใจทำงานของเขาในช่วงนี้ หวังว่าจอมมารจันทราโลหิตจะใช้โอกาสนี้เพิ่มพลังขึ้นมาได้ หลังจากที่สุสานเทพเปิดออกจะได้มาเป็นลูกมือของตนอีกแรง
จอมมารจันทราโลหิตดีใจอย่างมาก
ขณะที่พูดคุยกัน โจวอู่ผู้คุ้มกฎสำนักวิญญาณเหนือซึ่งมีรูปร่างสูงใหญ่ราววานรก้าวยาวๆ เข้ามา ในมือหิ้วคนสวมชุดเกราะทหารต้าเยวี่ยมาคนหนึ่ง จากนั้นทิ้งลงบนพื้น เอ่ยขึ้นว่า “ในที่สุดก็จับเป็นมาได้คนหนึ่ง คนผู้นี้คือไป่ฟูจ่าง[1]ของต้าเยวี่ย น่าจะรู้อะไรบ้าง”
ทุกคนยินดีกันยกใหญ่
หมิงซานอ๋องถูมือหัวเราะลั่น เดินมาด้านหน้าไป่ฟูจ่างก่อนจะถาม “หลี่มู่ตอนนี้บาดเจ็บแค่ไหน? เจ้าวางใจได้ พวกเราจะไม่สร้างความลำบากให้ทหารตัวจ้อยอย่างเจ้า ขอแค่เจ้าพูดมาตามจริงก็จะปล่อยเจ้าไป มิเช่นนั้น…”
พูดถึงตรงนี้ เขาพลันยิ้มเหี้ยมเกรียม “ทุกคนที่นี่เป็นขั้นเทวะจากสำนักโบราณของฉินตะวันตก มีวิธีการมากมายที่จะทำให้เจ้าต้องร้องขอความตาย”
พวกเขาเหล่านี้มาถึงด่านเมืองมังกรหลายวันแล้ว ที่ชักช้าไม่ลงมือก็เพราะยังไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์ แม้ว่าในใจจะแน่ใจยิ่งว่าหลี่มู่บาดเจ็บหนัก แต่หนักถึงระดับไหน กำลังทำอะไร ตัวเขาอยู่ที่ไหนก็ยังไม่ชัดเจน
อูฐที่ผอมตายก็ยังตัวใหญ่กว่าม้า
พวกเขาไม่กล้าบุ่มบ่าม ดังนั้นจึงใช้วิธีต่างๆ นานาในการสืบหาข้อมูล
ระหว่างนั้น ทหารต้าเยวี่ยที่ถูกพวกเขาจับมาทรมานก็มีไม่น้อย ทว่าทุกคนยอมตายไม่ยอมศิโรราบ ไม่มียกเว้นสัคน ท้ายสุดจึงถูกทรมานจนตาย แต่ว่าไป่ฟูจ่างคนนี้เป็นนายทหารยศสูงที่สุดที่พวกเขาจับมาได้…ถึงอย่างไรก็เป็นขั้นครึ่งเทวะเหมือนกับพวกจางซาน พวกเขาจึงไม่กล้าลงมือตรงๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการแหวกหญ้าให้งูตื่น
“เพ้ย เศษสวะที่เอาแต่หลบซ่อนในเงามืดอย่างพวกเจ้า ยังคิดจะวางแผนเล่นงานใต้เท้าเราอีก? รนหาที่ตายเสียแล้ว” ใบหน้าไป่ฟูจ่างผู้นั้นเต็มไปด้วยหนวดเครา ดวงตาเสือดาวริมฝีปากกว้าง ตะโกนด่าทอว่า “ลำพังแค่พวกเจ้า คิดว่าคู่ควรเป็นศัตรูกับใต้เท้าหรือ? ข้าจะลงไปรอพวกเจ้าในนรกก่อน”
พูดจบ เสียงตูมดังสนั่น ร่างพลันระเบิดขาดออกจากกัน
เลือดสดสาดกระเซ็น ทั่วโถงใหญ่โรงเตี๊ยมมีกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งทันที
ใครก็คิดไม่ถึงว่าไป่ฟูจ่างขั้นฟ้าประทานคนนี้จะเข็มแข็งซื่อตรง พุ่งเข้าหาความตายเลยเช่นนี้
สีหน้าหมิงซานอ๋องไม่น่ามองอย่างยิ่ง
ผู้คุ้มกฎสำนักวิญญาณเหนือเอ่ยขึ้นอย่างตกใจ “ข้าผนึกปราณแท้เขาไว้แล้วนี่…”
กวนซานเยวี่ยผู้นำตระกูลกวนซานเอ่ยว่า “จะโทษผู้คุมกฎโจวไม่ได้ ได้ยินมาว่าพวกกากเดนต้าเยวี่ยล้วนมีวิชาลับอย่างหนึ่ง สามารถตายอย่างรวดเร็วเพื่อเลี่ยงไม่ให้ถูกทรมานจากศัตรู”
“เช่นนั้นต่อไปจะทำอย่างไรดี?” เจ้าสำนักวิญญาณเหนือกล่าว “พวกเราอดทนมานานหลายวันแล้ว ถ้าหากหลี่มู่ยังมีกำลังต่อสู้อยู่จริง ก็คงสัมผัสเจอพวกเรานานแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะรอจนถึงตอนนี้ เราทรมานสังหารทหารต้าเยวี่ยไปหลายสิบคน เป็นไปไม่ได้ที่ทหารต้าเยวี่ยจะไม่รู้ตัวเช่นกัน มิสู้บุกเข้าไปปะทะกับหลี่มู่ตรงๆ เลยดีกว่า”
“ไม่ได้ ต้องกระทำการอย่างระมัดระวัง”
“แล้วต้องรอถึงเมื่อไร”
“ข้าว่าสังหารไปเลยดีกว่า หลี่มู่แค่คนเดียวจะต้านทานพวกเราที่มากขนาดนี้ได้หรือ?”
ในโถงใหญ่โรงเตี๊ยมเกิดการทะเลาะโต้เถียงกัน
บุตรเทวะเสียไห่ส่ายศีรษะ ใบหน้าปรากฏแววเย้ยหยันฝูงนกฝูงกากลุ่มหนึ่ง
เขาลุกขึ้นเดินจากไป
ผ่านไปราวหนึ่งเค่อ ผู้อาวุโสตระกูลกวนซานคนหนึ่งโซซัดโซเซพุ่งเข้ามา กล่าวด้วยสีหน้าหวาดผวา “ผู้นำตระกูล แย่แล้ว คนของพวกเราถูกสังหาร...”
เสียงยังไม่ทันขาด เรื่องประหลาดก็เกิดขึ้น
เลือดสดในร่างของผู้อาวุโสตระกูลกวนซานที่เป็นขั้นครึ่งเทวะคนนี้พุ่งทะลุออกจากหลังคอไปอย่างไม่น่าเชื่อ ก่อนพุ่งตรงหายไปยังทิศตะวันตกเฉียงใต้ราวกับลำแสงเลือด ร่างถูกสูบจนแห้งในพริบตา กลายเป็นศพแห้งกรังร่วงลงกับพื้น แตกกระจายเป็นท่อนๆ
ทุกคนตกตะลึง
ชายชราผู้นำตระกูลกวนซานที่อายุราวหกสิบกว่าโมโหเดือดดาล
คนทั้งกลุ่มออกไป ก็เห็นเพียงว่าผู้แข็งแกร่งของตระกูลกวนซานที่เฝ้าอยู่ด้านนอกยี่สิบกว่าชีวิตกลายเป็นศพแห้งล้มกองอยู่ในเวลาเดียวกัน เหมือนไม้ผุเป็นท่อนๆ อย่างไรอย่างนั้น ตายชนิดที่ตายอีกไม่ได้แล้ว
ผู้แข็งแกร่งยี่สิบกว่าคน ในนั้นมีครึ่งเทวะอยู่หนึ่ง อีกสิบกว่าคนเป็นขั้นเหนือมนุษย์สูงสุด กำลังคนของตระกูลโบราณที่แข็งแกร่งเสียเหลือเกิน กลับต้องมาตายลงที่นอกโรงเตี๊ยมอย่างไร้สุ้มเสียง ช่างน่ากลัวเหลือเกิน
ทุกคนมองหน้ากัน รู้สึกว่าใจสั่นวาบ
จอมมารจันทราโลหิตที่ตอนนี้หลบอยู่ในฝูงชนตะโกนขึ้นมา “นี่เป็นวิชาชั่วร้ายของหลี่มู่ ข้าเคยเห็นมาแล้ว มันดูดเลือดมนุษย์ ใช้แก่นเลือดของคนอื่นฟื้นฟูพลังตัวเอง เห็นได้ชัดว่าบาดเจ็บหนักจริงๆ นี่เป็นแค่การขู่ให้พวกเรากลัว ยิ่งแสดงให้เห็นถึงความนอกแข็งในอ่อนของมันอย่างชัดเจน มิเช่นนั้นมันก็ลงมือกับพวกเรานานแล้ว…”
“มีเหตุผล”
“ถูกต้อง มีเหตุผล”
“เจ้าชั่วหลี่ใกล้ตายแล้ว จึงต้องใช้วิธีเช่นนี้ฟื้นฟูพลัง”
จอมมารจันทราโลหิตเปลี่ยนเสียงและตำแหน่งอีก เอ่ยสุมไฟให้ลุกโหม “รอไม่ได้แล้ว มิเช่นนั้นถ้าหลี่มู่ฟื้นพลังคืนมา พวกเราได้ตายกันหมดแน่…”
หมิงซานอ๋องตะโกนสำทับ “ไม่ผิด ตอนนี้เราสังหารทหารต้าเยวี่ยไปแล้วมากมาย หลี่มู่ต้องเดือดดาลมาเอาคืนแน่ ไม่มีทางปล่อยพวกเราไปได้”
ความคิดของคนทั้งหลายถูกวิธีพูดเช่นนี้ชักนำทันที รู้สึกถึงหายนะกันแล้ว
จอมมารจันทราโลหิตใช้วิชาลับทะเลโลหิต เปลี่ยนร่างและตำแหน่ง คอยโหมไฟต่อไป “ไม่ผิด ตอนนี้คือโอกาสสุดท้ายแล้ว บุกเข้าไป สังหารหลี่มู่ กำจัดมารร้ายทิ้งเสีย”
พริบตาเดียว ในสมองของคนทั้งหมดก็เริ่มมีเลือดร้อนสูบฉีด
เวลาไม่คอยท่า ไม่ลงมือตอนนี้จะต้องเสียใจภายหลังแน่
จอมมารจันทราโลหิตพุ่งตรงออกไปด้านนอกก่อนทันที เอ่ยว่า “สังหารกากเดนต้าเยวี่ยให้สิ้น ชิงสมบัติบนตัวหลี่มู่มา เขาต้องมีวิชาลับที่สุดยอดแน่ ถึงฝึกฝนได้รวดเร็วเช่นนี้…”
สมบัติ?
วิชาลับ?
ในหัวของคนส่วนหนึ่งเกิดเสียงดังสนั่นในพริบตา เมื่อเห็นร่างของจอมมารจันทราโลหิตพุ่งออกไปก็พุ่งตามทันที กลัวว่าจะถูกคนอื่นแย่งไปเสียก่อน
“สังหารหลี่มู่ ชิงสมบัติมา”
“ฆ่าๆๆ”
กลุ่มคนบ้าคลั่งกันแล้ว
ผู้แข็งแกร่งจากตระกูลใหญ่และสำนักโบราณนับสิบกระโจนออกไปปานฝูงผึ้ง
ส่วนจอมมารจันทราโลหิตที่เดิมทีนำอยู่ด้านหน้าสุดกลับมาอยู่รั้งท้ายอย่างน่าประหลาดยิ่ง ใบหน้าแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์ จากนั้นร่างค่อยๆ หายเลือนไป
……
“ขอบคุณท่านที่ช่วยเหลือ” ฉินเจินขอบคุณบัณฑิตวัยกลางคนใบหน้างามสง่า
บัณฑิตวัยกลางคนยิ้มให้บางๆ ไม่ได้พูดอะไร
ไป๋ม่อโฉวร้องฮึอยู่อีกด้าน แต่ก็ไม่พูดสิ่งใด
ฉินเจิ้งยืนอยู่ข้างๆ ไป๋ม่อโฉว สวมชุดบัณฑิตสะพายตะกร้าหนังสือไว้ด้านหลัง นิ่งๆ สงบเงียบ เป็นหนุ่มน้อยที่มีเสน่ห์มากคนหนึ่ง กำลังสังเกตบัณฑิตคนนี้ด้วยสีหน้าสงบ
ไป๋ม่อโฉวเดินทางคนเดียวออกจากเมืองขาวพิสุทธิ์ ขี่กระเรียนขาวจนในที่สุดก็มาถึงด่านเมืองมังกร องค์หญิงฉินเจินพาน้องชายฉินเจิ้งตามไป๋ม่อโฉวมาด้วย รวมทั้งสิ้นแปดคน นอกจากฉินเจิ้งแล้วทุกคนเป็นหญิงกันหมด ด้วยเหตุนี้จึงดูเตะตาอย่างยิ่ง
ด้านนอกเมือง ผู้แข็งแกร่งที่ไม่รู้มาจากสำนักไหนกลุ่มหนึ่งเห็นหญิงสาวเหล่านี้มีใบหน้าสะสวย ไม่เหมือนเป็นยอดฝีมือ จึงเข้ามาลวนลาม ทว่าถูกบัณฑิตวัยกลางคนคนนี้ดุด่าไล่ตะเพิดไป
นี่ถือว่าเป็นวีรบุรุษช่วยสตรีได้อยู่
ฝีมือของบัณฑิตกลางคนคนนี้มองระดับไม่ออก แต่มุ่งหน้าไปด่านเมืองมังกรเช่นกัน “แม่นางทุกท่านก็จะไปด่านเมืองมังกรเหมือนกันหรือ บนยุทธจักรสถานการณ์วุ่นวาย ด่านเมืองมังกรตอนนี้ก็เหมือนถ้ำเสือถ้ำมังกร ไม่สู้ให้ข้าน้อยคุ้มกันไปส่งพวกท่านเถอะ”
ไป๋ม่อโฉวร้องเชอะ แต่ก็ไม่ได้คัดค้านอะไร
ทั้งกลุ่มเดินทางอีกราวหนึ่งก้านธูปจึงเข้าสู่ด่านเมืองมังกร
ด่านชายแดนฉินตะวันตกที่เคยคึกคักในวันวาน บัดนี้กลับกลายเป็นเมืองร้าง ทหารต้าเยวี่ยกำลังวุ่นเก็บศพชาวเมืองที่ถูกสังหาร กำลังทหารกระจัดกระจาย ในเมืองไร้ซึ่งระเบียบ ที่เห็นอยู่เป็นคนในยุทธจักรทั้งสิ้น
เสียงตะโกนสังหารดังมา
จวนเจ้าเมืองถูกล้อมเอาไว้
“ให้หลี่มู่ออกมาเสีย”
“พวกเราเดินทางมานับพันลี้ จะขอแลกเปลี่ยนวรยุทธ์กับเทวะหลี่ แต่กลับหลีกหลบไม่พบหน้า เสียมารยาทเกินไปแล้ว”
“สังหารเจ้าชั่วหลี่ ขจัดภัยร้ายให้สวรรค์”
คนหลายพันตะโกนอึกทึก อยู่ในอารมณ์ฮึกเหิม
ฉีหวายผู้แข็งแกร่งอันดับสองของฉู่ใต้จากสำนักบัณฑิตถามเต๋านั่งอยู่บนหอชั้นสองฝั่งตรงข้ามจวนเจ้าเมือง มุมปากยกยิ้ม มองเงียบๆ ด้วยสีหน้าไม่ใส่ใจ จู่ๆ เขาก็สัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง เมื่อหันไปมองกลุ่มฉินเจินกับซ่างกวนอวี่ถิงที่เพิ่งเดินเข้ามา สายตาหยุดลงที่ร่างบัณฑิตวัยกลางคนคนนั้นแวบหนึ่ง จากนั้นจึงเก็บสายตากลับมา
ในด่านเมืองมังกรประหนึ่งถังดินปืนถูกจุดไฟ เพียงสัมผัสก็จะระเบิด
เวลานี้ หลี่มู่อุ้มทารกหญิงไว้ในอ้อมอก เดินมาถึงประตูด่านเมืองมังกรทิศประจิมพร้อมกับกองทหารต้าเยวี่ยหลายร้อยแล้ว
ดวงตาของเขามีประกายบางๆ
ทารกหญิงที่กินอิ่มแล้วฟื้นกำลังวังชากลับมา ซุกซนเป็นอย่างมาก หัวเราะคิกคักอยู่ในอ้อมอกเขา ดวงตาโตเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นจับจ้องใบหน้าหลี่มู่ที่เริ่มมีหนวดเคราขึ้น และยังยื่นมือออกไปคิดจะจับใบหน้าของเขา
……………………………………….
[1] ไป่ฟูจ่าง คือตำแหน่งหัวหน้าทหารที่คุมกองกำลังราวหนึ่งร้อยคน