จอมศาสตราพลิกดารา - บทที่ 432 ฉันชอบนาย
“อะไรนะ เขา…พูดเช่นนี้รึ?” จักรพรรดิหนุ่มแห่งซ่งเหนือได้ยินคำตอบของปาเสียนอ๋องแล้ว หน้าก็เปลี่ยนสี ณ ตรงนั้นทันที “เขากล้ารังแกข้าเช่นนี้ เขา เขาเหมือนว่าจะกล้าจริงๆ ด้วย…เสด็จอา จะทำอย่างไรดี?”
จักรพรรดิหนุ่มปากบอกโมโห แต่ในใจลนลานแล้ว
ปาเสียนอ๋องตอบ “ฝ่าบาท มีเพียงยอมรับปากเท่านั้น ไม่มีวิธีอื่นแล้ว เทวะหลี่หากตัดสินใจแล้ว ไม่มีโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงแน่ อีกทั้งหม่อมฉันยังรู้สึกว่านี่ก็ทำเพื่อประชาชนที่อยู่ในเมือง แผ่นดินไหวถี่ขึ้น ในเมืองหลินอันน่าจะเกิดเรื่องใหญ่บางอย่างขึ้น”
จักรพรรดิหนุ่มทอดถอนใจ
คราวนี้ไม่อาจละเลยได้แล้ว
จักรพรรดิก็ต้องดูสีหน้าของคนอื่นด้วย
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นข้าจะรีบถ่ายทอดราชโองการ” จักรพรรดิซ่งเหนือถึงแม้จะกลัดกลุ้ม แต่ก็เด็ดขาดและกล้าหาญ ในเมื่อตัดสินใจศิโรราบต่อหลี่มู่ เช่นนั้นก็จะไม่ยืดเยื้อเวลา รีบสั่งคนร่างราชโองการทันที
ด้วยเหตุนี้ หลังจากราชโองการฉบับหนึ่งร่างเสร็จ ก็ส่งม้าเร็วออกไปแจกจ่ายให้กับกรมการปกครองต่างๆ เริ่มย้ายประชากรในเมืองกันทั้งวันทั้งคืน
อำนาจการปกครองของจักรวรรดิขับเคลื่อน
ระบบการปกครองของซ่งเหนือเปลี่ยนไปมาหลายปี ถึงแม้ซับซ้อนมากแล้ว แต่อย่างไรเสียก็เหมือนกับเครื่องจักรเก่าขึ้นสนิมเครื่องติด มีผลลัพธ์ที่ขั้วอำนาจใดก็ไม่อาจเทียบได้
วันที่สอง ประชาชนค่อนเมืองหลินอัน รวมทั้งกองทัพที่ปักหลักและขุนนางระดับต่างๆ พากันย้ายออกไป ตอนบ่ายของวันที่สามก็มีประชากรทั้งหมดเจ็ดส่วนสิบย้ายออกไป
ยังเหลืออีกสามส่วน แต่คนพวกนี้ไม่เชื่อว่าจะมีภัยพิบัติมาเยือน ต่อให้สองวันนี้เกิดแผ่นดินไหวน้อยใหญ่หลายสิบครั้ง แต่กลับใช้เหตุผลต่างๆ ปฏิเสธไม่ยอมเคลื่อนย้าย
สำหรับคนพวกนี้ หลี่มู่ไร้ซึ่งคำพูด
เขาไม่ใช่พระโพธิสัตว์ที่ลงมาช่วยคนทุกข์ยาก ไม่อาจช่วยได้ทุกคน อีกทั้งต่อให้เป็นพุทธองค์ ก็ทำได้แค่โปรดคนที่มีวาสนาเท่านั้น คนจะอยู่รอความตาย หลี่มู่จะทำอะไรได้?
แผ่นดินไหวในเมืองหลินอันรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
วันที่ห้า แผ่นดินไหวครั้งรุนแรงเข้าโจมตี วังหลวงที่มีค่ายกลลายดาราคุ้มกันยังถล่มลงไปเป็นหลุมลึก ประหนึ่งถูกแผ่นดินกลืนลงไปอย่างไรอย่างนั้น สภาพเมืองหลินอันเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง แม่น้ำหลายสายเปลี่ยนทางน้ำ ภูเขาพังถล่ม ทะเลสาบหนองบึงแห้งเหือด…
คนที่อยู่ในเมืองบาดเจ็บล้มตายไปกว่าครึ่ง ถึงจะทยอยกันย้ายออกไป
ข่าวภัยพิบัติต่างๆ เริ่มลือไปถึงนอกเมือง
ส่วนหลี่มู่ก็ยังคงจับตาอยู่ตลอด
ตอนนี้เขายิ่งแน่ใจ สุสานเทพที่ว่าน่าจะซ่อนอยู่ใต้ดินเมืองหลินอัน แผ่นดินไหวกับหลุมสวรรค์ที่เกิดขึ้นล้วนเกิดจากพลังชีพจรมังกรใต้ผืนดินเริ่มปั่นป่วนและทะลักล้นออกมาข้างนอก
หลังจากนั้นสิบวัน หลี่มู่ก็มั่นใจเต็มร้อย สุสานเทพจะต้องอยู่ใต้เมืองหลินอันแน่
เพราะเนตรสวรรค์ของเขาจับสัมผัสได้ว่าใต้เมืองหลินอันมีพลังเทพที่น่าหวาดหวั่นมหาศาลหล่อเลี้ยงอยู่ ในขณะเดียวกันก็มองเห็นกลุ่มสิ่งก่อสร้างขนาดมหึมาใต้ดินได้รางๆ ดูประหนึ่งต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งที่เจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว งอกงามมาจากข้างใต้ ทะลุพื้นดินของเมืองหลินอันขึ้นมา
“ใช่แล้ว สุสานเทพ สุสานเทพ ในเมื่อมีคำว่าสุสาน คิดดูแล้วก็น่าจะเหมือนกับสุสานของมนุษย์ ซ่อนไว้ลึกใต้ผืนดินเหมือนกัน…”
หลี่มู่เฝ้ารอคอย
ถึงแม้จะรับรู้ว่าใต้ดินมีสุสานเทพ แต่ว่ากลับไม่อาจเข้าไปข้างในก่อนได้
เพราะหลังจากสำรวจในรอยแยกบนพื้นติดต่อกันหลายครั้ง หลี่มู่พบว่าพลังเทพที่น่ากลัวขุมนั้นราวเกราะคุ้มกันปกคลุมพื้นที่ใต้ดินสามสิบจั้งไว้ ด้วยความสามารถของเขาก็ยังไม่อาจทำลายได้
ในความทรงจำของปีศาจเพลิงทมิฬบอกเอาไว้ ยามสุสานเทพเปิดจะมีค่ายกลชั้นเลิศปกป้อง หลังจากที่เปิดออกเอง คนนอกถึงจะเข้าไปได้ มิฉะนั้น ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งที่ข้ามสะพานเป็นตายเปิดเส้นทางลงมาเยือน ก็ยังไม่อาจฝืนทำลายเข้าไป
ทำได้แค่รอต่อไป
เวลาเดียวกัน หลี่มู่สัมผัสได้ว่ามีกลิ่นอายพลังที่ซ่อนเร้นเป็นอย่างยิ่งหลายสิบสายเข้ามาในเมืองฉางอัน แอบซ่อนอยู่ในทุกที่
เห็นได้ชัดว่าผู้แข็งแกร่งชั้นยอดที่แท้จริงจากฝั่งต่างๆ รวมถึงผู้สืบทอดสำนักในห้วงดาราสมุทรนอกพิภพที่ลงมาเยือนแล้วบางคนก็กำลังรอสุสานเทพเปิด เตรียมพร้อมเข้าไปในสุสานเทพเพื่อชิงโอกาสวาสนาทุกเวลา
หลี่มู่ลองชิงลงมือก่อนได้เปรียบ ลากคนพวกนี้ออกมาจากในที่ลับ จัดการก่อนชุดหนึ่ง เพื่อลดความดุเดือดของการช่วงชิงหลังจากสุสานเทพเปิดอย่างแท้จริง
ทว่า หลังจากที่เขาใช้พลังอัสนีสังหารผู้สืบทอดของสำนักนอกพิภพสำนักหนึ่งชื่อว่าทะเลตาข่ายสวรรค์ไปสองคน ก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงการแหวกหญ้าให้งูตื่น ดังนั้นผู้แข็งแกร่งคนอื่นจึงต่างซ่อนกายอย่างระมัดระวัง หลี่มู่ไม่อาจหาพวกเขาพบในทันที…
อย่างไรเสียก็เป็นผู้สืบทอดของสำนักนอกพิภพ มีไม้เด็ดไร้เทียมทานที่เป็นของตัวเองกันทั้งนั้น
วันที่สิบห้าเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอีก
แสงมารสีดำทะลักมาจากใต้ดินเมืองหลินอัน พวยพุ่งขึ้นสู่ฟ้า ทะเลแสงท่วมเมืองหลินอันจนมิด มีเสียงหวีดร้องน่าขนลุกเหมือนวิญญาณแค้นในนรกดังออกมาจากทะเลแสงสีดำ ราวกับประตูนรกเปิดออก
วันนี้ นายแห่งวิหารเทพหมาป่ากัวอวี่ชิงมาถึงเมืองหลินอัน เพื่อมารวมตัวกับหลี่มู่
หลี่มู่เชิญกัวอวี่ชิงมา
การชิงสมบัติสุสานเทพสำคัญยิ่งนัก หลี่มู่ไม่กล้าประมาท ตอนที่ออกมาจากเมืองขาวพิสุทธิ์จึงส่งวานรภูเขาขนทองหยวนโห่วไปเชิญกัวอวี่ชิงมา กัวอวี่ชิงก็ไม่บ่ายเบี่ยง หลังจากจัดการที่พักอาศัยให้ภรรยาและลูกเรียบร้อยแล้ว ก็รับคำเชิญมายังเมืองหลินอัน
“พี่น้องเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว ใช้พลังได้มหาศาล”
สองหมัดกระทบกันเบาๆ ใบหน้าของชายทั้งสองต่างฉายรอยยิ้ม
เมืองหลินอันตอนนี้กลายเป็นเมืองมารไปแล้วโดยสมบูรณ์
แสงดำเดือดพล่านท่วมผืนแผ่นดิน เสียงร้องโหยหวนของวิญญาณร้ายดังออกมาไม่หยุด
ผืนดินแหลกละเอียด
รูปสลักหินเหี้ยมโหดสีดำขนาดมหึมาแต่ละรูปผุดขึ้นมาจากใต้ดิน รูปร่างแปลกประหลาด บ้างเป็นนักรบถือกระบี่ บ้างเป็นสัตว์ประหลาดแยกเขี้ยว บ้างเป็นวิญญาณหน้าผี บ้างเป็นทหารม้าไร้หน้า…
สนามพลังไร้รูปร่างแผ่กระจายมา
กลิ่นอายนอกพิภพไหลวน
ช่วงเวลาสุดท้ายมาถึงแล้ว
“เสี่ยวอวี่ ฉันจะส่งเธอออกไปจากเมืองหลินอันแล้วกัน” หลี่มู่เอ่ย หลายวันนี้หลี่มู่ใช้ค่ายกลควบคุมแสงดำ คุ้มกันจวนปาเสียนอ๋องไว้ หวางซืออวี่ยังอยู่ในเมืองตลอด
หวางซืออวี่ลังเลเล็กน้อย บอกว่า “พี่มู่ ฉันอยากเข้าไปในสุสานเทพด้วย บางทีอาจจะได้เจอโอกาสวาสนา”
หลังจากหลี่มู่ลังเลก็ส่ายหน้า “อันตรายเกินไป”
การชิงสมบัติสุสานเทพครั้งนี้ไม่เหมือนกับในอดีต ฝั่งต่างๆ ที่มาเข้าร่วมโดยพื้นฐานแล้วเป็นขั้วอำนาจชั้นนำในแผ่นดินใหญ่เสินโจว รวมทั้งสำนักนอกพิภพที่ซ่อนกายอยู่เบื้องหลัง หลี่มู่เองก็ไม่มั่นใจเต็มร้อย ถึงได้เชิญกัวอวี่ชิงมาด้วย เขาไม่ใช่ว่าไม่อยากพาหวางซืออวี่เข้าไป แต่ประเด็นคือไม่มีความมั่นใจที่จะคุ้มครองความปลอดภัยให้กับเธอ
“ก็ได้” หวางซืออวี่ยิ้มๆ “ฉันรู้สึกว่าต่อให้เข้าไป ฉันก็คงเป็นภาระนาย”
หลี่มู่เอ่ยตอบ “เธอวางใจเถอะ ต่อให้ต้องบุกน้ำลุยไฟ ฉันก็จะหาโอกาสวาสนามาให้เธอแน่นอน”
หวางซืออวี่ล้วงเอายันต์คุ้มกันสีเหลืองอันหนึ่งออกมาจากอกเสื้อ เดินไปสวมไว้ที่คอหลี่มู่เองกับมือ ก่อนเอ่ยว่า “นี่คือยันต์คุ้มกันที่ฉันแอบขโมยมาจากพ่อบุญธรรม ศักดิ์สิทธิ์สุดๆ นายสวมเอาไว้…ฉันจะอยู่ข้างนอก รอนายกลับมาอย่างปลอดภัย”
พูดแล้วเธอก็เขย่งปลายเท้า กอดหลี่มู่เบาๆ ทั้งยังหอมที่แก้มเขาราวแมลงปอโฉบผ่านผิวน้ำ จากนั้นถอยหลังยิ้มตาหยี มือทั้งสองบิดม้วนอยู่ข้างหลัง แล้วพลันตะโกนเสียงดังว่า “หลี่มู่”
หลี่มู่ตกใจ เอ่ยไปโดยไม่รู้ตัว “หือ?”
“ฉันชอบนาย” หวางซืออวี่เงยหน้า ยิ้มพลางบอก
“หา?” หลี่มู่ยังตั้งสติกลับมาไม่ได้
“ตั้งแต่ตอนมอหนึ่งฉันก็ชอบนายแล้ว” หวางซืออวี่ยิ้ม ท่าทางสงบเยือกเย็นและเหมือนยกภูเขาออกจากอก
ใจของหลี่มู่สั่นสะท้านชั่วขณะหนึ่ง
หวางซืออวี่ในช่วงมอหนึ่งเคยเป็นสาวในฝันของเพื่อนร่วมชั้นมากมายเลยเชียว
“เอาละ ฉันพูดจบแล้ว” หวางซืออวี่พูดแกมหัวเราะ “นายไม่ต้องบอกนะว่าชอบหรือไม่ชอบฉัน ฮิๆ ฉันไม่อยากรู้หรอก”
สุดท้าย หลี่มู่ที่ยังอึ้งงันอยู่หน่อยๆ ก็ส่งหวางซืออวี่ออกไปอยู่ข้างกายปาเสียนอ๋องที่นอกเมือง
ครืน!
ฟ้าดินสั่นไหว
แสงดำหลายสิบสายพวยพุ่งขึ้นฟ้า ทิ่มแทงท้องฟ้าสีครามสดใส ทะลุผ่านเข้าไปในห้วงดาราอันไร้ขอบเขต เหมือนเชื่อมดวงดาราที่ไกลโพ้นกับโลกใบนี้เข้าด้วยกัน แปลกประหลาดและยิ่งใหญ่นัก
จากนั้นก็เห็นทะเลแสงสีดำที่เมืองหลินอันเดือดพล่าน เงารูปร่างคนสูงหลายร้อยลี้กระเสือกกระสนออกมาจากทะเลแสงราวกับคนจมน้ำพยายามจะดิ้นรนขึ้นสู่ผิวน้ำ มองหน้าเห็นไม่ชัด กำลังแหงนหน้าคำรามอย่างเดือดดาลไปยังท้องฟ้าดุจกำลังสาปแช่ง คลื่นกระเพื่อมที่น่าหวาดหวั่นไหลทะลัก ประหนึ่งยมบาลจากปรโลกมาเยือน
ไม่นาน ก็มีโซ่เหล็กสีดำดั่งมังกรร้ายหลายสิบเส้นพุ่งออกมาจากกลางทะเลแสง แล้วตรงเข้าพันธนาการเงาร่างนั้นไว้ จากนั้นฉุดกลับลงไปยังทะเลแสงสีดำอีกครั้ง!
สุสานเทพเปิดออกแล้วโดยสมบูรณ์
ใต้พื้นดินเมืองหลินอัน พลังเทพที่ปกคลุมสุสานเขาวงกตใต้ดินกลุ่มนั้นค่อยๆ สลายไป หลุมสีดำขนาดมหึมาปานหลุมไร้ก้นแต่ละหลุมนำทางไปยังใต้ผืนดินลึกหลายลี้
ด้วยพลังเนตรของหลี่มู่และกัวอวี่ชิง ต่างมองเห็นปากสุสานมืดมิดสีดำใต้ผืนดินลงไปสามสิบจั้งที่มีควันดำลอยอย่างชัดเจน อีกทั้งไม่ใช่เห็นแค่ปากสุสานเท่านั้น แต่ยังเห็นเงาน้อยใหญ่หลายร้อยเงามุ่งเข้าไปในสุสานเทพสีดำ
“ไป”
ทั้งสองคนไม่ลังเล เข้าไปในหลุมมหึมานั่นทันที
ในขณะเดียวกัน ขั้วอำนาจฝั่งต่างๆ ที่ซุ่มอยู่ในเมืองหลินอันก็เคลื่อนไหวแล้วในที่สุด
เทวะเสียไห่และจอมมารจันทราโลหิตสองคนปรากฏตัวทางฝั่งตะวันตกของเมืองหลินอัน เลือกหลุมสวรรค์หลุมหนึ่งแล้วเข้าไปในนั้นจากปากทางเข้าสุสานรูปสามเหลี่ยม ร่างถูกควันดำกลบมิด…
“วาสนาของข้ามาถึงแล้ว หากได้สมบัติชิ้นนั้นมาก็จะสามารถกำราบขั้นเดียวกันได้…” เยวี่ยกั๋วเซียงปรากฏตัวขึ้นแล้ว เทียบกับตอนเพิ่งมาถึงครั้งแรก พลังของเขาแข็งแกร่งขึ้นไม่รู้ต่อกี่เท่า พลังลมก็ปราณเต็มร้อย เขาเลือกปากสุสานหนึ่งก่อนจะก้าวเข้าไปเช่นกัน
“ฮี่ๆ หลี่มู่ รอข้าจัดการเรื่องในขุมทรัพย์สุสานเทพให้เรียบร้อยก่อนเถอะ ข้าจะต้องทำให้เจ้ารู้ว่าสำนักนอกพิภพไม่ใช่กลุ่มที่คนกากเดนอย่างเจ้าจะมาหาเรื่องได้” เยวี่ยกั๋วเซียงเดินไปพลางสาปแช่งอย่างเคียดแค้น
ภาพที่ตัวเองต้องหนีหัวซุกหัวซุนเพราะถูกหลี่มู่ไล่ฆ่าที่วังประสานฟ้าในวันนั้น ทำให้เขาไม่สบายใจอยู่ตลอดเวลา
“นี่คือสุสานเทพที่ทำให้สำนักใหญ่ต่างๆ ในเขตดาราสมุทรแห่แหนกันมาอย่างนั้นรึ?” พี่น้องสาวงามคู่หนึ่งปรากฏตัวขึ้นในหลุมสวรรค์หลุมหนึ่งทางทิศใต้