จอมศาสตราพลิกดารา - บทที่ 444 เมฆฝนรวมตัว
ชิงเฟิงมองหวางซืออวี่ด้วยสายตาแปลกประหลาด สตรีผู้นี้เป็นใครกันแน่ ขนาดว่าฟ้าดินและกฎแห่งธรรมชาติต่อต้านถึงขนาดนี้?
“พวกเราไปจากที่นี่กันเถอะ” หวางซืออวี่ลุกขึ้น หมุนตัวออกไปจากสวนผลไม้อย่างเด็ดเดี่ยว
สีหน้าของนางกลับสู่ความสงบราบเรียบ เหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นอย่างไรอย่างนั้น
ชิงเฟิงถอนหายใจยาวและไม่พูดอะไรอีก
เขามองต้นสายปลายเหตุบางอย่างออก แต่ว่านี่ไม่ใช่เรื่องที่เขาเปลี่ยนแปลงได้ ทำได้แค่ค่อยๆ ขบคิด ถึงแม้เขาจะไม่ได้แสดงอารมณ์ออกมาอย่างรุนแรงแบบหมิงเยวี่ยแบบนั้น แต่ในใจเขาก็เต็มไปด้วยความเห็นอกเห็นใจและโมโหเช่นกัน
สวรรค์ไยจึงต้องกลั่นแกล้งให้กับเด็กสาวที่ฉลาดและจิตใจดีเช่นนี้ด้วย?
เรื่องราวของท่านหญิงหวนจูในเมืองหลินอัน เขานั้นได้ยินมาบ้าง นางช่วยประชาชนยากจน ผู้อพยพไว้มากมาย ต่างจากพวกชนชั้นสูงฟอนเฟะโดยสิ้นเชิง เป็นคนดีจริงๆ คนหนึ่ง
หยวนโห่วก็ไม่รู้ควรจะพูดอะไรดีเช่นกัน
มันเชี่ยวชาญเล่นงานคน แต่ไม่เชี่ยวชาญเรื่องปลอบคน
ทั้งสี่เดินออกจากสวนผลไม้ ชิงเฟิงพลันเอ่ยขึ้น “ท่านหญิง กระบองทองนี่ไม่ต่อต้านท่าน บางทีอาจจะเป็นโอกาสส่วนหนึ่งของท่าน”
หวางซืออวี่หยุดฝีเท้า มองไปยังกระบองทองที่หยวนโห่วยื่นมา
กระบองทองในไซอิ๋วก็ไม่นับว่าเป็นของวิเศษมีค่าอะไรจริงๆ นั่นแหละ เพียงแต่เป็นอุปกรณ์ที่เอาไว้เก็บผลทารกน้อย แต่ก็มีการใช้งานอย่างยอดเยี่ยมบางอย่าง ยกตัวอย่างเช่นต่อให้เป็นซุนหงอคงก็ไม่อาจใช้พลองทองเด็ดผลทารกน้อยได้ แต่ต้องไปขโมยกระบองทองนี่ถึงจะเก็บมันได้
หวางซืออวี่รับกระบองทองมาไว้ในมือ มุมปากพลันยกยิ้ม
“ของที่นี่ไม่ใช่ของของข้า โอกาสของข้าไม่อยู่ที่นี่” นางพลันโยนกระบองทองกลับไป “ของในอารามอู่จวง ข้าไม่เอาทั้งสิ้น”
หยวนโห่วรับกระบองทองไว้พลางมองเด็กสาวที่อยู่ข้างหน้า ในใจพลันรู้สึกสู้ไม่ได้
ช่างเป็นเด็กสาวที่เด็ดเดี่ยวยิ่งนัก
หมิงเยวี่ยก็ช่วยอยู่ข้างๆ “ใช่แล้ว อารามเก่าๆ พรรค์นี้” นางยื่นมือล้วงเข้าไปในคอ อาเจียนออกมา “ผลทารกน้อยบ้าบออะไร ข้าก็ไม่เอาแล้วเหมือนกัน ข้าจะอ้วกเอามันออกมา…”
ใช่แล้ว เด็กสาวหน้ามึนมีคุณธรรมอย่างนี้แหละ
หวางซืออวี่หัวเราะ กำลังจะพูดอะไร
“โอ๊ะ โอ๊ะๆๆ…ไม่ไหว ปวดท้อง” หมิงเยวี่ยพลันกุมท้องร้องขึ้นมา หน้าตาขาวซีดในทันที พุ่งไปยังที่ที่ไม่มีคน “ข้าท้องเสีย…”
“โอ๊ะ ข้าก็เหมือนว่า…” หยวนโห่วจู่ๆ ก็กุมท้อง หน้าตากลั้นเอาไว้ไม่อยู่แล้ว “ไม่ไหว ข้าก็ท้องเสียเหมือนกัน ข้า…” ท้องของมันส่งเสียงราวฟ้าคำราม มันหมุนตัววิ่งจากไป
หวางซืออวี่มองชิงเฟิงอย่างสงสัย
ชิงเฟิงสงบเยือกเย็นอยู่ตลอด
เพียงแต่หยดเหงื่อเม็ดเล็กๆ ที่ผุดบนหน้าผากหักหลังเขา ไม่นานท้องก็ส่งเสียงคำรามครืนครานลั่นเช่นกัน เขาใช้พลังจิตวิญญาณเข็นรถเข็นอย่างไม่ลนลาน ตรงไปยังหลังต้นไม้ใหญ่อย่างไม่รีบร้อน
หรือกินผลทารกน้อยแล้วท้องจะเสีย?
หวางซืออวี่แปลกใจ
นางจำได้ว่า ในไซอิ๋ว หงอคง โป๊ยก่ายและซัวเจ๋งกินผลทารกน้อยก็ไม่มีอาการผิดปกติอะไรนี่นา ทำไมสามคนนี้…
แต่ว่าหวางซืออวี่กลับลืมไปว่า สามท่านนั้นเป็นผู้พลังแข็งแกร่งมหาศาลปานใด บุคคลดุจเทพเซียนบนดิน ส่วนพวกชิงเฟิงหมิงเยวี่ยสามคน ตอนนี้ก็เป็นเพียงคนธรรมดา ผลทารกน้อยปรับเสริมร่างกาย ชะล้างเปลี่ยนแปลงร่างกาย แน่นอนว่าเป็นหนึ่งในขั้นตอนที่ต้องเผชิญ
ผ่านไปครู่หนึ่ง หมิงเยวี่ยก็วิ่งออกมาด้วยใบหน้าพึงพอใจ “สบาย ฮ่าๆ ในที่สุดก็เอาออกมาหมด…”
พูดยังไม่ทันจบ ก็หน้าเปลี่ยนสี จู่ๆ ก็วิ่งกลับไปเหมือนไฟลนก้น
เป็นซ้ำๆ กลับไปกลับมาเช่นนี้
หลังจากทรมานอยู่หนึ่งชั่วยามเต็มๆ ทั้งสามถึงได้จบขั้นตอนการท้องเสียนี่อย่างหมดเรี่ยวหมดแรง หมิงเยวี่ยนั่งหมดสภาพบนบ่าของหยวนโห่ว ส่วนชิงเฟิงหน้าเหลือง
แต่แววตา พลังชีวิต เลือดลมปราณของทั้งสามกลับพอกพูน ผิวก็เหมือนเปลี่ยนไป ใสเปล่งประกาย ความอัศจรรย์ต่างๆ ในนั้นมีเพียงพวกเขาที่รับรู้
“เป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งฟ้าดินจริงๆ ด้วย” ชิงเฟิงเอ่ยชื่นชม “ฤทธิ์ยาของผลไม้นี่นับว่าอ่อนโยนแล้ว หากเปลี่ยนของล้ำค่าฟ้าดินอื่นๆ เกรงว่าพวกเราในตอนนี้คงตัวระเบิดจากพลังอันบ้าคลั่งแล้ว ก่อนหน้านี้กินผลไม้นั่นเข้าไปเลยนับว่าบุ่มบ่ามแล้วจริงๆ”
นี่เป็นเหตุผลที่เขาเข้าใจในตอนที่ท้องเสีย
“ฤทธิ์ยายังอยู่ในร่างกาย จะค่อยๆ ผสานกับร่างของพวกเรา น่าจะดีกับพลังฝึกตนของพวกเรามหาศาล” ชิงเฟิงเอ่ยเสริมอีกประโยค
นี่คือประสบการณ์ตรงของเขา
พูดกันว่าเมื่อป่วยนานก็กลายเป็นหมอ สองขาของชิงเฟิงไม่อาจเคลื่อนไหวได้อีก ทำให้เขาเข้าใจต่อตัวเองและอาการของโรคเหนือกว่าใครๆ สัมผัสได้ว่า ในกายของเขาตอนนี้เต็มไปด้วยพลังอันน่าประหลาดแผ่ไปทุกที่ทั่วร่าง เหมือนว่าตัวเองกลายเป็นผลทารกน้อยลูกยักษ์ใบหนึ่ง
พลังของผลทารกมากมายมหาศาลนัก ไม่ใช่พลังที่จะสามารถซึมซับได้ในเวลาชั่วประเดี๋ยวประด๋าว ดังนั้นต้องใช้เวลาอย่างยาวนาน ค่อยๆ ฝึกฝนเปลี่ยนสรรพคุณยาเป็นพลังฝึกตน
หวางซืออวี่ที่รออยู่ข้างๆ หัวเราะ “ดีที่ข้าไม่ได้กิน ไม่อย่างนั้นท้องเสีย…ยี้ สกปรกตายเลย”
นางกลับมาเป็นฝ่ายปลอบทั้งสามคน
หลังจากทรมานอีกครู่หนึ่ง ทั้งสี่ก็ตัดสินใจไปจากอารามอู่จวง
ในอารามแห่งนี้ไม่มีสิ่งอื่นใดอีกแล้ว
เดินมาตามทาง ไม่นานก็มาถึงประตูใหญ่ของอารามอู่จวง หมิงเยวี่ยกำลังจะผลักประตู ตอนนี้สีหน้าของชิงเฟิงพลันเปลี่ยน ทำท่าอย่าส่งเสียงแล้วเอ่ย “รีบหลบเร็ว ข้างนอกมีคนมา”
ทั้งสี่รีบหลบไปยังดงต้นไม้ที่กลายเป็นหินข้างประตูใหญ่ หยวนโห่วปลดปล่อยค่ายกลมายาปกคลุมทั้งสี่เอาไว้ เลี่ยงไม่ให้ถูกพบ
แอ๊ด
ประตูอารามอู่จวงเปิดออก
“ฝ่าบาท ที่นี่ก็คือดินแดนสังหารมารอย่างนั้นหรือ?” เสียงหนึ่งดังมา เป็น ‘จอมมารจันทราโลหิต’
ต่อมาก็เป็นเสียงของเทวะเสียไห่ “ใช่แล้ว เป็นที่นี่ อารามอู่จวง ฮ่าๆ ในที่สุดพวกเราก็มาถึง ที่นี่สะกดมารร้ายที่น่ากลัวที่สุดในโลกเอาไว้ แต่ว่ามีเซียนในห้วงดาราของข้ารักษาการณ์ หนึ่งพันปีหนึ่งครั้ง วันนี้จะเป็นวันที่ข้าจะช่วยท่านเซียนสังหารมาร ชื่อก้องไปทั้งห้วงดาราสมุทร ได้รับมรดกของท่านเซียน ฮ่าๆๆ!”
เทวะเสียไห่เห็นได้ชัดว่าดีใจเป็นอย่างมาก
พวกหมิงเยวี่ยทั้งสี่คนฟังอยู่ในป่าที่ต้นไม้กลายเป็นหินรู้สึกประหลาดใจนัก
ชิงเฟิงความจำดีเป็นอย่างยิ่ง แทบจะเห็นแล้วไม่ลืม ได้ยินแล้วไม่ลืม เขาเคยได้ยินเสียงของจอมมารจันทราโลหิต ดังนั้นจึงนึกออกทันทีว่าเจ้าของเสียงนี้เป็นศัตรูของคุณชาย
เขาทำสัญญาณมือ บอกความหมายของตัวเองรอบหนึ่ง เตือนให้ทั้งสามคนจะต้องซ่อนให้ดี
“เอ๋? ไม่ถูก ประตูนี่เปิดก่อนเวลา” เสียงตกใจของเทวะเสียไห่ดังขึ้น จากนั้นก็เอ่ยอย่างตกใจ “แย่แล้ว รีบตามข้าไปสวนด้านหลังเร็ว จะให้ใครชิงผลเซียนไปก่อนไม่ได้”
ร่างเงาสีเลือดสองทางพุ่งเข้ามาราวสายฟ้า มุ่งไปยังสวนผลทารกด้านหลังอย่างบ้าคลั่ง
ชิงเฟิงเผยสีหน้าแปลกประหลาด
ฟังจากคำพูดแล้วจอมมารจันทราโลหิตกับฝ่าบาทท่านนั้นเหมือนจะรู้ถึงการมีอยู่ของผลทารกน้อย และมาเพื่อผลนี่โดยเฉพาะ?
“พวกเราไปจากที่นี่ก่อน” เขาใช้พลังวิญญาณส่งกระแสจิต
ทว่า ยังไม่ทันที่พวกเขาจะออกมาจากป่าที่ต้นไม้กลายเป็นหิน นอกประตูก็มีเสียงฝีเท้าดังมา ไม่นานก็มาถึง
ทั้งสี่ทำได้แค่รีบซ่อนตัวอีกครั้ง
“ประตูเปิดแล้ว? แย่แล้ว มีคนเข้าไปแล้ว…” ร่างเงาหนึ่งพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว คำรามเอ่ยขึ้น “ตามข้าเข้าไปเร็ว จะให้ใครแย่งผลเซียนไปไม่ได้”
กลับเป็นเงาร่างหนึ่งที่ไอมารหุ้มล้อมทั่วร่าง ข้างหลังยังมีองครักษ์เงาสวมเกราะสีดำของเชื้อพระวงศ์ฉินตะวันตกสิบกว่าร่างตามมาข้างหลัง หลังจากเข้าไปในอารามอู่จวงแล้ว ก็ไม่เหลียวแลสถานที่ใด พุ่งตรงไปยังสวนผลทารกน้อยข้างหลังห้องเต๋า รวดเร็วปานสายอัสนี
เห็นได้ชัดว่า พวกเขาไม่ใช่แค่รู้ถึงการมีอยู่ของผลทารกน้อย ทั้งยังรู้ตำแหน่งของต้นไม้ พวกเขาคุ้นเคยเป็นอย่างมาก เหมือนว่าแต่ก่อนเคยมาแล้วอย่างไรอย่างนั้น
“จะต้องรีบออกไปจากที่นี่”
ชิงเฟิงตัดสินใจทันที
พวกเขาทั้งสี่ หยวนโห่วกับหมิงเยวี่ยกำลังรบสูงสุด แต่ก็ไม่ใช่คู่มือของคนสองกลุ่มที่เข้าไปก่อนหน้านี้อย่างแน่นอน หวางซืออวี่ยิ่งไม่มีวรยุทธ์ หากโดนเศษคลื่นพลังล่ะก็…ผลที่จะเกิดขึ้นคงเลวร้ายจนไม่กล้าคาดคิด
ทว่า ยังไม่ทันที่พวกเขาจะไปถึงหน้าประตูใหญ่ ที่ไกลๆ ก็มีกลิ่นอายอีกหลายสายพุ่งตรงมายังอารามอู่จวงอย่างรวดเร็วเป็นที่สุด
ชายหนุ่มนัยน์ตาสีเงินมือถือเกราะโปร่งแสงที่มีมังกรเก้าตัวพันล้อมอยู่ หน้าตาท่าทางไม่ธรรมดา รวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง หลังจากก้าวเข้ามาในอารามอู่จวงแล้วก็ใบหน้าร้อนลน ก่อนจะรีบไปยังสวนผลทารกน้อยอย่างรวดเร็ว
จากนั้นก็เป็นพี่น้องหน้าตางดงามคู่หนึ่งเดินเข้ามาจากข้างนอก
พี่สาวหน้าตางดงามเป็นอย่างยิ่ง ผิวพรรณขาวเนียนดุจหยก รูปร่างอรชรร้อนแรง กลิ่นอายไม่ธรรมดา ส่วนน้องสาวอยู่ในชุดแบบคล่องแคล่ว ที่เอวมีดาบที่ยาวกว่าความสูงของนางห้อยอยู่ ถึงแม้คิ้วตาจะงามงดยิ่งนักแต่กลับไม่มีปาก บริเวณปากเป็นผิวขาวเรียบเนียน ดูแล้วขบขันนัก อู้ๆ อี้ๆ เหมือนกำลังพูดอะไร…
“อู้ๆๆ…” น้องสาวชักดาบยาวที่เอวชี้ไปทางสวนผลไม้ ท่าทางเหมือนจะฟันทุกคนเสีย พี่สาวน้องสาวทั้งสองรีบทะยานไปยังจุดลึกของอารามอย่างเร่งร้อน
จากนั้นก็มีคนต่างๆ นานาเข้าไปข้างใน
มีหญิงชราไม้เท้าดำหน้าตาเหี้ยมโหดตามอยู่ข้างหลังเด็กหนุ่มชุดคล่องตัวสีดำ เดินเข้ามาในอารามอู่จวง จากนั้นก็เร่งฝีเท้าไปทางต้นผลทารกน้อย
จากนั้นก็มีชายหญิงที่สวมชุดเผ่าทั้งห้าแห่งดินแดนสุดแดนใต้ กลิ่นอายอ่อนแอ ทารกที่สตรีหน้าตางดงามหนึ่งในนั้นอุ้มอยู่ชี้ไม้ชี้มือ จากนั้นก็ตามเข้าไป
เข้าไปข้างในตามลำดับก่อนหลังหลายกลุ่ม เห็นได้ชัดว่าต่างรู้ถึงการมีอยู่ของผลทารกน้อยทั้งสิ้น พุ่งตรงไปทางสวนผลไม้แล้ว
หมิงเยวี่ยแอบอยู่ในค่ายกลมายา “คนมากมายขนาดนี้ล้วนแต่จะไปชิงผลทารกน้อยอย่างนั้นรึ? พวกเขาคงไม่สู้กันหรอกนะ?”
พูดยังไม่ทันจบ
ครืน เปรี้ยง!
บริเวณสวนผลไม้มีเสียงต่อสู้ดังลอยมา เสียงสะเทือนเลื่อนลั่นดังมาจากสวนผลไม้ไปทั่วทั้งอารามอู่จวง
“เทวะเสียไห่ส่งผลเซียนมา มิฉะนั้น วันนี้ที่นี่ก็จะเป็นที่ฝังศพเจ้า” เสียงโมโหเดือดดาลของเยวี่ยกั๋วเซียงแห่งวังประสานฟ้าชัดเจนเป็นอย่างยิ่งภายใต้ท้องฟ้าสีดำมืด
“ตอนข้ามาผลเซียนก็ไม่มีแล้ว” เทวะเสียไห่อธิบาย
“เหอะ เจ้าหลอกเด็กสามขวบอยู่หรือไร?” เยวี่ยกั๋วเซียงเอ่ยอย่างโมโห “ดินแดนสังหารมารแห่งนี้เพิ่งจะเปิดออกก่อนหน้านี้หนึ่งก้านธูป ก่อนที่จะเปิดไม่ว่าเซียนหรือมารเข้ามาได้ยาก พวกเราทุกคนโดยพื้นฐานแล้วมาถึงที่นี่กันตามลำดับก่อนหลัง ส่วนเจ้ามาถึงเป็นคนแรก บนต้นไม้เซียนเดิมควรจะมีผลเซียนสี่ลูก ตอนนี้กลับไม่เหลือแม้แต่ลูกเดียว เจ้าไม่ได้เอาไป หรือผลเซียนจะมีขางอกหนีไปเองแล้วอย่างนั้นรึ?”