จอมเวทย์แห่งการเลียนแบบ (The copy mage) - ตอนที่ 106
เสียงหัวเราะของผู้อาวุโสมาร์ธดังดึกก้องไปทั่วบริเวณ และจากน้ำเสียงนั้นมันดูน่ากลัวและเหมือนเสียงหัวเราะที่ชั่วร้าย และมีนักเรียนหลายคนกำลังคิดว่าเดเมียนนั้นถูกทรมาณ และข่าวลืมพวกนี้ก็แพร่กระจายไปทั่วสถาบันอย่างรวดเร็ว
“ข้าชอบเจ้าจริงๆ เด็กน้อย แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าข้าจะปล่อยเจ้าออกไป และนักเรียนทุกคนที่รบกวนเวลาทำงานของข้าต้องทำงานให้ข้าจนกว่าร่างกายของพวกนั้นจะไม่สามารถทำงานได้ีอก และเจ้าก็ไม่มีข้อยกเว้น”
ผู้อาวุโสมาร์ธกล่าว
นักเรียนทุกคนที่ถูกผู้อาวุโสเอาตัวไป เมื่อพวกเขากลับออกมาพวกเขานั้นทั้งหมดแรงและอ่อนแอ และไม่เคยมีใครพุดถึงสิ่งที่พวกเขานั้นเผชิญ ซึ่งทำให้มันดูลึกลับและน่ากลัวแก่นักเรียนคนอื่น นั่นเป็นสาเหตุที่ที่ข่าวลือของเดเมียนที่ถูกช่างตีเหล็กเอาตัวไปนั้นเป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก
“ฉันไม่คิดว่านั่นเป็นวิธีที่ดี คุณจะบังคับให้ผมทำอะไร ผมไม่ทำ และหากคุณต้องการให้ผมทำงานให้ คุณก็โค้งคำนับผมสิ และผมจะทำงานให้คุณสักพัก”
เดเมียนปฏิเสธอย่างมั่นใจ
ผู้อาวุโสมาร์ธเคยชินแต่กับนักเรียนที่ตัวสั่นเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา และเขาคาดหวังให้ใครบางคนตัวเล็กและอายุน้อยอย่างเดเมียนนั้นหวาดกลัว แต่ดูเหมือนว่าเดเมียนจะสงบและไม่มีความหวาดกลัวในขนาดและพลังของเขา
“อ่าา ข้าคงบอกไม่ได้ว่าเจ้านั้นกล้าหรือแค่โง่และบ้า”
ช่างตีเหล็กพูดกับตัวเอง
“คงน่าจะสองอยา่ง แต่เราจะตกลงยังไงกันดีละ ผมไม่เหมือนเด็กนักเรียนคนอื่นๆ หรอก และคุณเองก็มั่นใจในตัวเองพอสมควร ดังนั้นเราน่าจะมาทำข้อตกลงกัน”
เดเมียนกล่าวอย่างตรงไปตรงมาในขณะที่ในขณะที่ช่างตีเหล็กรู้สึกทึ่งในความกล้าหาญและน้ำเสียงที่จริงจังของเดเมียน และคำพูดของเขาเมื่อคุยกับเขาที่เป็นผู้อาวุโสของสถาบันที่เหนือกว่าเดเมียนทั้งอำนาจ พลัง อายุและสถานะ
“เจ้า กำลังพูดถึงเรื่องอะไร”
ช่างตีเหล็กถาม และรู้สึกขบขันเมื่อสงสัยว่าเดเมียนนั่นจะเสนออะไร
“ผมจะทำงานให้คุณ 3 วัน แล้วคุณจะต้องคำนับผมเป็นค่าแรง”
เดเมียนกล่าวโดยรู้ว่าเขานั้นมีเวลา 3 วัน ก่อนจะถึงวันที่เขาต้องไปทำภารกิจ
ผู้อาวุโสมาร์ธไม่รู้จะตอบรับคำเสนอนี้ยังไงและนี้เป็นครั้งแรกที่เขาประทับใจในความกล้าหาญและทัศนคติของนักเรียนคนหนึ่ง
“ตกลง ข้าจะยอมรับเงื่อนไขของเจ้า แต่ถ้างานของเจ้าไม่พึงพอใจสำหรับข้า ไม่มีเพียงเจ้าจะไม่ได้คำนับจากข้า แต่เจ้าจะต้องจ่ายส่วนที่เหลือมา”
ช่างตีเหล็กกล่าวด้วยรอยยิ้มเล็กน้อยที่ทำให้เดเมียนเป็นกังวล
ช่างตีเหล็กนั้นไม่มีอะไรจะต้องเสีย และเขาก็ดูสนุกสนานสำหรับงานนี้ และเขาก็หวังผลประโยชน์ของตัวเอง และถ้าเดเมียนต้องการอาวุธที่ล้ำค่า เดเมียนจะต้องทำงานหนักขึ้นสำหรับสิ่งนั่น
“ก่อนที่เราจะเริ่มต้น ข้าจะดูว่าเจ้านั้นแข็งแกร่งเพียงใด และด้วยสิ่งนั้น ข้าจะสามารถระบุได้ว่าเจ้าจะทำได้หรือไม่ เห็นได้ชัดว่าเจ้าเป็นผู้ฝึกฝนภายใน และเป็นเรื่องยากที่ผู้ฝึกฝนภายในจะมีทักษะในการตีเหล็ก”
ช่างตีเหล็กกล่าวในขณะที่เขาดูเหมือนจะสามารถมองผ่านและเห็นสิ่งต่างๆ ของเดเมียนได้อย่างง่ายดายราวกับว่าเขากำลังเปิดหนังสืออ่าน
[การรับรู้ช่างสุดยอด ถึงแม้รูปร่างจะดูใหญ่โตและแข็งแกร่ง ดูเหมือนเขาจะมีทักษะ ฉลาดและมีไหวพริบอย่างมาก]
เดเมียนคิดกับตัวเองในขณะที่มองเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลหม่นของช่างตีเหล็ก
{เห็นได้ชัดว่าเขานั้นฉลาดและอ่อนไหวต่อทุกสิ่งรอบตัว เพื่อที่จะมีทักษะและปฏิบัติตามหนึ่งในอาชีพที่น่าลอง การตีอาวุธและเล่นแร่แปรธาตุและการเขียนรูน คนๆ หนึ่งจะต้องมีไหวพริบและชาญฉลาดอย่างยิ่ง พวกเขาจะต้องควบคุมสิ่งที่น่าเหลือเชื่อและเตรียมกำลังตึงเครยีดภายในจิตใจและร่างกาย}
อุทสึสึแจ้งให้เดมียนได้ทราบ
ในขณะที่เดเมียนกำลังจ้องหน้าของช่างตีเหล็ก ช่างตีเหล็กก็ได้มองเข้าไปในดวงตาของเดเมียนและอ่านทุกอ่านที่สัมผัสได้จากดวงตา
‘ดวงตาของเขาสดใสและเต็มไปด้วยความมั่นใจ ความมุ่งมั่น และความทะเยอทะยานอย่างมาก ฉันสงสัยว่าเด็กคนนี้เป็นใครกันแน่ และอะไรเป็นแรงบันดาลใจให้เขามากขนาดนี้’
ผู้อาวุโสมาร์ธคิดกับตัวเอง
ผู้อาวุโสมาร์ธเป็นผู้ฝึกฝนภายนอกอย่างเห็นได้ชัดจากขนาดและร่างกายที่ใหญ่โต แต่ถึงแม้เขาจะมีรูปร่างที่แข็งแกร่งและมีลักษณะที่หยาบกร้าน และใครๆ ก็คิดว่าเขานั้นอยู่ในวัยกลางคน แต่จริงๆ เขามีอายุเพียง 20 ปลายๆ เท่านั้น
เขาค่อนข้างมีพรสวรรค์ในการฝึกฝนภายนอก แต่มาร์ธรู้สึกเสมอว่าจิตใจและการรับรู้ของเขานั้นเหนือกว่าส่วนที่เหลือของร่างกายของเขานั้นเหมาะสำหรับการเป็นผู้ฝึกฝนภายในมากกว่า
แต่ในที่สุดเขาก็ต้องจำนนต่อแรงกดดันจากคนรอบข้างที่ผลักดันให้เขาเป็นผู้ฝึกฝนภายนอก ซึ่งเหมาะสมกับร่างของเขามากกว่าและเป็นสิ่งที่เขามีนั่นคือพรรสวรรค์
เจขามาจากครอบครัวที่ยากจนและเขาก็เป็นความภาคภูมิใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของครอบครัว ที่ฝากความหวังทั้งหมดไว้กับเขา เนื่องจากเขาเป็นคนเดียวที่เกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์ที่ดีพอที่จะฝึกฝนและพัฒนามัน
การบ่มเพาะต้องใช้ทรัพย์เป็นยากมากและหากไม่มีพรสวรรค์เพียงพอ ก็จะต้องใมช้เวลาและใช้ทรพย์มากเกินไปสำหรับคนส่วนใหญ่ที่จะฝึกฝน แม้จะได้รับประโยชน์ และเขาก็ไม่ต้องการที่จะทำให้ครอบครัวของเขาผิดหวัง
ด้วยเหตุนี้เขาจึงมุ่งมั่นความสนใจไปที่การฝึกฝนภายนอกและเสริมร่างกายของเขา เขาเข้าร่วมกับสถาบันซึ่งทางสถาบันก็ยินดีที่จะรับเขาทั่งๆที่ภูมิหลังของเขานั้นไม่มีอะไรพิเศษ และในไม่ช้าเขาก็สร้างชื่อเสียงหใ้กับตัวเองด้วยขนาดตัวที่ไม่ธรรมดาและความสามารถที่สูงกว่าคนอื่นๆ ซึ่งทำให้เขาไปถึงระดับ 8 ภายในเวลา 5 ปี
หลังจากที่เขาไปถึงระดับ 8 ของการฝึกฝนภายนอก มาร์ธก็เลือกทำภารกิจที่ให้รางวัลที่และหาเงินให้มากที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้ และเขาก็พยายามส่งให้ครอบครัวของเขาเพื่อให้พวกเขามีชีวิตที่ดีขึ้นและทำให้พวกเขานั่นสร้างธุรกิจสำหรับตัวเองและเติบโตขึ้นมา
ณ จุดนั้น เขารู้สึกราวกับว่าไม่มีอะไรเหลือให้เขาได้ทำอีกแ้ลว และเหตุผลเดีนสที่เขานั่นคอยฝึกฝนคือการช่วยครอบครัวของเขา