จอมเวทย์แห่งการเลียนแบบ (The copy mage) - ตอนที่ 17
นักเรียนกำลังจับกลุ่มที่เวทีเพื่อดูการแข่งขันของนักเรียนเข้าใหม่
ทางตะวันตกของสถาบัน มีผู้หญิงผมยาวสีดำสวมชุดสีแดงยาวและมีผ้าคลุมหน้า
“ คุณจะเข้าไปดูใครครับ กรุณาบอกชื่อของคนที่คูรต้องการเข้าไปดุและกรุณาบอกชื่อของคุณด้วยนะครับ”
ผู้คุมหนึ่งในสองคนที่ประจำการอยู่ที่หน้าประตูตะวันตกถาม
“เดเมียนและฉันชื่อซาร่าห์”
เธอตอบ
“ขอโทษที่ไม่สามารถให้คุณเข้ามาได้เว้นแต่ จะคุณจะบอกนามสกุลและคุณต้องถอดผ้าคลุมหน้านั้นออกเพราะคุณอาจเป็นสายลับได้”
ผู้คุมกล่าวด้วยความเคารพ
ทันใดนั้นซาร่าห์เริ่มประหม่าหันและวิ่งไปในทิศทางตรงกันข้ามเพื่อที่จะกลับไปที่โรงแรม
“ ฉันอยากเห็นเดเมียนมีความสุข แต่ฉันจะถูกตราหน้าว่าเป็นคนทรยศครอบครัวไม่ได้ เพราะมันทำให้ฉันอาจจะเกิดปัญหาตามมาที่หลังจากพวกเขาได้”
เธอพึมพำ
เธอวิ่งขึ้นบันไดโดยใช้มือปิดหน้าและเข้าไปในห้องของเธออย่างรวดเร็ว
เธอเริ่มร้องไห้คนเดียวเหมือนที่ผ่านมาและทุกสิ่งที่ครอบครัวของเธอทำ มันทำให้เธอหนักใจและเธอก็ไม่สามารถรักษาความแข็งแกร่งของเธอเพื่อปกป้องเดเมียนไว้ได้
เมื่อใดก็ตามที่เดเมียนมองมาแม่ของเขา เธอมักจะมีรอยยิ้มที่อบอุ่น แต่เบื้องหลังรอยยิ้มนั้นคือผู้หญิงที่เครียดและหดหู่
เธอต้องการสนับสนุนความฝันและอุดมการณ์ของลูกชายของเธอและรู้สึกแบบเดียวกันเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็ยังมีครอบครัวของเธอ ซึ่งแม้ว่ามันจะเหมือนนรก แต่ก็ยังคงเป็นสายเลือดและพี่น้องของเธอ
จิตใจของเธอถูกทำร้ายอยู่ทุกขณะและเดเมียนก็กดดันแม่ของเขาโดยไม่รู้ตัวด้วยการเข้าร่วมสถาบัน วางแผนจะล้มล้างสถาบันกษัตริย์
แม้ว่าเธอจะบอกว่าเธอได้ทำลายความสัมพันธ์ของเธอกับครอบครัวแม็กแวลล์และจากไปแล้ว แต่เธอก็ยังไม่สามารถเข้าร่วมกับสถาบัน ในฐานะศัตรูของตระกูลดั้งเดิมได้
ในขณะเดียวกันเดเมียนผู้โง่เขลา กำลังเดินตามตัวแทนชั้นเรียนพร้อมกับคนอื่น ๆ ที่ปลุกพลังจิตวิญญาณแล้ว ไปยังส่วนสุดท้ายของพิธีการแข่งขันมือใหม่
พวกเขายืนอยู่บนเวทีกลางโครงสร้างคล้ายโคโลเซียม ซึ่งมีเยาวชนหลายพันคนเฝ้าดูและญาติของมือใหม่บางคนด้วย
เมื่อมองไปที่ฝูงชนเดเมียนรู้สึกประหม่าและไม่ชอบเป็นศูนย์กลางของความสนใจ แต่ยังคงมองผ่านฝูงชนเพื่อค้นหาแม่ของเขา
แต่เขาก็มองไม่เห็นเธอเลยแม้แต่น้อย
{เจ้าโง่นายลืมไปหรือเปล่าว่าแม่ของนายเป็นทายาทโดยตรงของตระกูลแม็กเวลล์แถมยังเป็นผู้อาวุโส ในตระกูลและไม่ต้องการให้ใครเห้นว่านางอยู่ใกล้กับสถาบัน แต่นายก็ยังกดดันให้เธอมาดู นายเคยคิดบ้างไหมว่าแม่ของนายจะรู้สึกอย่างไร}
อุทสึสึกล่าวด้วยความผิดหวังในความไม่รู้ของเดเมียน
คำพูดของอุทสึสึ ฉุดความคิดของเดเมียนทำให้เขาตระหนักได้และเริ่มสำนึกผิด เขายืนกัดฟันกำมือแน่น
ด้วยรสชาติของทองแดงในปากจากลิ้นที่มีเลือดออกและเลือดที่ไหลออกมาจากมือในขณะที่เล็บขูดเข้าไปในเนื้อ ดังนั้นเดเมียนจึงเดินไปหาตัวแทนชั้นเรียน
“ ผมต้องออกไป แต่ผมก็ยังอยากเข้าสถาบันนี้”
เขากล่าวด้วยสีหน้าหงุดหงิด
เมื่อหันไปหาเด็กชายตัวเล็ก อีวานก็มีสีหน้าสงสัยว่าทำไมเด็กชายถึงโกรธขึ้นมาในทันใด
อีวานเดินไปจากเดเมียน ตรงไปที่โต๊ะเขายกเสื้อคลุมสีขาวออกจากโต๊ะที่อยู่ด้านข้างของเวทีใหญ่
“นี่คือเสื้อคลุมสีขาวของ สถาบัน และชั้นเรียนจะเริ่มตั้งแต่วันพรุ่งนี้และควรมาถึงที่นี่เวลา 8.00 น. และเนื่องจากการออกไปตอนนี้คุณจะอยู่ห้องสุดท้ายของชั้นเรียนและคุณจะพลาดรางวัลของคุณ”
อีวานแจ้งให้ทราบ
เมื่อสวมเครื่องแบบสีขาวที่มียอดเขาอเคเกรีย เป็นตราประทับบนหน้าอกเดเมียนวิ่งออกไปในทางออกเนื่องจากคนส่วนใหญ่ที่เฝ้าดูและนักเรียนคนอื่นมองว่าเขาเป็นคนขี้ขลาดอ่อนแอขณะที่หัวเราะและเยาะเย้ย
“ช่างเป็นขยะ”
นักเรียนชายคนหนึ่งในชั้นเรียนแสดงความคิดเห็น
“ระวังปากของคุณไม่งั้นเจ้าอ้วนคนนี้จะไม่ยกโทษให้คุณ”
ไมโลกล่าวอย่างโกรธ
เมื่อมองเข้าไปในดวงตาของเด็กชายร่างท้วม เขาก็เริ่มประหม่าและก้มหน้าลงไป
ในขณะที่เดเมียนกำลังรีบออกจากสถาบันและวิ่งผ่านผู้คุมทำให้โดนผู้คุมกักตัวและได้ถามบางอย่างกับเดเมียน แต่เดเมียนทำได้แค่โชว์เสื้อคลุมให้พวกเขาดูและวิ่งไปอย่างลนลาน
วิ่งไปตามถนนที่เขาจำได้ว่าเป็นทางกลับไปที่โรงแรมเขารีบวิ่งเข้าไปข้างใน
เมื่อเห็นทั้งคนเป็นแม่และลูกชายวิ่งเข้าโรงแรมกันอย่างรีบร้อน ผู้ดูแลละพนักงานต่างพากันตกใจและมึนงง แต่พวกเขาก้ไม่ได้อะไรมากและทำหน้าที่ของตัวเองต่อ
“แม่ ผมขอโทษ”
เด็กผู้ชายที่หอบแฮ่กๆ ร้องลั่นที่ตรงประตูห้องของพวกเขา
“เดเมียน ! ”
ซาราห์อุทานด้วยความประหลาดใจขณะที่เธอเช็ดน้ำตาสงบสติอารมณ์และเปิดประตู
สำหรับเดเมียน เธอพยายามอย่างเต็มที่ที่จะมีรอยยิ้มที่อบอุ่นตามปกติโดยรู้ว่าเขายังเป็นเด็กและผ่านอะไรมามากมายและภายใน เธอกำลังระงับความอึดอัดและลำบากใจทั้งหมดที่กำลังเผชิญอยู่
เดเมียนวิ่งเข้าไปในอ้อมแขนของเธอกอดเธอและระบายความเสียใจทั้งหมดออกไป
“ผมขอโทษที่ไม่ได้คิดถึงความรู้สึกของแม่เลย และเห็นแก่ตัวตลอดเวลาและผมก็แค่อยากให้แม่มีความสุข”
เดเมียนกล่าว
เธอปิดประตูพาเขาเข้าไปนั่งบนเตียงและนั่งข้างๆเขา
“ทำไมลูกถึงร้องไห้ แม่ไม่ได้เป็นอะไรซักหน่อย”
เธอพูดและพยายามทำท่าทางสับสน
เดเมียนเงยหน้าขึ้นมองหน้าแม่ของเขา เขาก็เห็นดวงตาของเธอเป็นสีแดงจากการร้องไห้และคราบจากน้ำตาของเธอ
เมื่อสงบลงเดเมียนเช็ดน้ำตาและจมูกด้วยแขนเสื้อของเขาและรู้ว่าเขาต้องทำตัวเหมือนผู้ชายเพื่อให้เธอพึ่งพาเขาได้จริง ๆ แต่เขาไม่สามารถทำได้เลย
“ แม่หยุดทำเหมือนกับผมเป็นเด็กๆได้ไหม ผมรู้ว่าผมอายุแค่ 10 ขวบ แต่ใคร ๆ ก็เห็นว่าแม่ต้องผ่านอะไรมามากมายและผมก็ไม่อยากให้แม่ต้องทนทุกข์อีกต่อไปซึ่งเป็นสาเหตุที่เราออกจากครอบครัวแม็กซ์เวลล์ “
เขาพูดกับเธอที่มองตรงเข้าไปในดวงตาของเธอ
ซาร่าห์ตกใจมากที่เด็กน้อยวัย 10 ขวบที่อยู่ตรงหน้าเธอเปลี่ยนจากร้องไห้เหมือนเด็กมาเป็นการเผชิญหน้ากับเธอโดยตรง
“ลูกถ้าลูกอยากรู้ว่าแม่รู้สึกอย่างไรแม่จะบอกให้ฟัง แม่แค่สนับสนุนเดเมียนทุกอย่างเท่าที่แม่ทำได้ แต่ไม่ต้องการถูกตราหน้าว่าเป็นคนทรยศและแม่ไม่สามารถเข้าร่วมกับสถาบันไปพร้อมกับเดเมียนได้ ลูกเข้าใจใช่ไหม”
ซาร่าห์กล่าว
“ แม่ ทำไมแม่ไม่ไม่บอกผม แม่ไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมสถาบันและผมจะทำตามในสิ่งที่แม่ต้องการ”
เขาตอบ
“ผมเข้าใจแล้ว ว่าแม่ไม่สามารถทำยาจากเปลวไฟได้เนื่องจากไม่มีวัตถุดิบ เพราะปกติทางครอบครัวจะทำจัดหาให้แม่ แต่แม่ไม่ต้องห่วงถ้าแม่เปิดร้านเป็นของตัวเองจะต้องมีคนมายื่นข้อเสนอในการนำวัตถุดิบมาให้แน่”
เดเมียนแนะนำ .
“นั่นเป็นความคิดที่ดี แม่จะสามารถฝึกฝนแข็งแกร่งขึ้นและหาเงินไปด้วยได้และยังได้ทำยาให้ลูกได้ในขณะที่ลูกฝึกฝน”
เธอตระหนัก
ในไม่กี่นาทีความอึดอัดใจของทั้งคู่ก็สงบลงและความสัมพันธ์ของแม่และลูกก็ใกล้ชิดมากจนไม่มีความตึงเครียดหรือความอึดอัดในภายหลัง
“ แล้วการแข่งขันแรกในพิธีแรกเข้าละลูก ? ”
ซาร่าห์ถามขึ้น
“อืม ผมออกจากการแข่งขันเพื่อมาหาแม่หน่ะ”
เขายอมรับขณะเกาหัว
“เด็กโง่ ลูกเสียโอกาสดีๆแบบนี้ได้ไง รีบไปและเข้าร่วมการแข่งขันและหวังว่ามันจะไม่สายเกินไป”
แม่ของเขากล่าวขณะที่เธอตบแขนเขาเบา ๆ
“ ถ้าแม่ทำยาและทำงานที่แม่ชอบได้ ผมจะรีบไปที่การแข่งขันถึงแม้ว่ามันอาจจะสายไปแล้วก็ตาม”
เดเมียนเสนอ
“แม่ตกลง แล้วรีบไปซะ”
เธอพูดขณะผลักเขาออกจากห้อง โดยทิ้งไว้ด้วยรอยยิ้มที่มีความสุขอย่างแท้จริงขณะที่เขาวิ่งกลับไปที่สถาบัน