จอมเวทย์แห่งการเลียนแบบ (The copy mage) - ตอนที่ 29
เดเมียนซึ่งกลับไปเฝ้าไมโล นั่งสมาธิและพยายามดูดซับพลังงานและฝึกฝน เขาไม่ได้ยินการประกาศรอบต่อไปจึงไม่รู้ว่าการต่อสู้ครั้งต่อไปคือใคร ขณะที่เขาจดจ่ออยู่กับตัวเอง
ในขณะเดียวกันมาทิลด้ามีสีหน้าประหม่าเมื่อนึกถึงการแสดงที่โหดเหี้ยมและทรงพลังของเทรเวอร์กับไมโลและเริ่มสงสัยว่าเธอจะสามารถเอาชนะเขาได้หรือไม่
แม้แต่จูเลียที่มักจะมีสีหน้าเย็นชาก็เห็นได้ชัดว่าค่อนข้างกังวลเรื่องความปลอดภัยของมาทิลด้าและมันไม่ใช่คำถามเรื่องความสามารถ แต่เธอจะสามารถรับมือกับความกดดันและเอาชนะเทรเวอร์ที่โหดร้ายและไร้ความปรานีได้หรือไม่เมื่อต้องต่อสู้
“มาทิลด้าและเทรเวอร์กรุณามาบนเวที”
มาทิลด้ารู้สึกประหม่า แต่จำความยากลำบากที่เธอเคยผ่านมาได้เธอจะไม่ยอมแพ้และหยุดระหว่างการแข่งขันมือใหม่ใน สถาบัน
มาทิลด้าเกิดในครอบครัวที่ไม่ได้ร่ำรวย แต่ก็ไม่ได้ยากจนและมีเพียงเธอ พี่สาว และแม่ของเธอ แม่ของเธอมีร้านเบเกอรี่เล็ก ๆ และมีบ้านเล็กๆ อาศัยอยู่ ครอบครัวของเธออบอุ่นมาก
จนกระทั่งมีชายขี้เมาร่างกำยำมีเคราเข้ามาในร้านของเธอ
“ นั่นคุณ เอลิซาเบธ ”
เขาตะโกนใส่ ในสภาพที่เมามายและจับไหล่แม่ของมาทิลลด้าด้วยมือขนาดใหญ่ของเขาและด้วยความแข็งแกร่งของเขาในฐานะผู้ฝึกฝน ทำให้เขายกเธอขึ้นมาอย่างง่ายดาย
“ท็อด ปล่อยฉันนะ เราเลิกกันไปแล้ว”
เธอคร่ำครวญ
“เธอกับซูซานเอาเงินของฉันและหนีไป ฉันตามหาเธอมา 9 ปี “
เขาตะโกนด้วยความโกรธเกรี้ยว และทุ่มเธอลงไปที่เคาน์เตอร์
มาทิลด้าที่ยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์และเห็นแม่ของเธอถูกทุบตีก็ตกใจกลัว
ในฐานะเด็กหญิงอายุ 10 ขวบที่ใช้ชีวิตอย่างสนุกสนานภายใต้การดูแลและปกป้องของแม่ เธอไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรและหมดสติไปเพราะความตกใจ
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปเท่าไหร่เธอจึงตื่นขึ้นมาพบศพแม่ของเธอที่ถูกทุบตีจนตาย
“ซูซานซูซาน”
เธอร้องเรียกพี่สาวและหันไปหาเธอโดยหวังว่าจะช่วยแม่ของพวกเธอได้
เมื่อวิ่งเข้าไปด้านหลังของร้านเบเกอรี่เธอพบว่าพี่สาวของเธอ ที่อายุมากกว่าเธอหนึ่งปีถูกกระทืบด้วยรอยเท้าขนาดใหญ่ที่หน้าอก
มันเป็นฉากที่น่าสยดสยองเมื่อพี่สาวและแม่ ทั้งสองคนนอนจมกองเลือดและเด็กสาวผู้น่าสงสารก็เริ่มอาเจียออกมา
โดยไม่รู้ว่าชายที่ชื่อท็อดได้ไว้ชีวิตของเธอ แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าเธอเป็นลูกสาวของเขา เพราะเอลิซาธหนีเขามาตอนที่เธอท้องได้ 4 อาทิตย์
ท็อดเป็นทหารรับจ้างและใช้ชีวิตที่อันตรายมาก เงินส่วนใหญ่ของเขามักจะหมดไปการดื่มเหล้าเพื่อทำให้ลืมความเจ็บปวดในใจของเขา ความรักที่เอลิซาเบธมีให้เขาได้หมดไปเพราะเธอรู้ว่าเขาทำงานที่โหดร้าย
พวกเขาเริ่มโต้เถียงกันและเขาก็ตบตีเธอจนกว่าเขาจะพอใจ และอลิซาเบธมักจะมาบันทึกเรื่งราวต่างๆ ลงในสมุดวันหนึ่งเมื่อเขาไปทำงานและกลับมาเขาได้พบว่าอลิซาเบธได้หนีเขาไปกับซูซาน ซึ้งตอนนั้นเอลิซาเบธได้ท้องมาทิลด้าได้ 4 สัปดาห์
เขาค้นหาตัวเอลิซาเบธไปทั่วทุกที่ แต่ก็ไม่พบแม้แต่ร่องรอยและยอมแพ้ไป เขาหมดเงินไปกับสุรา เหล้า ไปมากขึ้นจนสภาพชีวิตของเขาตกต่ำ
ในขณะเดียวกันแม่ของมาทิลด้าได้ก่อตั้งร้านเบเกอรี่เล็ก ๆ ที่ขายขนมปังและขนมอบทุกชนิด ซึ่งเธอรู้วิธีและตั้งตัวด้วยเงินเก็บเล็กๆ น้อยๆ ของเธอ
หลังจากนั้นประมาณหนึ่งเดือนเธอก็รู้สึกว่าเธอเริ่มอาเจียนและรู้สึกไม่สบายเล็กน้อยและเมื่อเธอไปพบแพทย์ในหมู่บ้านเล็ก ๆ เธอจึงรู้ว่าเธอได้ท้อง
ในตอนแรกเธอมีความคิดที่จะทำแท้ง แต่เธอไม่สามารถทำใจทำแท้งได้ถึงแม่จะเป็นลูกของท็อดแต่ก็เป็นลูกของเธอเช่นกัน เอจึงอุ้มท้องมาจนคลอด
จากนั้นมาทิลด้าถือกำเนิดขึ้น
เธอและพี่สาวของเธอทำให้เธอมีความสุข สุขสบาย ไม่มีแม้แต่ความโศกเศร้าเกือบ 11 ปี จนมาถึงตอนที่ท็อดพยายามบุกเข้ามาในหมู่บ้าน และบุกเข้ามาในร้านเบเกอร์รี่และจดจำเอได้อย่างน่าประหลาด ในสภาพมึนเมา เขาไม่สามารถควบคุมความโกรธของเขาได้และหลังจากฆ่าภรรยาและลูกสาวของเขา เขาก็วิ่งออกจากหมู่บ้านไป และทิ้งมาทิลด้าไว้
“ม่ายยยยยยยยยยยยยย”
มาทิลด้ากรี๊ดร้อง
ขณะที่เธอกรีดร้อง เธอรู้สึกถึงความรู้สึกแปลก ๆ ภายในร่างกายของเธอเมื่อบางสิ่งบางอย่างในตัวเธอถูกปลุกขึ้นมาและหลอมรวมกับวิญญาณและกล่องเสียงของเธอ
เธอปลุกจิตวิญญาณให้ตื่นขึ้นมา โดยไม่มีเสาหลักศิลาในการปลุก
ในเวลาที่มีอารมณ์หรือพลังที่รุนแรง เด็กทั่วไปที่ยังไม่ได้ทำการปลุกจิตวิญญาณภายในร่างกาย ก็สามารถถูกปลุกได้ด้วยอารมณ์หรือพลังที่รุนแรงมากๆ ในช่วงเวลานั้นได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้เสาหลักศิลาในการปลุก
ในขณะที่เธอกรีดร้องเสียงโซนิคที่เปล่งออกมาจากปากของเธอทำให้เบเกอรี่เล็ก ๆเกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงและทำให้มันพังลง
เธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทิ้งศพของแม่และพี่สาวที่ถูกฝังอยู่ใต้ซากปรักหักพัง
เธอเข้าไปในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าในหมู่บ้านเล็ก ๆ ในขณะที่เธออยู่ที่นั้นเธอก็ได้พบกับเด็กอีกคนที่คล้ายๆ กับเธอ ทั้งสองมีสีหน้าที่ว่างเปล่า และเย็นชา นั้นคือ คือจูเลีย
หลังจากนั้นไม่กี่สัปดาห์มาทิลด้าก็กลับมามีความสุขตามปกติเหมือนเดิม เพื่อทำให้จูเลียรู้สึกดีขึ้นและรู้สึกราวกับว่าจูเลียเป็นพี่สาวแทนที่ซูซาน แต่เธอก็ไม่ได้กำจัดความเกลียดชังภายในใจของเธอออกไป
ทั้งคู่เติมเต็มความว่างเปล่าให้กันและกันและสร้างความเป็นพี่น้องที่ไม่มีวันแตกสลายในขณะที่พวกเขาสาบานในชีวิตของพวกเขาและสาบานว่าจะช่วยเหลือและสนับสนุนซึ่งกันและกันเสมอ
จูเลียถูกปลุกพลังจิตวิญญาณขึ้นหลังจากที่โดนถูกแม่เลี้ยงโยนทิ้ลงไปในน้ำโดยหวังว่าจะให้เธอตาย เนื่องจากหล่อนต้องการที่จะเอาพ่อจูเลียไปจากเธอ
เธออาศัยอยู่ในหมู่บ้านบนภูเขาที่ใหญ่และสมบูรณ์มากและพ่อของเธอเป็นหัวหน้าหมู่บ้าน
แม่ของเธอเสียชีวิตอย่างน่าเศร้าเมื่อให้กำเนิดเธอและพ่อของเธอก็ให้ทุกสิ่งที่เธอต้องการมาโดยตลอด
จูเลียเป็นเด็กที่เอาแต่ใจและเธอได้ในสิ่งที่เธอต้องการเสมอ เนื่องจากพ่อของเธอต้องดูแลหมู่บ้านและหาอาหารเนื่องจากเขาเป็นผู้ฝึกฝนที่แข็งแกร่งที่สุด เขาจึงไม่มีเวลาให้กับจูเลีย
เธอมีทุกอย่างนอกเหนือจากแม่และพ่อที่มีเวลาให้เธอ จนกระทั่งสาวสวยคนหนึ่งมาแต่งงานกับพ่อของเธอ
ในตอนแรกเธอไม่เปิดใจรับหญิงสาวคนนั้น แต่หล่อนก็เมตตาและห่วงใยเธอ จนเธอรู้สึกเหมือนแม่อีกคน
จูเลียมีความสุขมากขึ้นเมื่อเธอได้อยู่กับแม่คนใหม่ในชีวิตของเธอจนกระทั่งวันหนึ่งแม่คนใหม่ของเธอพาเธอออกไปเล่นและดูวิวที่ขอบภูเขา
แต่อยู่ๆ คนที่เธอเห็นว่าเป็นแม่ ก็ผลักเธอตกหน้าผาและร่วงลงไปในแม่น้ำที่ลึกและกว้าง
ไม่ต้องสงัยเลยว่าทำไมเธอถึงทำเช่นนั้น และเธอเตรียมตัวจะสร้างเรื่องราวการจากไปของจูเลีย
ในขณะเดียวกันปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้นเมื่อเด็กคนนั้นโดนน้ำเธอรู้สึกว่าน้ำเป็นส่วนหนึ่งของเธอ ขณะที่เธอรู้สึกราวกับว่าเธอสามารถใช้มันเพื่อทำการช่วยเหลือตัวเธอได้
ในขณะที่เธอเริ่มจมน้ำเธอใช้ความเชื่อมโยงที่รู้สึกกับน้ำโดยไม่รู้ตัวและสร้างฟองเพื่อพาเธอกลับไปที่ด้านบน
จูเลียโกรธแค้นและเต็มไปด้วยความเกลียดชัง ผู้หญิงคนนั้นที่แย่งพ่อเธอไปและคิดจะฆ่าเธอ
พ่อของเธอในฐานะผู้ฝึกฝนที่ร่ำรวยและมีอำนาจมาก ทำให้เธอได้รับเหรียญตราที่มีผลการรักษาซึ่งจะเปิดใช้งานโดยอัตโนมัติเมื่อเธอใกล้จะตายและเมื่อเธอตื่นขึ้นมาเธอก็อยู่ในบ้านหลังเล็ก ๆ ของแพทย์ประจำหมู่บ้านที่มาทิลด้าอยู่
แพทย์ช่วยให้เธอหายป่วยด้วยสมุนไพรบางชนิดและ จูเลียโชคดี ที่ชาวบ้านคนหนึ่งกำลังตกปลาและพบเธอจึงรีบพาเธอกลับไปที่หมู่บ้าน
ทั้งสองคนมีความสามารถพิเศษและจากการศึกษาในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าพวกเขาได้รับการสอนเกี่ยวกับจิตวิญญาณ
หลังจากผ่านไปสองสามสัปดาห์จู่ ๆ จูเลียก็ตัดสินใจว่าพวกเขาควรจะหนีออกจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าและไปที่
สถาบันอเคเกรีย ซึ่งพวกเขาได้ยินมาว่าเป็นโอกาสที่ดีที่สุดสำหรับผู้ฝึกฝนหรือผู้ที่ต้องการเป็นผู้ฝึกฝนที่มีฐานะต่ำและไม่ร่ำรวย
ทั้งสองตกลงกันในคืนหนึ่งพวกเขาหนีออกจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าและกระโดดขึ้นไปบนหลังรถม้าที่พวกเขาได้ยินว่ากำลังจะไปยังเมือง อาเรีย ตอนกลาง
ก่อนจะไปถึงกลางเมืองของอาเรีย คนขับรถม้าก้พบตัวพวกเขาก่อน เขาจึงไล่และโยน จุเลียและมาทิลด้าลงจากรถม้า
มาทิลด้าและจูเลียขโมยอาหารและต้องเอาชีวิตรอดด้วยตัวเองและเดินทางไปที่สถาบันเพียงลำพังและต้องผ่านความยากลำบากและความหิวโหยมากกว่าที่ใคร ๆ
โชคดีที่พวกเขาไปถึงใจกลางเมืองอาเรีย พวกเขาก็ได้พบผู้หญิงคนหนึ่งมองพวกเขาด้วยความเป็นห่วง เธอจึงซื้อเสื้อผ้าและอาหารให้พวกเขา ซึ่งบังเอิญเป็นแม่ของเดเมียนในตอนที่เธอและเดเมียนลงจากหลังของสัตว์อสูรและเดเมียนนอนสลบอยู่ที่โรงแรม
กลับมาที่ปัจจุบัน
“ คำปฏิญาณของพวกเราคืออะไร”
จูเลียกระซิบถามมาทิลด้า
“เพื่อช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และแก้แค้นเพื่อให้ชีวิตเราดีขึ้น”
มาทิลด้ากระซิบตอบกลับจูเลีย เมื่อถูกจูเลียกระตุ้นความทรงจำ
“ถึงเวลาแสดงความสามารถของฉัน”
เธอพึมพำกับตัวเองในสภาพที่มีพลังและมีความสุขตามปกติ แต่ในดวงตาของเธอมีความมุ่งมั่นและความเกลียดชัง