จอมเวทย์แห่งการเลียนแบบ (The copy mage) - ตอนที่ 61
ในขณะที่เดเมียนถกเถียงกับตัวเองว่าภารกิจนั้นคุ้มค่ากับการมีปัญหาหรือไม่ แต่เดเมียนก็ตั้งสินใจว่าถึงการแย่งภารกิจกลับมานั้นมันจะไม่คุ้มค่ากับปัญหาที่จะตามมา แต่เขาก็ไม่อาจจะทนกับการถูกดูถูกและเหยียดหยามได้
ทันใดนั้น เดเมียนก็หันกลับมา และรู้ว่านี้โอกาสเดียวที่เขาจะได้รับภารกิจคืนมาและ
การหมุนเวียนพลังงานได้หนาแน่นไปรอบ ๆ ร่างกายของเดเมียนและเดเมียนพุ่งเข้าใส่แลร์รี่ เดเมียนคว้าใบภารกิจกลับมาอย่างว่องไว ขณะที่แลร์รี่ได้ล้มลง
แลร์รี่ยังไม่ทันจะได้ทำอะไร เขาก้ล้มหมดสติไป
ร่างกายของผู้ฝึกฝนภายในจะต้องใช้พลังงานในการเสริมพลังหรือจิตวิญญาณที่เปิดใช้งาน เพื่อให้พวกเขาพร้อมสำหรับการต่อสู้หรือเพื่อป้องกันตัวเองซึ่งเป็นข้อเสียอย่างมากเมื่อเทียบกับผู้ฝึกฝนภายนอกที่มีร่างกายแข็งแกร่งและอยู่ในสถานะต่อสู้ตลอดเวลา
เดเมียนโชคดีที่แลร์รี่ไม่ได้เตรียมตัวและเป็นผู้ฝึกฝนภายในไม่เช่นนั้น เดเมียนอาจจะโดนโจมตีกลับ
เดเมียนกลับไปหาพนักงานต้อนรับและรับภารกิจโดยไม่เสียเวลา เพราะรู้ว่าปัญหาจะตามมาในไม่ช้า
หลังจากที่เขารับภารกิจอย่างเป็นทางการ เดเมียนได้รับอนุญาตให้ลาการเรียนได้เป็นเวลา 8 ชั่วโมงสำหรับเขาและผู้ร่วมปฏิบัติภารกิจ
ด้วยเหตุนี้เขาจึงออกไปทันที ก่อนที่แลร์รี่จะฟื้นคืนสติ
เดเมียนรู้ว่าตัวเองประมาทที่ทำเช่นนั้น แต่ในขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกดีและไม่เสียใจที่ตัดสินใจแม้แต่น้อย
เดเมียนรีบวิ่งกลับไปที่พักและไม่หยุดวิ่งจนกว่าเขาจะถึงที่พัก
ด้วยความแข็งแกร่งและความเร็วที่เพิ่มขึ้น เดเมียนก็มาถึงที่พักในเวลาไม่นาน
เดเมียนรีบเข้าไปในที่พัก และนั่งพักจากอาการเหนื่อยสักพัก เขาก็ขึ้นไปที่ห้องของไมโล
คนแรกที่เดเมียยนคิดจะชวนไปร่วมภารกิจก็คือไมดล ถึงแม้เขาจะอ่อนแอและพึ่งพาได้น้อยที่สุด แต่ไมโลก็เป็นคนที่เดเมียนรู้สึกสนิทและสบายใจที่สุดที่รู้สึกได้
เดเมียนเคาะประตู แต่ไม่มีเสียงขานรับจากไมโลและหลังจากเคาะประตูอีกสองสามครั้ง ก็ไม่มีเสียงตอบรับ เดเมียนเห็นว่าเขาไม่มีเวลามากขนาดนั้นจึงคิดที่จะชวนคนอื่นไปทำภารกิจแทน
เดเมียนไม่ต้องการเข้าไปในห้องของไมโลโดยไม่ได้รับอนุญาต เว้นแต่จะเป็นเหตุฉุกเฉินและเดเีมยนก็จำได้เวลาช่วงนี้ไมโล ดูไม่ค่อยจะดีจากที่เขาได้เห็นหรือพบเจอและช่วงนี้เดเมียนเองก้ไม่ค่อยจะได้พบกับไมโลสักเท่าไหร่
เดเมียนถามเพื่อนคนอื่นๆ ที่อาศัยอยู่ร่วมกันแต่ทุกคนมีแผนของตัวเองและยุ่งกันหมด
เมื่อเห็นความทุ่มเทของเดเมียนในการฝึก ทุกคนจึงพยามทุ่มเทและเริ่มทำภารกิจและอยู่ในระหว่างการฝึกฝน โคลนั้นรับภารกิจเดี่ยวมาทำ ในขณะที่มาทิลด้าและจูเลียมีภารกิจร่วมกันและพวกเขาจะต้องออกไปทำภารกิจในเร็วๆ นี้ เหลือก็เพียงแต่ไมโล
เดเมียนไม่รู้จักคนอื่นๆ นอกจากกลุ่มเพื่อนของเขาในสถาบัน เดเมียนจึงตั้งใจที่จะพาไมโลไปทำภารกิจด้วยกัน และดูแล้วไมโลจะไม่ได้มีภารกิจยุ่ง หรือมีงานอะไร
แม้ว่าเดเมียนจะไม่อย่างก้าวก่ายพื้นที่ส่วนตัวของไมโล แต่เดเมียนก็ยังต้องการให้ไมโลไปทำภารกิจร่วมกันกับเขา และยังเป็นห่วงไมโลอีกด้วย
ดุเหมือนว่าทุกคนกำลังฝึกฝนอย่างหนักและพัฒนาตนเองไปเรื่อยๆ ยกเว้นไมโลที่จะได้เจอก็ต่อเมื่อถึงเวลาเข้าเรียน แล้วเขาก็ดูไม่ต่างจากที่เริ่มข้ามาที่สถาบัน
เดเมียนเคาะห้องไมโลอีกครั้ง และรอ สอง สาม นาที
เมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบรับ เดเมียนจึงเปิดประตุและเข้าไปในห้องของไมโล
“ไมโล ฉันเข้าไปละนะ”
เดเมียนกล่าวขณะเปิดประตูเข้าไป เดเมียนเห็นไมโลพยายามปกปิดใบหน้าของเขา แต่ก่อนที่ไมโลจะทำเช่นนั้นเดเมียนก็ได้เห็นใบหน้าของเขาแล้ว
ดูเหมือนว่าไมโลจะร้องไห้มาหลายวันแล้วและไม่ได้นอนมากนักและดูเหมือนว่าเดเมียนจะจดจ่อกับตัวเองมากเกินไปจนลืมมองไปที่เพื่อนของตัวเอง
ทันใดนั้นเดเมียนรู้สึกผิดที่ปล่อยให้เพื่อนของเขาต้องโดดเดี่ยว โดยเฉพาะคนที่ได้สัญญาว่าจะเป็นพี่น้องกัน
“ไมโล นายเป็นอะไรรึเปล่า”
เดเมียนถามอย่างห่วงใยขณะที่ปิดประตูและเดินเข้าไปหาเพื่อนของเขา
“ไม่มีอะไร”
ไมโลตอบโดยไม่อยากให้เดเมียนเห็นสภาพตอนนี้ของตัวเอง
นับตั้งแต่ที่ไมโลปลุกจิตวิญญาณประหลาดของเขา ความแข็งแกร่งของเขาก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นเลยแม้แต่น้อย ราวกับว่าร่างกายของเขากำลังลดพลังงานทั้งหมดที่ ไมโลพยายามกักเก็บไว้ในร่างกายของเขา
ไมโลจำอดีตของตัวเองไม่ได้มากนัก แต่สิ่งที่เขาจำได้ก็คือมีชายชราคนหนึ่งคอยดูแลเขา ในหมู่บ้านห่างไกลและชายชราทำอาหารให้ไมโลทุกชนิดที่ไมโลชอบ
ในวันเกิดครบรอบสิบปีของเขา ทันใดนั้นร่างของไมโลก็มีปีกงอกออกมา
หลังจากนั้นไม่นานชายชราที่คอยเลี้ยงดูไมโล ก็ป่วยและก็เสียชีวิตไป
ความปรารถนาก่อนที่เขาจะตายคือให้ ฝึกฝึกฝนและเสริมสร้างจิตวิญญาณ ชื่อชายชราคนนั้นไม่เคยเห็นมาก่อนและ ไมโลก็ออกเดินทางมายังสถาบัน เพื่อทำตามคำขอสุดท้ายของชายชรา
ไมโลได้รับการศึกษาและค่อนข้างฉลาด มีความรู้ตามวัย แต่เขาไม่มีความทรงจำในวัยเด็กของเขาเลยนอกจากชายชราที่ดูแลเขาเป็นเวลาหนึ่งปี
สำหรับไมโล มันเกือบจะเหมือนกับว่ากำเนิดและตัวตนของเขาถูกลบออกไป นอกเหนือจากความทรงจำที่ได้อยู่กับชายชรา
ดุเหมือนว่าตอนที่เขาอยู่กับชายชราเขามีความแข็งแกร่งมากกว่านี้ แต่หลังจากชายชราคนนั้นตายไป ไมโลก็รู้สึกว่าความแข็งแกร่งของเขาค่อยๆ ลดหายไป.