จักรพรรดิผู้ฝึกอายุห้าพันปี - ตอนที่ 102
ในห้องห่างไกลทางฝั่งตะวันตกของบ้านตระกูลป๋าย คนรับใช้สองนายกำลังมองหญิงสาวที่สลบไสลอยู่บนเตียง ในใจรู้สึกคันยุบยิบ
“อ้อนแอ้นอะไรขนาดนี้ เพิ่งจะยี่สิบต้นๆแน่ คุณชายไปฉกหญิงสาวชาวบ้านที่ไหนมา”
“ใครจะรู้ แต่ช่างน่าเสียดาย ผู้หญิงดีๆต้องมาถูกทำลายย่อยยับอีกแล้ว ก่อนหน้านี้ก็มีหญิงสาวไม่น้อยถูกปู้ยี่ปู้ยำไป ใครที่ยึดมั่นถือมั่นมากหน่อยถึงกับจะฆ่าตัวตายตั้งแต่ตอนนั้น”
“เฮ้อ ช่วยไม่ได้ ตระกูลป๋ายเป็นเจ้าของหลิงสุ่ย คุณชายก็คือองค์ชายรัชทายาท คิดอยากทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น ฉันได้ยินมาว่า ผู้คุ้มกันของคุณชายและผู้ติดตามยังเคยเสพสมกับสาวงามด้วย คุณชายสนุกเสร็จแล้วบางครั้งก็ให้พวกเขาได้ลอง”
คนรับใช้ยิ่งพูดก็ยิ่งอิจฉา
“อ้อใช่ คุณชายไปไหนแล้ว มีสาวงามอยู่ที่นี่กลับไม่มาเล่นด้วย แบบนี้ไม่ใช่นิสัยเขา”
“ได้ยินมาว่ามีงานเลี้ยง กลับมาดึกสักหน่อย ดังนั้นถึงได้ให้พวกเรามาเฝ้าดูไง” คนคนนั้นพูดจบ ก้นก็ขมิบแน่น เขาเอ่ย
“ฉันออกไปสักหน่อย ท้องไส้ไม่ค่อยดี ไปทำธุระหนัก”
“ไปเถอะ”
หลังจากที่ชายคนนั้นจากไป คนรับใช้ที่อยู่ในห้องก็ค่อยๆมีความกล้าขึ้นมาเรื่อย ๆ เขามองไปที่หญิงงามบนเตียง ในใจเกิดความคิดชั่วร้าย
เขาปิดประตูลง แล้วพุ่งเข้าไป
ไม่นานนัก คนรับใช้ที่ไปเข้าห้องน้ำก็กลับมา
“จะออกก็ไม่ออกสักที ท้องยังปวดอยู่เลย….ซานเหมา ซานเหมา”
เขาเอ่ยตะโกนขึ้น แต่ไม่มีใครตอบกลับ
คนรับใช้เข้ามาที่เตียงและพบว่าเสื้อผ้าและผมของหญิงสาวยุ่งเหยิงเล็กน้อย คิ้วของเขาขมวดขึ้นทันที “สมควรตาย ซานเหมาคงไม่ได้ใจกล้าไปแตะสาวสวยเข้าแล้วนะ หากคุณชายรู้เข้าต้องจบเห่แน่ ไม่ได้การ ต้องจัดการให้เรียบร้อย”
ขณะที่เอ่ย คนรับใช้ก็ยื่นมือออกมา
เขาไม่ได้สังเกตุเห็นเลยสักนิดว่าบนพื้นมีขี้เถ้ากองหนึ่งอยู่
……
ตุบตุบตุบ
นอกบ้าน ยังคงสู้รบกันครั้งใหญ่
นักฆ่าทั้งหมดล้วนถูกส่งต่อให้ลูกน้อง ถังหมิงกวงพาถังหวั่นเอ๋อไปที่ห้องโถงแล้วตะโกนขึ้น “ป๋ายเจิ้งหรง”
“ถังหมิงกวง”
เจอหน้าศัตรู ความโกรธแค้นก็ปะทุเพิ่มมากขึ้น
นึกถึงภรรยาของเขาตายภายใต้คมดาบ บิดามารดาของตน พี่น้อง ญาติสนิท….ล้มลงจมกองเลือดไปทีละคนๆ ตายอย่างไร้สภาพสมบูรณ์
ทุกอย่างราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้
ถังหมิงกวงดวงตาแดงก่ำ น้ำเสียงแหบพร่า “สิบห้าปี แกรู้ว่าสิบห้าปีมานี้ทำไมฉันต้องมาที่นี่ ทุกๆวินาที ฉันล้วนคิดอยากจะกินเนื้อของแก ดื่มเลือดของแก”
“งั้นเหรือ ถูกนายจำได้ทุกๆวินาทีแบบนี้ ฉันรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง” ป๋ายเจิ้งหรงยังคงไม่สะทกสะท้าน มุมปากมีรอยยิ้มสนุก
“หนี้เลือดชำระด้วยเลือด วันนี้เป็นวันที่ตระกูลป๋ายของแกต้องล่มสลายลง”
ป๋ายเจิ้งหรงส่ายหัว “ไม่ นายไม่ไหว”
ถังหวั่นเอ๋อก็ตาแดงเช่นกัน แม่ของเธอเสียชีวิตเพื่อช่วยเธอ ทุกครั้งที่นึกถึงเรื่องพวกนี้ ในใจของเธอก็รู้สึกเคียดแค้น
เธอจะต้องล้างแค้นให้แม่ ฆ่าศัตรูของเธอซะ
“ฆ่า!”
ถังหวั่นเอ๋ออดทนต่อไปไม่ไหว
สองเท้ากระโดดขึ้นผสมกับเสียงลม และพุ่งเข้าไปหมายฆ่าป๋ายเจิ้งหรง
ความแข็งแกร่งของกำลังภายในขั้นสูงน่ากลัวขนาดไหน ต่อให้เป็นแผ่นเหล็กก็ยังสามารถตีทะลุได้ ถังหวั่นเอ๋อมั่นใจว่าหมัดนี้ของตนจะสามารถระเบิดสมองของป๋ายเจิ้งหรงได้
“หวั่นเอ๋อ ระวัง”
แต่ต่อมา เสียงอุทานของถังหมิงกวงก็ดังขึ้น
ถังหวั่นเอ๋อดูเหมือนจะยังคงไม่รู้ตัว ดวงตาของเธอหดลงก่อนจะพบว่ากำปั้นของตนถูกยึดเอาไว้อย่างแน่นหนา ส่วนคนที่หยุดกำปั้นของเธอไว้ก็คือชายชราผมขาวที่อยู่ข้างๆตัวป๋ายเจิ้งหรง
ชายชราคนหนึ่ง?
“สาวน้อยมีพรสวรรค์ไม่เลว แต่น่าเสียดาย”
ท่านเห้อส่ายหัว ข้อมือแค่ขยับ ถังหวั่นเอ๋อก็ส่งเสียงกรีดร้องและกระเด็นออกไป
“หวั่นเอ๋อ”
ถังหมิงกวงเข้าไปประคองเธอ ก่อนจะพบว่าถังหวั่นเอ๋อได้รับบาดเจ็บสาหัส ลมหายใจรวยริน อวัยวะภายในทั้งห้าได้รับความเสียหายอย่างหนัก
“คุณเป็นนักบู๊ กำลังภายในขั้นสุดยอด!”
“นายคิดว่ายังไงล่ะ”ท่านเห้อสีหน้าเรียบเฉย
ในตอนนี้ ถังหมิงกวงรู้สึกเสียใจอย่างยิ่ง
เขาประมาทเกินไป ประมาทจนทำให้ลูกสาวของเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสจนแทบจะเสียชีวิต
ถ้าลูกสาวของเขาตายไปแบบนี้ เขาก็คือคนบาปของตระกูลถัง แม้ว่าเขาจะตกนรกไป ก็ไร้หน้าไปพบกับภรรยาของตน
ไม่ได้ หวั่นเอ๋อจะตายไม่ได้!
“ป๋ายเจิ้งหรง นายรอฉันก่อนเถอะ วันหน้าฉันจะมาเอาชีวิตสุนัขของแกอีกครั้ง”
ถังหมิงกวงหันหลังหนี
เขาเพิ่งทะลุไปถึงกำลังภายในขั้นสุดยอด ส่วนชายชรานั่นมีโอกาสอย่างยิ่งที่จะอยู่ในขอบเขตนี้มานานหลายปีแล้ว ดังนั้นตอนนี้เขาจึงไม่ใช่คู่ต่อสู้อย่างแน่นอน
ถังหวั่นเอ๋อจำเป็นต้องไปโรงพยาบาลทันที ไม่สามารถรีรอได้อีก
ดังนั้น ถังหมิงกวงจึงต้องล้มเลิกหารเลิกแก้แค้นไปชั่วขณะ
“หวั่นเอ๋อบาดเจ็บสาหัส ถอยเร็วเข้า เร็ว”
ถังหมิงกวงตะโกน
เหล่าลูกศิษย์ตระกูลถังที่กำลังต่อสู้กับนักฆ่าอยู่เมื่อได้ยินเสียงตะโกน สีหน้าก็มืดลง พวกเขาได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี และตอบสนองทันที สลายตัวออกจากตระกูลป๋ายไปราวกับสายน้ำ
“ไม่ได้พบกันสิบห้าปี สมควรรื้อฟื้นความหลังกันสักหน่อย มารีบร้อนจากไปแบบนี้ออกจะไม่ถูกต้องอยู่บ้าง” ป๋ายเจิ้งหรงกล่าวยิ้ม ๆ
ท่านเห้อเข้าใจทันทีและสาวเท้าเข้าไป
ก้าวหนึ่งของเขาเทียบเท่าระยะสิบเมตร และเข้าใกล้ถังหมิงกวงอย่างรวดเร็ว
“เจ้าบ้านต้องการให้คุณอยู่ต่อ อย่าได้หนีอีกเลย”
ท่านเห้อใช้มือเพียงข้างเดียวจับเอาไว้ พละกำลังที่ส่งผ่านมาหนักหน่วงรุนแรงอย่างยิ่ง
ถังหมิงกวงกัดฟัน เขาหันกลับไปต่อสู้อย่างสุดแรงและประสานฝ่ามือเข้าให้ฝ่ามือหนึ่ง
“พรูด!”
พลังที่ไม่สามารถหยุดยั้งเอาไว้ได้สายหนึ่งพุ่งเข้ามาตามฝ่ามือ หากไม่ใช่เพราะใช้ทักษะผ่อนแรงพิเศษที่มีช่วยเอาไว้ได้ครึ่งหนึ่ง เกรงว่าการประมือครั้งนี้เขาจะต้องบาดเจ็บสาหัสแน่
ถังหมิงกวงตกใจ
แม้ว่าเขาจะเพิ่งเข้าสู่กำลังภายในขั้นสุดยอด แต่ก็ไม่มีทางอ่อนแอขนาดนี้ ชายชราผู้นี้ที่แท้แล้วแข็งแกร่งขนาดไหนกัน!
ท่านเห้อประหลาดใจเล็กน้อย “ทักษะผ่อนแรงที่ฉลาดอย่างยิ่ง แต่ว่ามันก็แค่เท่านั้น เมื่อเผชิญกับความแข็งแกร่งที่แท้จริงทักษะใดๆล้วนไร้ประโยชน์ราวกับของเล่น”
“คุณเป็นใครกันแน่”
“ฉันเป็นใครไม่สำคัญ คนใกล้จะตายรู้มากเกินไปก็ไร้ประโยชน์ นายไม่สมควรมาที่ตระกูลป๋าย ในเมื่อมาแล้วก็หนีไม่พ้นแล้ว”
ท่านเห้อก้าวเท้าเข้าไปอย่างไม่เร่งรีบ เพียงแค่สองก้าวก็หยุดลงตรงหน้าถังหมิงกวงและสะบัดเขากระเด็น
ถังหมิงกวงกระเด็นล้มลงหน้าประตูใหญ่ตระกูลป๋าย
“นายท่าน!”
ด้านนอก มีน้ำเสียงโศกเศร้าเคียดแค้นดังขึ้น
สีหน้าของเหล่าลูกศิษย์ตระกูลถังเปลี่ยนไปครั้งใหญ่ก่อนจะรีบพุ่งเข้ามา
“พาหวั่นเอ๋อไป เร็วเข้า หนีไปยิ่งไกลยิ่งดี ทายาทตระกูลถังจะจบลงไม่ได้”
ถังหมิงกวงออกแรงโยนถังหวั่นเอ๋อออกไป
ท่านเห้อแค่นเสียง “อยู่ต่อหน้าฉันยังคิดจะหนี ช่างไม่เห็นฉันอยู่ในสายตาเอาซะเลย”
ฟุบฟุบฟุบ
ลำแสงสีขาวสายหนึ่งพุ่งออกมาจากมือของท่านเห้อและกลายเป็นกรงเล็บเข้าไปจับถังหวั่นเอ๋อกลับมา
ไม่ มันคิดจะฆ่าให้ตายทั้งเป็น
“รังสีกำลังภายใน ปรมาจารย์บู๊”ในตอนนี้ ถังหมิงกวงเผชิญหน้ากับความตาย เขาพบว่าตนเองผิดเสียจนไม่น่าให้อภัย ประเมินพลังของตระกูลป๋ายต่ำเกินไป
ป๋ายเจิ้งหรงกล้าบ้าบิ่นขนาดนี้ ไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน ทำตัวชั่วช้ามาเป็นสิบปี แม้กระทั่งรัฐบาลยังไม่อยู่ในสายตา ที่แท้ก็เป็นเพราะมีปรมาจารย์นักบู๊หนุนหลังอยู่
นี่เป็นเรื่องที่เข้าใจได้แล้ว
ปรมาจารย์ ไม่ว่าที่ไหนล้วนเป็นผู้อยู่จุดสูงสุด แม้แต่ในเมืองหลวงที่อยู่ห่างไกลออกไป ปรมาจารย์ก็ยังคงอยู่เบื้องบนสูงส่ง ได้รับการเคารพยกย่อง
ถังหมิงกวงแม้แต่ฝันยังคิดไม่ถึงว่าตระกูลป๋ายจะซ่อนปรมาจารย์เอาไว้
แต่สิ่งที่ยิ่งไม่เข้าใจก็คือ ปรมาจารย์ผู้สูงศักดิ์เหตุใดจึงต้องมาหดตัวอยู่ในหลิงสุ่ย ทำไมต้องฟังป๋ายเจิ้งหรง?
“มารู้ตอนนี้ ก็สายไปแล้ว”
ท่านเห้อเอ่ยเย็นชา ทันใดนั้นเขาก็เลิกคิ้ว
เขาค้นพบว่ากรงเล็บรังสีที่ตนส่งออกไปพังทลายลง มีชายหนุ่มชุดดำคนหนึ่งเข้าไปประคองถังหวั่นเอ๋อจากนั้นจึงเตะทำลายประตูใหญ่ตระกูลป๋ายแล้วค่อยๆเดินเข้ามาช้าๆ
“นายคือใคร?”
สีหน้าของท่านเห้อฉายแววโหดเหี้ยม สามารถทำลายกรงเล็บรังสีของเขาได้ ชายหนุ่มคนนี้ย่อมไม่ใช่คนธรรมดา แต่เขาก็แค่ประหลาดใจเท่านั้น
ท้ายที่สุดแล้วก็ยังคงเป็นแค่ชายหนุ่มในวัยยี่สิบกว่า ต่อให้ไม่ธรรมดาก็ไม่มีทางแข็งแกร่งไปได้สักเท่าไหร่
โล่เฉินไร้คำพูด เขาโยนถังหวั่นเอ๋อไปให้ถังหมิงกวงแล้วถามเสียงเย็น “นายเป็นเจ้าบ้านตระกูลป๋าย?”
“เป็นฉัน”
ป๋ายเจิ้งหรงก้าวเท้าออกมาจากด้านหลัง เขามองไปที่โล่เฉินอย่างประเมินและถามว่า “เจ้าหนุ่มนายเป็นใคร มาทำอะไรในตระกูลป๋ายของฉัน?”
“ส่งตัวหยู่ถิงมา แล้วฉันจะไว้ชีวิตพวกนาย”
หยู่ถิง?
หยู่ถิงคือใคร?
แต่ว่านั่นไม่สำคัญ
ป๋ายเจิ้งหรงไม่พอใจ ก็แค่เด็กหนุ่มหน้าขนคนหนึ่งกล้าเอ่ยปากว่าจะฆ่าเขา ช่างไร้สาระเสียจริง
“คนบ้าจากไหนกัน จัดการเตะมันออกไป….ไม่สิ ทำลายประตูใหญ่ของบ้านตระกูลป๋ายฉัน จัดการหักขาสุนัขของมันให้ฉันซะ”
ฟุบฟุบฟุบ
ทันใดนั้น นักฆ่าสามคนก็ปรากฏตัวขึ้นในความมืดและพุ่งเข้าสังหารโล่เฉิน
“ตระกูลป๋าย ดีมาก เป็นพวกนายที่บังคับฉัน”
โล่เฉินควบคุมตนเองเอาไว้ดีอย่างยิ่งแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าตระกูลป๋ายจะหยิ่งผยองขนาดนี้ ตอนนี้เขาไม่คิดจะยั้งมืออีกต่อไป
ไหนไหนก็มาแล้ว
อย่างนั้นก็จัดงานเลี้ยงนักฆ่าให้สักหน่อยแล้วกัน
ผู้ฝึกอมตะอันผ่าเผย ผ่านร้อนผ่านหนาวมานานกว่า 5,000 ปี ถึงตอนนี้จะตกต่ำลงไปอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนจะสามารถกลั่นแกล้งดูถูกได้
ในมุมมองของโล่เฉิน การกลั่นแกล้งดูถูกญาติของเขาคือการกลั่นแกล้งดูถูกเขา
ดังนั้น ทุกคนล้วนต้องตาย
“สลาย”
โล่เฉินชูนิ้วสามนิ้วขึ้นไปบนอากาศเกิดเป็นลำแสงสามสายสว่างวาบขึ้น
วินาทีถัดมา นักฆ่าทั้งสามก็ล้มลงบนพื้น หว่างคิ้วมีรูเลือดปรากฏขึ้น หลังจากกระตุกสองสามครั้งก็ชีวิตก็ดับสิ้นไป
บูม
สมองของถังหมิงกวงว่างเปล่า ความตื่นตะลึงตกใจเพิ่มขึ้นจนไม่อาจเพิ่มขึ้นได้อีก “เป็น ปร…ปรมาจารย์อีกแล้ว”
นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
ปรมาจารย์กลายเป็นเรื่องเกลื่อนกลาดไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน อีกทั้งคนหนุ่มตรงหน้ายังอายุน้อยอย่างยิ่ง อายุเพียงเท่านี้เหตุใดถึงเป็นปรมาจารย์บู๊ได้แล้ว นี่เป็นไปไม่ได้!