จักรพรรดิผู้ฝึกอายุห้าพันปี - ตอนที่ 113
“คุณชายเจิ้ง ถ้าคุณให้ผมสองพันล้าน ผมก็จะขายบริษัทนี้ให้คุณแถมผมก็ยังขาดทุนอยู่นิดหน่อย”
โล่เฉินกล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
ทั้งห้องเงียบสนิทลงจนได้ยินแม้กระทั่งเสียงเข็มตก
ล้อเล่นอะไรกัน!
บริษัทเน่าๆ แห่งนี้มีมูลค่าสองพันล้านหยวน คิดว่าเงินไหลมากับน้ำหรือยังไง ไปเอาความกล้ามาจากไหนถึงได้กล้าเรียกร้องสองพันล้านจากคุณชายเจิ้ง
เจิ้งข่ายเองก็อ้าปากค้าง เขาไหนเลยจะคิดว่าโล่เฉินจะกล้าเรียกเงินออกมาขนาดนี้
ใจกล้าอย่างยิ่ง
“คุณชายเจิ้ง อย่าทำหน้าแบบนั้น ผมทำธุรกิจด้วยความซื่อสัตย์ จะมองแค่ตัวบริษัทอย่างเดียวไม่ได้ จะต้องมองถึงมูลค่าที่เป็นไปได้ด้วย สองพันล้าน คุณไม่ขาดทุน”
ยังไม่ขาดทุน?
เจิ้งข่ายระเบิดความโกรธ เขาเอ่ยด่า “ไอ้ขยะ แกรนหาที่ตาย!”
เหล่าลูกน้องลูกเศรษฐีต่างลุกฮือกันขึ้นมา มือไม้ตั้งท่าจะลงมือ
โล่เฉินไม่รีบร้อน เขาเอนพิงโซฟาแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “คุณชายเจิ้งคิดจะใช้กำลังซื้อขายหรือ แบบนี้ผมสามารถแจ้งความได้นะ ตระกูลชั้นหนึ่งของเมืองเจียง ไม่ทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดีแต่กลับทำตัวกำเริบไร้กฎหมายอยู่ในสายตา แบบนี้ไม่รู้ว่าจะมีจุดจบเหมือนตระกูลไหนสักตระกูลรึเปล่า”
“แกพูดเรื่องอะไร!”
เจิ้งข่ายตกใจ ไอ้ขยะนี่ก็รู้เรื่องการทำลายล้างตระกูลป๋ายงั้นหรือ
“อย่ามาสนใจเลยว่าผมพูดอะไร คุณชายเจิ้งมีความเห็นยังไง สองพันล้านคุณจะจ่ายไม่จ่าย?ยังไงก็ราคาตามนี้แหละ หาน้อยลงกว่านี้สักแดงเดียวผมก็ไม่ขาย”
โล่เฉินพูดอย่างหนักแน่นอย่างยิ่ง
ข้างๆ กัน หานหยู่ถิงกำลังใจเต้นแรง
สองพันล้านเชียวนะ หากยอมจ่ายจริงๆ แบบนั้นก็รวยแล้ว
ตระกูลหานจะก้าวไปเป็นตระกูลชั้นหนึ่งได้ทันที
จะบอกว่าไม่หวั่นไหวก็คงจะโกหก แต่เมื่อคิดว่าต้องขายเซี่ยซือหานและอู่จื่อเยว่ออกไป หานหยู่ถิงก็ล้มเลิกความคิดนี้ลง
เจิ้งข่ายเป็นเพลย์บอย สาวงามที่ตกอยู่ในมือของเขาไม่มีจุดจบที่ดีอะไร
โดยเฉพาะจื่อเยว่….
เกิดมาพร้อมเสน่ห์ แม้กระทั่งหญิงสาวด้วยกันยังถูกเธอดึงดูด
ในเวลาเพียงไม่กี่วัน หานหยู่ถิงและอู่จื่อเยว่กลายเป็นพี่น้องกันที่ดีต่อกันคุยกันทุกเรื่องไปแล้ว เธอไม่สามารถปล่อยให้จื่อเยว่ต้องได้รับความเสียหายได้
“เจิ้งข่าย ถ้าจ่ายออกมาไม่ได้ก็ไสหัวไปเถอะ พวกเราไม่ได้มีเวลาว่างมาพูดเรื่องไร้สาระกับนาย”
“หานหยู่ถิง นี่เธอกล้าพูดจาดูหมิ่นคุณชายเจิ้ง!”
ลูกคุณหนูคนหนึ่งเอ่ยขึ้นอย่างโกรธจัด
หานหยู่ถิงเยาะเย้ย “เธอเลียแข้งเจิ้งข่าย เป็นสุนัขรับใช้ตัวเมียของเขา แต่ฉันไม่ใช่”
“นังสารเลว!”
ลูกคุณหนูมีสีหน้าโกรธจนแทบระเบิด แต่กลับทำอะไรไม่ได้
หน้าอกของเจิ้งข่ายก็กระเพื่อมขึ้นลงเช่นกัน และเขาพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “โล่เฉิน นายสำเหนียกตัวตนของนายให้ดีๆ คิดจะเป็นศัตรูกับฉันจริงๆ หรือไง?ผลลัพธ์ที่ตามมาไม่ใช่เรื่องที่นายจะรับไหว”
“ช่วยไม่ได้ เงินหนึ่งล้านไม่มากพอที่จะทำให้ผมหลุดพ้นตำแหน่งไอ้ขยะ ถ้าคุณให้ผมสองพันล้าน อย่านั้นผมก็จะเหยียบตระกูลหานลงและยืนขึ้นได้อย่างภาคภูมิใจ”
“นี่เป็นไปไม่ได้ ฉันไม่ใช่คนโง่”
เจิ้งข่ายกลอกตา ก่อนจะเสนอความคิดขึ้น “เอาอย่างนี้แล้วกัน ฉันสามารถลงทุนได้”
“ลงทุน?”
“ใช่ ถ้าอยากให้สองสาวดังขึ้นมาเป็นพลุแตกก็ต้องใช้เงินเพื่อโปรโมต พวกนี้ล้วนเป็นเรื่องผลาญเงินทั้งนั้น ส่วนสิ่งที่นายขาดไปก็คือเงิน”
โล่เฉินถามด้วยความสนใจ “คุณชายเจิ้งสามารถให้ได้เท่าไหร่?”
“ห้าล้าน”
ในใจของหานหยู่ถิงกระตุก
สำหรับตระกูลเล็กๆ อย่างตระกูลหาน เงินห้าล้านถือเป็นเงินจำนวนมาก
ต้องรู้ด้วยว่าเงินเดือนของหานหยู่เยนเพิ่งจะอยู่ที่ประมาณ แปดพันต่อเดือนเท่านั้น
แถมนี่ยังเป็นเงินเดือนภายหลังจากได้รับการเลื่อนขั้นเป็นผู้อำนวยการโครงการและรองผู้จัดการไปแล้ว หากเป็นก่อนหน้านั้นเธอได้เงินเดือนไม่ถึงห้าพันด้วยซ้ำ
“แล้วเงื่อนไขล่ะ?”
“ไม่มีเงื่อนไข ก็แค่มีเงินเยอะ บวกกับฉันชอบสาวสวยสองคนนั้น ฉันก็เลยอยากให้พวกเธอดังเป็นพลุแตก แบบนี้ต่อไปหากเธอมาเป็นแฟนฉัน ฉันถึงค่อยรู้สึกภูมิใจ”
โล่เฉิน หานหยู่ถิง “…..”
แม้แต่ผู้ติดตามของเจิ้งข่ายบางคนก็ยังงงเป็นไก่ตาแตก
ห้าล้านใช้ไปอย่างสูญเปล่า?
สมกับที่เป็นตระกูลชั้นหนึ่งจริงๆ มีเงินให้ใช้จ่ายได้ไม่หมดไม่สิ้น
“อย่างไรก็ตาม ฉันลงทุนให้นายห้าล้าน ฉันจะต้องส่งนักบัญชีเข้ามาที่นี่และเงินทุกบาททุกสตางค์จะต้องใช้ไปกับสองสาวงามเพื่อช่วยโปรโมตพวกเธอเท่านั้น ห้ามนายยักยอกไปใช้ส่วนตัวเด็ดขาด”
“เงินจะเข้ามาเมื่อไหร่?”
“ตอนเย็น”
โล่เฉินปรบมือ “ตกลง”
เจิ้งข่ายยิ้มหึหึและเอ่ย “ไม่เลว ไอ้ขยะอย่างนายถือว่ายังพอมีสมองอยู่บ้าง ไปละ คนของฉันจะมาที่นี่ตอนเย็น”
“ผมจะรอ”
เมื่อไปส่งพวกของเจิ้งข่ายกลับไป โล่เฉินก็กลับมาที่บริษัท
อู่จื่อเยว่และเซี่ยซือหานก็ออกมาแล้วเช่นกัน พวกเธอไม่ได้สนใจเจิ้งข่ายสักนิด เมื่อครู่พวกเธอกำลังสตรีมอยู่
“คุณคงไม่ได้เชื่อคำพูดไอ้เพลย์บอยนั่นใช่ไหม” เซี่ยซือหานจิบชาและเอ่ยขึ้นเรียบๆ
“พี่ชายจะต้องมีความคิดของเขาอยู่แน่” อู่จื่อเยว่กำลังเล่นเกมคอมพิวเตอร์
หานหยู่ถิงกำลังงงงวย เธอเอ่ยถาม “พี่เขย เจิ้งข่ายกำลังตั้งใจจะทำอะไรกันแน่?แบบนี้จะมีอันตรายรึเปล่า พวกเราได้เงินมา ไม่ใช่สุดท้ายแล้วเขาเกิดกลับคำไปแจ้งความว่าพวกเราปล้นเงิน ไถเงินหรืออะไรทำนองนั้น แล้วเรียกตำรวจมาจับพวกเรา?”
โล่เฉินส่ายหัว เขานั่งลงแล้วเอ่ย “ง่ายดายอย่างยิ่ง เขาต้องการเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่”
“ผู้ถือหุ้นรายใหญ่?”
……
บนถนน ในรถมาเซราติริ
ลูกเศรษฐีกำลังขมวดคิ้ว “พี่ข่าย ทำไมคุณถึงไม่มีเงื่อนไขอะไรเลยแล้วส่งเงินไปให้ไอ้ขยะนั่นห้าล้านฟรีๆ ครอบครัวคุณมีเงินแต่ก็ไม่เห็นจะต้องละลายมันทิ้งแบบนี้”
“ให้ฟรี?นายคิดมากไปแล้ว เงินของฉันไม่ได้เอาไปง่ายๆ ขนาดนั้น”
เจิ้งข่ายมีสีหน้าที่ลึกลับ
หลายคนมองหน้ากัน
คุณหนูตระกูลชั้นสามที่กำลังอยู่ในอ้อมแขนของเจิ้งข่ายพูดขึ้นอย่างเง้างอน “โอ้ย พี่ข่าย คุณพูดออกมาสิคะ ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ คนกันเองทั้งนั้น คุณกลัวว่าพวกเราจะปากโป้งออกไปหรือยังไง”
“ใช่พี่ข่าย พวกเราคิดไม่ตก”
เจิ้งข่ายอธิบาย “ตอนนี้บริษัทของโล่เฉินเป็นบริษัทส่วนตัว ฉันต้องการเปลี่ยนบริษัทของเขาเป็นลักษณะการร่วมทุน แบบนี้เมื่อฉันลงทุนห้าล้านหยวน ฉันก็จะกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุด แน่นอนว่าบริษัทย่อมต้องตกอยู่ในการควบคุมขอบฉัน”
พวกลูกสมุนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงกระจ่างขึ้นมา
“นั่นสินะ!”
“พี่ข่าย ยังเป็นคุณที่ฉลาดจริงๆ ”
“สมกับที่เป็นพี่ข่าย ไอ้ขยะนั่นคงภูมิใจนึกว่าทุกอย่างเป็นไปตามที่ตัวเองคิด แต่กลับไม่รู้เลยว่าอีกไม่นานบริษัทและสาวสวยจะตกอยู่ในกระเป๋าของพี่ข่ายแล้ว”
คุณหนูอีกคนหนึ่งยังมีท่าทางไม่เข้าใจ “พี่ข่าย คุณจะเปลี่ยนบริษัทส่วนตัวให้เป็นบริษัทร่วมทุนได้ยังไง ไอ้ขยะนั่นจดทะเบียนบริษัทไปแล้วนี่”
“โง่หรือไง ก็แค่ไปบอกผู้นำสำนักงานบริหารอุตสาหกรรมและการค้าก็พอแล้ว อาศัยตัวตนของพี่ข่าย ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารอุตสาหกรรมและการค้าจะต้องเปลี่ยนรูปแบบบริษัทของโล่เฉินแน่ ง่ายจะตายไป!”
มีอีกคนถามขึ้น “พี่ข่าย เกิดโล่เฉินเอะอะขึ้นมาจะทำยังไง?”
“ไร้สาระ เขากล้าหรือไง”
“ก็แค่ขยะคนหนึ่ง คิดหรือไงว่าพวกเราจะไม่กล้าแตะเขาจริงๆ หากเขาเรื่องเยอะขึ้นมา เขาก็จะไม่ใช่แค่ขยะอีกต่อไปแต่เป็นไอ้พิการแทน”
ในรถ มีเสียงชายหญิงหลายคนพูดไปมา
เจิ้งข่ายพูดอย่างเย็นชา “ไม่ต้องกังวล เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยไปแล้ว ถึงตอนนั้นต่อให้เขาเอะอะขึ้นมาก็ไม่ช่วยอะไร ยิ่งไปกว่านั้น ตระกูลหานเองก็ไม่มีทางปล่อยให้เขาก่อเรื่องแน่ ในเมืองเจียงยกเว้นตระกูลเฟิงแล้ว ยังมีใครกล้าหาเรื่องตระกูลเจิ้งของฉันอีก”
ดวงตางดงามของคุณหนูจากตระกูลชั้นสามสองคนระริกขึ้นมา พวกเธออยากจะได้รับความโปรดปรานจากเจิ้งข่ายจนแทบทนไม่ไหว
ในที่นั่งข้างคนขับ ลูกคนรวยถามขึ้นยิ้มๆ “พี่ข่าย พวกเราไปที่สำนักงานบริหารอุตสาหกรรมและการค้าตอนนี้เลยไหม?”
“อืม”
เจิ้งข่ายพยักหน้า ท่าทางราวกับผู้ที่ควบคุมทุกอย่างไว้ได้หมดแล้ว
เขาหรี่ตาลง
ในหัวนึกไปถึงอู่จื่อเยว่ที่เจอริมทางเดินบนถนนเมื่อตอนเที่ยง แม้ว่าใบหน้าของเธอจะไม่ถึงกับงดงามหยาดเยิ้มจนต้องตกตะลึงแต่กลับคล้ายมีเสน่ห์บางอย่างอยู่ในนั้น
ทำให้เขาไม่สามารถยั้งตนได้จนแทบอยากจะเข้าไปแย่งมาให้ได้
ช่างเป็นปีศาจน้อยจริงๆ !
เจิ้งข่ายแอบหัวเราะอยู่ในใจ สุดท้ายแล้วก็ไม่สามารถหนีไปจากเงื้อมมือเขาได้อยู่ดี