จักรพรรดิผู้ฝึกอายุห้าพันปี - ตอนที่ 147
“ขอบคุณนายมากจริงๆ วันหลังฉันจะเลี้ยงข้าวนาย”
ในตึกสูงของไห่ถังหัวฝู่ ในที่สุดหานหยู่ถิงก็ค่อยวางใจ และเอ่ยขอบคุณอย่างไม่หยุด
“ไม่เป็นไร น้ำใจนี้คืนแล้ว ฉันไม่ติดค้างอะไรเธออีก เพียงแต่ฉันรู้สึกว่าน่าเสียดายมาก เห็นชัดๆว่าน้ำใจนี้เธอสามารถใช้มันมาทำเรื่องที่มีความหมายมากกว่านั้นได้ ทำไมถึงได้เอามาใช้ช่วย…ไอ้ขยะ?”
ในโทรศัพท์ เสียงของชายหนุ่มก็ดังขึ้น
หานหยู่ถิงใบหน้าเคร่งขรึม เธอเอ่ยอย่างจริงจัง “คุณชายเฝิง ห้ามด่าพี่เขยของฉัน พี่เขยของฉันไม่ใช่ไอ้ขยะ เขาเป็นฮีโร่”
“ฮีโร่?” เฝิงเห้าหรานหัวเราะเบาๆ
“ใช่ เขาคือฮีโร่ของฉัน”
คิดไปถึงคืนนั้น
เธอถูกจับไป แต่เดิมคิดว่าต้องเคราะห์ร้ายแล้ว แต่กลับตื่นขึ้นมาในอ้อมอกอันอบอุ่นของโล่เฉิน ความรู้สึกนั้นไม่สามารถบรรยายออกมาได้ และประทับตราตรึงลึกในใจของหานหยู่ถิง
ในตอนนั้น หานหยู่ถิงพบว่าพี่เขยของเธอทั้งสูงใหญ่
ไม่แปลกใจเลยที่พี่สาวจะยอมรับรักเขา!
“คุณชายเฝิง เรื่องในตอนนั้นเป็นเรื่องที่ฉันสมควรกระทำ คุณไม่ถือว่าติดค้างน้ำใจฉัน ดังนั้นฉันจึงไม่ขอให้คุณทำอะไรเพื่อฉัน แต่ว่าครั้งนี้ฉันไร้หนทางจริงๆ หยางเซียวมีแค่คุณเท่านั้นที่กดเขาเอาไว้ได้”
เฝิงเห้าหราน อายุ 19 ปีและ หานหยู่ถิง อายุ 20 ปี
ทั้งสองเคยเป็นเพื่อนนักเรียนสมัยมัธยมปลาย
มีครั้งหนึ่งหานหยู่ถิงที่กำลังกลับบ้านเห็นนักเรียนหญิงคนหนึ่งถูกแทะโลม และเธอก็จำได้ว่านักเรียนหญิงคนนั้นและเฝิงเห้าหรานมักเดินอยู่ด้วยกันเสมอ ดังนั้นเธอจึงโทรไปบอก
ด้วยเหตุนี้ เฝิงเห้าหราน จึงมาถึงทันเวลาและช่วยนักเรียนหญิงให้รอดจากการถูกทำมิดีมิร้ายได้
ในตอนนั้น เฝิงเห้าหราน กล่าวว่าเขาเป็นติดหนี้หานหยู่ถิง แต่หานหยู่ถิงไม่ได้จริงจังอะไร
วันนี้ เธอหา เฝิงเห้าหรานก็เพราะว่าอับจนหนทางแล้วจริงๆ
“ก็ได้ แต่พี่เขยของเธอน่าสนใจมาก”
“เอ๋ อะไรนะ?”
“วางแล้ว”
ตู๊ดตู๊ดตู๊ด
หานหยู่ถิงมองไปที่โทรศัพท์มือถือด้วยความงุนงง
โล่เฉินกลับบ้าน หานหยู่ถิงรีบเข้ามาถามเขาทันทีว่าหยางเซียวหาเขาไปทำไม โล่เฉินอธิบายอย่างง่ายๆไปรอบหนึ่ง ไม่ได้พูดถึงเฮยหนิว
“พี่เขย ครั้งนี้คุณต้องขอบคุณฉันนะ”
“หมายความว่าไง?”
หานหยู่ถิงย่นจมูกน้อยๆของเธอ และพูดอย่างไม่พอใจ “คุณคิดว่าหยางเซียวจะปล่อยคุณไปง่ายๆงั้นหรือ นั่นเป็นเพราะฉันหาคนมาช่วยต่างหาก”
“อ้อ เธอหาคนมาช่วย?” โล่เฉินงงงวย
“ใช่ ฉันหาคนใหญ่คนโตมา หยางเซียวกลายเป็นขี้ปะติ๋วไปเลย เขาออกหน้าให้หยางเซียวถึงได้ปล่อยพี่ไป ไม่อย่างนั้นนะ พี่จะต้องถูกหยางเซียวจัดการแน่ๆ ดังนั้นพี่ควรจะขอบคุณฉัน”
โล่เฉินถามด้วยรอยยิ้ม “เธอไปหาใครมา?”
“เป็นความลับ”
“ได้ได้ได้ ทั้งหมดนี้เป็นเครดิตของเธอ อยากได้รางวัลอะไร”
หานหยู่ถิงยิ้มร่า “ฉันยังคิดไม่ออก รอให้คิดออกแล้วจะบอกคุณ คุณวางใจได้ ฉันจะไม่เรียกร้องมากเกินไป”
“ได้ ฉันจะรอ”
ทุกอย่างกลับสู่ปกติ
โล่เฉินไปรับหานหยู่เยนกลับบ้าน และเริ่มทำอาหาร ครอบครัวนับวันยิ่งสามัคคีมากขึ้นเรื่อยๆ
ก่อนหน้านี้ ทุกครั้งที่กินข้าว แม่ยายหลิวเซียงหลันมักจะชอบหักหน้าและพูดจาเสียดสี แต่ตอนนี้ไม่มีอีกต่อไป อีกทั้งยังพอใจกับโล่เฉินอย่างมาก
วันรุ่งขึ้น เมืองเจียงกำลังจะเกิดคลื่นพายุ
มีข่าวใหญ่ออกมา——
ตระกูลชั้นหนึ่ง ตระกูลเฝิง ตระกูลหยาง ตระกูลเจิ้ง ตระกูลหลี่ ได้ร่วมกันประชุมกันพร้อมหน้า รวมทั้งยังมีตระกูลชั้นสอง กลุ่มธุรกิจ จัดการประชุมลับภายใต้การดำเนินการของนายกเทศมนตรี
ถึงจะไม่มีใครรู้เนื้อหาของการประชุม แต่ความลับนี้ก็ยังถูดแพร่ออกไป
แวดวงสังคมของเมืองเจียงแทบจะระเบิดขึ้นมา นั่นเพราะตระกูลทั้งสี่แต่ไหนแต่ไรมาล้วนมีแต่การแข่งขันกัน การที่ทั้งสี่ตระกูลออกหน้ามาพร้อมเพรียงกันแบบนี้ ดูเหมือนว่าจะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
การคาดเดา ข่าวลือ และการวิเคราะห์นับไม่ถ้วนได้ปรากฏขึ้นมา แม้ว่าจะไม่มีคำแถลงที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน แต่ทุกคนก็รู้
เมืองเจียงที่เงียบสงบมานาน กำลังจะเปลี่ยนไป
กลุ่ม Wechat ตระกูลหาน
“ตระกูลใหญ่ของเมืองเจียง กองกำลัง และวิสาหกิจในเมืองกำลังจะล้างไพ่แล้ว แน่นอนว่า อีกไม่นานจะต้องมีการดำเนินการครั้งใหญ่แน่”
“นายกเทศมนตรีเป็นประธานการประชุม รัฐบาลเป็นคนนำหรือ”
“สรุปแล้วเป็นเรื่องอะไรกันแน่? ทำไมถึงได้ใหญ่โตขนาดนั้น ทั้งสี่ตระกูลออกหน้าพร้อมกัน นี่หาได้ยากมากจริงๆ”
“ฉันว่า ความสับสนวุ่นวายในเมืองเจียงเป็นเรื่องดี ท่ามกลางความวุ่นวายย่อมเกิดฮีโร่ ยิ่งโกลาหลมากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งมีเวลาในการเชิดหน้าชูตามากขึ้นเท่านั้น”
…
ข่าวแพร่ระบาดไปทั่ว ทุกคนต่างแสดงความเห็นของตนเองอย่างแข็งขัน
ไห่ถังหัวฝู่ โล่เฉินกำลังตัดแต่งดอกไม้ใบหญ้าอยู่ที่ระเบียง
วันนี้เป็นวันพักผ่อน
หานหยู่เยนสองพี่น้องกำลังนั่งดูหนังอยู่ที่มุมหนึ่งของโซฟา ขณะที่หลิวเซียงหลันและหานเจี้ยนเย่กำลังนั่งอ่านwechat
“หยู่เยน ทำไมลูกถึงไม่สนใจเลยสักนิด รีบส่งข่าวในกลุ่มบ้างเร็วเข้า แสดงออกถึงความคิดเห็นเชิงลึกให้คุณย่าดูสักหน่อย!”
“แม่คะ หนูจะทำเรื่องไร้สาระพวกนี้ไปทำไมกัน”
หานหยู่เยนไม่สนใจอีกทั้งยังไม่มีความกังวลใดๆ
“ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล สี่ตระกูลใหญ่ และตระกูลชั้นสองกำลังจะทำเรื่องอะไร ยังไงเสียตระกูลหานของพวกเราก็ทำอะไรด้วยไม่ได้อยู่ดี อยู่นิ่งๆดีที่สุด วุ่นวายไปก็เท่านั้น”
“พูดมาได้ว่าท่ามกลางความวุ่นวายย่อมเกิดฮีโร่ ไร้สาระ อาศัยกำลังของตระกูลหาน เกิดความโกลาหลขึ้นก็คงต้องเป็นธุลีปืนใหญ่ไปก่อนเพื่อน อย่าไปคิดมาก ทำธุรกิจของตัวเองให้มั่นคงดีกว่า”
หานหยู่ถิงเห็นด้วย “ยังไงก็ตามสุดท้ายแล้วผลการประชุมอีกไม่นานก็จะออกมาแล้ว พวกเราไม่จำเป็นต้องหลับตาคลำทาง เสียแรงเปล่าๆ”
หานเจี้ยนเย่สองสามีภรรยาไม่สนใจ และพูดต่อไปในกลุ่ม
หานหยู่เยนแอบมองที่โล่เฉิน พบว่าผู้ชายคนนี้กำลังมีความสุขในการจัดแต่งดอกไม้ใบหญ้า ไม่มีท่าทีผิดปกติก็ค่อยมั่นใจมากขึ้น
สนใจไปทำไมกัน
ต่อให้ฟ้าดินถล่มลงมา ก็ยังมีคนช่วยค้ำไว้ให้ตนอยู่
จู่ๆหานหยู่เยนก็รู้สึกว่า ชีวิตตอนนี้
ดีอย่างมากจริงๆ
การประชุมดำเนินไปตั้งแต่เช้าถึงบ่าย
การประชุมได้รับความสนใจจากคนทั้งเมือง จนกระทั่งสิ้นสุดลงในเวลาห้าโมงเย็น
นอกอาคารของสำนักนายกเทศมนตรี มีนักข่าวกลุ่มหนึ่งรออยู่เป็นเวลานาน
อย่างไรก็ตาม ตัวแทนของตระกูลใหญ่ที่มาเข้าร่วมการประชุมล้วนมีสีหน้าเย็นชา ไม่พูดไม่จาและรีบขึ้นรถจากไปทันที
ทุกอย่างล้วนถูกเก็บเป็นความลับ
เวลาผ่านไปอีกสองวัน
ในวันที่สาม
ในที่สุด ข่าวร้ายก็กระจายไปทั่วเมือง คณะกรรมการเทศบาลได้ออกเอกสารประทับตราหัวแดงและมีนายกเทศมนตรีเข้าร่วมงานแถลงข่าว
ตระกูลใหญ่ทั้งสี่ในฐานะตัวแทนของตระกูลก็แสดงจุดยืนร่วมกัน
“เพื่อตอบสนองต่อการเรียกร้องของรัฐ เมืองของเราจะเป็นผู้นำในการกวาดล้างกลุ่มอิทธิพลมืด และต่อสู้กับอาชญากรรมที่ผิดกฎหมายอย่างเฉียบขาด ขจัดเนื้อร้ายในสังคมให้หมดไป…”
“…..คืนสถานที่ที่ดีกลับมาให้เมืองเจียง”
“ปฏิบัติการนี้เรียกว่า ปฏิบัติการพายุ มวลชนสมควรรายงานในเชิงบวกและให้ความร่วมมือกับรัฐบาล…”
ในงานแถลงข่าว นายกเทศมนตรีกำลังเอ่ยแถลงการณ์
“กวาดล้างกลุ่มอิทธิพลมืด!”
ในห้อง หานหยู่เยนกำลังตกตะลึง
พูดให้ถูกต้องก็คือ
ทั่วทั้งแวดวงสังคมในเมืองเจียงต่างตกตะลึงและประหลาดใจ
หลังจากสืบค้นมาทั้งวัน เหล้าที่บ่มมาแล้วสองวัน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์แบบนี้หรือ?!
บ้าไปแล้ว
แน่นอนว่า สำหรับคนธรรมดาทั่วไป นี่เป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมมาก
ไห่ถังหัวฝู่ ในบ้าน
“นี่ไม่ใช่เป็นแค่การกวาดล้างกลุ่มอิทธิพลมืดทั่วไปแน่ จะต้องมีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง” หลิวเซียงหลันมองออกอย่างเฉียบขาดและรู้สึกถึงความผิดปกติ
หานหยู่เยนเอ่ย “ในเมืองเจียงใครกันที่เป็นผู้มีอิทธิพลมืดที่สุด?”
หานเจี้ยนเย่เอ่ยขึ้น “ฉันเคยได้ยินชื่อหงเหลยถิงมาบ้าง บนดินใครๆต่างก็เรียกว่าท่านหง ขาวดำกินเรียบ น่ากลัวอย่างยิ่ง”
“เห็นทีรัฐบาลกำลังมุ่งเป้าไปที่บิ๊กบอสพวกนี้แล้ว” หลิวเซียงหลันเยาะเย้ย “ก็ถูก พวกบิ๊กบอสพวกนี้ทำตัวชั่วช้า ไม่เห็นกฎหมายอยู่ในสายตา ช้าเร็วคงต้องถูกลงโทษ”
“แบบนี้ก็ดีนี่ สมควรสนับสนุน” หานหยู่ถิงกล่าว
บนระเบียง โล่เฉินขมวดคิ้ว
เพื่อขจัดอิทธิพลมืด?
นี่เห็นได้ชัดว่ามุ่งเป้าไปที่หงเหลยถิง ฮ่องเต้ในฮ่องเต้ในสังคมอิทธิพลมืดก็คือเขา
“รัฐบาลนั่งไม่ติดแล้วหรือไง มองหงเหลยถิงวางมาดไม่ไหวแล้ว?”
โล่เฉินไม่ได้สนใจจะไปคิดถึงเรื่องนี้
หงเหลยถิงไม่ได้ยอมศิโรราบให้เขา ดังนั้นความเป็นตายของเขา ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับตนมากมาย
ขณะนี้
ณ บ้านหลังใหญ่นอกเขตเมืองเจียงที่ตั้งอยู่ห่างไกลออกไปมาก
คำพูดที่แถลงการณ์ออกมาโดยใช้คำว่า “กวาดล้างอิทธิพลมืด” ถือเป็นคำกล่าวที่รุนแรงที่สุดเท่าที่เคยมีมาในการจัดงานแถลง
หงเหลยถิงแค่ฟังก็รู้ว่านี่ไม่ดีแน่
เขารีบออกจากคฤหาสน์ในใจกลางเมืองและมาถึงฐานลับของตนที่นอกเมือง
“นายท่าน ทำยังไงดี? นี่กำลังจะฆ่าพวกเราชัดๆ”
เป้าจื่อรู้สึกทั้งตกใจและโกรธแค้น ใบหน้าของเขาขาวซีด
หงเหลยถิงหลับตาและกัดฟันแน่น คำพูดไม่กี่คำก็ออกมาจากปากของเขา “แม่งเอ๊ย รังแกกันมากเกินไปแล้ว บีบคั้นกันขนาดนี้ อย่าโทษที่ฉันจะต้องทำเรื่องช็อกประเทศก็แล้วกัน”
เป้าจื่อตกใจกลัว จากนั้นจึงรีบตั้งสติกลับมา “นายท่าน เป็นไงเป็นกัน”
“รายงานมา”
ลูกน้องข้างนอกประตูตะโกนว่า “นายท่าน เฮยหนิวมาแล้ว บอกว่ามีรายงานข่าว”
“ให้เขาเข้ามา”
ไม่นาน เฮยหนิวก็ปรากฏตัวต่อหน้าหงเหลยถิง
เขามีท่าทางโกรธจัดและเอ่ยปากออกมา “นายท่าน เป็นตระกูลหยาง พวกตระกูลหยางเป็นคนทำ จะต้องจัดการกับพวกมันซะ!