จักรพรรดิผู้ฝึกอายุห้าพันปี - ตอนที่ 154
จีนหลิง คฤหาสน์ใจกลางเมืองแห่งหนึ่ง
หงเหลยถิงยืนอยู่ต่อหน้าชายวัยกลางคน ในใจของเขามีความรู้สึกผสมปนเป
เดิมทีเขาคิดว่าไม่มีทางหนีพ้นแล้ว แต่ทันใดนั้นชายคนนี้ก็ปรากฏตัวขึ้น และพาเขามาที่จินหลิง และจากคำพูดเพียงไม่กี่คำ หงเหลยถิงก็ต้องตกใจเมื่อรู้ถึงตัวตนของผู้ชายคนนี้
นี่เป็นบุคคลที่แค่เพียงสะบัดเท้าเพียงเล็กน้อย ก็ทำให้ทั่วทั้งมณฑลซีหนันต้องสั่นสะเทือน
“นายท่าน ผมขอบังอาจถามสักข้อ ทำไมท่านถึงต้องช่วยผม?” หงเหลยถิงถามอย่างระมัดระวัง
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่าตอนนี้เขาไม่ใช่ฮ่องเต้ในสังคมอิทธิพลมืดของเมืองเจียงอีกต่อไป ต่อให้เขายังเป็นอยู่ ก็ไม่มีทางกล้าที่จะทำผิดพลาดต่อหน้าผู้มีอำนาจเช่นนี้
ชายคนนั้นลุกขึ้นนั่งและพูดอย่างราบเรียบว่า “นายไม่มีคุณสมบัติให้ฉันช่วย เพียงแต่ฉันเห็นแก่หน้าของปรมาจารย์หงก็เท่านั้น”
“หา ปรมาจารย์หง?”
“บ้านบรรพบุรุษของนายคือเมื่องเยว่ซี ใช่ไหม?”
หงเหลยถิงพยักหน้า
เมืองเยว่ซีเป็นเมืองชายแดนขนาดเล็กในมณฑลซีหนัน เป็นเมืองที่อยู่นอกสายตาใครๆ เป็นแค่เมืองระดับด้าระดับหกเท่านั้น
“ถ้าอย่างนั้นนายควรจะรู้ว่า นายมีลุงใหญ่คนหนึ่ง ชื่อหงหลงเสี้ยง” ชายคนนั้นพูดอีกครั้ง
“หงหลงเสี้ยง?”
หงเหลยถิงสีหน้าครุ่นคิด ก่อนจะพยักหน้าแล้วพูดว่า “ผมเคยได้ยินพ่อพูดถึงอยู่บ้างจริงๆว่าเขามีพี่ชายอีกคน เพียงแต่ตอนที่พ่อของผมยังเป็นเด็ก คุณลุงใหญ่ก็หนีออกจากบ้านไปแล้ว ผมไม่เคยเจอเขามาก่อน”
“ไร้สาระ นายไหนเลยจะมีคุณสมบัติที่จะพบปรมาจารย์หง ท่านอยู่ในเมืองหลวง มีสถานะสูงส่ง เป็นดั่งมังกรเห็นหัวไม่เห็นหาง”
ระเบิดลูกนี้ ทำเอาหัวของหงเหลยถิงถึงกับชาขึ้นมา
“ลุง… คุณลุงใหญ่ยังมีชีวิตอยู่ ในเมืองหลวง ผู้มีอำนาจ!”
“นายเคยได้ยินเรื่องนักบู๊ไหม?”
หงเหลยถิงสงบอารมณ์ที่ปั่นป่วนของตน และครุ่นคิดก่อนจะเอ่ยว่า “แน่นอนว่าเคยได้ยินมาก่อน นักบู๊มีพลังมหาศาล ผมเคยโชคดีที่ได้พบกับนักบู๊คนหนึ่ง เป็นชายหนุ่ม”
ชายคนนั้นเต็มไปด้วยความรังเกียจ “คนหนุ่มสาวจะแข็งแกร่งได้ขนาดไหนกันเชียว ท่านหงเป็นปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ เขาเป็นนักบู๊ที่อยู่ในจุดสูงสุด แม้แต่ผู้ยิ่งใหญ่ในเมืองหลวงก็ยังต้องให้เกียรติถึงสาส่วน นายรู้เอาไว้ซะ!”
“ใช่ใช่ใช่” หงเหลยถิงแทบจะพูดไม่ชัด
จู่ๆก็มีลุงใหญ่โผล่ออกมา แถมยังมีอำนาจมากขนาดนี้
จะไม่ให้เขาตื่นเต้นได้อย่างไร
ถึงแม้จะไม่เคยได้พบเห็นมาตั้งแต่เด็ก แต่เลือดย่อมข้นกว่าน้ำ สิ่งนี้ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้
“นายท่าน เป็นลุงใหญ่ของผมขอให้คุณมาช่วยผมหรือ?”
ชายคนนั้นส่ายหัวและพูดว่า “ท่านหงมีความรู้สึกบางอย่าง ให้ฉันไปสืบหาดูว่ายู่ในใจ ให้ฉันไปหาดูว่าในเยว่ซียังมีใครในตระกูลหงอยู่อีก และให้ฉันคอยดูแล ดังนั้นฉันจึงหานายเจอและพบว่านายกำลังอยู่ในภาวะวิกฤต ก็เลยยื่นมือออกไปช่วย”
“ที่แท้เป็นแบบนี้”
“ท่านหงกับฉันมีความสัมพันธ์กันไม่เบา อีกทั้งลูกชายคนเล็กของฉันเฟิงเทียนตูก็เป็นผู้มีพรสวรรค์หายาก และถูกนายท่านรับไว้เป็นศิษย์ เห็นแก่หน้าของนายท่าน ต่อจากนี้ไปนายก็อยู่ที่จีนหลิงเถอะ”
หงเหลยถิงดีใจอย่างมาก “ขอบคุณนายท่านอย่างยิ่ง”
ชายคนนั้นเหล่มองแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “แต่ว่า ฉันไม่เลี้ยงคนเกียจคร้านและพวกไร้ประโยชน์ ฉันให้เงินทุนนายห้าสิบล้าน นายพาคนของนายไปดิ้นรนเถอะ นอกเสียจากตกอยู่ในความเป็นความตาย ฉันจะไม่มีทางยื่นมือออกไป ทุกอย่างขึ้นอยู่กับตัวนายเอง นี่เป็นการพิสูจน์คุณค่าของนาย”
“นายท่านโปรดวางใจ ผมไม่มีทางทำให้ท่านผิดหวังแน่”
ชายคนนั้นยื่นบัตรธนาคารให้
หงเหลยถิงรับมา ก่อนจะถามอีกครั้งอย่างลองเชิง “นายท่าน ผมขอพบลุงใหญ่สักครั้งได้ไหม?”
“ตอนนี้นายยังไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเจอเขา รอให้นายมีหน้ามีตาในจีนหลิงให้ได้ก่อนแล้วค่อยว่ากันเถอะ ฉันเองก็ไม่ได้เจอลูกชายมาสามปีแล้ว”
“ได้ครับ นายท่านผมไปก่อนแล้ว”
เมื่อออกมาจากประตูบ้านของตระกูลเฟิง หงเหลยถิงก็ยังคงตัวสั่นด้วยความตื่นเต้น
ปลายทางของถนนอันขรุขระ ยังมีอนาคตที่สดใสรออยู่
ราวกับการนั่งรถไฟเหาะ
ทั้งสุขและทุกข์ ไม่มีเรื่องอะไรยิ่งใหญ่ไปกว่านี้
มีลุงใหญ่ผู้เต็มไปด้วยพลังอำนาจ และยังมีตระกูลเฟิงเป็นผู้สนับสนุน
ตระกูลเฟิงเป็นใครกัน?
ตระกูลที่ร่วมกับตระกูลเสี้ยง ตระกูลโล่ เป็นที่รู้จักในนามสามตระกูลใหญ่ของจีนหลิง ความร่ำรวยนั้นไม่ต้องพูดถึง ทุกๆด้านล้วนมีพวกเขาอยู่
อาจกล่าวได้ว่ามือข้างหนึ่งคลุมท้องฟ้า
หากมีผู้สนับสนุนแบบนี้ ก็สามารถทำเรื่องในจีนหลิงได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องความเป็นความตายอีกต่อไป อีกทั้งยังไม่ต้องมากพะว้าพะวัง
“ฮ่าฮ่า ฉันหงเหลยถิงยังดวงไม่ถึงฆาต รอให้ฉันเชิดหน้าชูตาในจีนหลิงได้เมื่อไหร่ วันนั้นจะเป็นวันที่สี่ตระกูลใหญ่ในเมืองเจียงต้องพังพินาศ… อ้อ ยังมีโล่เฉินนั่นด้วย”
เมื่อนึกถึงโล่เฉินที่ไม่แยแสความเป็นตายของเขา หงเหลยถิงก็โกรธอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม เขารู้ว่าโล่เฉินเป็นนักบู๊ อีกทั้งยังมีศิษย์เป็นคนที่ร่ำรวยที่สุดในเจียงโจว ไม่ใช่คนที่สามารถยั่วยุได้ง่ายๆ
“หึ ลุงของฉันเป็นถึงปรมาจารย์บู๊ รอให้มีโอกาสเจอลุงใหญ่เมื่อไหร่ จะต้องให้เขาสั่งสอนไอ้สารเลวโล่เฉินนั่นสักที
หงเหลยถิงกำลังอารมณ์ดี เขาฮัมเพลงเล็กๆ น้อยๆ และร่วมกับเป้าจื่อ เฮยหนิว และคนอื่นๆเพื่อหารือเกี่ยวกับแผนการตั้งตัวในอนาคต
……
ในคืนเดียวกัน
เมืองเจียง ตระกูลหยาง
“อ๊าก”
ชายหนุ่มกลิ้งลงบันไดลงมา ท่าทางเจ็บปวดน่าเวทนา บาดแผลที่พันเอาไว้มีเลือดไหลออกมาอีกครั้ง เจ็บจนทำให้เขาต้องกัดฟันแน่น
หยางเซียวลุกขึ้นอย่างยากลำบาก และจ้องมองไปยังชายหนุ่มท่าทางสูงศักดิ์ที่ยืนอยู่ตรงประตู และคำรามเสียงต่ำ “หยางกวง ไอ้ขยะ แกกล้าแตะต้องฉัน แกรู้รึเปล่าว่ากำลังทำอะไร!”
“โอ๊ะโอ๋ ลูกพี่ลูกน้องที่รัก ผมยังไม่มีเวลาได้บอกพี่เลย”
ชายหนุ่มที่ชื่อหยางกวงมีสีหน้ามืดครึ้มและพูดด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ยว่า “เป็นเพราะว่านายไม่มีแก่นชีวิตนั่นแล้ว นายก็ไม่สามารถสืบทอดทายาทให้ตระกูลหยางได้อีก ดังนั้น ตอนนี้นายถูกขับไล่ออกจากตระกูลแล้ว!”
ขับไล่ออกจากตระกูล?
“ไม่มีทาง แกโกหก ฉันต้องการเจอพ่อ”
หยางเซียวส่งเสียงขู่และเดินโซเซไปที่ประตู
“ไปให้พ้น!”
หยางกวงเตะเขาลง และมองดูเขาอย่างยโส ก่อนจะพูดอย่างร้ายกาจ “ไอ้ขยะ ยังคิดว่าตัวเองเป็นคุณชายตระกูลหยางอยู่หรือไง ตอนนี้นายก็เป็นแค่ขยะที่ไร้ประโยชน์ เป็นความอัปยศของพวกเราในตระกูลหยาง”
“ไม่ ไม่มีทาง พ่อไม่มีทางขับไล่ฉันออกจากตระกูล จะต้องเป็นพวกแกที่ทำเรื่องนี้แน่ ฉันอยากเจอพ่อ ฉันอยากเจอคุณปู่”
“ขอโทษที เรื่องที่นายถูกขับออกจากตระกูลน่ะ คุณปู่เป็นคนแรกที่พูดขึ้นมา”
ตูม!
หยางเซียวราวกับถูกฟ้าผ่า สีหน้าของเขาซีดขาว
“พี่ชาย นายอย่าเศร้าไปเลย นี่ก็ถือเป็นเรื่องที่มีเหตุผล ก่อนหน้านายเป็นจคนฉลากผู้สูงส่งในเมืองเจียง มีความสามารถที่โดดเด่น คุณปู่ย่อมชอบ แต่ตอนนี้นายไร้ประโยชน์แล้ว นั่นเพราะนายได้นำหายนะครั้งใหญ่มาสู่ตระกูลหยาง แม้แต่ห้องโถงบรรพบุรุษก็ถูกไฟไหม้ คุณปู่ไม่ได้ฆ่านายก็บุญแล้ว ขับไล่นายออกจากตระกูลถือเป็นความเมตตาอย่างหนึ่ง!”
หยางกวงยกมือไพล่หลังและเงยหน้าขึ้นอย่างภาคภูมิใจ “บอกตามตรง ตอนนี้ฉันเป็นคุณชายตระกูลหยาง ตำแหน่งของนาย ทรัพยากรทั้งหมดของนายรวมไปถึงผู้หญิงที่นายครอบครอง ล้วนเป็นของฉัน”
“แก!”
หยางเซียวโกรธจัด จนกระอักเลือดออกมาเต็มปาก
หยางกวงภูมิใจอย่างยิ่ง
ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาถูกหยางเซียวกดขี่อย่างรุนแรง ทุกคนรู้ว่าหยางเซียวเป็นคุณชายตระกูลหยาง แต่กลับไม่รู้จักเขาหยางกวง
แม้กระทั่งคุณปู่ของเขาเพื่อช่วยหนุนหลังหยางเซียว ถึงกับจงใจจัดให้เขาทำงานธุรกิจของตระกูลครอบครัวในเมืองเล็กๆ ที่ห่างไกลจากเมืองเจียง
ทุกๆอย่างนี้ หยางกวงล้วนไม่พอใจทั้งสิ้น
ตอนนี้ ฮวงจุ้ยเปลี่ยนไปแล้ว
หยางเซียวถูกทอดทิ้ง หยางเจิ้งหรงกลายเป็นผู้กระทำผิดของตระกูลหยยาง ด้วยความโกรธคุณปู่ ได้สั่งให้หยางเจิ้งหรงไปคิดทบทวนความผิดพลาดของตัวเองเป็นเวลาสามเดือน
ในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา หยางเจิ้งเวยทำหน้าที่เป็นตัวแทนเจ้าบ้าน และในฐานะลูกชายของเขา หยางกวงจึงได้กลายเป็นคุณชายตระกูลหยางไปโดยธรรมชาติ
นอกจากนี้ นี่ยังเป็นคำสั่งจากคุณปู่
“พี่ชาย นายไม่ต้องห่วงนะ ฉันจะดูแลตระกูลหยางและฟื้นฟูมันอย่างดี อ้อใช่ นายยังมีน้องสาวอีกคนหนึ่งใช่ไหม”
ฟู่
กลิ่นอายฆ่าฟันแผ่ซ่านออกมา
หยางเซียวลุกขึ้นมา ดวงตาราวกับจะกินคน “แกอยากตายหรือไง?”
ในใจของหยางกวงสั่นสะท้าน ก่อนจะโกรธจัด
นี่ตัวเขากลับกลัวไอ้ขยะคนหนึ่ง สมควรตาย!
“นายยังไม่รู้สถานการณ์ตัวเองอีกหรือไง ตอนนี้นายก็เป็นแค่สุนัขป่าที่ถูกไล่ออกจากถิ่น บอกตรงๆ กับนายเลยแล้วกัน ฉันสนใจในน้องสาวแกมานานแล้ว วันหลังฉันจะไปบอกคุณปู่ ให้น้องสาวมาเป็นผู้หญิงของฉัน”
“แกกล้า!”
หยางเซียวคำรามและพุ่งเข้าไป แต่กลับถูกกดไว้ที่พื้นอย่างแรง
“ไอ้หมาโง่ คิดว่าตัวเองเป็นคนฉลาดจริงๆไปแล้วหรือเนี่ย คิดว่าตัวเองแน่หรือไง ตอนนี้นายด้อยกว่าฉันเสียอีก ยังคิดจะไปสู้กับเฝิงเห้าหราน”
“แกก็แค่มีพ่อดีเท่านั้นแหละ เป็นลูกชายคนโตของคุณปู่ หากพ่อฉันเป็นลูกชายคนโต แกหรือจะมีทางได้มียศศักดิ์มากว่ายี่สิบปีได้”
“ไอ้ขยะ แกรู้ไหมว่ายี่สิบกว่าปีมานี้ฉันต้องผ่านมายังไง”
หยางกวงหอบหายใจหนัก ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดง “แกฟังฉันให้ดี ฉันจะเอาทุกอย่างกลับมา และเหยียบย่ำครอบครัวของแกลง หยางเจิ้งหรง แม่ของแก รวมถึงลูกพี่ลูกน้องสาว จากนี้ไปจะต้องคุกเข่าตัวสั่นอยู่ใต้เท้าของฉัน”
“ไอ้สารเลว”
“ไอ้สารเลวงั้นหรือ? ทั้งหมดนี้เป็นแกที่บีบบังคับฉัน ในฐานะลูกพี่ลูกน้อง ทำไมถึงได้ไม่ดูแลลูกพี่ลูกน้องอย่างฉันล่ะ แกกลับชอบทำให้ฉันต้องอับอาย ดูถูกฉัน มาตอนนี้แกคงรู้แล้วว่ารสชาติการถูกเหยียบย่ำมันเป็นยังไง”
หยางกวงปล่อยมือออกและเตะหยางเซียวลงบันได
“ไอ้พิการ ไอ้ครึ่งหญิงครึ่งชาย รีบไปซะ อย่ามาทำให้ธรณีประตูตระกูลหยางของฉันสกปรก ยังมีอีกเรื่อง ทางที่ดีนายควรระวังให้ดี ฉันไม่ได้โง่เหมือนแก ฉันจะไม่ยอมให้มีปัจจัยอันตรายอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น ถึงแม้ว่าแกจะพิการไปแล้ว แต่ในใจของฉันก็ยังขวางหูขวางตาอยู่ ดังนั้น…”
ในความมืด ดวงตาของหยางกวงฉายแววอาฆาต
หยางเซียวฉุกคิดได้ และหวั่นเกรงอย่างมาก
“ฉันจะให้เวลานาย รีบๆหนีไปซะ”
ปัง
ประตูของตระกูลหยางถูกปิดลง
หลังจากเสียงนั้นเกิดขึ้น หัวใจของหยางเซียวก็ตายไปแล้วเช่นกัน
“พวกแกทุกคนรังแกฉัน ทำผิดต่อฉัน”
หยางเซียวน้ำตาไหลอาบหน้า และลากร่างที่บาดเจ็บของตนไปให้ไกลขึ้นเรื่อยๆ ที่ปลายถนน เขามองย้อนกลับไปที่ตระกูลหยาง ดวงตาสั่นไหว
“หยางกวง หยางเจิ้งเวย คุณปู่ หงเหลยถิง….ไม่ฆ่าฉัน สักวันพวกแกจะต้องเสียใจ!”
“อ้อใช่ ยังมีโล่เฉิน”
“ทุกอย่างเกิดขึ้นก็เพราะแก ฉันจะไม่ปล่อยแกไปแน่”
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ”
หยางเซียวมีท่าทีราวกับคนบ้า เขาวิ่งอย่างบ้าคลั่ง เลือดไหลออกมาระหว่างสะโพกของเขา
ในที่สุดเขาก็ล้มลงกับพื้น
หมดสติไป
“เฮ้อ ช่างเป็นความโกรธแค้นที่หนักหนาเสียจริง”
ในระยะไกล มีชายชราหน้าตาแปลกๆ ริมฝีปากสีแดงเดินเข้ามาช้าๆ เขาสูดจมูกและมองไปที่หยางเซียวบนพื้น ดวงตาของเขาเป็นประกาย
“รากฐานวิญญาณอยู่สูงอีกระดับ ความแค้นก็รุนแรงขนาดนี้ แถมยังเป็นขันทีไปแล้ว ช่างเป็นสมบัติล้ำค่า! ในที่สุดข้าก็พบผู้สืบทอดแล้ว”
ชายชรามีความสุขมาก เขาวิ่งหนีไปพร้อมกับหยางเซียวในอ้อมแขนของตน ราวกับว่ากลัวจะถูกปล้น