จักรพรรดิผู้ฝึกอายุห้าพันปี - ตอนที่ 162
หลังจากพักผ่อนในบ้านตระกูลนิ่งหนึ่งคืน ในเวลาเช้ามืด โล่เฉินก็พบสถานที่ฝึกฝนที่ดีในฉู่โจว
เขาฝึกฝนจนกระทั่งแปดโมงกว่า จากนั้นจึงค่อยกลับไปที่บ้านตระกูลนิ่งอย่างไม่รีบร้อน
“พี่เฉิน”
“จื่อโหรว ไม่ไปมหาวิทยาลัยหรือ?”
“วันนี้ไม่มีเรียน ก็เลยไม่ได้ไป พี่ชายกับพี่หยู่ถิงไปมหาวิทยาลัยฉู่โจวแล้ว” นิ่งจื่อโหรวอ่อนโยนราวกับสายน้ำ เธอสวมกระโปรงยาวสีเหลืองเป็ด ให้ความรู้สึกราวกับน้องสาวข้างบ้าน
เด็กผู้หญิงแบบนี้ ผู้ชายที่ไหนล้วนเกิดความประทับใจที่ดีให้
โล่เฉินเองก็ไม่มีข้อยกเว้น แต่มันไม่ใช่ความประทับใจระหว่างชายหญิง เป็นเพียงความรู้สึกว่านิ่งจื่อโหรวนั้นไม่เลวเลย ดวงตาของเธอบริสุทธิ์อย่างยิ่ง อีกทั้งยังไม่มีความเย่อหยิ่งของพวกลูกคุณหนู
“พี่เฉิน คุณไปอยู่ที่ไหนมา เมื่อเช้าตรู่ฉันเตรียมเรียกคุณมาทานข้าวแต่กลับไม่เจอ?”
“แผนของวันนี้คือออกไปวิ่งตอนเช้าตรู่”
โล่เฉินถาม “จื่อโหรว เธอช่วยพาฉันไปที่บ้านตระกูลซูหน่อยได้ไหม ฉันมีเรื่องเล็กน้อยที่ต้องทำ”
“ไปบ้านตระกูลซู?” นิ่งจื่อโหรวขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นจึงพูดอย่างเป็นกังวล “พี่เฉิน อย่าล้อเล่น ถึงแม้ว่าคุณจะเป็นนักบู๊ และเก่งกาจอย่างยิ่ง แต่ถ้าคุณไปที่บ้านตระกูลซูก่อเรื่องอย่างโจ่งแจ้ง แบบนั้นต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่”
“ฉันมีวิจารณญาณของตัวเอง แค่บอกที่ตั้งบ้านตระกูลซูมาก็พอ”
นิ่งจื่อโหรวส่ายหัว “ไม่ได้ ฉันไม่ยอมให้คุณไปตกอยู่ในอันตราย พี่เฉิน คุณไปที่บ้านตระกูลซูก็เพื่อตามหาซูโม่ไม่ใช่หรือ คุณไม่จำเป็นต้องไปที่บ้านตระกูลซู คืนนี้คุณไปที่โรงแรมสวอนเลคกับฉันเถอะ”
“หมายถึงอะไร?”
“คืนนี้ ตระกูลซูจะจัดงานเลี้ยงที่โรงแรมสวอนเลคและเชิญตระกูลดังหลายตระกูลไป ซูโม่เองก็เข้าร่วมด้วย นอกจากนี้ ยังมีคุณชายอีกคนจากเมืองหลวงจะปรากฏตัวด้วย”
ในใจของโล่เฉินสั่นไหว เขาเอ่ยถาม “คุณชายจากเมืองหลวง เป็นตระกูลไหน?”
นิ่งจื่อโหรวส่ายหัว “ตอนนี้ยังไม่มีข่าวใด ๆ แต่ว่าตัวตนของเขาไม่ธรรมดาแน่ หยู่ถิงตอบรับแล้วว่าจะไป พี่เฉิน คุณเองก็ไปเถอะ”
คนจากเมืองหลวง โล่เฉินค่อนข้างพะวงอยู่หน่อยๆ
หากถูกค้นพบตัวตนเข้า แบบนั้นผมที่ตามมาคงยุ่งยากอย่างยิ่ง
แต่ว่า เขาเองก็อยากรู้อย่างยิ่งด้วยเช่นกัน
หลังจากคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า โล่เฉินก็พยักหน้า “ได้ ไปดูกันเถอะ”
“เย้!”
นิ่งจื่อโหรวดีใจอย่างมาก เธอถามด้วยรอยยิ้ม “พี่เฉิน ไปช้อปปิ้งด้วยกันไหม”
“สาวน้อย ฉันมีภรรยาแล้ว ถ้าถูกเธอพบว่าฉันไปซื้อของกับเด็กผู้หญิงคนอื่น กลับบ้านไปฉันต้องคุกเข่าบนอ่างซักผ้าแน่”
โล่เฉินเบะปาก “เธอไปเองเถอะ ฉันจะไปดูรอบๆมหาวิทยาลัยฉู่โจว”
“ฉันไปด้วย”
ทั้งสองคนมาที่มหาวิทยาลัยฉู่โจว
ในฐานะมหาวิทยาลัยชั้นนำอันดับสองแห่งมณฑลซีหนัน และมหาวิทยาลัยหลักแห่งชาติในโครงการ 985 ไม่ต้องเอ่ยถึงเรื่องอื่น แค่วิวทิวทัศน์ก็เปรียบได้กับเขตท่องเที่ยวแล้ว
โดยเฉพาะทะเลสาบเว่ยหยาง
เป็นที่ที่คู่รักตัวน้อยกระตือรือร้นที่จะมามากที่สุด
ปลายเดือนกันยายน อากาศทางใต้ยังคงร้อนอยู่ ริมทะเลสาบมีคนเดินไปๆมาๆ ล้วนเผยขาขาวๆ เต็มไปหญิงสาวที่ทั้งอ่อนเยาว์และมีชีวิตชีวา เป็นอาหารตาอย่างยิ่ง
“พี่เฉิน ฉันได้ยินมาว่าตระกูลหานในเมืองเจียงเป็นเพียงตระกูลชั้นสาม คุณต้องการให้พวกเราตระกูลนิ่งช่วยสักหน่อยหรือไม่ ฉันไม่กล้าพูดว่าจะทำให้สูงส่ง แต่ว่าการทำให้ตระกูลหานเป็นตระกูลชั้นสองที่แข็งแกร่งในเมืองเจียงภายในสองสามปีถือเป็นเรื่องที่ทำได้อยู่”
“ไม่จำเป็น!”
“ทำไม?”
โล่เฉินเอ่ยเสียงเรียบๆ “อาศัยความสามารถของฉัน การทำให้ตระกูลหานรุ่งเรืองขึ้นมาเป็นเรื่องง่ายดายอย่างมาก”
“เอ่อ ก็ใช่”
นิ่งจื่อโหรวฉลาดมากและไม่ได้ซักถามต่อ
“เรื่องเกี่ยวกับฉัน ตระกูลของพวกเธอควรเก็บเป็นความลับ อีกทั้งอย่างได้ถาม ฉันเกลียดสิ่งเหล่านี้อย่างมาก เข้าใจไหม?”
“เอ่อ ขอโทษด้วยพี่เฉิน”
“ไม่เป็นไร รู้ไว้ก็พอแล้ว”
ทั้งสองเดินมายังศาลา ก่อนจะบังเอิญเห็นสาวสวยสองคนกำลังเดินเข้ามา
“นิ่งจื่อโหรว!”
“ซูหลิงหลง!”
สมกับเป็นมหาวิทยาลัยฉู่โจว มีสาวงามมากมาย
โล่เฉินแอบชื่นชม
คนที่ชื่อซูหลิงหลง เห็นได้ชัดว่าเธอเป็นคุณหนูของตระกูลซู หน้าตางดงามอย่างมาก ความงามไม่เป็นรองนิ่งจื่อโหรว
เพียงแต่ ทั้งสองกลับมีบุคลิกที่แตกต่างกัน
นิ่งจื่อโหรวเป็นเหมือนชื่อของเธอ อ่อนโยนเหมือนสายน้ำ ทำให้คนรู้สึกอยากใกล้ชิด
ส่วนซูหลิงหลงสูงผอม ท่าทางหยิ่งผยองทรงพลัง
ทั้งร่างเผยให้เห็นถึงสไตล์ของพวกคุณหนูชั้นสูง แม้ว่าผู้คนจะอยู่ห่างออกไปหลายพันไมล์ ก็คล้ายว่าคนธรรมดาไม่อาจจะมองเธอได้
“โอ๊ะ นี่แฟนเธอเหรือ?” ซูหลิงหลงถามอย่างหยอกเย้า
ในฐานะดาวมหาวิทยาลัย แน่นอนว่าย่อมมีการแข่งขัน ประกอบกับที่ตระกูลซูและตระกูลนิ่งไม่ถูกกัน ทำให้ซูหลิงหลงและ นิ่งจื่อโหรวมีความขัดแย้งมากมาย
“เธอยุ่งอะไรด้วย”
“จุ๊จุ๊ ก็แค่เท่านี้เองหรือเนี่ย!”
ซูหลิงหลงมองไปที่โล่เฉินอย่างประเมิน ก่อนจะพบว่าหน้าตาไม่เลว บุคลิกก็มีอยู่ แต่ว่าทั้งตัวสวมใส่ของถูก เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คุณชายของตระกูลใหญ่อะไร
น่าจะเป็นลูกคนในตระกูลยากจน!
“คนแซ่ซู สายตาของเธอนั่นมันอะไร”
เป็นนิ่งจื่อโหรวที่บุคลิกอ่อนโยน มาตอนนี้เมื่อเห็นดวงตาดูถูกของซูหลิงหลง เธอก็โกรธขึ้นมาแล้ว
“สายตาแบบไหนเธอก็เห็นแล้วไม่ใช่หรือไง นิ่งจื่อโหรว ฉันประเมินเธอสูงเกินไปจริงๆ ฉันคิดว่าเธอจะมีคุณสมบัติพอในการแข่งขันกับฉัน คิดไม่ถึงเลยว่า… ”
ซูหลิงหลงชี้ไปที่โล่เฉินและเย้ยหยัน “เธอหาผู้ชายได้แค่นี้หรือไง? นี่คือวิสัยทัศน์ของเธอ คือมาตรฐานการเลือกคู่ของเธอหรือ”
“เธอจะไปรู้อะไร พี่เฉินเป็นถึง….”
เมื่อคิดถึงคำพูดกำชับของโล่เฉิน นิ่งจื่อโหรวก็หุบปากได้ทันเวลา เธอแค่นเสียงใส่ “ความสุดยอดของพี่เฉินไม่ใช่สิ่งที่เธอจะจินตนาการได้”
“สุดยอด?”
“หลิงหลง ผู้ชายคนนั้นดูเหมือน… ดูเหมือนว่าจะเป็นคนที่เอาชนะโม่หานและทำลายชมรมเทควันโดที่ภูเขาด้านหลังเมื่อวานนี้ เป็นคนที่มากับหานหยู่ถิง”
ผู้หญิงที่ข้างๆซูหลิงหลงจำได้
“เป็นเขาเหรอ!?” ซูหลิงหลงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
เธอไม่ได้ไปดูการต่อสู้ครั้งใหญ่เมื่อวานนี้ แต่ว่าเธอเห็นโม่หานไปที่บ้านตระกูลซูร้องไห้เอ่ยฟ้องพี่ชายของเธอ ดังนั้นถึงค่อยรู้เรื่องนี้
คนๆเดียวล้มทั้งชมรมลงได้ นี่มันช่างน่าตกตะลึงอยู่บ้าง
แต่ว่าก็แค่เท่านั้น
“เขาไม่ใช่แฟนของหานหยู่ถิงหรือไง ทำไมถึงได้มาอยู่กับนิ่งจื่อโหรว” หญิงสาวคนนั้นพึมพำ
ดวงตาของซูหลิงหลงหรี่ลงเล็กน้อย ก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้มที่แฝงความหมาย “นิ่งจื่อโหรว ไม่เลวนี่ มีฝีมืออยู่บ้าง แค่คืนเดียวก็แย่งแฟนของหานหยู่ถิงมาได้ ดูเหมือนว่าเมื่อคืนพวกเธอคงพลิกเมฆได้ฝนกันมาสินะ มิน่าสีหน้าของเธอถึงได้แดงก่ำ เมื่อคืนได้รับการเติมเต็มมาไม่เลวเลยล่ะสิ”
“เธอกำลังพูดบ้าอะไร” นิ่งจื่อโหรวรู้สึกอายและโกรธ
โล่เฉินเองก็เกิดความรู้สึกต่อต้านขึ้นมา แต่เดิมเป็นแค่การต่อสู้ระหว่างผู้หญิงสองตระกูล เขาไม่ต้องการขัดจังหวะ แต่ในเมื่อลามมาถึงเขา ก็ถือเป็นคนละเรื่องกันแล้ว”
“เธอคือคุณหนูตระกูลซู?”
“สายตาไม่เลว”
“ลูกหลานของตระกูลซูไม่ได้รับการศึกษา อ้าปากก็พูดจาสกปรกๆ แบบเธอหรือเปล่า?”
ซูหลิงหลงตะลึงไป และโกรธจัดทันที “ไอ้สารเลว นี่นายพูดอะไร อยากตายหรือไง…ไอ้อันธพาลบ้ากาม มองไปที่ไหนกัน!”
เมื่อพบว่าโล่เฉินกำลังจ้องมองที่เป้าของตน ซูหลิงหลงก็ก้าวถอยหลัง ทั้งโกรธทั้งอาย
อย่างไรก็ตาม โล่เฉินกลับพูดอย่างจริงจังว่า “อย่าขยับ ฉันกำลังวิเคราะห์”
“วิเคราะห์อะไร?”
ซูหลิงหลงถามอย่างห้ามตัวเองไม่อยู่
“จากการวิเคราะห์โครงสร้างมนุษย์ โครงสร้างร่างกายของมนุษย์นั้นเกิดจากแรงผลักดันด้านพฤติกรรมนิสัยมากกว่าการประสานตัวของอวัยวะ ดูเหมือนว่าด้วยรูปลักษณ์และสถานะคุณหนูผู้ร่ำรวย คงจะแก่เกินวัยไปมาก พบเจอผู้ชายมาหลายคน คุณหนูซู ไม่ทราบว่าผมวิเคราะห์ถูกหรือเปล่า?”
เสียงเงียบลงอย่างสมบูรณ์แบบ
พวกซูหลิงหลงทั้งสองคนตกตะลึงไป ส่วนนิ่งจื่อโหรวกลายเป็นหินอย่างสมบูรณ์
โล่เฉินยักไหล่และแนะนำ “คุณหนูซู ผมแนะนำให้คุณเลิกใส่กางเกงยีนรัดรูป ช่องว่างนั้นชัดเจนเกินไป คุณควรสวมกระโปรงเพื่อปกปิดมัน”
พรูด
นิ่งจื่อซวนยังอดไม่ได้ที่จะหัวเราะกว้างขึ้นมา
ซูหลิงหลงหน้าแดงราวกับหยดเลือด หน้าผากของเธอมีเหงื่อร้อนไหลออกมา เธอตัวสั่นด้วยความโกรธ ได้แต่ชี้หน้าโล่เฉินแต่กับไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้
“ชี้มาที่ผมทำไม ทั้งหมด 1250 ครั้ง ผมไม่มีความเกี่ยวข้องเลยแม้แต่สักครั้ง คุณหนูซูอย่าใส่ร้ายคนดีเชียว!”
“นาย! นาย!”
เมื่อเห็นท่าทางควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ของซูหลิงหลง ผู้หญิงที่อยู่ข้างๆก็รีบเอ่ยเตือน “หลิงหลงเธอสงบลงหน่อย อย่าตกหลุมพราง เขาจงใจทำให้เธอโกรธ”
ซูหลิงหลงอ้าปากหอบ ก่อนจะสงบลงอย่างช้าๆ
“สมกับที่เป็นพวกสุนัขชั้นต่ำ สมองคิดแต่เรื่องสกปรก ฉันเป็นถึงคุณหนูจากตระกูลที่มีชื่อเสียง จะไปคิดแค้นอะไรกับหมาตัวหนึ่ง”
ซูหลิงหลงกลับมามีสีหน้าเย่อหยิ่ง ดวงตาของเธอจับจ้องไปที่นิ่งจื่อโหรวอีกครั้ง
“งานเลี้ยงในวันนี้เธอเองก็น่าจะไปเหมือนกันสินะ เธอควรรู้ว่าวันนี้มีคุณชายจากเมืองหลวงมาด้วยคนหนึ่ง เธอรู้หรือเปล่าว่าเขามาทำอะไรที่นี่?”
นิ่งจื่อโหรวขมวดคิ้ว
ซูหลิงหลงปล่อยไม้เด็ด เธอเอ่ย “เขามาเพื่อขอแต่งงาน ฉันจะแต่งงานกับตระกูลเศรษฐีในเมืองหลวง”
“อะไรนะ!”
“ตกใจมากหรือไง ฮิฮิ ท่าทางของเธอเป็นอย่างที่ฉันคิดไว้ ฉันจะไปเมืองหลวงแล้ว ส่วนเธอน่ะ ยังมาอยู่กับสุนัขชั้นต่ำ ช่างน่าสมเพชเสียจริง”
ซูหลิงหลงเชิดหน้าขึ้นอย่างภาคภูมิใจและเอ่ยเยาะเย้ย
“นิ่งจื่อโหรว เธอถูกลิขิตให้เป็นแค่ไก่ฟ้า จะมาเข้าใจโลกของหงส์ได้ยังไง พูดไปแล้ว ตระกูลนิ่งของเธอช่วงนี้กระโดดโลดเต้นไปมาเสียจริง คืนนี้ฉันจะให้คู่หมั้นฉันดูแลพวกเธอสักหน่อย”