จักรพรรดิผู้ฝึกอายุห้าพันปี - ตอนที่ 165
ซูหลิงหลงเป็นจุดสนใจอย่างไม่ต้องสงสัย
เพชรบนชุดแต่งงานและมงกุฎบนศีรษะ กำลังเปล่งประกายเจิดจ้าใต้แสงไฟ แค่ชุดนี้เพียงอย่างเดียวก็มีราคาปาเข้าไปกว่าสี่หรือห้าล้านแล้ว
เธอสวยจริงๆ
ในขณะนี้ รัศมีเปล่างประกายจับทั่วร่างของเธอ ดูมีสูงส่งและสง่างาม จนทำให้คุณหนูของตระกูลเล็กๆ จำนวนมากอิจฉา
แต่น้อยคนนักที่จะริษยา
ทำไมน่ะหรือ?
กล่าวโดยย่อคือ เมื่อคนคนหนึ่งโดดเด่นกว่าคุณเพียงเล็กน้อย คุณจะริษยา แต่ถ้าคนคนหนึ่งโดดเด่นกว่าคุณมากเกินไป ใจที่รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจก็จะปรากฏความอิจฉาขึ้นเท่านั้น
ซูหลิงหลงก็เช่นกัน
คุณหนูใหญ่ของตระกูลอันดับหนึ่งในฉู่โจว กำลังจะเข้าสู่ตระกูลใหญ่ในเมืองหลวง ต่อไปในอนาคตก็จะมีหน้ามีตาที่นั่น สถานะสูงส่งก็แล้วไป แต่นี่ยังมีหน้าตางดงามขนาดนี้อีก ใครจะไปเทียบเธอได้
แต๊ก แต๊ก แต๊ก!
รองเท้าส้นสูงทำจากคริสทัลสีขาวกระทบลงพื้น ซูหลิงหลงค่อยๆเดินไปที่ใจกลางห้องโถงอย่างช้าๆ
“ชิ ขี้เหร่ตายชัก ไหนเลยจะสวยสู้น้องสาวได้” เหยียนเจิงเบ้ปากดูถูก ในมือถือแก้วไวน์และชิมไวน์Frande
“นายรู้ไหมว่าคุณชายที่มาจากเมืองหลวงมาจากตระกูลไหน?” โล่เฉินเก็บสายตากลับมาและไม่สนใจ
เหยียนเจิ้นเอ่ย “ได้ยินมาว่าเป็นโจ่ถิงฟางจากตระกูลโจ่”
“ตระกูลโจ่?”
โล่เฉินนึกคิดขึ้นมา แต่กลับไม่พบข้อมูลเกี่ยวกับตระกูลโจ่ในสมอง
นี่ถือว่าเข้าใจได้
สิบปีที่แล้ว ตระกูลโจ่เป็นเพียงตระกูลชั้นสาม เป็นเพราะต่อมาได้เกี่ยวดองกับตระกูลว่าน ทำให้สามารถก้าวขึ้นมาเป็นตระกูลชั้นสองที่แข็งแกร่งได้ในเวลาเพียงเจ็ดหรือแปดปี
ตอนนั้นโล่เฉินอาศัยอยู่อย่างสันโดษ น้อยครั้งอย่างยิ่งที่จะออกจากภูเขาเย่นหลิง ต่อให้เป็นตระกูลชั้นหนึ่งของเมืองหลวงก็ยากจะพบเจอเขา นับประสาอะไรกับตระกูลโจ่ที่เป็นตระกูลชั้นสาม
“นายไม่รู้จักตระกูลโจ่?”
เหยียนเจิงประหลาดใจและอธิบายว่า “เก่งกาจไม่เลว ก่อนหน้านี้เป็นตระกูลชั้นสาม เกี่ยวดองกับตระกูลว่าน ก็เลยได้ขั้นมาเป็นตระกูลชั้นสองที่แข็งแกร่ง ภายในสามถึงห้าปีน่าจะกลายมาเป็นตระกูลชั้นหนึ่งได้ ต้องบอกเลยว่า ซูหลิงหลงได้แต่งเข้าตระกูลโจ่ ถือว่าเป็นไก่ฟ้ากลายเป็นหงส์จริงๆ”
มีความสัมพันธ์กับตระกูลว่าน!
โล่เฉินหนังตากระตุก ครั้งหนึ่งเขาเคยฆ่าว่านเห้อคนทรยศของตระกูลว่าน ทั้งยังได้กุญแจทองคำ สมบัติลับของตระกูลว่านมา
ในอนาคต เมื่อเขาไปเมืองหลวง เขาจะต้องติดต่อกับตระกูลว่านแล้ว
อันที่จริงแล้ว สิ่งที่โล่เฉินไม่รู้คือ
หากตระกูลว่านรู้ว่ากุญแจทองคำอยู่ในมือของเขา ก็จะส่งทหารจำนวนมากทันที รวมทั้งปรมาจารย์ก็จะออกมาฆ่าเขาด้วย
“เส้นเลือดหลักของตระกูลซูอยู่ในเมืองหลวงไม่ใช่หรือไง?”
“เป็นแค่ตระกูลชั้นสามในเมืองหลวงเท่านั้นเอง ยังห่างชั้นจากตระกูลโจ่อีกไกลหลายพันไมล์” เหยียนเจิงส่ายหัว เขาแตะแขนของโล่เฉินและพูดด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ว่า
“อยากเจอน้องสาวฉันสักหน่อยไหมล่ะ?”
โล่เฉินส่ายหัวเล็กน้อย “ไม่สนใจ”
“ช่างนายแล้ว มีผู้ชายคนไหนบ้างไม่ชอบน้องสาวฉัน นายไม่ทันได้เจอก็เลยกล้าพูดแบบนี้”
เหยียนเจิงเขย่งปลายเท้าขึ้นและมองไปรอบ ๆ
“น้องสาวฉันอยู่ที่ไหนเนี่ย?”
“นายรอก่อน ฉันไปหาสักหน่อย อีกเดี๋ยวไว้เจอกัน นายอย่ามาขอข้อมูลติดต่อฉันเชียว”
เมื่อเห็นเหยียนเจิงจากไป โล่เฉินก็ยิ้ม
เขาหาหานหยู่ถิง และพบว่าเด็กสาวกำลังร้องไห้ เธอกอดโล่เฉินและเอ่ย “พี่เขย สวยมาก ฉันก็อยากแต่งงานในชุดแต่งงานแบบนั้นบ้างในอนาคต”
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ?”
“เมื่อกี้ฉันได้ยินมาว่าชุดแต่งงานและมงกุฎรวมกันมีราคากว่า 4.8 ล้าน นี่มันแพงเกินไปแล้ว”
“ไม่แพง ไม่แพง!”
นิ่งจื่อซวนไม่รู้ว่าปรากฏตัวขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ เขาตบหน้าอกของตนและพูดอย่างแน่วแน่ “หยู่ถิง อย่าว่าแต่ 4.8 ล้าน ต่อให้เป็นมงกุฎแต่งงาน 48 ล้าน ตระกูลนิ่งของฉันก็รับผิดชอบไหว ฉันทำงบประมาณไว้คร่าวๆแล้ว ต่อไปในอนาคตงานแต่งงานของเราจะต้องมีมูลค่า 300 ล้าน ”
“ว้าว สามร้อยล้าน?!” หานหยู่ถิงตกตะลึง
“ไม่เห็นจะเป็นไร 300 ล้านสำหรับตระกูลของเรา ก็แค่หยาดฝน” นิ่งจื่อซวนภูมิใจอย่างมากและพูดด้วยรอยยิ้ม “ดังนั้น หยู่ถิงเธอรับปากฉันแล้วนะ”
“รับปากอะไรกับนาย?”
หานหยู่ถิงสีหน้าสับสน ก่อนจะตอบสนองอย่างรวดเร็ว เธอแค่นเสียงอย่างเย็นชา “อย่าฝันไปเลย ฉันไม่สนใจนาย อย่ามาพยายามเอาชนะฉัน”
“ไม่รีบไม่รีบ เธอยังเด็ก เดี๋ยวเธอก็จะเข้าใจจิตใจของฉันเอง”
ในห้องโถง สายตาของคนส่วนใหญ่ล้วนมองไปยังท่าทางการเดินของซูหลิงหลง
เธอดุจดั่งราชินี ค่อยๆทักทายแขกทีละคนๆ
ไม่นานนัก เธอก็มาตรงหน้าพวกโล่เฉิน
ซูหลิงหลงเขย่าแก้วไวน์แดงและพูดอย่างเย่อหยิ่ง “คิดไม่ถึงว่านายก็มาด้วย แน่นอนว่า ฉันจะไม่ไล่นายไป อีกเดี๋ยวฉันจะให้นายได้เจอกับคู่หมั้นของฉัน แล้วนายจะได้รู้ว่าอะไรคือมังกรในหมู่คน”
โล่เฉินไม่สนใจเธอและหันไปเอนลงบนโซฟา
เพิกเฉยอย่างสิ้นเชิง
“ดีมาก”
ถูกมองข้าม ซูหลิงหลงรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก
เธอเหลือบมองที่นิ่งจื่อโหรวและพูดด้วยรอยยิ้มประชดประชันเล็กน้อย “ดูแลผู้ชายของเธอให้ดีๆ อีกเดี๋ยวอย่าได้ไปชนคู่หมั้นของฉันเข้า คุณชายของเมืองหลวง ต่อไปเป็นคุณชายชั้นหนึ่งในเมืองหลวง ไม่ใช่คนที่พวกเธอจะไปมีเรื่องด้วยได้”
นิ่งจื่อโหรวถลึงตาคู่งามใส่ ในขณะที่หานหยู่ถิงก็มีสีหน้าคล้ำ
“มาแล้ว!”
ในเวลานี้ มีคนตะโกนขึ้น
ซูหลิงหลงรีบไปที่ประตู สายตาของทุกคนในห้องโถงก็เปลี่ยนไปเช่นกัน โล่เฉินยืนขึ้นและรู้สึกสงสัยเล็กน้อย
ที่ประตู มีคนหลายคนเดินเข้ามา
คนที่เดินนำมาเป็นชายหนุ่มสองคน รูปร่างสูงโปร่ง หน้าตาหล่อเหลา มีกลิ่นอายที่แตกต่างกัน
ชายหนุ่มชุดดำทางซ้ายมีพลังมากกว่า แต่กลับไม่ได้ทำให้คนรู้สึกอึดอัด อีกทั้งใบหน้ากลับมีรอยยิ้มที่อ่อนโยนประดับอยู่
เห็นได้ชัดว่านี่คือ โจ่ถิงฟาง
ถัดจากโจ่ถิงฟางคือซูโม่
ข้างหลังพวกเขาทั้งสอง มีสาวใช้หน้าตางดงามหลายคน และมีชายวัยกลางคนราวๆสี่สิบปีสีหน้าเย็นชาในเสื้อคอจีนอีกคนหนึ่ง
“พี่ฟาง”
ซูหลิงหลงมีใบหน้าเขินอาย น้ำเสียงอ่อนโยน
ไหนเลยจะมีท่าทางเย่อหยิ่งแบบเมื่อครู่ คล้ายกับว่าได้กลายเป็นหญิงสาวตัวน้อยๆไปแล้ว
“หลิงหลง ชุดแต่งงานชุดนี้สวยมาก” โจ่ถิงฟางสุภาพอ่อนโยนและสง่างาม มีสไตล์ของคนในตระกูลที่ร่ำรวยจริงๆ
“พี่ฟาง มีแค่ชุดแต่งงานที่สวยงั้นหรือ?”
ซูหลิงหลงออดอ้อนเขาด้วย
ทุกคนประหลาดใจ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณชายคุณหนูจากแต่ละตระกูล ภาพลักษณ์ของซูหลิงหลงที่พวกเขาเข้าใจอย่างลึกซึ้งคือความเย่อหยิ่ง ทั้งฉู่โจวล้วนไม่มีชายใดที่เธอถูกตาต้องใจ
ตอนนี้ เธอถึงกับออดอ้อน ราวกับนกน้อยติดคนตัวหนึ่ง
ตาแทบบอดไปแล้ว
โจ่ถิงฟางหัวเราะและพูดว่า “คนสวยกว่า คนสวยกว่า”
“อย่างนี้ค่อยโอเคหน่อย”
ซูหลิงหลงเป็นฝ่ายเริ่มโอบโจ่ถิงฟางก่อน ซูโม่พูดด้วยรอยยิ้ม “พี่ฟาง มามามา คนเหล่านี้ล้วนเป็นคนดังในฉู่โจว ผมแนะนำพวกเขาให้คุณรู้จัก”
สายตาทั้งหมดเปลี่ยนจากซูหลิงหลงเป็นโจ่ถิงฟาง
บุคคลสำคัญของแต่ละตระกูล ผู้นำทางธุรกิจล้วนออกหน้ากันมา และรุมล้อมยกยอโจ่ถิงฟาง
“ไม่นับสองคนนั้น พวกเขาคือคนที่โดดเด่น”
เมื่อเห็นคนทั้งสอง โล่เฉินก็หมดความสนใจแล้ว แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็คือ ชายในเสื้อคอจีนถัดจากโจ่ถิงฟางจะเป็นนักบู๊คนหนึ่ง
อีกทั้งยังไม่ใช่ขอบเขตระดับต่ำ แต่เป็นขอบเขตกำลังภายในชั้นสูง
แต่นี่ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
ตระกูลใหญ่ในเมืองหลวง ล้วนได้รับการคุ้มครองโดยนักบู๊ หรือที่รู้จักกันทั่วไปว่าพิทักษ์
“ถ้าคืนนี้สั่งสอนตระกูลซูสักบทเรียน ก็จะกระทบไปถึงตระกูลโจ่ และอาจมีข่าวกลับไปยังเมืองหลวง เกรงว่าจะมีปัญหาแล้ว”
โล่เฉินคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก่อนจะตัดสินใจไม่ลงมือในคืนนี้
ยังไงเสียก็ยังมีโอกาส
“ไปกันเถอะ”
โล่เฉินลุกขึ้นและเอ่ย หานหยู่ถิงกับนิ่งจื่อโหรวเองก็ไม่ต้องการอยู่อีกต่อไป พวกเธอล้วนไม่อยากเห็นหน้าของซูหลิงหลง
นิ่งจื่อซวนจำเป็นต้องอยู่ในฐานะตัวแทนของตระกูลนิ่ง เขายังต้องเข้าสมาคม
“เฮ้ พี่ชาย”
จู่ๆเหยียนเจิงก็กระโดดออกมาอีกครั้ง เขาดึงมือโล่เฉินแล้วพูดว่า “มากับฉัน”
“ทำอะไร?”
“แนะนำน้องสาวฉันให้รู้จักน่ะสิ เร็วเข้า น้องสาวฉันอยู่ที่ทางเดินนอกห้องโถง เธอรู้สึกเบื่อ จะกลับบ้านแล้ว ต้องรีบทำเวลา” เหยียนเจิงเอ่ยเร่ง
นิ่งจื่อโหรวราวกับเผชิญหน้ากับศัตรูที่ยิ่งใหญ่ เธอผลักเหยียนเจิงออกไปและพูดว่า “นายไปให้พ้น”
“ดาวมหาลัยนิ่ง นี่เธอกำลังทำอะไรน่ะ”
“นายหมายความว่ายังไง จุดประสงค์คืออะไร ใช้เหยียนหรูยู่มาทำให้พี่เฉินของฉันสับสนหรือไง? นายไม่รู้หรือว่าเธอเป็นคนของคุณชายเฟิงแห่งจีนหลิง ยังมาแนะนำให้กับพี่เฉินอีก ตั้งใจจะทำร้ายเข้าใช่ไหม” นิ่งจื่อโหรวโมโห
ยิ่งกว่านั้นคือความเป็นห่วง
ความงามของเหยียนหรูยู่นั้นไม่ต้องพูดถึง อีกทั้งบุคลิกก็โดดเด่นเป็นพิเศษ เป็นดาวอันดับหนึ่งของมหาวิทยาลัย และถูกเรียกว่านางฟ้าเหยียน
แม้ว่านิ่งจื่อโหรวจะไม่ยอมลงให้ใครหลายพันคน แต่เธอก็ต้องยอมรับว่าเหยียนหรูยู่นั้นงดงามราวกับนางฟ้าที่ไม่กินอาหารมนุษย์ เป็นเซียนที่ลงมาจากสวรรค์จริงๆ
“ดาวมหาลัยนิ่ง เธอเข้าใจผิดแล้ว ฉันแค่ขอบคุณพี่เทียนโอนไวน์Frandeให้ฉัน ดังนั้นก็เลยแนะนำน้องสาวให้เขาได้รู้จัก”
“ไม่จำเป็น” นิ่งจื่อโหรวปฏิเสธกลับ
เหยียนเจิงยักไหล่
โล่เฉินกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ทำไมต้องโกรธขนาดนั้นด้วย ยังไงซะก็บังเอิญกับที่พวกเรากำลังกลับพอดี ไปเถอะ ฉันก็อยากเห็นสักหน่อย ดาวอันดับหนึ่งของมหาวิทยาลัยฉู่โจว สุดท้ายแล้วจะพิเศษมากแค่ไหน”
“พี่เฉิน เหยียนหรูยู่คนนั้น…” นิ่งจื่อโหรวไม่ได้พูดต่อ เธอกังวลว่าโล่เฉินจะคิดว่าตนเป็นคนใจคอคับแคบและรังเกียจตนขึ้นมา
กลุ่มคนเดินมาถึงประตูห้องโถง
ในเวลาเดียวกันนี้เอง จู่ๆด้านหลังก็มีเสียงร้องเย็นเยียบขึ้นมา “พวกนายเป็นอะไรไป! ถึงได้ต้องรีบไปขนาดนี้ กลัวว่าจะถูกพี่ฟางของฉันรู้ว่าพวกนายรังแกฉันหรือไง”