จักรพรรดิผู้ฝึกอายุห้าพันปี - ตอนที่ 37
บทที่ 37 โทรหาท่านหง
เป็นฝ่ามือที่แรงมาก
เฮยหนิวที่หนักเก้าสิบกิโลกรัมนั้นลอยไปกลางอากาศ อย่าว่าแต่หัวแตกจนเลือดไหลไม่หยุดเลย แม้กระทั่งฟันก็หลุดลงมาเจ็ดซี่เต็มๆ ซึ่งหนึ่งในนั้นรวมไปถึงฟันหน้าทั้งสองซี่ด้วย
การตบครั้งนี้ทำให้เฮยหนิวสะลึมสะลือ
สิบกว่าวินาทีผ่านไป เขาถึงดึงสติกลับมา คำรามด้วยความเจ็บปวด และในชั่วขณะเดียวกันก็เกิดความเคียดแค้นและโมโหถึงขีดสุด
“คุณกล้าตีผมเหรอ!”
“ทำไมจะไม่กล้า?”
โล่เฉินรู้ดี ในเมื่อลงมือแล้วก็ต้องตัดรากถอนโคน ไม่เช่นนั้นต้องมีภัยในวันด้านหน้าอย่างแน่นอน เพราะเฮยหนิวคงต้องแก้แค้นเป็นแน่
ตัวเองนั้นไม่เกรงกลัวอะไร เพียงแต่ยังมีหานหยู่เยนอยู่ จึงให้เป็นอย่างนั้นไม่ได้
หากเผลอหน่อยหนึ่งหานหยู่เยนก็จะถูกลักพาตัวไป คงต้องมีจุดจบที่น่าอนาถอย่างแน่นอน
“ตัดมือของเขาทิ้ง ผมจะให้เขารู้สึกตายซะดีกว่าอยู่”เฮยหนิวตะโกนระบายความอัดอั้นแบบระงับไม่อยู่ออกมา
บอดี้การ์ดร่างกำยำทั้งสองเดินมาด้วยกลิ่นอายสังหาร
และในเวลาเดียวกัน ด้านนอกก็มีกลุ่มอันธพาลวิ่งเข้ามาพอดี
ชั่วพริบตาเดียวผู้ชายสิบกว่าคนก็สกัดล้อมรอบโล่เฉินเอาไว้ บ้างก็ถือดาบ บ้างก็ถือปืน บ้างก็ถือไม้เบสบอลอยู่ในมือ หากเป็นคนสามัญชนธรรมดาคงต้องตกใจกลัวจนฉี่ราดแน่แท้
โล่เฉินมีสีหน้าดูถูก เขากระทืบเท้า
ขวดเหล้าขวดไวน์ต่างกระจัดกระจายล่องลอยขึ้นไป จากนั้นโล่เฉินก็โบกมือจนทำให้เศษแก้วกลายเป็นแสงขาวเจิดจ้า แล้วซึมเข้าไปในร่างกายของพวกอันธพาลในชั่วพริบตาเดียว
ซึ่งจุดที่ซึมเข้าไปเป็นข้อต่อทั้งสิ้น อย่างเช่นข้อมือ เข่า ข้อเท้า
วินาทีต่อมา พวกอันธพาลก็ล้มไปกลิ้งอยู่กับพื้นแล้วคร่ำครวญอย่างทรมาน
ฉากนองเลือดที่แปลกประหลาดนี้ ทำให้เฮยหนิวตกใจกลัวจนทรุดตัวลงกับพื้น จ้องมองโล่เฉินด้วยความหวาดกลัว
“คุณ……คุณเป็นคนหรือเป็นผี!”
“อันนี้ไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือคุณจะกลายเป็นผีในตอนนี้แล้ว หวังว่าวิญญาณจะไม่มาล้างแค้นกับผมนะ”
รู้สึกถึงไอสังหารของโล่เฉิน เฮยหนิวประดุจดั่งตกอยู่ในถ้ำน้ำแข็งก็ไม่ปาน เย็นแข็งไปทั้งตัว
เขาพูดอย่างกระอึกกระอักออกมาตามระหว่างฟันไม่กี่คำ “ผม ลูกพี่ใหญ่ผมคือหงเหลยถิง ท่านหง เป็นพวกอิทธิพลมืดในเมืองเจียง
คุณลงมือกับผม ท่านหงไม่ปล่อยคุณไปแน่!”
“หงเหลยถิง?”
“ใช่ คุณไม่เชื่อใช่ไหม ตอนนี้ผมจะโทรไปเดี๋ยวนี้”
โล่เฉินนิ่งเงียบ เทเหล้ามาหนึ่งแก้ว หันกายไปนั่งบนโซฟาเพื่อจะได้ปกป้องหานหยู่เยน โดยไม่พูดไม่จา
เฮยหนิวราวกับพบแสงแห่งความหวังเสียแล้ว โทรออกไปโดยข่มความเจ็บปวดบนใบหน้าไว้
เสียงตู๊ด ดังขึ้นไม่กี่ครั้ง
“ฮัลโหล ท่านหง ผมคือเฮยหนิวครับ”
ราวกับเฮยหนิวจะขู่ขวัญโล่เฉิน เขาเปิดลำโพงเสียงด้วย
เสียงของหงเหลยถิงดังขึ้นมา“มีเรื่องอะไร ฟังจากน้ำเสียงของนายแล้วเหมือนจะเจอปัญหาเข้าแล้วใช่ไหม?”
“ท่านหงครับ มีคนมาหาเรื่องครับ”
“ออ?”
“ท่านครับ ผมเป็นคนของท่าน ไอ้คนนี้ไม่ไว้หน้าท่านเลยครับ ทำร้ายร่างกายพี่น้องจนบาดเจ็บแล้วยังคิดจะเอาชีวิตผมด้วยครับ ท่านอยู่ไหนครับ ตอนนี้ผมอยู่ที่ตึกเผิงไหลครับ ขอร้องท่านมาหน่อยนะครับ ผม เฮยหนิวติดตามท่านมาหลายปี มีใจภักดีต่อท่าน หากท่านไม่มาผมก็ต้องตายแล้วครับ!”
หงเหลยถิงโกรธขึ้นมาฉับพลัน“ดีมาก กล้าเอาชีวิตลูกน้องของฉัน ฉันจะดูสิว่าใหญ่มาจากไหนกัน ฉันอยู่ปินหูเหมือนกัน อีกสิบนาทีถึง”
“ครับท่าน”
หลังจากวางสายความหวาดกลัวในใจเฮยหนิวก็มลายหายไป กลับเป็นการเชิดหน้ามองโล่เฉินอย่างโอ้อวด “รอก่อนเถอะท่านหงกำลังจะถึงแล้ว คุณตีผมก็ต้องชดใช้ โอ๊ย……ไอโยว หน้าผม ฟันผม”
โล่เฉินไม่ได้สนใจ บัดนี้เขากำลังชื่นชมหานหยู่เยนที่มีอิริยาบถอันสวยงามตอนนอนหลับอยู่
สิ่งที่น่ารักก็คือ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะดื่มมากไปหรือเปล่า หานหยู่เยนนอนเสียงกรนเบาๆด้วย ปากรูปเชอร์รี่มุ่ยขึ้นมาเล็กน้อย
หน้ารูปทรงไข่ขาวแดงระเรื่อ ยั่วยวนใจอย่างบอกไม่ถูก
สิบนาทีผ่านไปโดยที่ไม่รู้ตัวในชั่วพริบตา
“ใครกล้าสามหาวกัน หงเหลยถิงมาแล้ว!”
เสียงดุร้ายทำให้ดึงอารมณ์ของโล่เฉินกลับมา หันหน้าไปมองก็พบหน้าประตูมีผู้ชายแข็งแกร่งก้าวเท้ายาวเข้ามา อายุประมาณสี่สิบปี ท่าทางน่าเกรงขามยิ่งนัก
เห็นมีคนมา เฮยหนิวรีบคลานปนกลิ้งเข้าไปหาอย่างทุลักทุเล น้ำมูกน้ำตาไหลพร่าน
“ในที่สุดท่านก็มาจนได้ ดูผมสิครับถูกซ้อมเป็นสภาพเช่นนี้ เป็นฝีมือของไอ้เวรนั้นล้วนๆเลยครับ ท่านต้องช่วยผมแก้แค้นนะครับ ผมจะให้ไอ้เวรนั้นตายซะดีกว่าอยู่!”
หงเหลยถิงมองเฮยหนิวแวบหนึ่งสีหน้าก็มืดครึ้มขึ้นมาหลายส่วน กวาดสายตามองไปตามพื้น ลูกน้องสิบกว่าคนร่ำไห้อย่างเจ็บปวด ทำให้สีหน้าของเขาไม่น่ามองยิ่งขึ้นอีกครั้ง
สุดท้าย สายตาของหงเหลยถิงหยุดอยู่ที่ตัวของโล่เฉิน……
ทันใดนั้น เขาหน้าชาเปลี่ยนสีหน้าเป็นอ่อนโยนขึ้นมาทันที
“พี่เป้ากำจัดเขาเลย”
เฮยหนิวตะโกนพูด
พี่เป้าที่อยู่ข้างกายของหงเหลยถิงไม่กล้าปริปากพูด พลันมองเฮยหนิวด้วยแววตาสงสาร
พี่เป้าเห็นเหตุการณ์เมื่อครั้งที่เกิดในKTVเรอัลมาดริดกับตา
ลูกพี่ใหญ่ของตน——เป็นผู้มีอิทธิพลหลักในด้านมืดในเมืองเจียงมองชายหนุ่มอย่างมีสัมมาคารวะ ได้ยินว่าชายหนุ่มผู้นี้เป็นแขกระดับสูงของตระกูลเสี้ยงในจีนหลิน
สถานะนี้ไม่คาดจินตนาการเลย
ให้กำจัดเขา?
พี่เป้าไมกล้าแม้แต่จะคิด
เฮยหนิวสังเกตถึงความไม่ชอบมาพากล รู้สึกเงียบเกินไปแล้ว เงียบจนผิดปกติ
เขาดึงเสื้อของหงเหลยถิงเอ่ยว่า“ท่าน จัดการมัน ทำไมท่าน……”
“หลีกไป!”
หงเหลยถิงเครียดจนหน้าซีดเขียว ถีบเฮยหนิวกระเด็นออกไป เร่งฝีเท้าเดินเข้าไปด้านหน้าโซฟา ยกมือขึ้นประสานกัน“คุณชายโล่เจอหน้ากันอีกแล้วนะครับ”
ชั่วขณะนั้น สมองของเฮยหนิวเกิดเสียงปะทะอย่างหนักหน่วง
เกิดอะไรขึ้น?
นึกถึงแววตาสงสารของพี่เป้าที่มีต่อตน เฮยหนิวก็รับรู้ได้ว่าตนก่อเรื่องใหญ่แล้ว เขาจ้องมองโล่เฉินโล่เฉินด้วยอาการสั่นเทา
เวลาเดียวกัน เฮยหนิวก็คิดไม่ตก
ผู้มีชื่อเสียงเป็นลูกเขยไร้น้ำยาในเมืองเจียง ทำไมถึงทำให้ท่านหงต้องใช้น้ำเสียงประจบประแจงด้วย เขาเป็นใครกันแน่!
“ไม่เจอกันอีกแล้วจริงๆ”โล่เฉินเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ สายตาหันกลับไปมองหานหยู่เยนต่อ
หงเหลยถิงรู้สึกใจสั่น เพราะรู้สึกว่าโล่เฉินกำลังไม่พอใจอยู่
เขาหันหน้ามามองพลางฉายแสงเย็นยะเยือกออกมา
พี่เป้ารู้จักดูสถานการณ์ ก้าวเท้ายาวไปแตะเฮยหนิวมาอยู่ด้านหน้าโซฟา
หงเหลยถิงพูดอีกว่า“คุณชายโล่ ไอ้บ้านี้เป็นลูกน้องของผมครับ แต่เสียมารยาทกับคุณชาย ผมก็ไม่ขอความเมตตาแทนเขาหรอกครับ คุณชายคิดจะทำอย่างไรก็สุดแล้วแต่ท่านเลยครับ”
“คุณชาย ไว้ชีวิตด้วย”
เฮยหนิวหมดสภาพไปเลย ตอนนี้ไร้ความทะนงตนอย่างโอ้อวดของก่อนหน้านี้แล้ว นั่งโขกศีรษะแรงๆกับพื้นอยู่อย่างนั้น
เดิมทีก็หัวแตกจนเลือดไหลอยู่แล้ว ตอนนี้อาการยิ่งรุนแรงเข้าไปอีก
เลือดสดเต็มไปทั่วใบหน้า น่าเวทนาสิ้นดี
“คุณชายครับ ผมมีตาแต่หามีแววไม่ เป็นเพราะผมโง่เขลา ถูกหานหยุนเทาที่ไร้ยางอายชักจูงให้หลงทางครับ ขอคุณชายได้โปรดเมตตาไว้ชีวิตผมด้วยครับ!”
“ไม่คิดจะสารภาพหน่อยเหรอ?”
โล่เฉินพูดอย่างเฉยเมย สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่หานหยู่เยนไม่ห่าง
เฮยหนิวหยุดชะงักรีบเอ่ยขึ้นมาว่า“คุณชายครับ หานหยุนเทาโหดร้ายมากครับ เขามาหาบอกเสนอให้จัดงานเลี้ยงเพื่อเอาหยู่เยน……ไม่ใช่ครับ เพื่อมอมเหล้าคุณหาน จากนั้นก็ถ่ายรูปภาพเปลือยกายของคุณหานเก็บไว้ข่มขู่ เพื่อให้คุณหานอยู่ในการควบคุมครับ!”
ถ่ายรูปเปลือยกาย
ช่างกล้าเหลือเกิน!
โล่เฉินแผ่ซ่านความเย็นแข็งออกมา อย่าว่าแต่เฮยหนิวเลย แม้กระทั่งหงเหลยถิงก็ต้องตกใจกลัว ต้องถอยหลังไปสองก้าว
“คุณชายครับ เป็นความคิดของหานหยุนเทาทั้งหมดเลยครับ เพราะเรื่องเมื่อก่อนผมมีความเกลียดชังต่อคุณหาน จึงรับปากโดยไม่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ครับ”
“คุณชาย ขอความเมตตาสักครั้งนะครับ หายหยุนเทาถึงจะเป็นตัวการก่อเรื่องนะครับ”
เหงื่อของเฮยหนิวออกราวกับฝนตกเสียอย่างนั้น ความเย็นปกคลุมอยู่ในร่างกายของเขาราวกับยมทูตเคียวกำลังอยู่ที่คอของเขาก็ไม่ปาน
หงเหลยถิงเห็นโล่เฉินปิดปากไม่พูดอะไร ส่งสายตาให้พี่เป้า
พี่เป้าเก็บไม้เบสบอลขึ้นมา ไอสังหารเริ่มกระจายเจ้ามาแล้ว
“ไว้ชีวิตด้วยครับ ไว้ชีวิตด้วยครับ คุณชายไว้ชีวิตด้วยครับ”
เฮยหนิวร้องขอด้วยความเจ็บปวด“ผมยังมีพ่อแม่กับน้องสาวอีกนะครับ ผมตายไปแล้ว คู่แค้นพวกนั้นต้องไปโจมตีครอบครัวของผมแน่ๆครับ หากเป็นเช่นนั้น พ่อแม่ของผมต้องตายอย่างสยดสยอง น้องสาวของผมก็ต้องถูกข่มเหงจิตใจแน่ๆครับ ขอคุณชายได้โปรดเมตตา ผมสำนึกผิดแล้วครับ ไม่กล้าอีกแล้วครับ”
“ลงมือ”
หงเหลยถิงมีความเลือดเย็น
พี่เป้ายกไม้เบสบอลขึ้นมา วินาทีที่กำลังจะทุบลงไปอยู่นั้น โล่เฉินก็ยกมือขึ้นมา “ไม่ต้อง”
“คุณชาย ไอ้บ้านี่คิดจะวางแผนอนาจารกับคุณนายนะครับ บังอาจขนาดนี้สมควรตายครับ”หงเหลยถิงกล่าว
“เขายังมีประโยชน์อยู่”
ตอนนี้โล่เฉินถึงสบตาเขาโดยตรง เฮยหนิวราวกับเป็นดินโคลนสกปรกที่ตัวทรุดอ่อนอยู่บนพื้น เมื่อผ่านประตูยมทูตมาแล้วครั้งหนึ่ง ทำให้เรี่ยวแรงของเขาหายไปเป็นปลิดทิ้ง
เขาหดตัวด้วยความสั่นเทา
เป็นดั่งที่เขาพูดก่อนหน้านี้ไม่มีผิด โชคไม่เข้าข้างใครเสมอไป ไม่มีใครใหญ่ค้ำฟ้าหรอก
สิบนาทีก่อนเฮยหนิวยังเป็นราชสีห์ที่ฮึกเหิมอยู่เลย บัดนี้กลายเป็นลูกไก่ในกำมือที่ถูกกระทำตามอำเภอใจไปแล้ว
“ในเมื่อคุณร่วมวางแผนกับหานหยุนเทาก็แสดงต่อไปเถอะ”
เฮยหนิวเงยหน้าขึ้นอย่างไร้เรี่ยวแรง พูดเสียงอ่อนแอว่า“คุณชาย ท่านพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไรครับ ผมไม่เข้าใจ?