จักรพรรดิผู้ฝึกอายุห้าพันปี - ตอนที่ 54
บทที่ 54 มอบสินสอดตอนนี้ก็ยังไม่สาย
“คุณเป็นใคร? ”
หลิวเซียงหลันหันศีรษะกลับด้วยความโกรธ และสอบถามขึ้น
คนที่พูดไม่ใช่โล่เฉิน และก็ไม่ใช่หานหยู่เยน แต่เป็นชายหนุ่มในชุดสูทที่กำลังเดินเข้ามาด้านใน
ชายผู้นั้นหัวเราะเสียงดัง สีหน้าเย็นชาและพูดว่า: “เพิ่งผ่านไปแค่ครึ่งเดือนเศษ ก็จำฉันไม่ได้แล้วเหรอ พวกเธอคนตระกูลหานความจำไม่ดีเอาเสียเลย ในงานเลี้ยงฉลองวันเกิดคุณย่าวันนั้น ผู้ที่นำสินสอดมามอบให้ไม่ใช่ฉันหรอกเหรอ! ”
เมื่อพูดเช่นนี้ หลิวเซียงหลันก็นึกขึ้นได้เล็กน้อย
โล่เฉิงที่นั่งอยู่แถวแรกคิ้วกระดกด้วยความตื่นตระหนก และก็ผ่อนคลายลง มองดูเรื่องที่เกิดขึ้นด้วยความสนใจ
“คือคุณหรอกเหรอ แต่คุณเป็นเพียงแค่ลูกน้องที่มามอบสินสอด เจ้าของสินสอดอยู่นี่ คุณจะมาทำเป็นโอ้อวดอะไรกัน”
“เจ้าของ? น่าตลกสิ้นดี คุณนายหลิวคงยังไม่ได้ยินในเรื่องที่ฉันพูดอย่างชัดเจนเป็นแน่ สินสอดไม่ใช่คุณชายโล่แห่งจีนหลิงเป็นผู้มอบให้สักหน่อย เป็นผู้อื่นต่างหาก”
เวลานี้ ตระกูลหานเกิดความโกลาหลยกใหญ่
หลิวเซียงหลันโมโหจนหน้าเขียว ตะโกนพูดว่า: “หยุดพูดสุมสี่สุ่มห้าได้แล้ว หากไม่ใช่ซิงเฉินแล้วจะเป็นใครกัน คุณเป็นเพียงลูกน้อง กล้าดีอย่างไรมาลองดีกับฉัน ไม่มีมารยาทเลยเหรอไง”
“คุณนายหลิวหูมีปัญหา? ฉันจะพูดซ้ำอีกรอบหนึ่ง คุณชายโล่ที่นั่งอยู่นั้นปลอมแปลงว่าเป็นผู้ที่มอบสินสอด เพื่อมาเลือกหญิงสาวของตระกูลหาน ข้อแรก ไม่เคารพต่อเจ้านายของฉัน ข้อสอง มองพวกคุณคนตระกูลหานว่าเป็นสิ่งที่ไร้ค่า ข้อสาม เป็นคนจอมปลอมที่เลวทรามต่ำช้า! ”
สุดยอด
โล่เฉินที่อยู่ข้าง ๆ หานหยู่เยนแอบยกนิ้วหัวแม่โป้งขึ้น คนนี้คงจะเป็นผู้ที่ฟ่านหงชางส่งมาอย่างแน่นอน ฉลาดทีเดียว
ทุกคนในตระกูลหานต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ หลิวเซียงหลันไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี หานเจี้ยนเย่จึงลากเธอมาอยู่บริเวณด้านข้าง
คุณย่าจ้องมองชายในชุดสูท พูดอย่างเย็นชาว่า: “ตระกูลหานถึงแม้ว่าเป็นเพียงตระกูลเล็ก ๆ แต่ไม่ใช่ว่าใครหน้าไหนจะมาดูถูกดูแคลนได้ ผู้มาอวดอ้างบารมี ไม่พูดให้ชัดเจนแจ่มแจ้งล่ะก็ ข้าผู้อาวุโสไม่มีทางที่จะปล่อยให้ผู้นั้นออกไปจากที่นี่ได้อย่างแน่นอน”
“คุณย่า ที่ฉันพูดเป็นความจริงทั้งหมด”
ชายวัยกลางคนผู้นี้ยังคงอยู่ในท่าทางที่มีมารยาท จ้องมองไปยังโล่เฉิงแล้วพูดว่า: “คุณชายโล่ คุณเป็นถึงคุณชายผู้ยิ่งใหญ่แห่งจีนหลิง มาปลอมแปลงเป็นผู้ที่มอบสินสอดซึ่งเป็นเรื่องที่ต่ำช้าขนาดนี้ มันไม่เสื่อมเสียศักดิ์ศรีไปหน่อยเหรอ”
“ที่จริงแล้ว มันง่ายมากต่อการพิสูจน์เพื่อยืนยัน”
“คุณชายโล่สามารถบอกรายการสินสอดที่มอบให้นี้ได้หรือไม่ สินสอดมีอะไรบ้าง บอกมาสักหนึ่งหรือสองชิ้นก็เพียงพอ”
ฟิ้ว
สายตาของทุกคนมองมาพร้อมในเวลาเดียวกัน แต่โล่เฉิงกลับไม่สะทกสะท้าน จิบน้ำชาหนึ่งคำ แสดงออกถึงมาดของสถานะของตนอย่างเต็มที่
หานหยู่เยนขมวดคิ้ว พูดในใจว่า: “เจ้าคนนี้ หรือว่าจะมีการเตรียมแผนสองรองรับเอาไว้? ”
“ถูกต้อง สินสอดไม่ใช่ฉันที่เป็นผู้มอบให้”
โครม!
คนของตระกูลหานมีสีหน้าที่แปรเปลี่ยนกันไปหมด คิดไม่ถึงว่าจะปลอมแปลงมาจริง ๆ
คุณย่าตบโต๊ะ ลุกยืนขึ้น “คุณชายโล่ คุณไม่ให้เกียรติกันเกินไปแล้ว กล้าดูถูกเหยียดหยามกันขนาดนี้ เห็นว่าพวกเราเป็นอะไรกันแน่! ”
“คุณย่าอย่าเพิ่งโมโห ค่อย ๆ ฟังฉันอธิบาย”
โล่เฉิงประคองคุณย่าให้นั่งลง เขามองไปที่หานหยู่เยน มุมปากมีรอยยิ้มที่ไม่ชอบมาพากล และเขาก็หันไปมองที่บอดี้การ์ดส่งสัญญาณผ่านทางสายตา
บอดี้การ์ดนำโทรศัพท์มือถือออกมา แล้วส่งข้อความ
สามนาทีจากนั้น ก็เห็นชายหกคนแบกลังใหญ่จำนวนสามลัง ปรากฏตัวอยู่ด้านหน้าห้องโถง
“นั่นคืออะไร? คุณย่าถาม”
“เมื่อครู่คือการล้อเล่น ที่จริงแล้วก็เป็นการทดสอบหญิงสาวของตระกูลหาน เช่นคุณหานหยุนซีนั้น จิตใจไม่ดีงาม ไม่อยู่ในสายตาของฉันอย่างแน่นอน”
โล่เฉิงปรบมือ ลังใหญ่ทั้งสามนั้นก็เปิดออก
ทันใดนั้น ก็ปรากฏสีทองอร่ามสว่างไสว
อัญมณีแพรวพราว สีสวยสดงดงาม และยังมีธนบัตรเงินเต็มหนึ่งลังใหญ่
คนสองคนใช้ท่อนไม้มะฮอกกานีแบกหามลัง ใหญ่ขนาดไหน สามารถจินตนาการกันดู ลังนี้มีเงินหยวน ประมาณสิบกว่าล้าน
ทุกคนของตระกูลหานหยุดหายใจชั่วขณะ มองไปที่เงินทองอัญมณีทั้งหลาย และพูดกันต่าง ๆ นา ๆ ด้วยความตกตะลึงเป็นอย่างมาก
สินสอดนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับชุดนั้น คงจะมีมูลค่ามากกว่าแน่นอน
“มันก็แค่สินสอดไม่ใช่เหรอ เรื่องเล็กน้อย ตอนนี้มอบสินสอด ก็คงยังไม่สาย ฉันผู้น้อยจริงใจที่จะมอบให้ ไม่ทราบว่าคุณย่าจะพอใจหรือเปล่า? ”
โล่เฉิงยืนเอามือไขว้หลัง ใบหน้าที่หล่อเหลาส่องประกายงดงาม ทุกอย่างเป็นไปตามที่ได้กำหนดไว้
หานเจี้ยนเย่และภรรยายิ้มแย้มเบิกบานยกใหญ่
หานหยู่เยนตื่นตระหนกเล็กน้อย กุมมือของโล่เฉินไว้ตามสัญชาตญาณ ไม่มีใครสังเกตเห็น สายตาอันเย็นชาของโล่เฉิน
“ดีมาก ที่แท้ก็เล่นไม้นี้เอง”
ความสงบมาเยือนชั่วครู่ คุณย่าสูดลมหายใจลึก เธออารมณ์ดีขึ้น พูดว่า “คุณชายโล่มีการเตรียมพร้อมล่วงหน้าเอาไว้แล้ว ตอนนี้มอบสินสอด ไม่สายไปแน่นอน”
“คุณย่า ฉัน……”
“หุบปาก! ”
คุณย่าดุด่า หานหยู่เยนตกใจกลัวถึงขนาดหัวหด
“ฉันยังไม่ตาย ตระกูลนี้ยังคงต้องฟังคำสั่งของฉัน”
คุณย่าดุด่าด้วยท่าทางและน้ำเสียงที่เกรี้ยวกราด และใช้ไม้เท้าเคาะไปที่พื้น ทำให้ทุกคนในตระกูลหานพากันหวาดกลัวจนตัวสั่น
“ฉันตัดสินใจแล้ว พรุ่งนี้ พวกเธอทั้งสองแต่งงานกัน”
หลิวเซียงหลันและหานเจี้ยนเย่พากันดีใจ การที่เป็นพ่อเป็นแม่ พวกเขากลับไม่ได้สังเกตเห็นดวงตาอันหมดหวังของหานหยู่เยน หรืออาจจะสังเกตเห็น แต่ก็คงไม่สนใจ
คนตระกูลหาน เกือบทุกคนที่เห็นแก่เงินทองจนดวงตาถูกบดบังกันไปหมด
“คุณพี่” หานหยู่ถิงเบ้าตาแดงก่ำ สะอึกสะอื้น
ในขณะนั้นเอง คุณชายโล่ผู้นั้นก็ได้เดินก้าวเข้ามา
“หยู่เยน ฉันจะดูแลคุณเป็นอย่างดี”
เขาปลอบใจหานหยู่เยน ศีรษะขยับเข้าใกล้โล่เฉิน ยิ้มเยาะและกระซิบว่า: “ต่อกรกับฉัน แกยังอ่อนหัดไปหน่อย ตอนนี้รู้สึกอย่างไรบ้าง ภรรยาของแกกำลังจะกลายเป็นผู้หญิงของฉัน ดีใจไหม? ”
“แกอยากตายหรือไง? ”
“โมโหจนเดือดแล้วใช่ไหม โกรธจัดเลยไหม นี้คือสิ่งที่ฉันอยากเห็น เหอะเหอะ คิดจะฆ่าฉัน งั้นฉันจะรอ”
โล่เฉิงเย้ยหยัน เขาไม่มีความหวาดกลัวแต่อย่างใด
ภายในมณฑล ใครกล้าทำร้ายเขา นอกจากจะบ้านแตกคนตายกันทั้งบ้านแล้ว บรรพบุรุษสิบแปดรุ่นก็ยังถูกขุดขึ้นมาทำลายด้วยเช่นกัน
แต่ทว่า เขายังไม่ทราบว่าไปก่อเรื่องกับคนที่ไม่ควรจะก่อเรื่อง มีดเคียวแห่งความตาย ตอนนี้จ่ออยู่ที่บริเวณคอหอยของเขาแล้ว ยมบาลก็กำลังเตรียมจะนำดวงวิญญาณของเขาไปแล้วเช่นกัน
อาศัยหยู่เยนเชื่อมสัมพันธ์กับตระกูลโล่ จะช่วยทำให้ตระกูลหานกลับมารุ่งโรจน์งั้นเหรอ?
คุณย่ากำลังคิดถึงปัญหานี้อยู่ ทันใดนั้น หานหยุนเทาที่อยู่ด้านข้างได้ขัดจังหวะการครุ่นคิดของเธอ “คุณย่า มีสายโทรศัพท์ถึงท่าน”
“เป็นใครกัน? ”
“ไม่ทราบ เป็นเบอร์คนแปลกหน้า”
คุณย่ารับสาย ยังไม่ทันได้เอ่ย สายโทรศัพท์ก็มีเสียงอันเย็นชาพูดขึ้นว่า “ฉันคือฟ่านหงชาง คุณคงเคยจะได้ยินชื่อเสียงกิตติศัพท์ของฉัน”
เจ้าสัวของเจียงโจว
คุณย่าตกใจ ลุกยืนขึ้นแล้วเดินไปยังด้านหลังห้องโถง
ที่นี่ไม่มีใครแล้ว เสียงของเธอนุ่มนวล ถามว่า: “เจ้าสัวฟ่าน งานสัมมนาแลกเปลี่ยนทางธุรกิจที่เจียงเฉิงครั้งนั้น ฉันเป็นเกียรติมากที่ได้ยินเสียงของท่าน ไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไรจึงได้ติดต่อมาหาฉัน? ”
“ฉันไม่ชอบตระกูลโล่แห่งจีนหลิง คุณชายโล่เฉิงฉันยิ่งรังเกียจ ตระกูลหานไม่สมควรที่จะตกลงการสู่ขอในครั้งนี้จะดีที่สุด มิเช่นนั้น ฉันจะจัดการทำบางอย่างที่นอกกรอบ ถ้าเป็นแบบนั้นแล้วมันจะไม่ส่งผลดีต่อเราทั้งสองฝ่าย ”
“อะไร อะไรนะ? ”
คุณย่าเกิดความสับสน แต่โทรศัพท์ก็ได้วางสายไปแล้ว
หานหยุนเทาแอบย่องมาเข้าทางด้านหลัง เห็นสีหน้าของคุณย่าที่ไม่ปกติ ถามว่า: “คุณย่า เป็นอะไรไป ใครโทรมางั้นเหรอ? ”
“ไม่มีอะไร”
คุณย่ามีสีหน้าเคร่งขรึม เดินไม่กี่ก้าว ก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
เธอตกใจ
มองดูเบอร์โทรศัพท์ พบว่าไม่ใช่เบอร์ก่อนหน้านี้ที่โทรมา รับสาย แล้วพูดว่า: “สวัสดี ไม่ทราบว่าคุณเป็นใคร? ”
“หงเหลยถิง”
คุณย่าม่านตาหดตัวลง พูดว่า: “ท่านหง”
“ฉันเปิดประเด็นเลยนะ ได้ยินว่าคุณชายตระกูลโล่แห่งจีนหลิงไปทำการสู่ขอหญิงสาวที่ตระกูลหาน ฉันกับตระกูลเสี้ยงแห่งจีนหลิงมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน ตระกูลเสี้ยงกับตระกูลโล่เป็นคู่อริกัน แน่นอนว่าฉันไม่ต้องการให้ตระกูลโล่สมหวัง หวังว่าคุณย่าจะปฏิเสธการสู่ขอแต่งงานในครั้งนี้”
ชื่อเสียงของหงเหลยถิง ในเมืองเจียงไม่มีผู้ใดไม่รู้ ไม่มีผู้ใดไม่รับทราบ
แม้ว่าจะเป็นเพียงการต่อสายพูดคุยโทรศัพท์ ก็ยังสัมผัสได้ถึงการสยบขู่ขวัญที่รุนแรง
“ฉันเพิ่งฮุบต้ายเหรินจง ตอนนี้อำนาจในสังคมอิทธิพลมืดเมืองเจียงฉันคือราชาผู้ยิ่งใหญ่ ซึ่งกำลังต้องการที่จะเชือดไก่ให้ลิงดู เพื่อแสดงอำนาจข่มผู้ต่อต้านคัดค้านในแต่ละพื้นที่ หวังว่าตระกูลหานคงจะไม่กลายเป็นไก่ตัวนั้นที่ฉันจะเชือดนะ”
ตู๊ดตู๊ดตู๊ด
โทรศัพท์ตัดสายไปแล้ว คุณย่ายังคงอึ้งยังเรียกสติกลับคืนมาไม่ได้
หานหยุนเทาที่ยืนอยู่ด้านข้างได้ยินทั้งหมดอย่างชัดเจน เดิมทีเขาก็ไม่ต้องการเห็นหานหยู่เยนร่ำรวยมั่งคั่งอยู่แล้ว ตอนนี้จึงเป็นโอกาสดีในการที่จะเกลี้ยกล่อม
“คุณย่า เรื่องนี้เรื่องใหญ่เลย ท่านหงเหลยถิง ต่อให้เป็นผู้นำของเมืองเจียงก็ยังต้องเคารพเกรงใจเขา พวกเราไม่ควรที่จะไปขัดใจเขา”
คุณย่าหลุดออกมาอีกประโยคว่า: “ไม่เพียงแต่เขา ยังมีอีกคนหนึ่งคือฟ่านหงชางเจ้าสัวแห่งเจียงโจว”
“จริงหรือหลอกกันเนี่ยะ? ”
หานหยุนเทาตกใจจนสะดุ้ง รีบพูดว่า: “คุณย่า ฉันคิดว่ายกเลิกงานแต่งไปเถอะ ตระกูลใหญ่โตอย่างตระกูลโล่ จะมาเห็นค่าให้เกียรติตระกูลหานของพวกเรางั้นเหรอ คงจะเป็นแค่การล้อเล่น หานหยู่เยนเป็นถึงหลานสาวแท้ ๆ ของท่าน ท่านควรที่จะมีความเมตตาเอ็นดู”
“เหอะ แกเคยเป็นห่วงเป็นใยหยู่เยนด้วยเหรอ”
“คุณย่า ฉันเพียงเพราะคำนึงถึงตระกูลหาน”
ความคิดในสมองของหานหยุนเทาแล่นฉิวทีเดียว พูดว่า: “คุณย่า ท่านลองคิดดูนะ หากหยู่เยนถูกท่านบังคับให้แต่งงานกับตระกูลโล่ จะมีมาซาบซึ้ง จะมาช่วยเหลือให้ตระกูลหานกลับมารุ่งโรจน์งั้นเหรอ? ไม่มีทาง”
เธอจะยิ่งโกรธแค้นท่าน อีกทั้งพวกเราดูแคลนครอบครัวพวกเขามาโดยตลอด หากเมื่อหานหยู่เยนกลายเป็นนกฟีนิกซ์แล้ว ก็ถึงเวลาที่ตระกูลหานจะพังพินาศย่อยยับ เธอจะทำลายครอบครัวของพวกเราเป็นแน่! ”
“เธอกล้าเหรอ! ” คุณย่าสีหน้าเย็นชา
หานหยุนเทายิ้มและพูดว่า: “คุณย่า ท่านจะเอาตระกูลหานทั้งหมดมาวางเดิมพันเลยเหรอ! แม้ว่าหานหยู่เยนจะไม่แก้แค้น เจ้าสัวฟ่านชางหง ฮ่องเต้ในสังคมอิทธิพลมืดหงเหลยถิง ท่านจะรับมือต่อกรกับพวกเขาอย่างไร? ตระกูลโล่จะยื่นมือเข้าช่วยเหรอ? ”
“สถานที่อันไกลโพ้นไม่มีคนคอยควบคุมดูแล ในเมืองเจียง ตระกูลโล่ก็ไม่มีอำนาจจัดการอะไร”
คำพูดดังกล่าวเป็นคำถามที่ทิ่มแทงในหัวใจ ทำให้คุณย่าเกิดการหวั่นไหวแล้ว หน้าผากเต็มไปด้วยหยดเหงื่อ
หานหยุนเทารู้สึกว่ามีโอกาสเป็นไปได้ ดีใจยกใหญ่ “คุณย่า ขอให้ท่านพิจารณาให้รอบคอบ หากก้าวเท้ากว้างมากเกินไป จะทำให้เกิดอันตรายได้ ไม่อย่างนั้นเลือกที่จะปฏิเสธโล่เฉิง และได้รับความดีความชอบจากเจ้าสัวและฮ่องเต้ในสังคมอิทธิพลมืด ตระกูลหานจะไม่กลับมารุ่งโรจน์อย่างเดิมได้อย่างไร! ”
ขณะนั้น คุณย่ากระจ่างแจ้งขึ้นทันที
ความโมโหในใจของเธอได้ปลดปล่อยออกมาแล้ว พยักหน้าแล้วมองไปที่หานหยุนเทาอย่างปลื้มใจ “สมแล้วที่เป็นหลานรักของฉัน เติบโตแล้ว เฉลียวฉลาดขึ้นแล้ว”