จักรพรรดิผู้ฝึกอายุห้าพันปี - ตอนที่ 58
บทที่ 58 เรื่องมงคลต่อเนื่องไม่ขาดสาย
ห้าวัน เหมือนผ่านไปเพียงชั่วครู่
“คุณช้าหน่อยช้าหน่อย ระวังจะชนอย่างอื่นเข้า”
หลิวเซียงหลันประคองหานเจี้ยนเย่เข้ามาในบ้าน เห็นเขากระวนกระวายร้อนรน ก็กังวลใจอย่างมากทีเดียว “อาการที่ขาก็ยังไม่หายดี คุณหมอบอกให้รักษาตัวต่ออีกหนึ่งเดือน คุณก็ไม่ฟัง ครอบครัวของเราไม่ถึงขนาดจะจ่ายค่ารักษาพยาบาลไม่ไหวหรอกนะ จะกลับมาที่บ้านก่อนทำไม ที่บ้านมีของรักของหวงอะไรอยู่เหรอ”
“คุณภรรยา อยู่โรงพยาบาลมันค่อนข้างจะอึดอัด มันจะดีไปกว่าที่บ้านได้อย่างไร อยู่ที่บ้านคุณก็สามารถที่จะดูแลฉันได้อย่างดี อีกทั้ง ฉันรู้สึกว่าร่างกายดีขึ้นมากพอสมควรแล้ว สามารถเขย่งเดินได้บ้างแล้ว ไม่เจ็บอะไรเท่าไหร่แล้ว”
หลิวเซียงหลันแปลกใจมาก “คุณหมอก็พูดกันว่าคุณฟื้นตัวจากอาการป่วยได้อย่างรวดเร็วมากจนแทบไม่อยากจะเชื่อ รวดเร็วเหมือนได้รับสูบฉีดเลือดครั้งใหม่อย่างไรอย่างนั้น”
“คุณภรรยา ทุกอย่างเป็นความดีความชอบของคุณทั้งสิ้น”
“ฉันน่ะเหรอ? ”
หานเจี้ยนเย่หัวเราะฮาฮา โอบกอดไปที่เอวอันบอบบางของหลิวเซียงหลัน “เป็นเพราะเธอมอบพลังความรักให้ฉันมากเพียงพอ จึงทำให้ฉันหายจากอาการป่วยได้อย่างรวดเร็ว หากเพิ่มเติมมากกว่านี้ ไม่แน่ว่าอีกเพียงสองสามวันก็จะสามารถกระโดดโลดเต้นได้แล้ว”
เพิ่มเติมให้มากกว่านี้?
จะทำเรื่องอย่างว่างั้นเหรอ
หลิวเซียงหลันจ้องมองเล็กน้อย ด่าว่า “ชอบทำเป็นเล่นอยู่ได้ รีบเอนลงนอนเดี๋ยวนี้”
เห็นพ่อและแม่มีความสัมพันธ์ที่อ่อนหวาน หานหยู่เยนก็ดีใจอิ่มเอิบใจด้วยเช่นกัน
ครอบครัวมีความรักและสามัคคีกัน จึงเป็นเรื่องที่น่ายินดีจริง ๆ
“คุณพ่อ ฉันใช้เงินของฉันซื้อรถเข็นอัตโนมัติให้ท่านหนึ่งคัน วิธีการใช้ง่ายสะดวก มีอัตราความเร็วสูง ว่าง ๆ ก็นั่งไปวนเล่น ๆ ในบริเวณหมู่บ้าน รับรองว่าดูเท่ห์อย่างมาก”
หลิวเซียงหลันตำหนิขึ้นเล็กน้อย “แกเด็กคนนี้ จะซื้อแบบอัตโนมัติมาทำไม หากไม่ทันระวังเขาก็จะวิ่งเล่นไปทั่ว หากเกิดเรื่องขึ้นอีกแล้วจะทำอย่างไร รีบเอาไปคืน แล้วเปลี่ยนเป็นแบบใช้มือบังคับ”
“อย่าเปลี่ยนเลย แบบอัตโนมัติมันดีอยู่แล้ว”
ตอนนี้หานเจี้ยนเย่รู้สึกว่าโลกทั้งโลกช่างดูเบิกบานสดชื่นไปหมด หลายปีมาแล้วที่ไม่ได้รับการดูแลจากภรรยาที่ดีขนาดนี้ เขาแอบมองไปที่โล่เฉิน
ทั้งสองคนสบตากัน หานเจี้ยนเย่แอบยกนิ้วหัวแม่โป้งขึ้นให้
“คุณพ่อคุณแม่ มีข่าวดีมากที่ต้องการจะบอก”
“ไหนลองพูดมาสิ” หลิวเซียงหลันไม่ได้เงยหน้าขึ้น เพราะกำลังปอกเปลือกแอบเปิ้ลให้หานเจี้ยนเย่อยู่
หานหยู่เยนยิ้มแล้วพูดว่า “คุณพ่อ ท่านจำได้ไหมว่าเมื่อครึ่งเดือนก่อนได้ซื้อลอตเตอรี่ไว้ ฉันกับแม่ก็อยู่ด้วยในตอนนั้น”
“อืม จำได้สิ วันนั้นเล่นไพ่นกกระจอกแล้วรู้สึกว่าดวงดี ฉันจึงไปซื้อลอตเตอรี่แบบลูกบอลสองสีมาลองเสี่ยงโชคดู”
พอพูดถึงตรงนี้ หานเจี้ยนเย่ทำท่าทางตื่นเต้น
“หรือจะบอกว่า……”
“ถูกต้อง ฉันถูกรางวัลแล้ว! ”
เงียบกันทั้งบ้าน
“โอ้ว! ”
คนแรกที่มีการตอบสนองก็คือหานหยู่ถิง เธอกอดไปที่หานหยู่เยน พูดเสียงดังว่า: “คุณพี่ คุณพูดจริงหรือไม่ ถูกรางวัลแล้วจริงเหรอ ถูกรางวัลที่หนึ่งหรือเปล่า? ”
“ไม่ใช่รางวัลที่หนึ่ง ถูกรางวัลที่สอง แต่ตอนนั้นคุณพ่อซื้อเลขนี้สิบหยวน ซึ่งก็คือห้าเท่า ดังนั้นถูกรางวัลทั้งหมดก็สองล้านห้าแสนกว่า หลังจากที่จ่ายภาษีก็เหลือประมาณสองล้าน”
หานหยู่เยนนำบัตรธนาคารออกมา และพูดด้วยท่าทางดีอกดีใจ “คุณพ่อคุณแม่ ตอนที่พวกท่านอยู่ที่โรงพยาบาล ฉันกับโล่เฉินแอบไปขึ้นเงินรางวัลมาแล้ว เงินทั้งหมดอยู่ในบัตรธนาคารนี้”
หลิวเซียงหลันถึงกับงุนงง
ที่น่าแปลกก็คือ เธอไม่ได้แสดงอาการตื่นเต้นดีใจอย่างกับหานหยู่ถิง กลับสงบนิ่ง แต่ครู่เดียวก็เอามือกุมหน้าแล้วร้องไห้ออกมา
“คุณแม่ ท่านเป็นอะไรไป? ”
“คุณภรรยา เรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่ายินดี ทำไมคุณต้องร้องไห้ด้วย? ความดีใจของหานเจี้ยนเย่หมดไปในทันที แปรเปลี่ยนเป็นความกังวลแทน”
หลิวเซียงหลันร้องห่มร้องไห้ สะอึกสะอื้นแล้วพูดว่า: “ไม่มีอะไร ฉันก็แค่ดีใจ หลายปีมานี้ ในที่สุดฉันก็ได้ทำเรื่องดีงามเป็นประโยชน์ต่อครอบครัวนี้แล้วเสียที”
“คุณภรรยา คุณวางใจได้ ฉันก็มุมานะอย่างเต็มที่”
หานเจี้ยนเย่ทรมานในจิตใจ เขาโอบกอดภรรยาของตน และมองไปที่ลูกสาวและลูกเขยของตน
เตรียมการได้สักครู่ ก็ยิ้มและพูดขึ้นว่า: “พอได้แล้วพอได้แล้ว เรื่องที่น่ายินดีทำไมจึงต้องมาเสียใจอะไรอย่างนี้ด้วย ในเมื่อถูกรางวัลแล้ว ยี่สิบล้านเลย ภรรยา พวกเราได้เวลาที่จะปฏิบัติการเรื่องใหญ่โตแล้ว”
หลิวเซียงหลันถาม: “เรื่องใหญ่โตอะไร? ”
“เปลี่ยนบ้านหลังใหม่ไง คุณไม่ใช่ต้องการจะเปลี่ยนบ้านหลังใหม่หรอกเหรอ ขนาดใหญ่ขึ้น อยู่ในทำเลที่ดีขึ้น สวยงามมากขึ้นไม่ใช่เหรอ ตอนนี้มีเงินแล้ว หากไม่ซื้อบ้านหลังใหม่แล้วคุณเตรียมจะนำเงินไปฝากธนาคารงั้นเหรอ? ”
จากนั้น บรรยากาศก็คึกคักขึ้นมาทันที
หานหยู่ถิงและหานหยู่เยนนำคอมพิวเตอร์ของตนเองออกมา หานเจี้ยนเย่และภรรยาก็ค้นหาบนโทรศัพท์มือถือ คนในครอบครัวพูดคุยปรึกษากันอย่างตื่นเต้น
อบอุ่นสมบูรณ์พูลสุข ถึงจะเรียกได้ว่าครอบครัว
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร โล่เฉินจึงมีจิตใจที่ซึมเศร้าเล็กน้อย ไม่ใช่ว่าไม่มีคนเรียกเขาไปร่วมวงปรึกษาพูดคุยด้วย แต่เป็นเพราะความว่างเปล่าที่ทะลุไปถึงจิตวิญญาณภายในของจิตใจ
ห้าพันปีมานี้ เขาไม่เคยมีบ้าน
เวลาอันยาวนาน เขาผ่านช่วงระยะเวลามากมายแล้วอย่างนับไม่ถ้วน เห็นการเปลี่ยนผ่านของราชวงศ์แต่ละยุคแต่ละสมัย แน่นอนเขาเคยพบรู้จักกับผู้หญิงมาจำนวนไม่น้อย แต่ไม่เคยที่จะมีความรู้สึกอย่างจริงจังจริงใจมาก่อน
เขาไม่มีลูกหลานสืบสกุล
ขณะนี้ มองเห็นสภาพการณ์ที่ปรากฏอยู่ด้านหน้า โล่เฉินรู้สึกว่าหานหยู่เยนและพวกเขาไม่ใช่เป็นคนที่อยู่ในโลกเดียวกัน
ร่างกายของเขาเย็นขึ้น เย็นถึงขนาดตัวสั่นสะท้าน
ยืนพิงอยู่ที่ฝาผนัง สีหน้าของโล่เฉินซีดขาวเป็นอย่างมาก
“โล่เฉิน คุณเป็นอะไรไป? ”
หานหยู่เยนสังเกตเห็นสภาพที่แปลกไปของโล่เฉินอย่างไม่ทันตั้งตัว รีบเข้ามาดูอาการ สีหน้าเป็นกังวลมาก “ร่างกายของคุณทำไมถึงเย็นขนาดนี้ ไม่สบายเหรอเปล่า”
“พี่เขย คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม? ”
“โล่เฉิน หากไม่สบายก็รีบไปที่โรงพยาบาล หยู่เยน แกรีบขับรถพาไปส่ง” หานเจี้ยนเย่กังวลใจเป็นอย่างมาก
กับลูกเขยของเขาคนนี้ ตอนนี้เขายิ่งชอบยิ่งเอ็นดูขึ้นอีกมาก
หลิวเซียงหลันขมวดคิ้ว เธอรู้ว่ามีอะไรผิดปกติ ไม่สมเหตุสมผล: “ทำไมทั้งครอบครัวจึงดูเป็นห่วงเป็นใยโล่เฉินถึงขนาดนี้”
“ไม่เป็นอะไร”
ทีละน้อย โล่เฉินค่อย ๆ รู้สึกดีขึ้น
หานหยู่เยนเห็นว่าร่างกายกลับคืนสู่อุณหภูมิปกติ สีหน้าของกลับมาแดงแล้ว จึงเบาใจ “มีอาการอะไรที่แฝงอยู่เหรอเปล่า วันหลังจะพาไปตรวจเช็คที่โรงพยาบาล”
“ไม่ต้องหรอก ฉันไปนอนพักสักครู่”
โล่เฉินกลับเข้าไปในห้อง
หานหยู่เยนก็เตรียมที่จะตามเข้าไป แต่ถูกหลิวเซียงหลันบอกให้หยุด “หยู่เยน แกมานี่ หยู่ถิงด้วย รวมถึงคุณด้วย ทุกคนนั่งลงให้เรียบร้อย”
คุณนายหญิงจะกล่าว ทั้งสามคนไม่มีใครกล้าคัดค้าน
“คุณภรรยา เชิญคุณพูดได้เลย”
“พวกแกเป็นอะไรไป ลักษณะท่าทางของพวกแก ดูเหมือนว่าจะตกลงยอมรับในตัวของโล่เฉินแล้วงั้นเหรอ? ” หลิวเซียงหลันสีหน้าไม่ค่อยดี ยืนพิงที่โซฟา ท่าทางหยิ่งผยอง
หานเจี้ยนเย่พูดเกลี้ยกล่อมเป็นคนแรก “คุณภรรยา คุณมองไม่ออกหรือไง ในตัวโล่เฉินมีจุดเด่นอะไรเป็นพิเศษ? ”
“จุดเด่นพิเศษ? เขามีจุดเด่นพิเศษ ทำไมฉันถึงไม่รู้”
“นั่นไง นี่เป็นสิ่งที่คุณไม่สังเกตไม่ละเอียด” หานเจี้ยนเย่ปรับปรุงน้ำเสียงในลำคอ พูดอย่างอ่อนโยนว่า “อย่างแรก รูปร่างหน้าตา โล่เฉินมีหน้าตาที่ใช้ได้ หุ่นรูปร่างก็คงไม่ต้องพูดถึงแล้ว”
“อาศัยหน้าตาในการเลี้ยงชีพ” หลิวเซียงหลันทำตาขวางใส่
หานเจี้ยนเย่พูดต่อว่า: “ฟังฉันพูดให้จบ เรื่องที่สอง นิสัยใจคอ เรื่องนี้ยิ่งไม่ต้องพูดถึงใหญ่ สามปีมานี้ถูกกลั่นแกล้งไม่ได้รับความเป็นธรรมมากมายหลายครั้ง แต่เขาก็เผชิญหน้าอย่างไม่สะทกสะท้าน ขอถามหน่อยว่ามีวัยรุ่นกี่คนกันที่จะมีสภาพจิตใจระดับนี้”
หานหยู่เยนไม่พอใจ “คุณแม่ ทำไมท่านถึงพูดออกมาแบบนี้ โล่เฉินไม่ได้รับความเป็นธรรมมากมายหลายครั้ง เขาเคยพูดบ่นอะไรบ้างมั้ย”
“วิเคราะห์พิจารณากันต่อ ความประพฤติเรียบร้อย นิสัยแข็งแกร่งมีความอดทน นี่คือลักษณะหนึ่งที่สำคัญของผู้ที่ประสบความสำเร็จพึงจะมี นอกจากนี้ โล่เฉินขยันขันแข็ง และดีกับทุกคนในครอบครัว ลูกเขยแบบนี้ใช้ได้ทีเดียว”
หลิวเซียงหลันเหลือบตาขาว พูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า: “ฉันต้องการคือหน้าที่การงาน ที่คุณพูดสิ่งเหล่านี้มันไร้สาระ หยู่เยน แกอายุยังน้อยอยู่ ชีวิตหลังจากนี้ต่อไป เขาก็ทำงานบ้านล้างจานทำกับข้าวตลอดไปเหรอ”
“โล่เฉินไปหางานทำก็ได้”
“ไอเด็กคนนี้ ทำไมจึงฟังคำพูดของฉันไม่รู้เรื่องงั้นเหรอ” หลิวเซียงหลันอึดอัดใจ ราวกับว่าสีซอให้ควายฟัง
“คุณแม่ ฉันไม่ได้ต้องการที่จะร่ำรวยมหาศาล ก็เหมือนกับที่ท่านพูดไว้ ขณะอยู่ที่โรงพยาบาล ท่านไม่ได้พูดหรอกเหรอว่าแค่ต้องการให้ครอบครัวอยู่กันอย่างมีความสุขก็เพียงพอ หรือว่า ตอนนั้นท่านพูดโกหก แบบนี้มันไม่ดีนะ”
“หลิวเซียงหลันกัดริมฝีปาก แล้วพูดว่า: “ฉันอายุมากขนาดนี้แล้ว แน่นอนว่าต้องการมีความสุขก็เพียงพอ พวกแกอายุยังน้อย จะต้องทำงานเพื่อก่อร่างสร้างตัว”
“คุณแม่ ถ้าอย่างนั้นก็ให้พี่เขยไปทำงานสร้างตัวสิ” หานหยู่ถิงพูดแทรกขึ้นมา
หานหยู่เยนตาเป็นประกายขึ้นทันที เธอมั่นใจในตัวโล่เฉินมาก นี่คือโอกาสดีสำหรับการเปลี่ยนแปลงตัวของโล่เฉินเอง
“คุณแม่ ซื้อบ้านใช้เพียงสองล้านก็คงจะพอ ที่บ้านยังมีเงินเก็บออมสำรอง ไม่งั้นให้โล่เฉินสักสามหรือห้าแสน ให้เขาไปตั้งต้นทำธุรกิจ”
“อะไรก็ไม่เข้าใจไม่ชำนาญสักอย่าง คิดจะเริ่มต้นลงมือทำธุรกิจ ไม่ใช่ไร้สาระไปหน่อยหรอกเหรอ”
หานเจี้ยนเย่ก็พูดเสริมเติมแต่งขึ้น “ไม่ลองแล้วจะรู้ได้อย่างไร ภรรยา คุณพูดว่าโล่เฉินไม่มีความสามารถ แต่ก็ไม่เปิดโอกาสให้เขาลองทดสอบดู แบบนี้ไม่ใช่ว่าจะบีบบังคับให้เขาจนตรอกไปตายเอาหรอกเหรอ”
“คุณแม่ ให้เวลาโล่เฉินสักหนึ่งปี แค่ปีเดียว”
“อะไรนะ”
หานหยู่เยนชูกำปั้นขึ้น แล้วกล่าวคำสาบาน: “หนึ่งปีหลังจากนี้ ฉันเชื่อมั่นว่าโล่เฉินจะทำให้ท่านทึ่งในตัวเขา ถ้าหากหนึ่งปีจากนี้โล่เฉินยังคงเป็นลูกเขยที่ไม่มีความสามารถเหมือนกับที่ท่านพูดมาโดยตลอด ฉันก็จะ……”
“แกจะต้องหย่ากับเขา” หลิวเซียงหลันพูดต่ออย่างรวดเร็ว
“แบบนี้เลยเหรอ……ตกลง! ”
หานหยู่เยนตัดสินใจตกลงตามนั้น
หลิวเซียงหลันจิตใจดีขึ้นอย่างมาก ผ่านมาตั้งสามปีก็ยังคงเป็นอย่างนี้ ให้เวลาอีกสักปีก็คงไม่เป็นไร
“ตกลงตามนี้ หากว่าแกผิดคำพูด อย่ามาหาว่าแม่โหดร้าย! ”
“อืมอืม ฉันขอกลับไปที่ห้องแล้ว”
“ฉันก็ไปด้วย”
พี่น้องสองสาวรีบเข้าไปในห้อง หลิวเซียงหลันก็ปอกเปลือกแอปเปิ้ลให้หานเจี้ยนเย่ต่อ แล้วก็พูดคุยปรึกษากันเรื่องบ้านหลังใหม่