จักรพรรดิผู้ฝึกอายุห้าพันปี - ตอนที่ 62
บทที่ 62 หัวชนฝา
โดนคาถา?
ฟ่านหงชางตกใจ เขาติดตามโล่เฉินมาหลายสิบปี แม้ว่าเขาจะไม่มีความสามารถในการฝึกฝนบู๊ แต่หูได้ฟังตาได้ยิน เขาเองก็รู้อะไรมากมาย
บนโลกนี้ นอกจากนักบู๊แล้ว ยังมีนักพรตอยู่ด้วย
นักบู๊และนักพรตนั้นแตกต่างกัน
การฝึกฝนของนักบู๊คือร่างกาย ความแข็งแกร่งภายในและพลังชี่แท้ ส่วนนักพรตจะบ่มเพาะพลังจิตเท่านั้น หรือที่เรียกว่าพลังเนี่ยง
ผ่านพลังเนี่ยง พวกเขาสามารถใช้เวทมนตร์มากมายเช่น การวาดยันต์ การสาปแช่ง การขับไล่และอื่น ๆ ยิ่งมีพลังเนี่ยงแข็งแกร่งเท่าไหร่ ความแกร่งกล้าก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
การฝึกฝนพลังจิตนั่นยากกว่าการฝึกฝนบู๊อย่างยิ่ง ดังนั้นบนโลกนี้จึงมีนักพรตน้อยมาก
“อาจารย์ คาถาอาคม สำหรับคุณแล้วสามารถทำลายมันได้ด้วยการขยับนิ้ว”
“ไม่”
โล่เฉินส่ายหัวและอธิบายว่า “หลินชิงอี๋ถูกคาถามาแล้วเป็นเวลาสามเดือน ร่างกายของเธออ่อนแอเกินไป หากฉันไม่มา ภายในครึ่งเดือนนี้เธอจะต้องตายด้วยความบ้าคลั่ง คาถานั่นไม่ธรรมดา ฉันพบว่าความแข็งแกร่งของฉันยังไม่กลับมา หากฝืนทำลายคาถา เป็นไปได้อย่างยิ่งที่ชีวิตของหลินชิงอี๋จะถูกทำลายไปด้วย”
“ดูเหมือนว่าขอบเขตคาถาของนักพรตจะไม่ใช่ระดับต่ำ” ฟ่านหงชางเกิดความคิด
“ฉันออกไปสั่งยาเพื่อช่วยให้เธอปรับตัวได้และชะลอตัวเธอไปก่อนครึ่งเดือน ถ้าฉันเดาไม่ผิด นักพรตนั่นเองก็กำลังจับจ้องรากยู่หลงอยู่เช่นกัน ถูกคาถา หลินชิงอี๋เก็บรากยู่หลง และพบกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด”
ฟ่านหงชางขมวดคิ้วและถามว่า “อาจารย์ หลินหยุนเซียวไม่ได้ให้รากยู่หลงกับผม วางไว้ที่เขาไม่ปลอดภัย หากนักพรตนั่นมาตามหาและได้รากยู่หลงไป พวกเราก็จะเสียเที่ยว”
“มีเหตุผล”
แต่ใครจะรู้ว่า หลินหยุนเซียวกลับโทรมาพอดี
เขาเอ่ยว่าเมื่อครู่โล่เฉินจากไปอย่างรีบร้อน เขาเองก็กำลังจมอยู่กับความยินดีที่ได้เห็นการฟื้นตัวของลูกสาว ดังนั้นจึงประมาทไปชั่วขณะ พรุ่งนี้ เขาจะให้เลขาจ้าวส่งรากยู่หลงไปที่ตึกซิงหยุน
…
ปินหู ตึกเผิงไหล
ห้องที่หนึ่งชั้นหลีเหิ้นเทียน
ในเวลานี้ สถานการณ์ตึงเครียดอย่างยิ่ง ในห้องมีนักเลงหลายสิบคน กำลังล้อมโล่เฉิง โจวไท่และหานหยุนเทาเอาไว้
“เฮยนิว นายอยากตายหรือไง กล้าเรียกคนมาล้อมคุณชายโล่ นายรู้ไหมว่าคุณชายโล่เป็นใคร?” หานหยุนเทาและโจวไท่เอ่ยตะโกนขึ้นพร้อมกันด้วยความโกรธ
ความวิตกกังวลฉายปรากฏขึ้นดวงตาของเฮยหนิว เขาบังคับให้ตัวเองสงบ จากนั้นจึงกำหมัดแน่นและพูดว่า “คุณชายตระกูลโล่ของจินหลิง ฉันย่อมต้องรู้จักชื่อนี้อยู่แล้ว”
“แล้วทำไมนายยังกล้าบ้าบิ่นขนาดนี้!”
“ต้องขออภัยจริงๆ ตัวตนของคุณชายโล่สูงส่ง เฮยหนิวปอดแหก เลยเรียกพี่ๆ น้องๆ มาเป็นขวัญกำลังใจให้ จะว่าไปแล้ว เรื่องรูปภาพ ต้องขออภัยที่ฉันไม่สามารถทำตามได้”
เฮยหนิวส่ายหัว
ก่อนหน้านี้สิบห้านาที ทั้งสามเขาเรียกเขามาที่ตึกเผิงไหล เอ่ยปากขึ้นก็บอกว่าต้องการรูปเปลือยของหานหยู่เยน อีกทั้งยังใช้ตระกูลโล่ของจินหลิงมาข่มขู่
ดังนั้นเฮยหนิวจึงรู้สึกหวั่นเกรง
เขาเป็นแค่งูเจ้าถิ่นเล็กๆ คนหนึ่ง ไหนเลยจะกล้าไปสร้างความขุ่นเคืองให้กับตระกูลโล่
แล้วสามารถมอบภาพถ่ายได้หรือไม่?
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่แต่เดิมเขาก็ไม่มีภาพเปลือยนั่น ต่อให้มี เขาจะกล้าเอาออกมาหรือไง? แค่คิดไปถึงคนน่ากลัวคนนั้น เฮยหนิวก็ตัวสั่น
ไม่ว่าจะส่งให้หรือไม่ ก็ล้วนไปทำให้อีกฝ่ายขุ่นเคือง เขาเดิมพันเอาเสียยังจะดีกว่า
ฟ้าสูงจักรพรรดิอยู่ห่างไกล ตระกูลโล่อยู่ในจินหลิง ส่วนที่นี่คือเมืองเจียง ยิ่งไปกว่านั้น ด้านบนของเขายังมีหงเหลยถิง ได้ยินมาว่าท่านหงมีความสัมพันธ์ไม่เลวกับฟ่านหงชาง
พื้นหลังนี้ไม่ใช่คนตัวเล็กตัวน้อย ตระกูลโล่เองก็ยังต้องชั่งน้ำหนัก
“ใครให้ความมั่นใจนี้กับนาย?” ”
ตั้งแต่ต้นจนจบ สายตาของโล่เฉิงล้วนชมอยู่ด้านข้างอย่างเย็นชา
ตอนนี้เขาเอ่ยพูดแล้ว น้ำเสียงของเขาก็เต็มไปด้วยความโกรธ
เขาเป็นคุณชายของตระกูลโล่ของจินหลิง ไปที่ไหนล้วนมีแต่คนเยินยอ ถูกคนเคารพ มีใครบ้างที่กล้าจะต่อต้านเขา
แต่เมื่อมาเมืองเจียง เขากลับต้องเจอเรื่องไม่หยุดหย่อน จนทำให้เขารู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างยิ่ง
“คุณชายโล่ ผมเป็นคนของท่านหง”
“ท่านหง? หมายถึงหงเหลยถิง หัวหน้ากองกำลังใต้ดินของเมืองเจียง?”
โล่เฉิงมีสีหน้าดูหมิ่น “เขานับเป็นตัวอะไร ผู้นำของเมืองเจียงยังต้องไว้หน้าฉันสามส่วน แล้วหัวหน้ากองกำลังใต้ดินเล็กๆ คนหนึ่งกับกล้ามาต่อสู้กับตระกูลโล่ เห็นทีนายคงไม่รู้ถึงการมีอยู่ของตระกูลโล่ ให้หงเหลยถิงมาเจอฉัน”
เฮยหนิวรอประโยคนี้มานาน เขารีบโยนเผือกร้อนนี้ให้กับหงเหลยถิงอย่างรวดเร็ว
20 นาทีต่อมา
บุรุษท่าทางราวกับมังกรผยองเสือผงาดเดินสาวเท้าเข้ามา ข้างตัวมีพี่เป้าที่อยู่ในชุดดำกำชับตามมาติดๆ
หงเหลยถิงกวาดตามองจากนั้นจึงนั่งลงบนโซฟา
“ฮ่าฮ่าฮ่า คุณชายโล่ ไม่กี่วันก่อนในงานเลี้ยงของคุณท่านเสี้ยงได้พบกันครั้งหนึ่ง น่าเสียดายไม่มีโอกาสได้พูดคุยกัน ยังไงวันนี้ต้องดื่มกันสักแก้ว”
พูดจบ เขาก็หันหน้ามาและเอ่ยเสียงเบา “เฮยหนิวเจ้าโง่ ต้องรับคุณชายโล่ยังไงกัน ยังมี เอาคนสิบกว่าคนมาที่นี่ทำอะไร ออกไปให้หมด รีบไปเตรียมอาหาร”
“ครับครับครับ”
เฮยหนิวรับจัดการทันที จากนั้นภายในห้องก็ว่างเปล่าขึ้นมา
โจวไท่ไม่คิดอยากจะผสมโรง ขณะคิดจะเอ่ยขอตัวกลับถูกโล่เฉิงห้ามขึ้นก่อน
“ท่านหงต้อนรับขับสู้อย่างดีแบบนี้ ฉันย่อมต้องไว้หน้า”
“คุณชายโล่ เชิญ”
ผู้คนนั่งลง อาหารถูกจัดเตรียมเต็มโต๊ะ
โล่เฉิงและหงเหลยถิงกำลังดื่มอย่างมีความรื่นเริงให้แก่กัน จนทำเอาโจวไท่และหานหยุนเทาสับสน
ในความเป็นจริง ตอนที่หงเหลยถิงเดินเข้ามา โล่เฉิงก็มองออกแล้วว่าเขาไม่ธรรมดา ในฐานะคุณชายจินหลิง เขาเองย่อมไม่ใช่คนโง่ อีกทั้งยังเป็นชายหนุ่มผู้โดดเด่น
“ท่านหง ตอนนี้คุมอำนาจในเมืองเจียงได้มากแค่ไหนแล้ว?”
“ควบคุมได้ทั้งหมด”
“หืม?”
โล่เฉิงงุนงงไป
หงเหลยถิงหัวเราะ “ไม่กี่วันก่อน ผมเพิ่งทำลายต้ายเหรินจงไป คนผู้นี้คุณชายโล่ไม่รู้จัก แต่คุณสองคนน่าจะเคยได้ยินชื่อของเขามาบ้าง”
โจวไท่และหานหยุนเทามองหน้ากัน สายตาเต็มไปด้วยความตกตะลึง
“คุณชายโล่ สามารถพูดได้ว่าต้ายเหรินจงและท่านหงต่างครอบครองพื้นที่ครึ่งหนึ่งของกองกำลังใต้ดินเมืองเจียงไปแล้ว ตอนนี้ท่านหงกลืนกินต้ายเหรินจงไป อย่างนั้นก็เท่ากับว่า….”
“ฮ่องเต้เจ้าถิ่น!”
หานหยุนเทา โพล่งออกมาและตกใจกับคำสามคำ
โล่เฉิงเองก็มีสีหน้าหนักอึ้ง เมืองเจียงไม่ใช่แค่เมืองเล็ก ๆ ในจังหวัด ไม่กี่ปีมานี้มีการพัฒนาอย่างรวดเร็วและได้รับความสนใจอย่างมากจากรัฐบาลในจังหวัด
ฮ่องเต้เจ้าถิ่นเมืองเจียง น้ำหนักไม่เบา!
หงเหลยถิงรู้สึกสมใจ แม้ว่าเขาจะเผชิญหน้ากับเสี้ยงจื้อสงก็ยังไม่ต้องก้มหัวให้ นี่คือความมั่นใจของ “ฮ่องเต้เจ้าถิ่น
“คุณชายโล่ เข้าสู่เรื่องจริงจัง วันนี้ที่คุณมาเยือนยามดึก มีเรื่องอะไรหรือ?”
“เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เฮยหนิวลูกน้องของคุณมีรูปถ่ายที่เปลือยเปล่าของหานหยู่เยน ผมต้องการมัน แต่เขากลับไม่ไว้หน้า ดังนั้นจึงต้องรบกวนท่านหงช่วยพูดให้สักเล็กน้อย”
เฮยหนิวก้มหน้าต่ำและไม่ส่งเสียง
แววตาของหงเหลยถิงมีประกายวาบผ่าน น้ำเสียงเย็นชา “คุณชายโล่คิดอยากเล่นงานหานหยู่เยนนี่เอง ผมไม่สบอารมณ์อย่างมาก ให้พูดตรงๆ ก็คือผมโกรธจัด”
“โอ้? ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น” โล่เฉิงขมวดคิ้ว
“เฮยนิวอยู่กับผมมาหลายปี เคยช่วยชีวิตผมไว้ ผมเห็นเขาเป็นลูกบุญธรรมคนหนึ่งไปแล้ว ตอนนั้นเขาและหานหยู่เยนมีเรื่องราวความสัมพันธ์กัน หานหยุนเทาคุณเองก็น่าจะรู้”
หานหยุนเทาพยักหน้า “ไม่ผิด ตอนนั้นพี่หนิวชอบหานหยู่เยนอย่างมาก”
หงเหลยถิงเอ่ยรับ “เฮยหนิวลุ่มหลงอย่างยิ่ง คิดแต่จะอยากได้เธอมาเป็นผู้หญิงของตน เขาเป็นลูกบุญธรรมของผม ดังนั้นผมจะยอมให้ใครอื่นมาแตะต้องลูกสะใภ้ของผมได้ยังไง คุณชายโล่ คุณว่าไหม ดังนั้น ต้องขออภัยจริงๆ!”
ลูกบุญธรรม?
ไร้สาระสิ้นดี
โล่เฉิงย่อมไม่เชื่ออย่างแน่นอน
“ท่านหง ไม่ไว้หน้ากันสักนิดเลยหรือ?”
“ไม่ใช่ไม่ให้ แต่ว่าไร้หนทางจริงๆ คุณชายโล่ชมชอบสาวงามก็มีอยู่ตั้งมากมาย ทำไมจะต้องเป็นหานหยู่เยนด้วย” หงเหล่ยถิงส่ายหัวและถอนหายใจ
ใบหน้าของโล่เฉิงมืดครึ้มลง ก่อนจะกลับมาเป็นปกติในทันที และกล่าวด้วยรอยยิ้ม:
“เร็วๆ นี้ ตระกูลโล่ของผมกำลังจะจัดตั้งบริษัทที่เมืองเจียง ถึงตอนนั้นหวังว่าจะสามารถร่วมมือกับท่านหง มีชัยด้วยกันได้ ไม่แน่ว่าท่านหงอาจจะไม่ได้เป็นแค่ฮ่องเต้ในสังคมอิทธิพลมืดอีกต่อไป แต่ยังเป็นฮ่องเต้ของโลกบนดินได้อีกด้วย”
หงเหลยถิงหนังตากระตุก
หมายความชัดเจนว่า ให้รูปภาพกับเขา ตระกูลโล่สามารถสนับสนุนตัวเองเพื่อครองธุรกิจและกลายเป็นฮ่องเต้ทั้งใต้ดินและบนดินได้
ต้องบอกว่า นี่เป็นสิ่งล่อใจอย่างยิ่ง
หงเหลยถิงกำลังชั่งใจ
โลกนี้ช่างเต็มไปด้วยเรื่องยุ่งยากและอันตราย ก้าวผิดเพียงแค่ก้าวเดียวก็อาจไร้ดินฝังหน้า ในสมองของเขาจู่ๆ ก็คิดไปถึงวันนั้นที่ร้านSPAเจ้าหญิงม้าขาว….
“ขออภัย”
“หืม?”
โล่เฉิงมีสีหน้าประหลาดใจอย่างยิ่ง เขามั่นใจมากว่าข้อเสนอเมื่อครู่ที่ยื่นออกไปทั้งยิ่งใหญ่และหนักแน่น หงเหลยถิงเองก็ไม่ใช่คนโง่ ไม่มีทางปฏิเสธแน่
“คุณชายโล่ ผมไม่ได้มีความทะเยอทะยานยิ่งใหญ่อะไร มาถึงวันนี้ได้ผมก็พอใจอย่างยิ่งแล้ว การเป็นฮ่องเต้ของทั้งสองที่ถือเป็นการยืนอยู่บนยอดพายุอย่างไม่ต้องสงสัย อันตรายอะไรล้วนต้องทนรับทั้งนั้น อย่าเลยจะดีกว่า!”
หงเหลยถิงเอ่ยและลูบหัวของเฮยหนิว “ผมชอบเด็กคนนี้มาก ผมหงเหลยถิงยังไม่ได้แต่งงานมีลูก นี่ถือลูกชายคนเดียวของผม ความต้องการของเขาผมย่อมต้องสนองอย่างเต็มที่ ยังไงก็ขอให้คุณชายโล่อย่าได้ทำให้ลำบากใจอีกเลย”
“ดีดีดี”
ในที่สุด โล่เฉิงก็มาถึงขีดสุด เขาหัวเราะออกมาและพูดว่า “เมืองเจียงเมืองเล็ก ๆ แต่แต่ละคนกับรู้สึกราวกับตนเองเป็นพระราชา กบในกะลา ไม่รู้จักว่าเวลายืนอยู่ต่อหน้าพลังที่แข็งแกร่ง ย่อมต้องโน้มตัวให้ในที่สุด!”
ในเมื่อแตกหักแล้ว ก็ไม่ต้องเสแสร้งอีกต่อไป
หงเหลยถิงหัวเราะเยาะ “คุณชายโล่ คืนนี้ไม่อยากออกจากตึกเผิงไหลแล้ว?”
“คุณ!”
ริมฝีปากโล่เฉิงสั่นระริก ในเมืองนี้ยังไงก็เป็นถิ่นของคนอื่น
“ไป!”
หลังจากรีบร้อนออกจากตึกเผิงไหล โล่เฉิงก็สะบัดฝ่ามือตบหานหยุนเทา “ขยะ หน้าโง่!”
“คุณชาย ผม…..”
“นายไม่ต้องพูด”
โจวไท่ถลึงตาใส่ หานหยุนเทาอยากจะร้องไห้อย่างไร้น้ำตาแต่ทำได้เพียงแค่อดทน
ตู้ดตู้ดตู้ดด
โล่เฉิงโทรออก หลังจากนั้นไม่กี่วินาที น้ำเสียงหนาทุ้มก็ดังขึ้นมา “เฉินเอ๋อ มีอะไรรึเปล่า?”
“พ่อ ก่อนหน้านี้พ่อบอกว่าจะเคลื่อนย้ายมาที่เมืองเจียงใช่ไหม ไม่ต้องรอแล้ว รีบทำเดี๋ยวนี้ ผมไม่กลับไปแล้ว ผมจะอยู่ที่เจียงเฉิงเพื่อดูแลสถานการณ์โดยรวม!”
“จริงหรือ? ดีดีดี มีลูกอยู่ พ่อเองก็สบายใจ”
โล่เฉิงพูดอย่างเกรี้ยวกราด “สร้างทีมให้กับผมภายในคืนนี้ พรุ่งนี้นำเงินทุนมาที่เมืองเจียง ตามนี้แหละผมวางสายแล้ว!”
ตู้ดตู้ดตู้ดด
ในคืนนี้ ลมหนาวพัดคำราม
โจวไท่และหานหยุนเทามองไปที่เงาด้านหลังอันสูงใหญ่ของโล่เฉิง ในใจหนาวเหน็บ เมืองเจียง จะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่แล้ว!