จักรพรรดิผู้ฝึกอายุห้าพันปี - ตอนที่ 63
บทที่ 63 คนจากบ้านภรรยา
ในช่วงไม่กี่วันนี้ โล่เฉินไปวิ่งเป็นเพื่อนหานหยู่เยนในตอนเช้าทุกวัน ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนเริ่มดีขึ้นเรื่อย ๆ และเริ่มพูดคุยกับในทุกๆ เรื่อง
“เมื่อคืน ผู้ชายตัวใหญ่ที่ฉันช่วยชีวิตไว้โทรมา บอกว่าหานหยุนเทาพาคุณชายโล่คนนั้นกับโจวไท่ไปหาเฮยหนิว ต้องการเอารูปเปลือยทั้งหมด”
“หึหึ พวกเขาต้องการฆ่าฉันทุกวิถีทางจริงๆ”
“ไม่เป็นไร คลี่คลายแล้ว ไม่ว่าหานหยุนเทาจะจัดการคุณยังไง คุณก็ไม่ต้องกลัว แข็งแกร่งหน่อย คุณจะต้องอยู่ในบริษัทอย่าง สง่าผ่าเผย สั่งสมบารมีในที่ทำงาน แบบนี้คุณถึงจะมีโอกาสมากขึ้นในการควบคุมบริษัทตระกูลหาน!”
หานหยู่เยนตกอยู่ในความเงียบ
เธอรู้สึกว่าตนถูกโล่เฉินมองออกอย่างปรุโปร่ง คิดถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นมาทั้งหมด นับวันเธอก็ยิ่งรู้สึกแปลกใจมากขึ้นเรื่อยๆ กับผู้ชายที่อยู่กับเธอมาสามปีคนนี้
แต่ต่อให้เธอแปลกใจมากแค่ไหน เธอก็ไม่ได้ถามอะไรเพิ่มเติม
“ทั้งหมดมีฉันอยู่ มาว่าจะฟ้าถล่มดินทลายก็มีฉันคอยแบกรับ”
“วู้ ขนลุกจะตายแล้ว คุณวิ่งให้มันช้าๆ หน่อย ฉันจะเพิ่มความเร็ว”
หานหยู่เยนวิ่งไปข้างหน้า ไม่ยอมให้โล่เฉินได้เห็นใบหน้าแดงก่ำของเธอ
แสงแดดอ่อน ๆ ยามเช้าอันอบอุ่น ขาเรียวยาวสองข้างที่เปล่งประกาย เอวคอดงาม สะโพกผึ่งผาย และความสูงที่เหมาะสมของเทพธิดา
ทุกอย่างล้วนสวยงามลงตัวอย่างยิ่ง
โล่เฉินเลียริมฝีปาก สายตาจับจ้องไม่ไปไหน เขากลืนน้ำลาย แต่กลับไม่วายถูกหานหยู่เยนที่หันกลับมาพอดีพบเข้า
“เจ้านักเลง ตาดูอะไรมิทราบ”
ใบหน้าของโล่เฉินเปลี่ยนเป็นสีแดง เขามองไปที่ทะเลสาบหมิงเยว่ และเอ่ยย่างกระอักกระอ่วน “เอ่อ สายแล้ว กลับกันได้แล้ว”
พอพวกเขากลับมาบ้าน ก็พบว่าคนในบ้านล้วนแต่งตัวกันหมด
“พ่อแม่ วันนี้พวกคุณจะออกไปเที่ยวข้างนอกหรือ?”
หานหยู่ถิงตอบ “พี่ พี่กับพี่เขยเองก็ไปแต่งตัวเถอะเถอะ คุณลุง คุณป้าใหญ่ ป้าสามพวกเขากำลังมาที่เมืองเจียงแล้ว วันนี้ตอนเที่ยงจะมีเลี้ยงอาหารมื้อใหญ่”
“หา มากันหมดเลยหรือ มาทำไม?”
หลิวเซียงหลันแค่นเสียง “ลูกพี่ลูกน้องคนโตของลูกหยางคางบ้านมารับตำแหน่งที่เมืองเจียงแล้ว เขาเข้าทำงานที่สำนักงานอัยการเมืองเจียง เป็นหัวหน้าแผนก”
“จริงหรือ? นี่ไม่ง่ายเลย ลูกพี่ลูกน้องเพิ่งจะอายุสามสิบ อนาคตไกลจริงๆ” หานหยู่เยนเอ่ยยิ้ม
“ยังจะมาหัวเราะได้อยู่อีก!”
หลิวเซียงหลันเอ่ยด้วยสีหน้าเครียด “ไม่ดูเสียบ้างว่าพวกเขาปฏิบัติกับบ้านเรายังไง ทุกครั้งที่ฉันกลับบ้านแม่ ก็มักจะได้รับการปฏิบัติด้วยสายตาเย็นชา เหน็บแนม หัวเราะเยาะเย้ย ตอนนี้พอได้ยินมาว่าครอบครัวของเรากำลังดำเนินไปด้วยดี อีกทั้งยังซื้อบ้านหลังใหม่ กลับมาบอกว่าจะฉลองขึ้นบ้านใหม่และฉลองย้ายตำแหน่งไปพร้อมๆ กัน”
“นี่ไม่ดีหรือไง”
“ผายลม ใครจะอยากไปฉลองกับพวกเขา พวกบ้าเห่อ” หลิวเซียงหลันบ่นด่าพึมพำ ท่าทางโมโห
ตอนนั้นคนฝั่งบ้านเธอต่างล้วนอิจฉาเธอที่แต่งงานกับครอบครัวเศรษฐี ต่างก็เข้ามาประจบประแจง แต่พอหลังจากพบว่าเธอแต่งให้กับคนขี้แพ้คนหนึ่ง ไม่ใช่คุณนายเลยสักนิด
มีความสุขบนความทุกข์ไม่ต้องเอ่ยถึง แถมพวกเขายังชอบพูดจาเหน็บแนมเธออีกด้วย
นอกจากกลับไปในช่วงวันตรุษจีน เวลาอื่นหลิวเซียงหลันก็ไม่คิดจะติดต่อกับคนพวกนี้แต่อย่างใด
“หยู่เยน ลูกลาสักวัน วันนี้ไม่ต้องไปบริษัทแล้ว ส่วนโล่เฉิน…..” หลิวเซียงหลันลองหยั่งเชิงถาม “นายไปไหม?”
“ประหยัดไปอีกมื้อ ทำไมจะไม่ไป”
“ตามใจ แต่ว่าพูดให้น้อยหน่อย จะได้หลีกเลี่ยงไม่ให้คนหัวเราะเยาะ”
เก้าโมง ทั้งบ้านก็ออกจากบ้านไป
เมื่อมาถึงโรงแรมระดับไฮเอนด์ใจกลางเมืองภายใต้ การแนะนำของบริกรพวกเขาก็เข้าสู่ห้องส่วนตัวขนาดใหญ่ห้องหนึ่ง
ในเวลานี้เอง ในห้องส่วนตัวมีคนอยู่บ้างแล้ว
“เซียงหลัน ในที่สุดเธอก็มาสักที” ”
คนที่เอ่ยขึ้นคือพี่สาวของ หลิวเซียงหลันหน้าตามีราศีอย่างยิ่ง ร่างกายของเธอไม่ได้รับการดูแลได้ดีเท่าหลิวเซียงหลันดังนั้นตอนนี้จึงอวบอ้วน
โล่เฉินแอบกวาดตามองดู และสังเกตการณ์คาดเดาว่าเหตุใด หลิวเซียงหลันถึงได้ถูกกีดกันออกจากพี่น้องของเธอ ซึ่งเรื่องนี้อาจเกี่ยวข้องกับเงื่อนไขในตัวเธอที่ไม่อาจสลัดได้
เมื่อเทียบกับป้าใหญ่ ป้าน้อย ลุงเขย และบรรดาลูกพี่ลูกน้องสาว แม่ยายและลูกสาวทั้งสองออกจะดูหน้าตาดีเกินหน้าเกินตาไปหน่อยอยู่บ้าง
โต๊ะอาหารเต็มไปด้วยเหล้าฉลอง ทุกคนพูดคุยกันไปมา แต่ไม่มีใครให้ความสนใจกับโล่เฉิน
อย่างที่ทุกคนรู้ เขาเป็นลูกเขยไร้ประโยชน์ของตระกูลหาน
“เซียงหลัน ขอแสดงความยินดีกับเธอด้วย ในที่สุดก็บรรลุเป้าหมายในชีวิตคนๆ หนึ่งแล้ว ซื้อบ้านหลังใหม่ได้ มา ฉันขอดื่มให้กับเธอ”
“พี่ ดูพูดเข้าสิ ก็แค่ซื้อบ้านหลังหนึ่งเท่านั้น เป้าหมายชีวิตของฉันไม่ได้สั้นขนาดนั้นหรอก” หลิวเซียงหลันยิ้มกว้าง
ป้าสะใภ้วางแก้วเหล้าลง จากนั้นจึงแสร้งทำเป็นสำนึกขึ้นมาได้ทันที เธอปรบมือและพูดว่า “ฉันเกือบลืมไปแล้ว ตอนนี้หยู่เยนเป็นถึงคนโปรดข้างกายของคุณย่าหาน อีกทั้งยังรับผิดชอบงานใหญ่ ครอบครัวของเธอต่อจากนี้ไปจะต้องดียิ่งขึ้น มีหน้ามีตาเสียจริง”
“นั่นสิ หลังจากนี้พอฉันมาเมืองเจียง หวังว่าหยู่เยนจะช่วยดูแลด้วยนะ”
“พี่สาวตอนนี้เป็นคนที่ประสบความสำเร็จ จะไปอยู่กับขยะคนหนึ่งได้ยังไงกัน แบบนี้ออกจะลดตัวอยู่บ้าง ไม่งั้น ฉันแนะนำคนคนหนึ่งให้พี่สาวดีไหม”
หญิงสาวแต่งหน้าหนาคนหนึ่งเอ่ยขึ้นยิ้มๆ สายตาของเธอเต็มไปด้วยความประชดประชัน
ตอนนี้ หัวข้อถูกย้ายไปที่โล่เฉิน
“โล่เฉิน นายเอาแต่นั่งเงียบไปพูดไม่จา ไม่ต้องกลัว คนกันเองทั้งนั้น”
ป้าใหญ่พูดอย่างเสแสร้ง “ได้ข่าวมาว่านายอยู่บ้านซักผ้าทำกับข้าว แบบนี้ไม่ได้การ ผู้ชายน่ะจะต้องมีธุรกิจของตัวเอง ไม่อย่างนั้น ฉันขอให้ลูกพี่ลูกน้องของนายแนะนำงานให้ดีไหม?”
ดาวเด่นในวันนี้ คือหัวหน้าแผนกของสำนักงานอัยการ หยางคางรีบโบกมือ “แม่ อย่าหาเรื่องให้ผมเลย ผมไม่กล้าแนะนำงานให้โล่เฉินหรอก เงินเดือนน้อยไปก็ไม่ชอบ เงินเดือนมากไปก็ไม่มีใครรับ ไม่ว่าจะยังไงผมก็จัดการได้ยาก!”
“ผมว่าอยู่บ้านยังคงดีเสียกว่า เป็นคนทำอาหารในครอบครัวก็ไม่เลว”
“น่าเสียดาย หยู่เยนสวยขนาดนี้ ช่างเสียดายใบหน้านี่จริงๆ จะว่าไปพวกเธอก็แต่งงานกันมาตั้งสามปีแล้ว ทำไมถึงยังไม่มีลูกอีก?”
หญิงสาวประสงค์ร้ายรับเอ่ยขึ้นรับและสีหน้าแฝงรอยยิ้มร้ายกาจ “หรือว่า เขามีตรงไหนใช้การไม่ได้? หยู่เยน เธอจะต้องอึดอัดมากแน่ๆ”
“เอาล่ะเอาล่ะ จริงจังหน่อย พูดจาอะไรกัน!” ลุงเขยพูดอย่างจริงจัง
ลูกพี่ลูกน้องสาวทั้งสองหุบปากลง แต่ใบหน้ายังคงแสดงความรังเกียจและการดูถูก
ในเวลานี้ ป้าเล็กก็เอ่ยปากขึ้น น้ำเสียงของเธอสูงแหลม “ตระกูลหานกำลังทำก่อสร้างอาคารอยู่ไม่ใช่หรือไง ไม่มีทักษะก็สามารถไปขนย้ายอิฐบนไซต์ได้ เดือนๆ หนึ่งก็ได้เงินหลายพันอยู่ ผู้ชายน่ะ เกิดมาบอบบาง ดูดีแต่ไร้ประโยชน์”
“ว่าใครไร้ประโยชน์ ใครบอกว่าพี่เขยไม่มีงานทำ เขากำลังจะเริ่มต้นทำธุรกิจ”
หานหยู่ถิงโกรธมากตะโกนกลับไป
เริ่มต้นธุรกิจ?
ฝูงชนหัวเราะขึ้น โดยเฉพาะลูกพี่ลูกน้องสาวทั้งสองที่หัวเราะอย่างไม่ปิดปากเลยสักนิด
“จะเปิดร้านซักผ้า ช่วยคนซักผ้าหรือไง?”
“ฮ่าฮ่าฮ่า!”
ทันใดนั้น เสียงหัวเราะก็ดังขึ้น
หานหยู่เยนหน้าแดงก่ำ ถ้าไม่ใช่เพราะโล่เฉินแอบดึงเธอไว้ เกรงว่าเธอคงระเบิดขึ้นมา หลิวเซียงหลันเองก็ดั่งมีไฟสุ่มอก แต่กลับไม่รู้จะหาทางระบายยังไง
นั่นเพราะโล่เฉิน ทำได้แค่ซักผ้าและทำอาหารเท่านั้น
เธอเสียใจอย่างมาก และค้อนใส่โล่เฉิน คล้ายกับกำลังเอ่ยว่า ดึงดันจะมาให้ได้ ตอนนี้ทั้งบ้านล้วนขายหน้าไปกับนาย รอฉันกลับไปจะจัดการนายแน่
ในเวลานี้ ด้านนอกห้องส่วนตัว
“คุณหมายความว่ายังไง ห้องหรูนี่ไม่ใช่ถูกพวกเราจองไปแล้วหรือไง นี่เป็นสไตล์การทำงานของพวกคุณหรือ?” ชายในชุดสูทตะโกนเสียงต่ำ
ผู้จัดการโรงแรมเต็มไปด้วยสีหน้าขมขื่น เขากล่าวด้วยรอยยิ้มขออภัย “พี่หวาง เป็นพวกลูกน้องที่ประมาทไป ไม่รู้ว่ามีการจองอยู่แล้ว ผมขอโทษด้วย”
“อย่ามัวแต่พูดจาเสียเวลา รีบไปจัดการซะ”
“พี่หวาง ช่วยผ่อนปรนให้ผมหน่อยได้ไหม ห้องส่วนตัวทางนั้นหรูหราอย่างยิ่ง ไม่ต่างกันเลย คนที่กำลังทานอาหารอยู่ด้านในคือหัวหน้าหยางของสำนักงานอัยการ”
ผู้จัดการโรงแรมทำอะไรไม่ถูก ทั้งสองฝ่ายล้วนเป็นคนที่เขาไม่ควรไปล่วงเกินทั้งนั้น
หยางคางอายุสามสิบปีก็สามารถย้ายมาที่เมืองเจียงได้ แถมยังนั่งตำแหน่งหัวหน้าแผนก ถึงแม้ตำแหน่งทางราชการจะไม่ใหญ่โต แต่ศักยภาพไร้ข้อจำกัด วันหนึ่งอาจเลื่อนเป็นระดับผู้มีคนระดับสูงก็ได้
“หัวหน้าหยางอะไร ทำไมฉันไม่เคยได้ยิน ให้เขาออกมาพบฉันหน่อย”
ภายในห้อง
หยางคางได้ยินดังนั้น สีหน้าก็มืดลง “หึ ฉันก็อยากจะเห็น ว่าใครกันที่วางอำนาจบาตรใหญ่ขนาดนี้”
ญาติ ๆ มองไปที่ประตู
เมื่อเปิดประตูออกไป หยางคางก็พูดว่า “คุณเป็นใคร?”
“หวางผิง”
หยางคางมีอาการหนังตากระตุก
ก่อนที่เขาจะมาที่เมืองเจียง เขาย่อมทำความเข้าใจเกี่ยวกับวงการของชนชั้นข้าราชการมาก่อน คนที่ชื่อหวางผิงคนนี้ เป็นคนขับรถของอัยการสูงสุดหลินหยุนเซียว
อย่างที่เราทราบกันดี สถานะคนขับรถระดับสูงนั้นไม่ได้ต่ำต้อย บางครั้งแม้ก็เป็นคนโปรดและคนสนิทของเหล่าคนใหญ่คนโต
“ห้องนี้ถูกจองไว้ ใยเมื่อคุณใช้ไปแล้ว ผมเองก็ขี้เกียจจะเอาเรื่อง วันนี้รีบออกไปซะ” หวางผิงเร่ง
“หัวหน้าหยาง คุณเห็นว่า…”
ผู้จัดการถามอย่างระมัดระวัง
เหล่าญาติยังคงมองอยู่ หยางคางจะยอมก็ไม่ได้ จะฝืนชนก็ไม่ได้
หลังจากนิ่งไปสักพัก เขาก็เอ่ยขึ้นมา “รีบร้อนอะไรกัน เวลายังเช้าอยู่ รอพวกเราทานเสร็จสักครู่เถอะ ใช้เวลาไม่นานหรอก”
พูดจบ เขาก็ปิดประตู
“พี่ชาย ผู้ชายคนนั้นคือใคร?”
“คนขับรถอัยการสูงสุด”
ป้าใหญ่สีหน้าเปลี่ยนไปทันทีและเอ่ยอย่างเป็นกังวล “เสี่ยวคาง คนขับรถของอัยการสูงสุดนายไม่ยอมไว้หน้าแบบนี้ จะดีหรือ? หากเขาเอาไปฟ้องต่อหน้าหน้าอัยการสูงสุดขึ้นมา จะทำยังไง”
“แม่ วางใจเถอะ ก็แค่คนขับรถตัวเล็ก ๆ ที่ผมสามารถย้ายมายังเมืองเจียงได้ ย่อมต้องมีคนหนุนหลัง อัยการสูงสุดจะยอมกล่าวโทษผมเพื่อคนขับรถตัวเล็กๆ หรือไง ไม่มีทางหรอก!”
เมื่อคำพูดนี้ถูกเอ่ยออกมา น้ำเสียงอื้ออึงก็ลดลง
“ฉันเดาได้ตั้งนานแล้วว่าพี่ชายจะต้องเจอคนสูงศักดิ์แน่ ตอนนี้ก็ไม่น่าแปลกใจแล้ว ฉันว่าอีกไม่นาน ที่นั่งอัยการสูงสุดคงเป็นของพี่ชายแน่”
“ช่างยอดเยี่ยมจริงๆ จากนี้ไปคงต้องพึ่งพาเสี่ยวคางแล้ว”
“มา หานหยู่เยน พวกเธอมัวแต่นั่งอยู่ทำไม มาดื่มให้เกียรติแก่ว่าที่อัยการสูงสุดหยางสักหน่อย”
ฝูงชนต่างโห่ร้อง
คำเยินยอของเหล่าญาติมิตรทำเอาหยางคางสุขใจอย่างยิ่ง มุมปากฉีกยิ้มจนแทบถึงรูหู
ปึง
ในขณะที่กำลังจะชนแก้ว ประตูห้องก็ถูกเปิดออก น้ำเสียงเยียบเย็นดังขึ้น “ไม่ทราบว่าคนแซ่จ้าวอย่างฉัน จะสามารถดื่มให้กับอัยการสูงสุดหยางได้หรือไม่!”