จักรพรรดิผู้ฝึกอายุห้าพันปี - ตอนที่ 67
บทที่ 67 ไม่ลงรอยก็เริ่มต้นธุรกิจ
ในความมืด BMW ปรากฏขึ้นที่หน้าตึกซิงหยุน
“ลงไปเถอะ ผมบอกคุณไว้แล้ว จากนี้ไปคุณพักอยู่ที่นี่” โล่เฉินเอ่ยเร่ง “อย่ามัวแต่เสียเวลาอยู่เลย ผมยังต้องกลับไปทำอาหารให้ภรรยาผมนะ”
“หึหึหึ”
เซี่ยซือหานหัวเราะกังวาลพลางหรี่ตางดงามและถามว่า “คุณเก่งกาจขนาดนี้ เป็นแพทย์แถมยังมีพลังเทพแถมยังเป็นนักบู๊ ยังต้องกลับบ้านไปซักผ้าทำกับข้าวให้ภรรยาอีกหรือ?”
“ คุณจะลงไม่ลง?”
“คุณไม่ต้องการฉันจริงๆหรือ? ยังไงฉันเองพูดไปก็ถือว่าเป็นหญิงหน้าตางดงามคนหนึ่ง คุณไม่มีความคิดสักนิดเลยหรือไง? รีบๆคว้าโอกาสเอาไว้นา ตอนนี้ถ้าคุณพยักหน้า ฉันรอคุณได้นะ”
โล่เฉินรีบดันเซี่ยซือหานลงไปทันที
“ไม่เป็นสุภาพบุรุษเลยสักนิด หยาบคาย!”
“อ่อใช่ อีกไม่กี่วันข้างหน้าจะต้องขอให้คุณช่วยเหลือผมหน่อย คุณรอข่าวจากผม”
เซี่ยซือหานพยักหน้าและเดินเข้าไปในตึกซิงหยุนภายใต้การต้อนรับของผู้จัดการ
โล่เฉินรีบกลับบ้าน อาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว เป็นหานหยู่เยนที่ลงมือทำอาหารเอง เพียงแต่ตอนนี้ทุกคนกำลังมีท่าทางประหลาดอย่างยิ่ง ได้แต่จ้องไปที่อาหารตาโต
“ทำไม รอผมกินข้าวด้วยกันหรือ?”
“ใช่” หานหยู่เยนยิ้ม
หานหยู่ถิงไม่ยอมน้อยหน้า เธอรีบตะเกียบเคาะชามแล้วบ่นว่า “พี่เขย อาหารที่พี่สาวทำกินยากเกินไปแล้ว คุณช่วยลงแรงต่ออีกสักนิดได้ไหม พวกเราชินกับรสชาติที่คุณทำแล้ว”
“โล่เฉิน รีบหน่อยเถอะ ฉันหิวแย่แล้ว” หลิวเซียงหลันเองก็เร่งเร้า
“ ได้เลย”
โล่เฉินกลับไม่ได้รู้สึกน้อยเนื้อน้อยใจอะไร แต่กลับยินดีอย่างยิ่ง
เขามีความสุขกับการเป็นที่ต้องการแบบนี้ ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นอมตะ ประสบกับความผันผวนมากคณานับ แต่สุดท้ายเขาก็เป็นคนคนหนึ่ง เป็นผู้ชายคนหนึ่ง
ใครบ้างที่ไม่อยากเป็นส่วนที่ขาดไม่ได้ในสายตาของคนอื่น
โล่เฉินกำลังทำอาหาร ในห้องนั่งเล่นก็มีเสียงของหานหยู่เยนดังขึ้น “บอกข่าวใหญ่กับทุกคน ตอนนี้เมืองเจียงมีบริษัทขนาดใหญ่เกิดขึ้นมาอีกหนึ่งที่ ชื่อว่าบริษัทซิงเฉิน เป็นของคุณชายโล่นั่นก่อตั้งขึ้น”
“จริงหรือ ซิงเฉินมาเปิดบริษัทที่เมืองเจียงแล้ว?”
เมื่อพบว่าแม่ของตนทำหน้าตาตื่นเต้น หานหยู่เยนก็ไม่พอใจอย่างยิ่ง “แม่ อย่าบอกนะว่า แม่ยังมีความฝันจินตนาการเกี่ยวกับเพลย์บอยคนนั้นอยู่ แม่จะต้องให้หนูออกจากบ้านไปให้ได้ หรือว่าอยากบังคับให้หนูต้องตาย?”
“นี่ลูกกำลังพูดถึงอะไรน่ะ”
หลิวเซียงหลันขมวดคิ้ว สีหน้าของเธอเปลี่ยนไป “ช่างเถอะ แม่เองก็ไม่มีความหวังอะไร ตระกูลจินหลิงโล่ไหนเลยจะมองเห็นพวกเรา อีกทั้งคุณย่าเองก็ไม่มีทางเห็นด้วย”
“ อย่างไรก็ตาม บริษัทซิงเฉินมีสาขาการออกแบบที่หลากหลาย ทั้งรับออกแบบและก่อสร้าง แบบเดียวกันกับตระกูลหานของเรา ฉันรู้สึกว่าเขาตั้งใจจะพุ่งเป้ามาแข่งกับเรา”
“เจ้าคนชั่วนี่” หานหยู่เยนกัดฟันเผยให้เห็นเขี้ยวเล็กและเปิดปากด่า
“เขายังเปลี่ยนชื่ออีกด้วย เปลี่ยนเป็น โล่ซิงเฉิน บอกว่าไม่ต้องการใช้ชื่อคล้ายกับขยะที่มีชื่อเสียงในเมืองเจียง เป็นการดูถูกตัวตนของเขา!”
หานหยู่เยนยิ่งพูดยิ่งโกรธ “เจ้าคนหน้าซื่อใจคดคนนี้ ช่างคิดว่าตัวเองสูงส่งเสียจริง!”
“ช่างออกนอกหน้าจริงๆ เปลี่ยนชื่อ เลี่ยงการเรียกผิด”ในห้องครัว โล่เฉินตอบกลับยิ้มๆ
“ พี่เขย พวกเราแพ้พี่เขาไม่ได้!”
หานหยู่ถิงยืนขึ้น สองมืดกอดอกเอ่ย “พ่อแม่ พวกคุณเมื่อไหร่จะให้ทุนพี่เขยไปเริ่มต้นธุรกิจ เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ดึงเวลาไปทำไมกัน!”
“นี่…”
หลิวเซียงหลันลังเลอย่างยิ่ง เธอไม่เชื่อเลยสักนิดว่าโล่เฉินจะสามารถทำสำเร็จ ให้เงินไปก็เท่ากับละลายในน้ำอย่างไม่ต้องสงสัย..
สถานภาพของบ้านนี้ก็แค่ทั่วไปเท่านั้น ไม่มีให้ใช้สุรุ่ยสุร่าย
“รออีกหน่อยไหม?”
“ แม่ ไม่ต้องรอแล้ว แม่ไม่เชื่อพี่เขยใช่ไหม แม่จะต้องมั่นใจในตัวพี่เขย หนูเชื่อว่าพี่เขยจะทำสำเร็จ”
หลิวเซียงหลันสะบัดเสียงอย่างอารมณ์เสีย “พี่เขยพี่เขยอยู่นั่น เรียกซะสนิทสนม พวกเธอไปดีกันขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่”
หานหยู่ถิงแลบลิ้น จากนั้นจึงวิ่งไปห้องครัวเพื่อช่วยงานแทน
หานหยู่เยนเปิดปาก “แม่ คำพูดต้องเป็นคำพูด สามถึงห้าแสนเองก็ไม่ได้นับเป็นเงินอะไรมากมาย ตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อน หนูสามารถหามันกลับมาได้อย่างรวดเร็ว”
“ที่รัก คุณลองดูเถอะ ยังไงก็เป็นลูกเขยของเรา อย่าลืมว่าตอนกลางวันเขายังไว้หน้าให้กับคุณ โล่เฉินปฏิบัติต่อครอบครัวเรายังไง สามปีมานี้คุณไม่รู้จริงๆหรือ”
“เฮ้อ”
หลิวเซียงหลันถอนหายใจอีกครั้ง เธอจะไม่รู้ได้อย่างไร?
เป็นเวลาสามปีแล้ว โล่เฉินที่นอกจากไม่มีการงานทำ เรื่องอื่นล้วนไม่มีที่ติ
จะบอกว่าไม่มีความประทับใจเลยก็ถือว่าโกหก แต่ที่เธอเอาแต่ทำเป็นไม่ยอมรับโล่เฉิน เหตุผลก็เพราะลูกสาวของตน
ในฐานะแม่ที่ ใครบ้างที่ไม่ต้องการให้ลูกสาวแต่งงานกับผู้ชายที่ประสบความสำเร็จในอาชีพการงาน ไม่ต้องกังวลเรื่องเสื้อผ้าอาหาร มีชีวิตที่ดี
สังคมโหดร้ายเกินไป แรงกดดันจากการแข่งขันก็มากเกินไป
คนยากจนหากคิดจะลืมตาอ้าปาก มีแต่จะยากขึ้นเรื่อยๆ
“ก็ได้ เรื่องนี้เอาตามนี้ ถ้าฉันยังมันแต่จับผิดก็ออกจะดูเจ้าเล่ห์ใจร้าย” หลิวเซียงหลันมองไปที่ โล่เฉินที่กำลังเดินมาและพูดอย่างจริงจัง
“นายมีความมั่นใจหรือไม่?”
“มี มีอย่างแน่นอน”
“ฉันไม่รู้ว่านายไปมาความมั่นใจมาจากไหน ถ้าจะโอ้อวดก็พอเถอะ มีความมั่นใจเป็นเรื่องที่ดีแต่อย่าได้อวดดี ฉันจะให้นาย 400, 000 ภายในหนึ่งปี ฉันไม่ต้องการให้นายทำเงินอะไรมากมาย อย่าน้อยก็อย่าได้ขาดทุน ส่วนเรื่องที่นายกับหานหยู่เยนจะหย่ากันหรือไม่ เรื่องนี้ฉันกับหยู่เยนตกลงกันไว้แล้ว”
โล่เฉินมีรอยยิ้มสดใส ดวงตาของเขาส่องประกาย “แม่ หลังจากนี้คุณจะพบว่าการตัดสินใจของคุณถูกต้องแค่ไหน”
“อย่ามาพูดจาใหญ่โต” หลิวเซียงหลันเดินไปหยิบบัตรธนาคารในห้อง
หานเจี้ยนเย่ไม่กังวลเลยสักนิด
เขาคาดเดาว่าโล่เฉินสมควรต้องการจะสร้างโรงพยาบาลแพทย์แผนจีน อาศัยทักษะการแพทย์ระดับมหัศจรรย์นั่น ไม่มีทางจะขาดทุนอยู่แล้ว มีแต่จะทำเงินได้เป็นกอบเป็นกำต่างหาก
เพียงแต่ เขาไม่เข้าใจ
โล่เฉินมีทักษะเช่นนี้ ทำไมไม่แสดงออกมา แต่กลับยินยอมที่จะถูกด่าว่าเป็นขยะ?
หานเจี้ยนเย่แอบมองไปที่โล่เฉิน จู่ๆก็นึกไปถึงเมื่อสามปีก่อน ก่อนที่คุณปู่จะเสียชีวิตได้กับเขาไว้ประโยคหนึ่งลำพัง —-
เจี้ยนเย่ ฉันรู้ว่านายรู้สึกเสียใจอย่างยิ่ง แต่หลังจากนี้ไปนายจะรู้เอง ว่าบริษัทของตระกูลหานเมื่อเทียบกับโล่เฉินแล้ว ไม่นับเป็นอะไรทั้งนั้น
พูดจบ ชายชราก็จากไป
ในตอนนั้นหานเจี้ยนเย่ไม่ได้สนใจเลยสักนิด ตอนนี้พอนึกขึ้นมาได้ในใจก็อดไม่ได้ที่จะตื่นเต้น ดวงตาของเขาที่มองไปยังโล่เฉินยิ่งสว่างไสวและชมชอบมากขึ้น
…
วันรุ่งขึ้น ตอนเช้า
กรุปวีแชทตระกูลหานกำลังร้อนแรง
“ได้ข่าวหรือยัง ลูกเขยแต่งเข้าของตระกูลเรากำลังจะเริ่มต้นธุรกิจ!”
“ทุกคนรู้แล้วหรือ ฉันเพิ่งจะได้ยิน ขำจะแย่ ขยะคนหนึ่งคิดจะทำธุรกิจ ข่าวว่าเป็น ป้าหลิว ที่ให้เงินเขา 400, 000 ช่างเป็นคนรวยและมีน้ำใจเสียจริง!”
ในระหว่างการสนทนา มีคน @ หลิวเซียงหลันแต่กลับไม่เห็นการตอบสนอง
“มีใครรู้ไหมว่า บริษัท ที่เจ้าขยะกำลังจะเริ่มทำคืออะไร?”
“ฉันรู้ฉันรู้ ชื่อว่า…… บริษัทเทเลวิชั่นมีเดียหยู่เฉิน บอกว่าจะเข้าสู่อุตสาหกรรมภาพยนตร์และโทรทัศน์ ตระกูลหานของเรามีคนใหญ่คนโตขึ้นมาแล้ว!”
“ฉันกล้าเดาได้เลยว่า เถ้าแก่โล่จะไปหาดาราศิลปินที่ไหน คงไม่พ้นภรรยาและน้องภรรยาของเขา!”
ตอนนี้เอง หานหยุนเทาก็ส่งข้อความมาว่า “ฉันตั้งหน้าตั้งตารอมากที่จะสร้างภาพยนตร์เรื่องหนึ่งชื่อว่า ” ค่ำคืนหนึ่งแห่งความหลงใหลกับภรรยาและน้องภรรยา”
ข้อความถูกส่งออกมาเรื่อยๆ ทั้งหมดล้วนเป็นเรื่องเยาะเย้ยแดกดัน
ห่างจากบริษัทตระกูลหานออกไปประมาณหนึ่งไมล์มีอาคารสำนักงานหนึ่งตั้งอยู่
ชั้น 39 จัดแล้วแจ่มมาก
“พี่เขย หัวพี่พังไปแล้วหรือเปล่า!”
หานหยู่ถิงหน้าแดงจนเลือดแทบจะหยด เธอจับโทรศัพท์มือถือรอโล่เฉิน: “คุณเปิดบริษัทสื่อภาพยนตร์และโทรทัศน์ คุณจะทำยังไง? ถ่ายภาพยนตร์? แล้วศิลปินล่ะ?”
“เธอใจเย็นก่อน”
“ฉันจะใจเย็นได้ยังไง แม่ให้เงินกับคุณไม่ใช่ให้คุณมาใช่มั่วซั่ว 400, 000 นะ สำหรับบ้านเราแล้วนี่ถือเป็นเงินจำนวนมาก ไม่คิดเลยว่าพริบตาจะต้องละลายลงน้ำไปแบบนี้”
โล่เฉินมีสีหน้าอ่อนใจ มือถือของเขาสั่นขึ้น เป็นแม่ยายของเขาที่โทรมา
เขาไม่กล้ารับ เพราะจะต้องถูกตำหนิแน่
“พี่ ทำไมพี่ไม่พูดอะไรสักหน่อย หรือว่าพี่จะต้องให้พวกเรามาเป็นนักแสดงไปจริงๆ ให้พวกหานหยุนเทาหัวเราะเยาะใส่พวกเรา!”
หานหยู่เยนไม่กังวล ในบัตรมีเงินมากกว่า 10 ล้าน อีกทั้งโล่เฉินยังมีบ้านพักสุดหรู
เงิน ไม่ขาดแคลน.
โล่เฉินอยากทำอะไร เธอก็ล้วนสนับสนุนทั้งนั้น อีกทั้งเธอเองก็รู้แน่ว่าโล่เฉินไม่มีทางทำอะไรมั่วซั่วแน่ เขาจะต้องมีแผนอยู่แน่
“หยู่ถิง นั่งลง มาถึงจุดนี้ พวกเราต้องสามัคคีกัน เชื่อพี่เขยของเธอ”
“ พี่เองก็บ้าไปแล้ว”
หานหยู่ถิงเดินออกไปอย่างโมโห ขณะกำลังจะออกจากประตู ด้านนอกก็เปิดเข้ามาเสียก่อน
ปึง
ประตูเปิดออก
หานหยุนเทานำเข้ามา ก่อนจะตามด้วยกองทัพเหล่าวัยรุ่นตระกูลหาน
“พวกคุณมาทำอะไร!”
“มาดูว่าพวกเธอกำลังเตรียมพร้อมที่จะสร้างภาพยนตร์อยู่ใช่หรือเปล่า หนังรักไม่จำเป็นต้องใช้นักแสดงอะไรมาก สามคนก็พอแล้ว”
พูดจบ ฝูงชนก็หัวเราะ
หานหยู่ถิงโกรธจนแทบจะร้องไห้ โล่เฉินเดินเข้ามาด้วยสีหน้าเย็นชา “ขอโทษที ที่นี่ไม่ต้อนรับพวกคุณ โปรดออกไปโดยเร็วมิฉะนั้น ผมจะเรียกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย”
“โย่ เป็นเถ้าแก่หน่อยก็เปลี่ยนไปเลยนะ มีตำแหน่งขึ้นมาแล้ว” หานหยุนเทายิ้มเยาะ ก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าในพริบตาและพูดว่า “พวกเราไม่ได้มาที่นี่เพื่อหาเรื่อง แต่มาเพื่อช่วย”
“ช่วยอะไร?”หายหยู่เยนถาม
“ก็ไม่ใช่เพราะกลัวว่าเถ้าแก่จะแรงไม่ดีพอหรอกหรือไง พวกเราชายหนุ่มก็ล้วนมาที่นี่เพื่อแบ่งปันความกังวลของเถ้าแก่ หนังรักแอ็คชั่นน่ะ พวกเราพี่น้องสนใจกันหมดนั่นแหละ”
ตูม!
ในเวลานี้ หานหยู่เยนรู้สึกอับอายและโกรธจัด หูของเธอแดงก่ำ
โล่เฉินมีสีหน้าเย็นเยียบ มือกำหมัดแน่น
หานหยุนเทาพูดด้วยสีหน้าร้ายกาจ “ทำไมเถ้าแก่ อย่าโกรธสิ พวกเราก็แค่หวังดี”
“ไสหัวไปให้พ้น!”
“เวรเอ้ย แกมาเสแสร้งอะไรวะ คิดว่าตนเองเป็นเถ้าแก่ใหญ่หรือยังไง” ชายหนุ่มอ้วนเตี้ยร้องอย่างดูถูก
หานหยุนเทากวาดตามองสถานที่ทำงาน สีหน้าดูหมิ่น “สถานที่ผุพังแบบนี้ ยังกล้าเรียกว่าบริษัท แถมยังเป็นสื่อภาพยนตร์และโทรทัศน์อะไรนั่นอีก จุ๊จุ๊ ถ้านายรับศิลปินเข้ามาได้ ฉันจะกินขี้เลย!”
“นายแน่ใจไหม?”
“โอ้ นี่กำลังท้าพนันอยู่ใช่ไหม”
โล่เฉินเอ่ยเสียงเรียบ “นายก็แค่พูดมาว่าใช่ไม่ใช่”
หานหยุนเทาตกอยู่ในความคิด ก่อนจะเอ่ยปาก “แน่นอนว่าใช่ แต่จะต้องเป็นศิลปินที่มีคุณสมบัติ ไม่ใช่ไปดึงเอาผู้หญิงข้างถนนมามั่วซั่ว ฉันให้เวลานายแค่หนึ่งวัน หากทำไม่ได้ บริษัทนี้นายจะต้องให้ฉันซะ”
“ได้”
“ฮ่าฮ่าฮ่า โล่เฉิน นายรอยกบริษัทนี้ให้ฉันซะเถอะ นายก็แค่ไอ้ขยะ…”
ก่อนที่คำพูดจะจบลง ที่ประตูก็มีเสียงใสชัดดังเข้ามาในหู “เอ่อ ไม่ทราบว่าเถ้าแก่โล่เฉินอยู่ที่บริษัทไหมคะ?”