จักรพรรดิผู้ฝึกอายุห้าพันปี - ตอนที่ 70
บทที่ 70 ฉันกำลังรอคุณอยู่
คราวนี้ความรู้สึกในการเข้าสุสานแตกต่างจากครั้งที่แล้ว แม้ว่ามันจะยังคงเปียกชื้นและลึก แต่เหน็บหนาวกลับน้อยลงไปอยู่บ้าง
สุสานมีขนาดไม่ใหญ่ราวสิบตารางเมตร และมีโลงศพอยู่หลุมหนึ่ง
โล่เฉินเปิดฝาโลงออกดู ข้างในเป็นเพียงกองกระดูกสีขาว ไม่มีความผิดปกติอะไร ไม่มีแม้กระทั่งของล้ำค่า
“ดูเหมือนว่า มีแค่เมล็ดตุ๋ขุยที่ผิดปกติ”
ไม่นานนัก โล่เฉินก็ลงจากภูเขา
เมื่อมาถึงบ้านของหมู่ตัน โล่เฉินก็พบเงาร่างที่คุ้นเคย
“คุณมาที่นี่ได้อย่างไร?”
“รอคุณอยู่”
ฉู่เฟิงผอมไปไม่น้อย ดวงตาคู่นั้นสะท้อนให้เห็นถึงความผันผวนของชีวิต แฝงความเข้าใจความหมายของชีวิตอย่างลึกซึ้ง
โล่เฉินตบไหล่เขาแล้วถามว่า “อาการบาดเจ็บเป็นยังไงบ้าง?”
“มันแค่อาการบาดเจ็บภายนอก ใกล้หายแล้ว”
ในเวลานี้เอง หมู่ตันและหญิงสาวก็ออกมาพูดด้วยรอยยิ้ม “พี่เฟิง คุณโล่ เย็นแล้ว พวกคุณอยู่ทานข้าวกับเราที่นี่เถอะ ฉันจะไปซื้อกับข้าว”
“กำลังคิดในใจพอดี”
โล่เฉินและฉู่เฟิงนั่งอยู่ในสวน มองไปที่ทุ่งนาสีเขียวอร่าม
สายลมอุ่นยามเย็นพัดผ่านมา
ทั้งเงียบสงบและอบอุ่น
“สุขภาพนายท่านเป็นยังไงบ้าง?” โล่เฉินถาม
ฉู่เฟิงมีสีหน้าจริงจังขึ้น เขาเอ่ยอย่างซาบซึ้ง “กำลังอยากจะพูดเรื่องนี้อยู่พอดี ขอบคุณคุณที่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ ตอนนี้นายท่านสุขภาพดีขึ้นๆทุกวัน ราวกับอายุน้อยลงไปสิบปี”
“อย่างนั้นก็ดี ฉันกับนายท่านรู้จักกันมาสามปี เขาคือคนที่ฉันสามารถพูดคุยด้วยได้ หรือเรียกว่าเป็นเพื่อนต่างวัยฉันย่อมไม่สามารถทนมองความตายไม่ช่วยเหลือได้”
“คุณโล่ ดูเหมือนว่าคุณกำลังรอให้ผมไปหาคุณมาตลอด”
ดวงตาของโล่เฉินตาสว่างวาบ เขาแอบถอนหายใจ ฉู่เฟิงสมแล้วที่เป็นขุนศึกของต้ายเหรินจง ความคิดของตนถูกเขามองออกจนหมด
วันนั้น หลังจากช่วยฉู่เฟิง เขาก็ขอให้ฟ่านหงซางช่วยไปสืบเกี่ยวกับอดีตของฉู่เฟิง
ต่อมาจึงได้รู้ว่า:
ต้ายเหรินจงมีตำแหน่งเช่นนั้น ฉู่เฟิงมีความชอบไม่น้อย คนผู้นี้ทั้งกล้าหาญมีกลยุทธ์ โลกเกือบครึ่งหนึ่งของต้ายเหรินจงล้วนเป็นเขาที่ต่อสู้มาให้
ครั้งหนึ่งเมื่อต้องรับมือกับกองกำลัง ต้ายเหรินจงถูกตาต้องใจลูกสาวของกองกำลังอีกฝั่ง ซึ่งก็คือเหม่ยจวน และใช้กำลังข่มขู่เอาชีวิตพ่อแม่ของเหม่ยจวนเพื่อให้เธอแต่งงานกับเขา
ไม่คาดคิดว่า ฉู่เฟิงเองก็รักเหม่ยจวนตั้งแต่แรกเห็นเช่นกัน อีกทั้งเหม่ยจวนเองก็มีใจให้ ดังนั้น ฉู่เฟิงจึงแอบช่วยพ่อแม่ของเหม่ยจวนหลบหนี และแอบพาเหม่ยจวนหลบหนีไปด้วยกัน
โชคไม่ดีที่ต่อมาต้ายเหรินจงไล่ล่าตามฆ่าพวกเขา พ่อแม่ของเหม่ยจวนเสียชีวิต เหม่ยจวนเองก็ไม่ต้องการไปจากเมืองเจียงบ้านเกิด ฉู่เฟิงจึงได้แต่เสี่ยงชีวิตอยู่ต่อ
หลังอยู่อย่างหลบๆซ่อนๆมาเป็นเวลาสิบปี สุดท้ายก็หนีไม่พ้นชะตากรรมของหยินและหยาง
เป็นเรื่องน่าเศร้า
“ฉันรอให้นายมาพบฉันจริงๆ แต่น่าเสียดายที่นายไม่มา”
ฉู่เฟิงยิ้มอย่างขมขื่น“ภรรยาที่รักจากไป ผมเศร้าโศกอย่างมาก สองวันที่ผ่านมานี้เพิ่งจะมีกำลังใจกลับขึ้นมา คุณโล่โปรดยกโทษให้ด้วยที่ผมมาช้า”
“นายบอกว่ามีกำลังใจ หมายถึงอะไร?”
โล่เฉินถามด้วยความหมายที่ลึกซึ้ง “เป็นการเดินออกมาจากความเจ็บปวดที่ภรรยาจากไปและใช้ชีวิตต่อไปอย่างปกติ หรือว่าฟื้นคืนกำลัง ถือทวนทองอาชาเหล็ก สยบใต้หล้า?”
ฉุ่เฟิงตกอยู่ในภวังค์ แทนที่จะตอบคำถามโดยตรงเขากลับอธิบายว่า:
“ตอนนั้นผมไม่ได้ด้อยไปกว่าต้ายเหรินจง เขาเหี้ยมโหด ส่วนผมรักใคร่ลูกน้อง ตอนนั้นแค่ผมโบกมือขึ้นก็สามารถขับไล่ต้ายเหรินจงลงจากตำแหน่งและกลายเป็นลูกพี่ได้ เรื่องอาจจะไม่เป็นอย่างเช่นตอนนี้”
“น่าเสียดายที่ผมเห็นแก่ความสัมพันธ์มากเกินไป”
“ต้ายเหรินจงให้พลังอันยิ่งใหญ่กับผม เขาเชื่อใจผมมาโดยตลอด ส่วนผมกลับแย่งชิงว่าที่ภรรยาของเขา ในใจรู้สึกผิด ผมยอมแพ้ทุกอย่าง พาเหม่ยจวนหนีไป หวังว่าเขาจะเห็นแก่ความสัมพันธ์ฉันท์พี่น้องละเว้นพวกเราสักครั้ง แต่ว่า….”
ดวงตาของฉู่เฟิงฉายแววขมขื่น เขากัดฟัน “คุณโล่ หากเป็นคุณ คุณจะทำยังไง ละทิ้งทุกอย่างไหม?”
“ไม่!”
โล่เฉินตอบอย่างเด็ดขาด เขามองไปที่ท้องฟ้าสีเทาและพูดขึ้นประโยคเดียวว่า “มีแต่การกำลังที่แข็งแกร่งมากพอเท่านั้นถึงจะสามารถปกป้องคนที่คิดอยากจะปกป้องได้”
คำพูดนี้ดังก้องอยู่ในอากาศ
เป็นเวลานาน
ฉู่เฟิงตะลึงไป เขาถอนหายใจ “หากตอนนั้นผมมีสติแบบนี้ เหม่ยจวนก็คงไม่ตาย พ่อตาแม่ยายเองก็คงจะยังอยู่”
“ขอแสดงความเสียใจด้วย ชีวิตยังคงต้องดำเนินต่อไป”
“คุณโล่ ผมตัดสินใจแล้ว”
สุดท้ายก็มาถึงหัวข้อที่แท้จริง
โล่เฉินกำลังรอการมาถึงของตรงนี้อยู่ เขายืนขึ้น สองมือไพล่หลังและเอ่ยถาม “ตัดสินใจอย่างไร ลองว่ามาเถอะ”
แผ่นหลังของฉู่เฟิงตั้งตรง หมัดในมือกำแน่นจนเกิดเป็นเสียง
“ชื่อที่ผู้คนเรียกขานว่าราชาปีศาจฉู่ ตอนนี้ได้เวลากลับมาแล้ว!”
“ ฮ่าฮ่าฮ่า!”
โล่เฉินหัวเราะและเต็มไปยินดี “ฉันมองนายไม่ผิดจริงๆ”
“คุณโล่ช่วยชีวิตผมเอาไว้ ช่วยชีวิตพ่อผมเอาไว้ นับจากนี้ไป ผมฉู่เฟิงจะขอติดตาม อุทิศตนให้แม้ตัวตาย!”
ท่าทางโศกเศร้าของฉู่เฟิงในก่อนหน้านี้สลายไป เปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวอย่างยิ่ง
ราวกับดาบที่ชักออกจากฝัก
ราชาปีศาจฉู่ สมกับที่เป็นราชาปีศาจ!
โล่เฉินรู้สึกถึงจิตวิญญาณของฉู่เฟิง ในใจของยินดีเกินกว่าจะบรรยายได้
“คุณโล่ คุณต้องการควบคุมเมืองเจียง? ตอนนี้เจ้าถิ่นเมืองเจียงมีชื่อว่าหงเหลยถิง วันนั้นที่ร้านSPA ดูเหมือนว่าคุณจะมีความสัมพันธ์ที่ไม่เลวกับเขา”
“เมืองเจียง เล็กเกินไป ไม่เพียงพอที่จะอยู่ในสายตาของฉัน” โล่เฉินส่ายหัว
ฉู่เฟิงมีชีวิตชีวาขึ้น เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “ความหมายของคุณโล่คือ….”
“ไปจินหลิง.”
“เมืองของจังหวัด?”
โล่เฉินน้ำเสียงหนักแน่น สีหน้าเยือกเย็น “จินหลิงเป็นมหานครทางตะวันตกเฉียงใต้ ดีชั่วปนเป ตระกูลมากมายเรียงรายหนาแน่น
ฉันอยากจะไปดูสักหน่อย เลยจำเป็นต้องให้นายไปดูลาดเลาล่วงหน้า”
ฉู่เฟิงรู้สึกกดดัน แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ
“เมื่อเทียบกับเมืองเจียง พื้นที่ของจินหลิงกว้างกว่าหลายเท่า ตระการตากว่ามากนัก ในเมืองเจียงผมมีความมั่นใจว่าสามารถเป็นฮ่องเต้เจ้าถิ่นได้ หงเหลยถิงไม่นับว่าเท่าไหร่ ไม่มีความท้าทายอะไร จินหลิงถือเป็นสถานที่ที่ดีที่จะไป”
“จินหลิงไม่ใช่จุดสิ้นสุด”
โล่เฉินเอ่ยอย่างเยือกเย็น “นี่เป็นแค่จุดทดสอบเท่านั้น บางทีอาจจะพูดได้ว่าเป็นการทดสอบที่ฉันให้นาย หากแม้แต่จินหลิงยังสยบมาไม่ได้ นายไม่คู่ควรที่จะติดตามฉัน”
เอื้อก
ฉู่เฟิงกลืนน้ำลาย พูดไม่ออก
ในขณะนี้ เขาพบว่าชายหนุ่มที่อายุน้อยกว่าเขาหลายสิบปี ดูยิ่งใหญ่สูงส่งอย่างยิ่ง เขาไม่รู้สึกว่าโล่เฉินกำลังโอ้อวดเลยแม้แต่น้อย
“เปิดเผยสักหน่อย”
“ ฉันมีศัตรูตัวใหญ่ในเมืองหลวง อีกทั้งยังเป็นผู้ที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของเมืองหลวง เป็นบุคคลที่สามารถมองข้ามผืนดินอันกว้างใหญ่ได้”
ตูม!
ในหัวของฉู่เฟิงมีเสียงกึกก้องคำรามดังขึ้น ราวกับถูกสายฟ้าฟาด
เมืองหลวง ผู้ที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุด.
นี่มันแนวคิดแบบไหนกัน!
ร่างกายของฉู่เฟิงสั่นสะท้านอย่างไม่มีสาเหตุ นี่ไม่ใช่ความกลัว แต่กลับเป็นความตื่นเต้นที่ไม่อาจควบคุมได้
เลือดเดือดในตัวกำลังพลุ่งพล่านขึ้นมา
“ผมเข้าใจแล้ว”
“ดี”
โล่เฉินยิ่งชื่นชมเขามากขึ้นเรื่อย ๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
อย่างน้อยตอนนี้ ในแง่ของจิตใจอันกล้าหาญ ฉู่เฟิงผ่านด่านไปได้แล้วถึงระดับจอมอหังการ ต่อจากนี้ก็ขึ้นอยู่กับวิธีการและโอกาสของเขา
“ไปจินหลิง นายอยู่คนเดียว ฉันมีความลำบากอยู่บ้าง ไม่สามารถติดต่อกับนายได้มากเกินไป อีกทั้งยังไม่สามารถให้ความช่วยเหลือกับนายได้ แน่นอนว่า หากนายเจอปัญหาที่ไม่สามารถรับมือได้ นายสามารถติดต่อฟ่านหงชาง”
โล่เฉินให้ฉู่เฟิงจำเบอร์ของฟ่านหงชางเอาไว้และกล่าวว่า “เขาเป็นศิษย์ของฉัน และฉันก็จะรับนายเป็นศิษย์เช่นกัน รอให้นายครอบครองจินหลิงได้ ก็สามารถกลายเป็นศิษย์อย่างเป็นทางการของฉันได้”
มีศิษย์เป็นผู้ที่ร่ำรวยที่สุดในเจียงโจว!
ฉู่เฟิงตะลึง เขารู้ว่าโล่เฉินมีความสัมพันธ์บางอย่างกับผู้ร่ำรวยที่สุดอย่างฟ่านหงซาง อีกทั้งยังคิดไปว่าเขาเป็นลูกชายของฟ่านหงชางด้วย
คิดไม่ถึงว่า….
“อาจารย์” ฉู่เฟิงรีบคำนับ
“ถ้าฟ่านหงชางไม่สามารถแก้วิกฤตครั้งใหญ่ได้ ฉันจะยื่นมือเข้าไป อยากน้อยก็เพื่อปกป้องชีวิตของนาย นายลงมือได้อย่างเต็มที่”
“ผมเข้าใจ”
คืนนี้ โล่เฉินและฉู่เฟิงดื่มจนเมา
ฉู่เฟิงเองก็มีความสุขเช่นกัน นั่นเพราะเขากลับมาแล้ว ค้นพบตัวตนที่แท้จริงของตนเองแล้ว
โล่เฉินก็มีความสุขเช่นกัน นั่นเพราะเข้าได้ศิษย์คนใหม่ เป็นความคาดหวังใหม่
วันรุ่งขึ้น โล่เฉินและฟานหงชางส่งฉู่เฟิงไปที่สนามบิน โดยให้เงินห้าล้านเป็นเงินเริ่มต้น ส่วนที่เหลือขึ้นอยู่กับตัวฉู่เฟิงเอง
“อาจารย์ รุ่นพี่ ไปก่อน”
“รักษาตัวด้วย”
ฉู่เฟิงจากไป
เมื่อโล่เฉินกลับมาที่ไห่ถังหัวฝู่ ขณะกำลังเดินเข้าประตูไปก็ได้ยินเสียงของหานหยู่ถิงร้องขึ้น “แม่ เจ้าคนสารเลวกลับมาแล้ว เมื่อคืนไม่กลับบ้าน ต้องไปเปิดห้องอยู่กับนางจิ้งจอกนั่นแน่