จักรพรรดิผู้ฝึกอายุห้าพันปี - ตอนที่ 87
บทที่ 87 กลับกลอก
กึกกึกกึก
ส้งเชี่ยงเขย่าด้วยท่าทางน่าขบขันอย่างยิ่ง จากนั้นเสียง “ปึก” ก็ดังขึ้น ถ้วยลูกเต๋าถูกครอบลงกับโต๊ะ ในขณะที่หัวใจของทุกคนก็สั่นไปด้วยเช่นกัน
“ทายเถอะ” เหล่ากุ่ยเอ่ย
โล่เฉินมองไปที่แปดนิ้วหู และเห็นว่าเขาเพียงเอื้อมมือไปที่โต๊ะและทุบมันแรง ๆ หนึ่งที จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงลูกเต๋าในถ้วยเคลื่อนไหว
ทุกคนล้วนได้ยินอย่างชัดเจน
โล่เฉินขมวดคิ้ว เขาคิดว่า แปดนิ้วหูเป็นปรมาจารย์เสียอีก อาศัยชี่แท้ในจัดการกับลูกเต๋า แต่ตอนนี้เมื่อเห็นแล้วก็พบว่าไม่ได้เป็นเช่นนั้น
ก็แค่อาศัยความทักษะพิเศษบางอย่าง มาทำให้ลูกเต๋าเปลี่ยนไป
แน่นอนว่า คนธรรมดาทั่วไปไม่มีทางทำได้แน่ นี่จะต้องใช้เวลาฝึกฝนมากกว่าสิบหรือยี่สิบปี พูดให้ถูกก็คือ ทักษะของแปดนิ้วหูไม่ใช่แต่อยู่ในระดับร้อยเล่ห์พันกลแล้ว
หากใช้ความสามารถแบบนี้ในการต่อสู้ ก็จะเก่งกว่าคนทั่วไปอย่างยิ่ง
“เยี่ยมมาก”
“ชมเกินไปแล้ว” แปดนิ้วหูสีหน้าไม่เปลี่ยน “คุณจะพูดก่อนหรือผมพูดก่อน?”
“ไม่รีบ ไม่รีบ”
โล่เฉินยิ้มเล็กน้อย นิ้วมือเคาะลงบนโต๊ะเบาๆ ก็พบว่าถ้วยลูกเต๋าสั่นไปเล็กน้อย เขายิ้มและถามว่า “คุณหู คุณพูดก่อนเป็นยังไง?”
แปดนิ้วหูสีหน้าอึมครึม เขารู้ว่าลูกเต๋าเปลี่ยนไปแล้ว
“ไม่คาดคิดว่า น้องชายอายุยังน้อยแต่กลับประสบความสำเร็จแล้ว ผมแปดนิ้วหูนับถือนับถือ” แปดนิ้วหูด้านหนึ่งเอ่ยพูดไปอีกด้านก็ขยับข้อมือ
กึกกึก
ลูกเต๋าขยับอีกครั้ง
“คุณมีทักษะที่ยอดเยี่ยมไม่ธรรมดา เหตุใดถึงได้นำมาใช้ในการพนัน สูญเสียทักษะที่ดีไปโดยเปล่าประโยชน์ น่าเสียดายน่าเสียดาย”
นิ้วของโล่เฉินกระทบกับโต๊ะอีกครั้ง
กึกกึก
มันเคลื่อนไหวอีกครั้ง
ฝูงชนกำลังงงงันไป
เมื่อมองไปที่ตรงกลางโต๊ะ ถ้วยลูกเต๋าสั่นอยู่ตลอดเวลา ลูกเต๋าข้างในก็เคลื่อนไหวไม่หยุด ช่างน่าทึ่งจริงๆ
หรือทั้งสองคนจะเป็นเซียนทั้งคู่?
“น้องชายคนนี้ก็เป็นเซียนพนันเช่นกัน”
ไม่รู้ว่าใครร้องขึ้นมาประโยคหนึ่ง ทันใดนั้นก็เกิดความโกลาหลขึ้น
“คิดไม่ถึงเลยว่า แปดนิ้วหู จะเจอคู่ต่อสู้เข้าให้แล้ว”
“เห็นได้เลยว่า ทั้งสองคนมีฝีมือไม่ต่างกัน ยากจะตัดสินผู้แพ้ชนะ ”
“ฉันคิดไม่ออก ถ้วยลูกเต๋าและลูกเต๋าล้วนไม่มีปัญหา ทั้งสองแต่ใช้มือแตะลงบนโต๊ะก็สามารถควบคุมถ้วยลูกเต๋าได้ นี่แทบจะน่าทึ่งเกินไปแล้ว”
มีคนหัวเราะขึ้น “คุณพูดเรื่องไร้สาระอยู่หรือไง ถ้าคุณมองออก จะเรียกว่าเซียนพนันได้อีกหรือ! ”
“มีเหตุผล! ”
“รีบดูเร็วเข้า”
ทันใดนั้นก็มีคนตะโกนขึ้น
ภาพที่เห็นคือถ้วยลูกเต๋าสั่นไปมาอย่างแรงจนแตกออก ลูกเต๋าสามลูกถูกเปิดเผยต่อสายตาของสาธารณะ ราวกับเอลฟ์สามตัวกำลังเต้นไปมาอย่างไม่หยุด
เสียงชื่นชมสรรเสริญดังขึ้นมาอย่างไม่หยุด
โล่เฉินไม่ต้องการดึงดูดความสนใจมากเกินไป เขาใช้นิ้วกดลงและหยุดการขยับของแปดนิ้วหู ลูกเต๋าตกลงและหมุนไปต่อหน้าโล่เฉิน
เป็นเลขทั้งแถว หกหกหก
ฝูงชนตาค้าง ทั้งฉากเงียบกริบ
หลังจากเงียบไปชั่วสั้น ๆ เสียงปรบมือและหวีดร้องก็ดังกึกก้อง ต่อให้ไม่พูดแต้มออกมาแต่ใครๆ ก็รู้ว่า แปดนิ้วหูแพ้แล้ว
“คุณทักษะสูงส่ง ผมคนแซ่หูนับถือจากใจจริง”
“กล่าวเกินไปแล้ว”
โล่เฉินพยักหน้า นิสัยใจคอของแปดนิ้วหูไม่เลว แต่น่าเสียดายที่ความสามารถกลับไม่ได้ใช้ในทางที่ถูกต้อง
เขาถึงกับมีความคิดอยากจะรับเป็นศิษย์ขึ้นมาชั่ววูบเสียด้วยซ้ำ
แปดนิ้วหูไม่ใช่นักบู๊ แต่สามารถควบคุมความแข็งแกร่งของตนเองได้ เทียบแล้วยังยอดเยี่ยมกว่านักบู๊หลายๆ คน นอกจากนี้เขายังรู้จักใช้ทักษะพิเศษ
หากฝึกฝนบู๊ จะต้องได้ผลขึ้นเป็นสองเท่า
หากมีโอกาส ก็น่าลองคุยดู
โล่เฉินตัดสินอยู่ในใจ
“นายแพ้แล้ว! ”
ในตอนนี้เอง ก็มีน้ำเสียงเย็นชาดังขึ้นมาขัดจังหวะความคิดของเขา เมื่อหันไปก็เห็นเป็นเหล่ากุ่ยกำลังเอ่ยยิ้มเยาะ “ไม่ได้เอ่ยแต้มออกมาก็คือแพ้แล้ว อย่ามาพูดถึงทักษะพันกลอะไรกับฉัน ฉันมองไม่ออกแล้วก็ไม่อยากจะมองด้วย”
แน่นอนว่า เหล่ากุ่ยกำลังกลับกลอก
ในใจหลายคนโมโห แต่กลับไม่กล้าพูดออกมา
พวกเขาไปทำให้เหล่ากุ่ยขุ่นเคืองไม่ได้ อีกทั้งที่นี่ก็คือถิ่นของเขา ต่อให้พวกเขาถูกจัดการ ก็ไม่อาจหาเหตุผลมาพูดอะไรได้
“ล้อเล่นหรือไง?” โล่เฉินเอ่ยถามอย่างเย็นชา
“ฉันพูดชัดเจนอย่างยิ่ง ไม่ได้เอ่ยแต้มออกมาก็คือแพ้ อย่ามาพูดจาไร้สาระกับฉัน รีบๆ ตัดมือของนายแล้วไสหัวไปซะ”
เสียงจบลง ลูกสมุนก็กรูกันเข้ามาล้อมโล่เฉินและส้งเชี่ยงไว้ทันที
เพล้ง
มีดเล่มหนึ่งตกลงที่ปลายเท้าของโล่เฉิน
เหล่ากุ่ยเอ่ย “มีดเตรียมเอาไว้ให้นายแล้ว ลงมือซะ”
“ทำร้ายคนโดยเจตนามันผิดกฎหมายนี่ เบื้องหลังของนายเป็นใคร?”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ไอ้หนุ่ม นี่มันถิ่นของฉัน ต่อให้ฉันฆ่านายทิ้งแล้วจะทำไมมิทราบ บนโลกนี้โหดร้ายจะตายไป ผู้ที่มีกำลังและอำนาจก็คือราชาแห่งสวรรค์”
เหล่ากุ่ยมองไปที่โล่เฉินอย่างดูถูกเหยียดหยาม หว่างคิ้วเต็มไปด้วยความหยิ่งผยอง “ผู้อยู่เบื้องหลังฉันไม่ใช่คนที่นายจะสามารถจินตนาการได้ เห็นแก่หน้าของเชี่ยงเชี่ยง ฉันจะไว้ชีวิตนาย ยังไม่รับลงมืออีกหรือจะต้องให้ฉันลงมือเอง! ”
“นายรู้ไหมว่ากำลังพูดอยู่กับใคร? ”
“ทำไม ไอ้หนุ่มอย่างนายก็มีคนหนุนหลังเหมือนกันหรือไง”
เหล่ากุ่ยถ่มน้ำลาย ท่าทางโอหังสุดขีด
“ฉันไม่สนใจว่านายจะมีเบื้องหลังยังไง นั่นเพราะยังไงก็ไม่มีทางมีภูมิหลังแข็งแกร่งไปกว่าฉันได้ ดังนั้น วันนั้น ฉันจะต้องได้เห็นเลือด”
โล่เฉินไม่เคยเห็นคนที่โอหังขนาดนี้มาก่อน
แม้แต่ตระกูลจีนหลิงโล่หน้าโง่นั่นก็ยังไม่หยิ่งยโสได้ขนาดนี้ นี่ทำให้โล่เฉินรู้สึกคาดหวังนักว่าใครกันที่เป็นผู้อยู่เบื้องหลังของคนผู้นี้?
“ให้โอกาสนายครั้งหนึ่ง ไปเรียกคนเบื้องหลังนายมาเถอะ”
โล่เฉินเอ่ยอย่างสบายๆ ดวงตางดงามของส้งเชี่ยงที่อยู่ข้างๆ กำลังมองเขาอย่างตาเป็นประกาย
ในเวลาคับขันไม่หวาดกลัว ใจเย็น และฉลาดหล่อเหลา สำหรับหญิงสาวแล้วนี่ถือเป็นอันตรายชัดๆ
“สมควรตาย”
เมื่อเห็นท่าทีของส้งเชี่ยง เหล่ากุ่ยก็โกรธจัดและตะโกนขึ้นทันที “จัดการไอ้เด็กหนุ่มนี่ซะ! ”
ฟึบฟึบฟึบ
พวกลูกสมุนหลายคนเข้ามาพร้อมไม้เบสบอล ส้งเชี่ยงตกใจกรีดร้องลั่นและหลบเข้าไปในอ้อมแขนของโล่เฉินโดยสัญชาตญาณ
“เวรเอ๊ย”
เหล่ากุ่ยยิ่งโกรธมากขึ้นเรื่อย ๆ เขาเอ่ยสั่ง “พวกนายก็เข้าไปซะ ตีมันจนกว่ามันจะร้องหาบิดา….ไม่ ตีมันให้ตายไปเลย”
“ลูกพี่ ฝากไว้ที่ผมเถอะ”
ลูกสมุนมือขวาของเหล่ากุ่ยหัวเราะเสียงดังและเตรียมเข้าไปผสมโรง แต่กลับพบว่าตอนนี้ลูกสมุนพวกนั้นกำลังนอนบนพื้นหน้าตาบวมเบ่งกลิ้งไปมาส่งเสียงร้องโอดโอย
“เอ่อ …”
ชายคนนั้นตะลึงไป
“ลูก ลูกพี่ นี่มันอะไรกัน?”
เหล่ากุ่ยเองก็ไม่รู้เช่นกัน แค่เพียงพริบตา ลูกน้องของเขาล้วนล้มไปกองอยู่กับพื้น
กำลังถ่ายหนังอยู่หรือไง?
“รีบลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้ สำออยอยู่ได้”
ลูกสมุนมือขวาเองก็ร้องดังลั่น “เวรเอ๊ย พวกแกแสดงกันได้ไม่เลวนี่หว่า ลุกขึ้นมาให้หมด ร้องหาแม่พวกแกกันหรือวะ”
พวกเหล่ากุ่ยสบถด่า แต่ก็ค่อยๆ ตระหนักถึงวิกฤตขึ้นมา
ดวงตาที่เย็นชาคมกริบคู่หนึ่งหันมาสบเข้ากับพวกเขา ราวกับกำลังตกสู่ห้องใต้ดินน้ำแข็ง อากาศที่เย็นยะเยือกพุ่งขึ้นตรงมาจากปลายเท้าสู่ศีรษะทันที
หนาวเหน็บจนฟันของพวกเขาสั่นกระทบกึกๆ
“บอกแล้วว่าให้ไปเอาตัวเบื้องหลังของนายมา นายไม่ฟัง ไม่ฟังก็ต้องตีสักหน่อย ตีแล้วนายจะได้หลาบจำ”
“แกกล้าตี …”
ป๊าป
หนึ่งฝ่ามือ ทำเอาเหล่ากุ่ยถึงกับตาลายและล้มลงไปกับพื้น
“ไอ้เวร นายกล้าลงมือจริงๆ หรือวะ”
“ทำไมคำพูดของนายมันถึงได้เยอะนัก”
โล่เฉินตวัดฝ่ามือลงไปอีกครั้ง จนมือขวาของเหล่ากุ่ยถึงกับฟันหัก ใบหน้าบวมเป่งและนอนร้องลั่นอยู่บนพื้น
คนในบ่อนเงียบเป็นเป่าสาก
สายตาที่มองไปยังโล่เฉินไม่ต่างจากกำลังเห็นผี คนหนุ่มนี่ ออกจะดุดันไปหน่อยแล้ว
สีหน้าของแปดนิ้วหูยิ่งหนักอึ้งมากขึ้นเรื่อย ๆ ดวงตาฉายประกายยำเกรงวาบผ่าน เขาเหลือบมองเหล่ากุ่ยก่อนจะฝืนออกหน้ามา “คุณโล่”
“มีธุระ? ”
“เหล่ากุ่ยรู้ถึงความผิดแล้ว คุณโปรดช่วยยั้งมือ พวกเราสัญญาว่าจะไม่ไปสร้างความยุ่งยากให้กับครอบครัวของส้งเชี่ยงในอนาคต”
โล่เฉินรู้สึกประหลาดใจและถามขึ้น “นายตัดสินใจได้หรือ? ”
“ผมและเหล่ากุ่ยเป็นคนบ้านเดียวกัน อีกทั้งยังเป็นเสมือนพี่น้อง” แปดนิ้วหูพูดไปก็หันหน้าไปถาม “ไม่ไปหาเรื่องส้งเชี่ยง ได้ไหม?”
“หูปา เจ้านี่…”
“ชีวิตสำคัญหรือผู้หญิงสำคัญ คุณโล่มีฝีมือขนาดนี้ แข็งแกร่งขนาดนี้ เขาจะเป็นคนธรรมดาได้ยังไง?” แปดนิ้วหูเอ่ยว่า
เหล่ากุ่ยตัวสั่น ก่อนจะพยักหน้าอย่างไม่เต็มใจ “ตกลง ฉันสัญญา”
“คุณโล่ ผมรู้ว่าผมไม่ได้มีสถานะอะไร แต่ได้โปรดเห็นแก่หน้าผมสักครั้ง เรื่องวันนี้ เป็นพวกเราที่ผิดเอง หากมีโอกาสย่อมต้องจัดเลี้ยงชดเชยให้แน่”
โล่เฉินเองก็ไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำอะไร คลี่คลายได้แบบนี้ยิ่งดีที่สุด
“อืมได้ นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เป็นบ่อนก็ทำบ่อนให้ดี โกงบ้างเป็นครั้งคราวไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ใคร ๆ ก็รู้กฎ แต่นี่นายเล่นโกงมันทุกโต๊ะ นี่ยังเรียกว่าบ่อนได้หรือ นี่แทบไม่ต่างอะไรจากการปล้นเงิน”
“ใช่ใช่ใช่ น้อมรับคำสอน”แปดนิ้วหูคำนับ
“อ้อใช่ เงินที่ฉันชนะ … ”
แปดนิ้วหูรีบเอ่ย “คุณชนะด้วยตนเอง เงินย่อมต้องเป็นของท่าน เร็วเข้า เงินเท่าไหร่ ไปเอามา”
ในไม่ช้า ลูกสมุนก็ส่งถุงดำกับโล่เฉิน ในนั้นมีเงินอยู่แสนห้า
หลังออกจากร้านสนุกเกอร์หงซิง ส้งเชี่ยงยังคงรู้สึกว่าตนกำลังตกอยู่ในความฝัน แต่เดิมเธอคิดว่าตนคงยากจะหลบหนีแล้ว คิดไม่ถึงว่าทุกอย่างจะผ่านไปอย่างราบรื่น
“คิดอะไรอยู่ เงินพวกนี้เป็นของเธอ”
“หา? ”
ส้งเชี่ยงอ้าปากค้าง นี่คือเงินแสนห้าเชียวนะ สำหรับเธอแล้วเป็นเงินก้อนใหญ่อย่างยิ่ง
ครอบครัวของเธอยากจน มารดาป่วยหนัก ชีวิตอาศัยอยู่ในพื้นที่ยากจน ก่อนหน้านี้มีเงินสดอยู่ในบ้านเพียง 20000 กว่าเท่านั้น เงินเพียงเท่านั้นไม่สามารถรักษามารดาได้
ดังนั้น ส้งหลงพี่ชายของเธอจึงยอมเสี่ยงดูสักครั้ง
น่าเสียดายที่สุดท้ายแล้วก็ถูกหลอก
“พี่โล่ ฉันรับไม่ได้ นี่เป็นเงินที่คุณชนะมา”
“ฉันไม่ขาดแคลนเงิน”
โล่เฉินมอบกระเป๋าให้ส้งเชี่ยงอีกครั้งและถามว่า “ฉันมองออกว่าเธอขาดแคลนเงินอย่างมาก ให้ฉันเดาที่บ้านเธอคงมีเรื่อง ในเมื่อมีโชคชะตาต่อกันก็สมควรช่วยเหลือให้ถึงที่สุด สามารถบอกฉันมาดูได้ เผื่อฉันจะช่วยอะไรได้”
“คุณชายโล่”
เสียงเรียกด้วยความยินดีดังขึ้นมาจากเบื้องหลัง
โล่เฉินหันกลับไปดูและเห็นชายที่คุ้นเคยคนหนึ่งกำลังวิ่งเข้ามา เป็นคนสนิทของหงเหลยถิง หรือที่คนเรียกว่าพี่เป้า
“เป้าจื่อ บังเอิญแล้ว