จักรพรรดิผู้ฝึกอายุห้าพันปี - ตอนที่ 88
บทที่ 88 ตกใจจนอึ้ง
ผู้คนในบ่อนใต้ดิน ค่อยๆ กระจัดกระจายกลับไป
เหล่ากุ่ยยังคงนั่งหน้าเขียวอยู่บนโซฟา มีหญิงสาวคนหนึ่งกำลังช่วยเช็ดเลือดบนใบหน้าของเขาอีกครั้ง
“หูปา นายเกินไปแล้ว ไม่เห็นจะต้องทำแบบนี้ ต่อให้เขามีเบื้องหลังอยู่แล้วยังไง ท่านหงตอนนี้เป็นถึงฮ่องเต้เจ้าถิ่น ทั้งเมืองเจียงไม่กลัวใครทั้งนั้น! ”
“ท่านหงก็คือท่านหง พวกเราก็เป็นแค่เพียงสมุนตัวเล็ก ๆ แม้แต่ท่านหงก็ยังไม่เคยได้พบ อย่าได้เอาแต่ยกตัวเองเป็นแบบอย่าง ในตอนนั้น ถ้าพวกเราไม่ยอมก้มหัว คนคนนั้นจะต้องลงมืออย่างหนักแน่! ” แปดนิ้วหูเอ่ยอย่างจริงจัง
เหล่ากุ่ยเอ่ยเยาะเย้ย “เขากล้า! ”
หลังชะงักไปชั่วครู่ เขาก็ถ่มน้ำลายและเอ่ยตะโกน “ไม่ได้ ฉันห้ามความโกรธครั้งนี้ไม่ลง ใครก็ได้ ไปสืบให้ฉันหน่อย ไปหาส้งเชี่ยงซะ เธอต้องรู้แน่ว่าเจ้านั้นเป็นใคร พักอยู่ที่ไหน ฉันจะให้มันได้รู้ว่าผลของการมายั่วยุฉันคืออะไร”
แปดนิ้วหูเห็นท่าทางดังนั้นก็ถอนหายใจอย่างขมขื่น
“ลูกพี่!”
ในเวลานี้เอง ลูกสมุนคนหนึ่งก็วิ่งมาจากด้านนอกและเอ่ยอย่างดีใจ “ลูกพี่ พี่เป้ามาแล้วกำลังอยู่ด้านนอก ดูเหมือนว่ากำลังขวางเจ้าหนุ่มโล่เฉินนั่นเอาไว้อยู่”
“จริงหรือเปล่า?”
เหล่ากุ่ยดีใจอย่างยิ่ง
คนที่เขาเอ่ยว่าเป็นเบื้องหลังของตนก็คือพี่เป้า เขาเคยกินข้าวกับพี่เป้าครั้งหนึ่ง ฉันแสดงออกได้ไม่เลว ดังนั้นถึงได้รู้จักกัน
พี่เป้าเป็นคนสนิทของหงเหลยถิง เหล่ากุ่ยย่อมต้องคิดว่าตนเองก็เป็นคนของหงเหลยถิงด้วยเช่นกัน ดังนั้นถึงได้ทำตัวโอหังขนาดนี้
“สวรรค์ช่วยฉันแล้วจริงๆ ไป”
เหล่ากุ่ยพาลูกสมุนออกจากห้องใต้ดินไปทันที แปดนิ้วหูแอบขมวดคิ้วและตามไปด้านหลัง
เมื่อมาถึงที่ประตูก็เห็นจากไกลๆ ว่าพี่เป้ากับโล่เฉินคล้ายกำลังคุยกันอยู่
เหล่ากุ่ยคิดว่าเขากำลังสอนโล่เฉินจึงรีบวิ่งไปทันที
“พี่เป้า”
“เหล่ากุ่ย นายกำลังทำอะไร”
เมื่อเห็นกลุ่มคนกรูกันเข้ามา พี่เป้าคิดไปว่าเหล่ากุ่ยคิดจะต่อต้านขึ้นมา สีหน้าจึงเปลี่ยนเป็นเย็นชา
ใครจะรู้ว่าเขากลับได้ยินเหล่ากุ่ยพูดขึ้น “พี่เป้า ไอ้หนุ่มหน้าขาวนี่หาเรื่องพี่หรือ?”
หนุ่มหน้าขาว?
พี่เป้าหนังตากระตุกอย่างแรง
เหล่ากุ่ยไม่ได้สังเกตเห็น เขาเอ่ยต่ออย่างสะใจ “มารดามันเถอะ พี่เป้า ไอ้ขยะนี่เมื่อครู่เพิ่งจะก่อเรื่องในบ่อนของผม แม้กระทั่งท่านหงมันยังไม่เห็นอยู่ในสายตา โอหังจนแทบบ้า พี่ จะต้องสั่งสอบบทเรียนให้เขาสักหน่อย”
“นาย พูดอะไรนะ?”
หน้าผากของพี่เป้ามีเหงื่อเย็นๆ ผุดขึ้น
เหล่ากุ่ยชี้ไปที่โล่เฉินและกล่าวว่า “พี่เป้า ผมบอกว่าจะต้องให้ไอ้หน้าขาวนี่ได้เห็นดีสักหน่อย ให้มันรู้จักถึงความน่าเกรงขามของท่านหง”
“ไอ้หนุ่ม นายรู้รึเปล่าว่าพี่เป้าเป็นใคร? เขาเป็นถึงพี่น้องของท่านหงราชาแห่งสังคมอิทธิพลมืด ตอนนี้นายรู้แล้วยังว่าเบื้องหลังฉันแข็งแกร่งแค่ไหน”
“นายมันตัวอะไรกันถึงได้กล้ามาตีฉัน เหอะเหอะ ตอนนี้ฉันจะให้นายต้องชดใช้สิบเท่า นายอย่าได้ขยับ”
โล่เฉินหมดคำพูดแล้วจริงๆ เขาถาม “ทำไมฉันจะขยับไม่ได้? ไม่ขยับจะเป็นเหี้ยหรอ。”
“เหี้ยก็เหี้ย นายยังมีความคิดเห็นอะไรหรือไง พี่เป้าอยู่ที่นี่แล้ว นายยังกล้าขยับ อยากหัวหลุดออกจากบ่าหรือไง”
ท่าทางของเหล่ากุ่ย ดูแล้วน่าขันอย่างยิ่ง
โล่เฉินกลั้นยิ้มและถามในพริบตาว่า “เป้าจื่อ ทำไมนายถึงได้มีพี่น้องขนาดนี้ คนแบบไหนนายก็รับเอาไว้ ไม่เลือกหน่อยหรือไง! ”
“นายท่านโปรดให้อภัย ก็แค่มีมิตรภาพเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้นไม่ถึงกับเรียกว่าพี่น้องของผม” พี่เป้าเหงื่อแตก แทบจะอยากเข้าไปบีบคอเหล่ากุ่ยอย่างสุดใจ
คนโง่คนหนึ่ง ก่อเรื่องขึ้นจนวุ่นวายไปหมด
ในตอนนี้
การเคลื่อนไหวของพี่เป้า ทำเอาเหล่ากุ่ยและทุกคนต่างอึ้งเป็นไก่ตาแตก จนแทบจะกลายเป็นก้อนหินไป
“ดูแลคนของนายให้ดีๆ เถอะ” โล่เฉินเอ่ยเสียงเรียบ
“นายท่านสั่งสอนถูกต้อง”
พี่เป้ามีสีหน้าเคารพนอบน้อมและพยักหน้าติดๆ ก่อนจะถามขึ้น “นายท่าน เรื่องนี้คุณเห็นว่าสมควรจัดการอย่างไร?”
วาบ
สายตาของโล่เฉินตกลงที่ตัวของเหล่ากุ่ย
ฝ่ายหลังขาสั่นเทาและคุกเข่าลงไปกับพื้น
ตอนนี้ เขาเข้าใจแล้วในที่สุดว่าทำไมชายหนุ่มคนหนึ่งถึงได้กล้าบุกเข้ามาในถิ่นของเขา นั่นก็เพราะเขามีความมั่นใจนี่เอง
พี่เป้าให้ความเคารพขนาดนี้ คนคนนี้มีสถานะอย่างไรกัน?
เป็นไปได้อย่างยิ่งว่า เขาจะอยู่ในระดับเดียวกับท่านหง
เหล่ากุ่ยตัวสั่นสะท้านหนาวเหน็บ
จากนั้น กลิ่นปัสสาวะก็ลอยขึ้นมา
ที่แท้ เขาตกใจจนปัสสาวะราดไปแล้ว
ส้งเชี่ยงยกมือขึ้นบีบจมูกด้วยความรังเกียจ โล่เฉินเองก็มีสีหน้าแปลกประหลาดเช่นกัน
พี่เป้าเอ่ยด่า “พวกไร้ประโยชน์ ต่อให้เป็นท่าหงก็ยังต้องเกรงใจต่อนายท่าน นายล้าพูดจาโอหังแบบนี้ กล้าบอกอีกว่าจะสั่งสอนนายท่าน”
“อะ อะไรนะ?”
เหล่ากุ่ยตกใจจนตัวสั่นอีกครั้ง
แต่เดิมเขาคิดว่าเด็กหนุ่มนี่คงอยู่ในระดับเดียวกับท่านหง แต่คำพูดของพี่เป้า ดูเหมือนว่า…เด็กหนุ่มนี่จะยังสูงส่งยิ่งกว่าท่านหงเสียอีก”
หรือว่าจะเป็นคุณชายใหญ่จากเมืองหลวง?
ไม่ผิด จะต้องใช่แน่ๆ
กลิ่นปัสสาวะรุนแรงขึ้นมาอีกครั้ง
เหล่ากุ่ยตัวแข็งไปแล้ว เขาคิดจะร้องขอความเมตตาแต่ปากกลับเปิดไม่ออก
ในช่วงเวลาสำคัญนี้เอง ยังคงเป็นแปดนิ้วหูที่ก้าวขึ้นมา
“นายท่าน ผมรู้ว่าการร้องขออีกครั้งออกจะมากเกินไปอยู่บ้าง แต่เหล่ากุ่ยเป็นพี่น้องของผม ได้โปรดท่านละเว้น เขารู้จักถึงความหวาดกลัวแล้ว ไม่มีทางไปหาเรื่องนายท่านและคุณส้งอีกแน่! ”
เหล่ากุ่ยรู้สึกเสียใจ หากเขาเชื่อฟังคำพูดของแปดนิ้วหูตั้งแต่แรก ก็คงไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
“นาย นายท่าน ผมผิดไปแล้ว”
“ผิดตรงไหน?”
“ตรงไหนล้วนผิดทั้งหมด”
โล่เฉินพยักหน้า: “ไม่ผิด รู้จักยอมรับผิดถือว่าใช่ได้ ตอนแรกฉันคิดว่าจะให้ผบ.ตำรวจตี๋มาจัดการกับนายให้ราบคาบ….”
“อย่านะนายท่าน นายท่านยิ่งใหญ่ใจกว้าง โปรดยกเว้นผมและพี่น้องสักครั้ง”
ตุบตุบตุบ
ลูกสมุนหลายสิบคนคุกเข่าลงอย่างพร้อมเพรียง เกิดภาพงดงามอย่างยิ่ง
ส้งเชี่ยงตอบสนองไม่ทันอยู่บ้าง คิดไม่ถึงว่าชายหนุ่มท่าทางธรรมๆ จะมีสถานะเช่นนี้โดยไม่คาดคิด
มังกรท่ามกลางมนุษย์ สูงส่งเหนือฟ้า
ไหนเลยที่เธอจะเอื้อมไปสัมผัสถึง
แต่ก่อนหน้านี้ ตนยังอิงแอบอยู่ในอ้อมแขนของเขา
หัวใจของส้งเชี่ยงเต้นแรง เธอก้มหน้าต่ำ แก้มทั้งสองแดงเรื่อ
“เอาเถอะ เอาเถอะ เป้าจื่อ มอบให้นายแล้ว จัดการให้ดีๆ ”
“รับทราบนายท่าน”
พี่เป้าเห็นโล่เฉินตั้งท่าจะจากไปก็รีบเข้าไปถาม “นายท่าน คุณจะไปไหน? เดิมทีผมคิดจะมาเที่ยวเล่นที่บ่อน กำลังว่างๆ พอดี ผมไปส่งคุณดีกว่า”
“ก็ดี”
โล่เฉินเดินไปได้กี่ก้าวก็หันกลับมามองแปดนิ้วหู “ถ้ามีโอกาส ฉันอยากคุยกับนายสักหน่อย”
แปดนิ้วหูประหลาดใจที่ได้รับความเมตตา เขาน้อมตัวประสานมือคำนับ “สามารถพูดคุยกับนายท่าน ถือเป็นเกียรติของผม ยินดีอย่างยิ่ง”
ออกจากร้านสนุกเกอร์หงซิง
ในรถ ส้งเชี่ยงพูดถึงเรื่องครอบครัวของตน
ก่อนที่ฉากเมื่อครู่จะเกิดขึ้น เธอยังไม่อยากจะเอ่ยถึงมัน แต่เมื่อรู้ว่าโล่เฉินมีสถานะสูงส่ง ส้งเชี่ยงก็อาศัยความโชคดีนี้ด้วย
ขอแค่
ขอแค่ท่านผู้สูงส่งนี้มีความคิด แม่ของเธอก็จะสามารถรักษาอาการป่วยได้ ต่อให้ต้องอุทิศตนเองเธอก็จะไม่ลังเล
“โรคยูรีเมีย?”
โล่เฉินรู้สึกประหลาดใจ “ฟอกเลือดเพื่อรักษาอาการไม่ใช่รักษารากเหง้า มีเพียงการเปลี่ยนไตเท่านั้นที่สามารถรักษาให้หายได้”
“สภาพของครอบครัวเรา ไม่กล้าคิดฝันถึงการเปลี่ยนไต แม้กระทั่งเงินฟอกไตของแม่ก็ยังไม่มี อันที่จริงพี่ชายเล่นการพนันไม่เป็น แต่เขาไปที่บ่อนหงซิงก็เพราะอยากจะลองเสี่ยงดูสักครั้ง”
ส้งเชี่ยงเอ่ยไปน้ำตาก็ไหลลงมา “พี่ชายไม่รู้ไปซ่อนอยู่ที่ไหนแล้ว ไม่ได้ติดต่อฉันมาหลายวันแล้ว”
“เป้าจื่อ จัดการให้หน่อย หาส้งหลง”
พี่เป้าที่กำลังขับรถหัวเราะ “วางใจได้ เรื่องเล็กน้อย คุณส้ง ผมต้องขอโทษคุณเรื่องเมื่อครู่ด้วย ยังไงเสียนี่ก็เพราะเหล่ากุ่ยอาศัยชื่อผมไปทำให้พวกคุณลำบาก เงินในการฟอกไตของแม่คุณ ผมออกเอง กี่แสนผมก็จ่ายไหว”
“จะได้ยังไง” ในใจของส้งเชี่ยงตื่นเต้นอย่างยิ่ง เธอมองเห็นความหวัง เพียงแต่ปากสามารถพูดได้แค่นั้น
หากไม่ไร้หนทางจริงๆ ใครกันจะอยากได้รับความช่วยเหลือ
นอกจากนี้ ต่อให้ต้องได้รับความช่วยเหลือ เธอก็หวังว่าคนคนนั้นจะเป็นโล่เฉิน
“ยูรีเมียเท่านั้น ไม่ต้องเปลี่ยนไต ฉันไปดูสักหน่อย”
โล่เฉินเอ่ยขัดขึ้นมา
น่าขัน
หมอเทพอยู่ที่นี่ เข็มมังกรเก้าหางอยู่ในมือ จะเปลี่ยนไตไปทำไม
นี่ไม่ใช่ไตวายสักหน่อย ล้างพิษไม่ได้หรือยังไงกัน
ก็แค่เรื่องง่าย ทำให้ไตฟื้นฟูกลับมาอีกครั้งก็ได้แล้ว
ส้งเชี่ยงคิดว่านี่เป็นแค่การปลอบใจ
หนึ่งชั่วโมงต่อมา Land Rover ก็หยุดลงในสลัม
ภายใต้การนำของส้งเชี่ยงทั้งหมดก็มาถึงที่บังกะโลเรียบง่าย เมื่อเข้าไปในห้อง โล่เฉินสีหน้าหนักอึ้ง รังสีฆ่าฝันมองไปยังห้องครัว
“หัวขโมยที่ไหน ไสหัวออกมา! ”
ร่างหนึ่งถูกดึงออกมาและล้มลงบนพื้น