จักรพรรดิผู้ฝึกอายุห้าพันปี - ตอนที่ 90
บทที่ 90 สำนักผานหลง
รถจี๊ปออฟโรดขับข้ามเมืองไปยังชานเมืองและผ่านไปตามถนนบนภูเขาหลายกิโลเมตร ในที่สุดก็หยุดอยู่ตรงหน้าสิงโตหินยักษ์สองตัว
ชายร่างใหญ่สองคนที่ยืนอยู่ทั้งสองข้างของสิงโตหิน เป็นนักบู๊ที่เฝ้าประตู
“สวัสดี โปรดแสดงตั๋ว? ”
“นี่”
เสี้ยงฉ่ายเอ่อยื่นตั๋วสามใบออกมา หลังจากตรวจสอบไม่พบความผิดปกติ ผู้เฝ้าประตูก็ปล่อยไป
เมื่อเข้ามาด้านใน ก็เกินความคาดหมายของโล่เฉิน
เดิมคิดว่าสถานที่จะตั้งอยู่ในวิลล่านอกเมืองสักที่หนึ่ง คิดไม่ถึงว่าจะมักง่ายขนาดนี้ แค่ตั้งอยู่ในหุบเขา
พื้นที่หุบเขาราบเรียบขนาดไม่เล็กนัก ถูกกั้นเป็นหลายส่วนด้วยกำแพงพลาสติก
หุบเขาแบนและแบ่งออกเป็นหลายพื้นที่ด้วยกำแพงกันดินพลาสติก
มีเงาของมนุษย์เคลื่อนไหว ครึกครื้นอย่างยิ่ง
มีทั้งชายหญิงทั้งคนแก่และเด็ก อีกทั้งยังมีนักบู๊ขั้นสูงน่าเกรงขามทรงพลัง และยังมีผู้มีท่าทางราวกับเทพเซียนปรากฏตัวอยู่ด้วยและนั่นก็คือพวกนักพรต
นอกจากคนพวกนี้แล้ว ยังมีพวกคนแปลก ๆ อีกกลุ่ม
หลากหลายรูปแบบ ร้อยพ่อพันแม่
“ไต้ซือ มีสิ่งที่ชอบหรือไม่ คุณสามารถบอกฉันได้ ที่นี่นอกจากการแลกเปลี่ยนแล้วยังสามารถใช้เงินเข้าเจรจาซื้อขายได้ด้วย”
เสี้ยงฉ่ายเอ่อหัวเราะ “ครั้งนี้ฉันเอาเงินมาไม่น้อย โดยทั่วไปแล้วสามารถตอบสนองความต้องการของไต้ซือได้แน่ ถือเป็นการชดเชยเรื่องก่อนหน้านี้”
“เรื่องก่อนหน้านี้ฉันไม่ได้ใส่ใจอะไร พวกเธอไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้”
เสี้ยงเหยาเหยาเบ้ปากแดงก่ำของตน เธอแค่นเสียงเอ่ย “ไม่ใส่ใจแล้วยังมาทำท่าสูงส่งเย็นชา ตระกูลเสี้ยงของฉันถือว่าเมตตาเต็มที่แล้ว ทางที่ดีนายอย่าได้ทำตัวได้คืบเอาศอก”
โล่เฉินรู้สึกปวดหัวอย่างยิ่งจริงๆ เขาเหล่มองและเอ่ย “ฉันไม่เคยไปทำอะไรให้เธอโกรธ ทำไมต้องมาคอยหาเรื่องฉันอยู่ได้”
“ไม่รู้ ฉันก็แค่ไม่ชอบหน้านาย มาแสร้งทำตัวเป็นหมาป่าหางโต อวดเบ่ง ตระกูลเสี้ยงของฉันอุตส่าห์ทำตัวดีกับนาย แต่ท่าทีของนายกลับเป็นยังไงกัน! ”
“พวกเธออยากทำตัวดีด้วยนั่นเป็นเรื่องของพวกเธอ ฉันจำเป็นต้องตอบรับหรือไง?”
ดวงตางดงามของเสี้ยงเหยาเหยาถลึงใส่เขา “แน่นอน”
“เยี่ยมจริงๆ”
โล่เฉินหมดคำพูด คุณหนูนางนี้ซนเกินไป เขามองไปที่เสี้ยงฉ่ายเอ่อและเอ่ย “เอาแบบนี้เถอะ พอกลับไปแล้วเธอไปบอกกับปู่ของเธอ คุณท่านเสี้ยงว่านางหนูนี้ให้ส่งมาให้ฉัน ฉันจะอบรมสั่งสอนสักหน่อย ให้เธอรู้จักปรับเปลี่ยนนิสัย”
ความสำคัญและการปรับเปลี่ยนเพื่อทำให้เธอเปลี่ยนอารมณ์ ”
“หา? ”
เสี้ยงฉ่ายเอ่อไม่รู้จะตอบยังไง
“นายบังอาจ” เสี้ยงเหยาเหยาตะคอกหน้าบึ้งตึง
โล่เฉินยักไหล่และพูดว่า “อย่ามาหาเรื่องฉัน ถ้าฉันไปพูดกับนายท่านเสี้ยงเอง เป็นไปได้อย่างยิ่งที่พวกเขาจะต้องตกลงแน่ ตกอยู่ในกำมือฉัน เธอลองคิดผลลัพธ์เอาเอง”
เสี้ยงเหยาเหยาตื่นตระหนก ความหวาดกลัวผ่านวาบไป
ทั้งสามคนยังคงเดินต่อไปข้างหน้า ในขณะเสี้ยงเหยานั้นสงบลงไปบ้างแล้วจริงๆ
“เร่เข้ามา มาดูเร็วเข้า การค้ายุติธรรม ร้านค้าเล็กๆ ถูกใจของเล่นอันไหนซื้อไปได้เลย”
“เดินผ่านไปผ่านมาอย่างได้พลาดเป็นอันขาด โอกาสเดียวมีเพียงครั้งเดียวเท่านั้น”
“เฮ้น้องชาย สีหน้าของคุณแดงก่ำ มีราศีสดใส โชคดีเหนือใคร สาวงามทั้งสองล้วนเป็นคู่ของคุณใช่หรือไม่ มามามา ที่นี่มีกระโถนอยู่อันหนึ่งเหมาะกลับพวกคุณ”
เถ้าแก่ร้านสวมชุดผ้าลินินเนื้อหยาบ ดวงตาตี่เล็กมีแววเจ้าเล่ห์ ในมือถือพัดขนนกเอาไว้ และเข้ามาขวางทางของพวกโล่เฉิน
“ลองดูกระโถนอันนี้”
“หน้าหลังล้วนใช้ได้ พวกเราคนหนุ่มสาวสมควรมีกลเม็ดใหม่ ๆ ให้มากหน่อย ยามดึกพาหญิงสาวทั้งสองร่วมใช้ด้วยกัน รับรองว่าสุขสมอย่างยิ่ง”
“น้องชาย เอาไปสักอันเถอะ?”
เสี้ยงฉ่ายเอ่อและเสี้ยงเหยาเหยารู้สึกโกรธและอับอายจนอดไม่ไหวเอ่ยด่าพร้อมกันทันที “ไอ้คนหยาบช้า มีที่ไหนกันมาขายกระโถนแบบนี้ ที่นี่คือสำนักผานหลง นายเอาของเล่นขยะพวกนี้มาขายตามใจชอบแบบนี้ คิดว่าที่นี่ห้างสรรพสินค้าหรือไง”
“คุณหนู ดูทำคำพูดคำจาของคุณเข้าสิกระโถนอันนี้ไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง”
โล่เฉินถามด้วยรอยยิ้ม “ไม่ธรรมดาตรงไหน? ”
เถ้าแก่พูดด้วยความภาคภูมิใจ “รักษาความสดใหม่”
“รักษา ความสดใหม่?”
“ไม่ผิด ปัสสาวะในนั้น แม้จะเป็นเวลาสิบวันหรือครึ่งเดือนก็ยังไม่เสื่อมสภาพ”
มุมปากของโล่เฉินยกยิ้ม “ไม่เปลี่ยนสภาพแล้วจะทำอะไรได้ สมองของฉันต้องดื่มมันหรือไง เถ้าแก่ ถ้าจะหลอกก็อย่าให้มันมากเกินไป”
เถ้าแก่พูดด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “ไม่ใส่ปัสสาวะ ก็ใส่อย่างอื่นได้ ช่างเถอะ เปลี่ยนอันดีกว่าเปลี่ยนอัน”
“มามามา บนแผงล้วนเป็นของเล่นของฉันทั้งสิ้น ถูกใจอันไหนว่ามาได้”
เสี้ยงเหยาเหยาแทบทนอยู่ไม่ไหวอีกต่อไป เธอสูงศักดิ์ขนาดนี้ไหนเลยจะทนฟังเรื่องบัดสีแบบนี้ได้ นี่ถือเป็นการดูหมิ่นอย่างหนึ่ง เธอทนไม่ได้”
“ไปกันเถอะ ไปกันเถอะ”
โล่เฉินกำลังจะจากไป แต่ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็สว่างขึ้น จากนั้นเขาก็ก้มลงไปหยิบปิ่นหยกที่ดูแปลกตาอยู่เล็กน้อยขึ้นมา
เถ้าแก่หัวเราะดัง “สายตาของน้องชายดีจริงๆ ปิ่นนี่เป็นของหายาก มันเป็นเครื่องประดับของฮองเฮาองค์หนึ่งในสมัยโบราณ ฉันใช้เงินจำนวนมากเพื่อให้ได้มันมา น่าเสียดายที่มีปิ่นเพียงอันเดียว คุณสามารถมอบให้กับสาวงามได้เพียงท่านเดียวนั้น”
“เอาแบบนี้เถอะ ฉันไม่โกงคุณ ราคาเดียวเลย ห้าแสนคุณเอาไปเลย”
“ห้าแสน? ”
แม้ว่าเสี้ยงฉ่ายเอ่อจะเอาเงินมามาก แต่ก็ไม่ได้เอามาเพื่อใช้อย่างสุรุ่ยสุร่าย ปิ่นอันนี้เห็นชัดว่าไม่ใช่ของโบราณ ก็แค่ของทำเลียนแบบขึ้นมาเท่านั้น
“คุณหนู ห้าแสนถือว่าผมขาดทุนแล้ว หากเอามันไปประมูลอย่างน้อยๆ ก็มีหนึ่งล้าน ตอนนี้ผมขาดเงินพอดี ดังนั้นก็เลยขายให้คุณแบบขาดทุนไปเลย”
“ขี้โกงเกินไปแล้ว พวกเราไปกันเถอะ”
เสี้ยงเหยาเหยาดึงเสี้ยงฉ่ายเอ่อ และเตะเท้าของโล่เฉิน “ยังจะมัวยืนบื้ออยู่ทำไม รีบไปสิ เห็นอยู่ชัดๆ ว่ากำลังถูกโกง”
“ปิ่นนี่ฉันซื้อ”
“อะไรนะ? ”
เสี้ยงเหยาเหยาและเสี้ยงฉ่ายเอ่อตกตะลึงไป
จะซื้อจริงๆ หรือ หรือว่าปิ่นอันนี้จะมีอะไรพิเศษ?
เสี้ยงฉ่ายเอ่อรู้ว่าโล่เฉินไม่มีทางทำสิ่งที่ไร้ประโยชน์ เธอหยุดฝีเท้าลง แต่เสี้ยงเหยาเหยากลับไม่พอใจ เธอเอ่ยอย่างเอาแต่ใจ “ฉันไม่เห็นด้วย”
“หืม? “โล่เฉินหันกลับไปมอง
“ถ้าเงินถูกใช้ไปอย่างมีค่าฉันก็ไม่มีอะไรจะพูด แต่ถ้าจะเอาเงินห้าแสนไปซื้อขยะแบบนี้ คิดว่าพวกเราเป็นเครื่องกดเงินหรือไง ถ้านายจะซื้อนายก็ออกเอง พี่สาว พวกเราไม่ต้องให้เงินเขา”
วาบ
บรรยากาศโดยรอบเริ่มระอุขึ้นมา
รูปลักษณ์ของหญิงสาวทั้งสองนั้นอยู่ในอันดับต้น ๆ โดยเฉพาะเสี้ยงเหยาเหยา ท่าทางโดดเด่น สง่างามสูงส่ง เป็นที่ดึงดูดความสนใจของผู้คนมากมายมาตั้งนานแล้ว
ในขณะนี้ เมื่อได้ยินคำพูดของเสี้ยงเหยาเหยา ผู้คนก็เริ่มเอ่ยซุบซิบขึ้น
“จุ๊จุ๊ คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นพวกเกาะคนอื่นกิน”
“โลกเรามันยังไงกัน ทำไมสาวสวยขนาดนี้ถึงได้ไปชอบไอ้หนุ่มหน้าขาวนี่ได้ หน้าตาก็งั้นๆ ฉันยังหล่อกว่าเสียอีก สวรรค์ไม่มีตา”
“ได้ยินไหม เป็นสองพี่น้องเชียวนะ สองพี่น้องสาวสวย แค่คิดก็ตื่นเต้นแล้ว ชาติก่อนเจ้าหนุ่มหน้าขาวนั่นกู้โลกเอาไว้หรือไง ทำไมถึงได้โชคดีขนาดนี้”
“ว้าว อิจฉาจะบ้าตายแล้ว”
……
ในฝูงชน มีชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาในเสื้อผ้าที่งดงามสายตากำลังเปล่งประกายร้อนแรง และมองสองพี่น้องราวกับกำลังมองดูเหมือนเหยื่อสองตัว
ทันใดนั้น สายตาของเขาก็ตกลงที่ตัวของโล่เฉิน สีหน้าดูถูกเหยียดหยาม
“ไม่ได้ขอให้เธอจ่าย”
โล่เฉินได้สติกลับมา ตอนที่เขามา ฟ่านหงชางให้บัตรธนาคารกับเขาเอาไว้ บอกว่าในนั้นมีเงินร้อยกว่าล้าน
ใช้ได้ตามต้องการ
“เถ้าแก่ ฉัน…”
“ช้าเดี๋ยว ปิ่นนั่นฉันเอา!”
ในตอนนั้นเอง ก็มีเสียงขัดขึ้นมาอย่างไม่เป็นมิตร
โล่เฉินเหลือบดูก็เห็นว่าเป็นชายหนุ่มในชุดหรูหราคนหนึ่งพร้อมผู้ติดตามสองคนกำลังสาวเท้าเข้ามา สายตาไม่มองเขาและโยนบัตรธนาคารออกมา
“ฉันให้แปดแสน ปิ่นนี่ฉันเอา มีเครื่อง POS ใช่ไหม รูดบัตรเถอะ รหัสผ่านคือศูนย์หกตัว”
เมื่อชายหนุ่มในชุดหรูหราพูดจบ ก็เอามือไพล่หลัง
ท่าทางหยิ่งผยองสุดขีด
ไม่เห็นโล่เฉินอยู่ในสายตาโดยสิ้นเชิง
ในเวลาเดียวกัน เสียงพูดคุยกันดังขึ้นอีกครั้ง
“ดูเหมือนนั่นจะเป็นป๋ายอู๋จี้ คุณชายใหญ่ของตระกูลป๋ายแห่งหลิงสุ่ย”
“ดูเหมือนอะไรกัน นั่นใช่ชัดๆ เมืองหลิงสุ่ยติด 5 อันดับแรกของเมืองในภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีน แข็งแกร่งอย่างยิ่ง ตระกูลป๋ายเป็นตระกูลอันดับหนึ่งของเมืองหลิงสุ่ย”
“ไม่เพียงเท่านั้น ว่ากันว่าธุรกิจ การเมือง และสังคมอิทธิพลมืด ตระกูลป๋ายล้วนกุมอำนาจไว้ ถึงกับพูดกันว่าถ้าจะเรียกว่า ตระกูลป๋ายแห่งเมืองหลิงสุ่ย ให้เรียกว่าเมืองหลิงสุ่ยแห่งตระกูลป๋ายยังจะดีกว่า”
ในเวลานี้ ชายวัยกลางคนกล่าวขึ้น “ฉันมาจากหลิงสุ่ย จะบอกความลับพวกนายให้อย่างหนึ่ง สามปีที่แล้ว ก่อนที่ผู้นำคนใหม่ของหลิงสุ่ยจะมา ก่อนอื่นยังต้องไปเยี่ยมตระกูลป๋ายก่อนด้วยซ้ำเพื่อให้ได้รับการยอมรับจากตระกูลป๋าย แถมทุกปีในวันปีใหม่จะต้องเตรียมของขวัญไปเยี่ยมเยือนตระกูลป๋ายอีกด้วย”
ฟืด
ทุกคนสูดลมหายใจขึ้นอย่างหนาวเหน็บ
“เป็นอย่างที่ได้ยินมาจริงด้วย ในหลิงสุ่ยตระกูลป๋ายต่างหากที่เป็นเจ้าของ”
“น่าสนใจจริงๆ คุณชายป๋ายน่าจะถูกใจสาวสวยทั้งสองเข้าแล้ว อาศัยสถานะของเขาก็ถือว่าคู่ควร เพียงแต่ไม่รู้ว่าไอ้แมงดานั่นจะจัดการยังไง!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า จะจัดการอะไรได้ ถ้ายังกล้าสู้กับคุณชายป๋าย ไม่แน่ว่าอาจจะถึงกับปัสสาวะราด ทิ้งผู้หญิงของตนแล้วเผ่นหนีไปอย่างหมดท่า”
มีเสียงหัวเราะเยาะเย้ยดังขึ้นมากมาย
เสี้ยงเหยาเหยาโกรธจนตัวสั่น แทบจะอยากเข้าไปฉีกปากคนพวกนั้น แต่ว่าเธอรู้ดี อาศัยแค่ตัวเธอกับพี่สาวเสี้ยงฉ่ายเอ่อ ไม่มีทางปรามอยู่แน่
นั่นเพราะหลายๆ คนไม่เคยเจอพวกเธอ อีกทั้งยังไม่รู้จักตัวตนของพวกเธอ
“ฉันจะโทรหาคุณปู่”
“ อย่าขยับ”
เสี้ยงฉ่ายเอ่อห้ามเสี้ยงเหยาเหยาเอาไว้และส่ายหัวเล็กน้อย ก่อนจะกระซิบข้างหูของเธอ: “ทุกอย่างฟังที่ไต้ซือจัดการ วางใจเถอะ มีไต้ซืออยู่ พวกเราไม่มีทางตกอยู่ในอันตราย”
“แต่คำพูดของพวกเขา….”
“พอแล้ว เรื่องแค่นี้ยังอดทนไม่ได้ ต่อไปจะทำงานใหญ่ได้ยังไง เหยาเหยา ถึงเวลาที่เธอจะต้องฝึกฝนตัวเองซะ ไม่ฟังคำสั่ง ฉันจะไปขอคุณปู่ แล้วทิ้งเธอให้ไต้ซืออบรม”
คอของเสี้ยงเหยาเหยาหดลง ดวงตาเต็มไปด้วยความอ้อนวอน
“เชื่อฟัง ไม่ต้องไปสนใจมัน”
“ก็ได้”
อีกด้านหนึ่ง
เถ้าแก่ทำตัวไม่ถูกอยู่บ้าง ถึงแม้เขาจะรักเงิน แต่ก็ถือเป็นคนมีกฎเกณฑ์คนหนึ่ง เขาเอ่ยยิ้มขออภัย “คุณชายป๋าย ยังคงต้องมาก่อนได้ก่อนมาหลังได้หลัง ในเมื่อน้องชายคนนี้บอกแล้วว่าจะซื้อ คุณช่วยปล่อยไปได้หรือไม่”
“ซื้อ เขาซื้อไหวหรือไง!”
ป๋ายอู๋จี้พูดไป สายตาเย็นชาก็มองไปที่โล่เฉิน เขาใช้น้ำเสียงราวกับฮ่องเต้ที่กำลังเอ่ยกับชาวบ้าน “ฉัน ป๋ายอู๋จี้ คุณชายใหญ่ตระกูลป๋ายแห่งหลิงสุ่ยนายสมควรเคยได้ยินชื่อฉันมาก่อน ปิ่นนี่ฉันจะเอา นายมีปัญหาหรือไง?