จักรพรรดิผู้ฝึกอายุห้าพันปี - บทที่ 173 ประกาศไปทั้งเมือ
โจ่ถิงฟางนำสินสอดมาสู่ขอ ทำเอาตระกูลนิ่งประหลาดใจ
ทั้งสุขและทุกข์
ดีใจที่ถูกตระกูลโจ่ชื่นชอบ นี่เป็นถึงตระกูลชั้นสองที่แข็งแกร่งในเมืองหลวง กำลังจะเลื่อนชั้นเป็นตระกูลชั้นหนึ่ง อาจกล่าวได้ว่าเจ้าถิ่นใหญ่โต
ตระกูลนิ่งมีตระกูลโจ่เป็นที่หนุนหลัง แบบนี้ก็จะค่อยๆกลายเป็นใหญ่ในฉู่โจว
แน่นอนว่า นี่ก็ยังมีความกังวลด้วยเช่นกัน
นั่นก็คือ ท่านนิ่งนิ่งจื่อซวน ก่อนหน้านี้คาดหวังไว้ว่านิ่งจื่อโหรวจะสามารถคอยติดตามโล่เฉิน นิ่งจื่อโหรวเองก็มีความคิดนี้เช่นกัน แต่ตอนนี้…
หรือจะให้ปฏิเสธการสู่ขอของตระกูลโจ่?
แบบนั้นเท่ากับเป็นการทำให้ตระกูลโจ่โกรธเคือง
ในห้องประชุมลับของตระกูลนิ่ง ทั้งครอบครัวกำลังนั่งอยู่โดยรอบ
“ฉันจะให้ความเห็นก่อน การแต่งงานครั้งนี้สามารถรับปากได้ สถานะของโจ่ถิงฟาง รูปลักษณ์และความสามารถ ล้วนไร้ที่ติ เป็นมังกรท่ามกลางผู้คน จื่อโหรวมีสามีเช่นนี้ ถือเป็นโชคดีของตระกูลของเราจริงๆ”
ใบหน้าของพ่อนิ่งจริงจังอย่างมาก อีกทั้งยังแฝงกับความตื่นเต้นและโล่งใจ
“โล่เฉินแข็งแกร่งมาก แต่ว่าเขามีภรรยาแล้ว หรือจะให้จื่อโหรวไปเป็นนางสนมของเขาจริงๆ? ในฐานะคนเป็นพ่อ ฉันไม่อาจเห็นด้วย”
“ตัวเลือกที่ดีที่สุดคือโจ่ถิงฟาง ทุกคนคิดอย่างไร?”
ท่านนิ่งนิ่งเงียบไม่พูดจา ส่วน คุณหญิงนิ่งและนิ่งจื่อซวนพูดขึ้นพร้อมกัน “การแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ ให้จื่อโหรวตัดสินใจเองเถอะ”
สายตาของพวกเขาเคลื่อนย้ายไป
นิ่งจื่อโหรวกัดริมฝีปากสีแดงของเธอ มือดึงที่มุมเสื้อของตน
ในใจของเธอสับสนวุ่นวายอย่างยิ่ง ด้านหนึ่งเธอยังคงมีความรู้สึกต่อโล่เฉิน ในขณะที่อีกด้านหนึ่ง เธอก็ไม่อยากพลาดโจ่ถิงฟาง
หลังจากรอเกือบสิบนาที นิ่งจื่อโหรวก็พูดว่า “ฉันเหมือนกับแม่ ฉันอยากแต่งงานกับคนที่ตนเองรัก และเขาก็รักฉันด้วย”
ท่านนิ่งถอนหายใจ “เธอยังเลือกโล่เฉินอยู่”
“ไม่ใช่ ไม่ใช่” นิ่งจื่อโหรวส่ายหัวของเธอ “หลังจากทำความรู้จักมาสองวัน รวมทั้งได้พูดคุยเปิดใจกับหยู่ถิง ฉันพบว่าพี่เฉินนั้นจงรักภักดีกับภรรยาอย่างยิ่ง ฉันไม่มีความหวังแล้ว”
“ฮ่าฮ่าฮ่า สมแล้วที่เป็นลูกสาวของฉัน ฉลาดรู้ความ รู้ว่าควรเลือกโจ่ถิงฟาง” พ่อนิ่งหัวเราะ
“คุณพ่อ ยังเร็วเกินไปที่จะพูด”
“โอ้?”
“เมื่อครู่ฉันเพิ่งชี้แจงไว้แล้ว เรื่องการแต่งงานของฉันทั้งสองฝ่ายจะต้องมีใจให้กัน โจ่ถิงฟางเป็นมังกรในหมู่คนก็จริง แต่ฉันกับเขาเพิ่งเคยเจอกันแค่สองครั้ง ยังไม่รู้จักกัน หากต้องตกลงรับคำแต่งงานโดยพลการเช่นนี้ ฉันไม่เห็นด้วย”
คุณหญิงนิ่งถามว่า “โหรวโหรว ลูกอย่างเรียนรู้กันไปก่อนสักพักหนึ่งใช่ไหม?”
นิ่งจื่อโหรวพยักหน้า “ความคิดของฉันคือ สินสอดเจ้าสาวให้วางไว้ที่บ้านก่อน ฉันกับโจ่ถิงฟางลองรู้จักพูดคุยกันสักระยะ หากมีความรู้สึกดีๆเกินขึ้นอย่างนั้นค่อยคบหากัน”
“เรื่องการแต่งงานไม่ต้องรีบร้อน ฉันเพิ่งอยู่ปีสอง ถ้าหากฉันและเขาเข้ากันได้ดี อย่างนั้นทุกคนก็จะมีความสุข แต่ถ้าไม่ อย่างนั้นก็แค่ตระกูลนิ่งของเราไม่อาจเอื้อม”
“ฉันเห็นด้วย” นิ่งจื่อซวนเป็นคนแรกที่เห็นด้วย
“ฉันเองก็คิดว่าโหรวโหรวคิดได้รอบคอบมาก” คุณหญิงนิ่งตอบ
ท่านนิ่งและพ่อนิ่งมองหน้ากัน ก่อนจะพยักหน้าและพูดว่า “อย่างนั้นก็ดี ฉันจะแจ้งโจ่ถิงฟางให้ ส่วนทางโล่เฉิน พวกเธอยังต้องรักษาความสัมพันธ์ที่ดีไว้”
“พ่อ การเคลื่อนไหวของตระกูลโจ่ครั้งนี้ย่อมทำให้ตระกูลซูคับข้องใจแน่ พวกเรากับตระกูลซูเป็นศัตรูคู่แค้นกันไปแล้ว” ใบหน้าของพ่อนิ่งเคร่งขรึม
“เหอะเหอะ กลัวอะไร!”
ท่านนิ่งเต็มไปด้วยความมั่นใจ “ด้านหนึ่งมีตระกูลโจ่ อีกด้านมีโล่เฉิน อย่าว่าแต่ตระกูลซูในฉู่โจวเลย ต่อให้เป็นตระกูลซูในเมืองหลวง จะกล้าแตะต้องเราหรือไง!”
“พูดไปแล้วก็ใช่ ตระกูลนิ่งของเราสุดท้ายก็เจริญรุ่งเรืองได้ในที่สุด”
“การเดินเข้าสู่จีนหลิง อยู่ใกล้แค่เอื้อม”
……
ฉู่โจว โรงน้ำชาแห่งหนึ่ง
โจ่ถิงฟางนั่งอยู่ริมหน้าต่าง ด้านหนึ่งจิบชา อีกด้านมองดูการจราจรด้านล่าง รวมถึงเว็ตแลนด์ปาร์คที่อยู่ไกลออกไป
ปานเหิงที่อยู่ด้านหนึ่งเอ่ยรายงานว่า “คุณชาย จากการตรวจสอบตลอดทั้งคืน ในที่สุดก็ได้ข่าวแล้ว เริ่มจากหานหยู่ถิงเป็นจุดเริ่มต้น เราสืบพบว่าจิ่งเทียนจริง ๆ แล้วมีชื่อว่าโล่เฉิน เป็นลูกเขยแต่งเข้าบ้านตระกูลหานซึ่งเป็นตระกูลปลายแถวในเมืองเจียง ”
“อะไรนะ?”
“คุณชาย ผมเองก็ยังแปลกใจที่รู้แบบนี้ แต่ว่าสิ่งที่น่าตกใจที่สุดยังไม่ใช่เรื่องนี้ แต่เป็นการที่โล่เฉินอยู่ในตระกูลหานต้องได้รับความอัปยศอดสูทุกรูปแบบมานานเป็นเวลาสามปี จนมีชื่อเสียงเป็นไอ้ขยะของเมืองเจียง”
โจ่ถิงฟางอยู่ไม่นิ่งแล้ว เขาพูดอย่างเย็นชาว่า “คนข้างล่างทำงานยังไงกัน สืบมามั่วซั่ว ข้อมูลพวกนี้จะต้องสร้างขึ้นมามั่วซั่วแน่”
“คุณชาย มันเป็นเรื่องจริง”
“เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน”
โจ่ถิงฟางไม่เชื่อเลยสักนิด ผู้ฝืนชะตาสวรรค์ ฝึกบู๊และเวทย์พร้อมกัน แถมยังรู้จักตระกูลลู่ จะเป็นไอ้ขยะไปได้ยังไงกัน!
จะได้รับความอัปยศอดสูได้ยังไง
อีกทั้งยังแบกรับการถูกรังแกมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แบบนี้นิสัยออกจะดีเกินไปหน่อยมั้ง!
ปานเหิงยิ้มอย่างขมขื่น “คุณชาย ผมนำข้อมูลไปพบคุณลู่ตั้งแต่เช้าเพื่อตรวจสอบ คำตอบคือใช่ ทุกอย่างถูกต้อง”
“อะไรนะ!”
ในขณะนี้ ใบหน้าของโจ่ถิงฟางดูมีสีสันเป็นพิเศษ
ปานเหิงกล่าวต่อ “คุณชาย ผมกลับคิดว่าโล่เฉินแต่งเข้าตระกูลไปสามปี ทนรับความอัปยศอดสู นี่ถือเป็นการฝึกฝนจิตใจของตนอย่างหนึ่ง ไม่อย่างนั้นเขาอายุเพิ่งจะยี่สิบสี่ จะสามารถฝึกฝนจนแข็งแกร่งขนาดนั้นได้อย่างไร”
“ใช่ คุณพูดมีเหตุผล”
ด้วยคำอธิบายที่สมเหตุสมผล โจ่ถิงฟางค่อยสงบลงมาและถามว่า “ลุงปาน คุณคิดว่าโล่เฉินแข็งแกร่งหรือว่าเจ้าอันธพาลตัวน้อยเฟิงเทียนตูนั่นแข็งแกร่ง?”
“โล่เฉิน”
“แน่ใจขนาดนี้เชียว?”
“ผมเคยเจออันธพาลตัวน้อยนั่นมาก่อน หากต้องสู้กับเขา ต่อให้ไม่อาจชนะ แต่ว่าผมก็มั่นใจว่าตนจะไม่ถึงขั้นพ่ายแพ้ แต่ว่ากับโล่เฉิน…”
เมื่อคิดถึงสายตาในคืนนั้น ปานเหิงยังคงมีอาการใจสั่นอยู่บ้าง เขาส่ายหัวและพูดด้วยรอยยิ้มขมขื่น “ผมคงฝืนรับได้แค่ไม่กี่กระบวนท่า และถึงขั้นคิดว่า หากเขาคิดจะกำจัดฉัน แค่เพียงสะบัดนิ้วก็ทำได้แล้ว”
“ไม่ขนาดนั้นหรอกมั้ง”
“คุณชาย ฝึกบู๊และเวทย์พร้อมกัน คุณเคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนไหม? ปีศาจที่มีพรสวรรค์ในเมืองหลวงมีมากมายนับไม่ถ้วน แต่ก็ยังไม่มีคนไหนอยู่ในระดับนี้ สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือสภาพจิตใจ คุณลองคิดดูว่าอันธพาลตัวน้อยจะสามารถทนต่อความอัปยศอดสู เป็นเวลาสามปีได้หรือ? ไม่มีทาง แต่ว่าโล่เฉินผ่านพ้นมาได้ สภาพจิตใจเช่นนี้ แทบจะเทียบได้กับปรมาจารย์ผู้เป็นเทียนเซียน”
หัวใจของโจ่ถิงฟางเต้นแรงขึ้นอีกครั้ง เขาจิบชาและพูดว่า “คุณพูดถึงข้อมูลของเขาต่อไป”
“ก็ไม่มีอะไรมากนัก โล่เฉินเป็นคนติดดินอย่างมาก เขามาที่ฉู่โจว น่าจะเป็นเพราะน้องเมียของเขาหานหยู่ถิง ซูโม่เคยประกาศเอาไว้ว่าหากเธอขึ้นปีสามเมื่อไหร่ ก็จะให้หานหยู่ถิงมาเป็นผู้หญิงของเขา ดังนั้น โล่เฉินจึงไม่ชอบตระกูลซู”
“ดูเหมือนว่า ฉันคิดถูกแล้วที่ถอนสินสอด” โจ่ถิงฟางยิ้มเบา ๆ
ปานเหิงพยักหน้าและกล่าวอีกว่า “คุณชาย ผมได้ทำการวิเคราะห์มาหน่อยแล้ว โล่เฉินไม่สามารถอยู่ในฉู่โจวเป็นเพื่อนหานหยู่ถิงได้ตลอดเวลา อีกไม่กี่วันนี้เขาน่าจะใกล้กลับไปเมืองเจียงแล้ว แต่ว่าในเมื่อกลายเป็นศัตรูกับตระกูลซู ถึงแม้จะมีตระกูลนิ่งคอยปกป้อง หานหยู่ถิงก็ไม่ได้ปลอดภัยมากนัก”
“ความหมายของคุณคือ?”
“คุณชาย ยังไงคุณก็มีฐานะเป็นคุณชายเมืองหลวง สามารถประกาศออกไปในฉู่โจวได้ว่ารับหานหยู่ถิงเป็นน้องสาว แบบนี้ก็ไม่มีใครกล้าแตะต้องกับหานหยู่ถิงแล้ว” ปานเหิงเอ่ย
โจ่ถิงฟางไม่เข้าใจ “ด้วยความสามารถของโล่เฉิน เขาสามารถจัดการกับเรื่องพวกนี้ได้ ไม่น่าจะต้องให้ฉันลงมือนี่”
“คุณชาย อย่างที่ผมเพิ่งพูดไป อีกทั้งคุณลู่เองก็มั่นใจ โล่เฉินทำตัวติดดินอย่างมาก ทั่วทั้งฉู่โจวดูเหมือนว่าจะไม่มีอำนาจของเขาอยู่เลย ไม่ว่ายังไง การที่คุณออกหน้าประกาศไปทั้งเมือง จะต้องไม่ใช่เรื่องที่ผิดแน่”
“อย่างนั้นก็ได้ นายช่วยฉันจัดหาเวลามา”
โจ่ถิงฟางหยุดชะงักไปชั่วคราวและพูดขึ้น “นอกจากนี้ ช่วยผมติดต่อคณะกรรมการพรรคเทศบาลฉู่โจว และนัดพบโดยเร็วที่สุด”
“คุณชาย คุณจะทำอะไรคะ”
“ฟ้าสูงจักรพรรดิอยู่ไกล ความน่าเกรงขามของตระกูลโจ่มีอยู่ก็จริง แต่ว่าที่นี่คือฉู่โจว เมื่อฉันไปแล้วใครจะรู้ว่าตระกูลซูจะทำอะไร ฉู่โจวยังถูกครอบงำโดยรัฐบาล ฉันตั้งใจจะลงทุนและสร้างอุตสาหกรรมในฉู่โจว คณะกรรมการพรรคเทศบาลย่อมต้องต้อนรับอย่างแน่นอน ฉันจะขอให้รัฐบาลช่วยดูแลหานหยู่ถิง”
ปานเหิงยกนิ้วโป้งให้และกล่าวด้วยความชื่นชมว่า “คุณชายสมกับที่เป็นบุรุษโดดเด่นในเมืองหลวง พิจารณาปัญหาอย่างถี่ถ้วน ตระกูลโจ่อยู่ในมือของคุณ จะต้องเจริญรุ่งเรืองอย่างยิ่ง”
“ฉันหวังว่าอย่างนั้น เมืองหลวงนับวันยิ่งน่าหดหู่มากขึ้นเรื่อยๆ ฉันมีลางสังหรณ์ว่าจะมีพายุรุนแรงเกิดขึ้น อาจจะเกิดขึ้นภายในช่วงสองหรือสามปีนี้ เราต้องเตรียมตัวล่วงหน้า”
โจ่ถิงฟางลุกขึ้น เขามองขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยความกังวลอย่างมาก
วันนั้น ตอนบ่าย
ข่าวสามข่าว เหมือนระเบิดสามลูกที่กวาดล้างชนชั้นสูงทั่วฉู่โจว
เรื่องแรก ตระกูลโจ่ในเมืองหลวงเดินเข้าสู่ฉู่โจว และเข้ายึดโครงการหลักในเมือง และมีเงินทุนเริ่มต้นถึง 18 พันล้านหยวน
เรื่องที่สอง โจ่ถิงฟางรับหานหยู่ถิงเป็นน้องสาวของเขา
หานหยู่ถิงคือใคร หลายตระกูลไม่รู้จักเธอ
แต่ว่าไม่นานนัก ทุกอย่างก็ถูกตรวจสอบ
ทุกคนที่มีตาล้วนรู้ดี ว่าตระกูลโจ่กำลังเตือนตระกูลซู
ประการที่สาม คุณชายของนายกเทศมนตรีฉู่โจวกลับมาจากการศึกษาในต่างประเทศและเชิญหานหยู่ถิงไปทานอาหารเย็นด้วยทันที
มีคนจับได้ว่า ทั้งสองพูดคุยกันอย่างมีความสุข อีกทั้งคุณชายของนายกเทศมนตรีก็ได้มอบของขวัญล้ำค่าให้หานหยู่ถิง
ข่าวนี้เป็นที่นิยมมากยิ่งขึ้น
นี่มันหมายความว่าอะไร?
รัฐบาลยังปกป้องหานหยู่ถิง และเตือนตระกูลซูให้ทำตัวว่าง่ายสักหน่อย
……
ตระกูลซู
หมอกควันปกคลุมไปทั่ว คุณหญิงซูและซูหลิงหลงที่กลับมาจากโรงพยาบาลยังคงมีสีหน้าซีดขาวและอ่อนแรง
“ตระกูลโจ่สมควรตาย แม้กระทั่งโครงการในเขตเมืองหลักก็เอาไปแล้ว เดิมทีเป็นของตระกูลซูของเราต่างหาก กำไรเกือบหมื่นล้านหยวนภายในห้าปี นี่ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญสำหรับเราในการเข้าสู่จีนหลิง แต่ตอนนี้มันหายไปแล้ว!”
ซูโม่ทำถ้วยชาแตก ท่าทางโกรธจัด
ใบหน้าของพ่อซูก็มืดมนเช่นกัน เขามองไปที่ซูโม่และพูดอย่างเย็นชาว่า “ทุกอย่างเริ่มต้นเพราะหานหยู่ถิงนั่น แกจะหักใจได้แล้วยัง! มีผู้หญิงสวยๆ มากมาย ทำไมต้องเป็นเธอด้วย แถมยังต้องประกาศใหญ่โต!”
“พ่อ ผม…”
ซูโม่กัดฟันของเขาและอธิบายว่า “โม่หานบอกผมว่า นิ่งจื่อซวนมีความประทับใจที่ดีต่อหานหยู่ถิงนั่น เพื่อตั้งตัวเป็นศัตรู ผมก็เลยประกาศออกไป”
“โง่เง่า”
พ่อซูด่าอย่างดุเดือดและเอ่ยสั่งทันทีว่า “ตอนนี้ตระกูลโจ่และรัฐบาลกำลังปกป้องหานหยู่ถิง ห้ามไปแตะต้องเธอ อย่างไรก็ตาม ตระกูลซูของเราไม่ใช่ไก่อ่อน กล้ามาหยามกันขนาดนี้…”
“ข้อมูลที่ตรวจสอบให้แน่ชัดรึยัง?”
“แน่ชัดแล้ว” ซูโม่พยักหน้าอย่างหนักแน่น
พ่อซูตัดสินใจ “หานหยู่ถิงแตะต้องไม่ได้ อย่างนั้นก็ไปเล่นกับตระกูลหานเถอะ แกไปจัดการ เดินทัพเข้าไปในเมืองเจียง หรือจะร่วมมือกับตระกูลที่นั่นก็ได้ รีบจัดการปราบตระกูลหานลงให้เร็วที่สุด ให้มันหายไป!”
“พ่อผมเข้าใจแล้ว”
ทันใดนั้น ซูหลิงหลงลุกขึ้นยืนอย่างตัวสั่นและพูดอย่างเฉยเมย “พ่อ แม่ พี่ชาย ฉันจะไปเมืองหลวง”
“อะไรนะ?” ซูโม่ตกตะลึง
“โจ่ถิงฟางทำผิดต่อฉัน ฉันจะไม่ปล่อยให้เขาได้อยู่ดีมีสุขแน่ ฉันจะไปเมืองหลวง” ซูหลิงหลงมีท่าทีหนักแน่นมาก
พ่อซูถอนหายใจหนักอีกครั้ง จากนั้นดวงตาของเขาก็เป็นประกาย “ได้ พรุ่งนี้พ่อจะไปกับลูก พาลูกไปเจอตระกูลซูสายหลัก พวกเราต้องการทวงคืนความยุติธรรม ตระกูลซูไม่อาจถูกรังแกได้ หลิงหลง จากนี้ไปลูกไปอยู่ที่เมืองหลวง พ่อเชื่อมั่นในตัวลูก อนาคตของลูกในเมืองหลวงจะต้องเปล่งประกายสดใส”