จักรพรรดิผู้ฝึกอายุห้าพันปี - บทที่ 179 คุณท่านป๋อและวิชาฝังเข็มห้ามังกร?
“คุณท่านป๋อ ในที่สุดคุณก็มาแล้ว”
เจิ้งข่ายเข้าไปทักทาย ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
คนอื่นไม่รู้ แต่เขารู้ดีอย่างยิ่ง แม้คุณท่านผู้นี้จะเป็นเพียงหมอคนหนึ่ง แต่ว่าคนใหญ่คนโตจำนวนมากในเมืองหลวงล้วนต้องได้รับการรักษาจากเขา
ท้ายที่สุดแล้วใครกันที่ไม่เจ็บไข้ได้ป่วย ดังนั้นพวกเขาจึงต้องเอาอกเอาใจหมอเทพไว้
อาจกล่าวได้ว่า นายท่านป๋อเพียงคนเดียวก็เท่ากับตระกูลขุนนาง แค่เพียงขยับปากก็สามารถทำลายการดำรงอยู่ของตระกูลเจิ้งได้ ห้ามไปทำให้เขาขุ่นเคืองใจเป็นอันขาด
“อืม”
ชายชราพยักหน้าเบาๆ
จูเป่ากั๋วคิดจะเอ่ยปากพูด แต่กลับถูกเขาโบกมือห้ามไว้
ทุกคนหลีกทางออก
ชายชราจับชีพจร สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นจริงจัง หลังจากนั้นก็คลำไปบนร่างของคุณนายสองสามครั้ง ยกเปลือกตารวมถึงการกระทำเล็กๆน้อยๆอื่นๆ
หลังจากนั้นไม่นาน ชายชราก็พูดว่า “พร้อมหรือยัง?”
“อาจารย์ พร้อมแล้วครับ”
คนที่ติดตามชายชรามาด้วยเป็นเด็กชายอายุราวๆสิบห้าสิบหกปีคนหนึ่ง หน้าตาบอบบางอย่างยิ่ง ราวกับเด็กผู้หญิง
สิ่งที่น่าสังเกตก็คือเด็กหนุ่มคนนี้เป็นนักพรต อีกทั้งยังมีพลังจิตที่ไม่อ่อนแอ
ชายหนุ่มยื่นเข็มเงินที่ผ่านการฆ่าเชื้อให้ ชายชราคว้าไว้ จากนั้นจึงแทงไปที่บนร่างของคุณนายอย่างรวดเร็ว ทั้งสิ้นสามเข็ม
“นี่คือ…”
โล่เฉินตกตะลึง
ตั้งแต่ชายชราเข้ามา เขาก็รู้สึกสนใจอย่างมาก
ในฐานะนักพรต พลังไม่ตื้นเขิน แต่ไม่คิดบำเพ็ญเป็นเทียนเซียน กลับมารักษาโรคแทน
ถือเป็นคนไม่เหมือนใคร
ตอนนี้เมื่อเห็นแบบนี้ โล่เฉินก็เข้าใจแล้ว
“นามสกุลคือป๋อ อย่างนั้นก็จะเป็นทายาทของตระกูลป๋อ”
โล่เฉินยิ้มบางๆ ที่มุมปากของเขา
ในระยะนี้ เขาได้พบเจอกับลูกหลานของเพื่อนเก่าหลายคน อย่างเช่น:
ตระกูลเสี้ยง เป็นลูกหลานของฌ้อปาอ๋องเซี่ยงอวี่
ตระกูลลู่ เป็นทายาทของเทพชาลู่หยู่
ในขณะนี้ ชายชราแซ่ป๋อคนนี้ ก็คือลูกหลานของป๋ออี้
ป๋ออี้คือใคร เขาคือขุนนางชั้นผู้ใหญ่ของปฐมกษัตริย์เซี่ยหยู
เรื่องนี้ต้องเอ่ยไปถึงเรื่องเมื่อหลายพันปีก่อน——
ก่อนหน้านี้การควบคุมน้ำของเซี่ยหยูไม่ราบรื่น โล่เฉินรู้ว่าเขากังวลเกี่ยวกับราษฎร ดังนั้นจึงใช้ความพยายามอย่างมากในการปรับแต่งรางอันหนึ่งขึ้นมาให้เซี่ยหยู ซึ่งก็คือกระดานหินที่บ้านในตอนนี้
กระดานหินเป็นเครื่องรางในการปราบปีศาจน้ำ เซี่ยหยูได้ขุดคลองเพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วม และได้รับการสละตำแหน่งราชาให้
อย่างไรก็ตาม ประชาชนเผชิญภัยพิบัติและความยากลำบากมากมาย
เมื่อเซี่ยหยูครองราชย์ได้ปีที่สาม โรคระบาดเกิดขึ้น ราษฎรเดือดร้อนจนไม่อาจใช้ชีวิตอยู่
บนถนนมีกระดูกคนตาย ในน้ำมีศพลอยล่อง
โล่เฉินเห็นอกเห็นใจ ดังนั้นเขาจึงลดความซับซ้อนของทักษะการแพทย์วิเศษ 《เข็มมังกรเก้าหาง》 ลงและเขียน 《วิชาฝังเข็มห้ามังกร》ขึ้นมา
จากนั้นเลือกขุนนางชั้นผู้ใหญ่ของเซี่ยหยู ——ป๋ออี้ เป็นผู้สืบทอด
เดิมเขาคิดว่าหลายพันปีผ่านไป กาลเวลาเปลี่ยนแปลง ราชวงศ์ก็เปลี่ยนไป ทายาทของป๋ออี้คงไม่มีอยู่แล้ว《วิชาฝังเข็มห้ามังกร》ก็คงสูญสลายหายไปในแม่น้ำสายยาวแห่งประวัติศาสตร์
คิดไม่ถึงเลยจริงๆว่าวันนี้จะได้เห็นมันอีกครั้ง
ท้ายที่สุดแล้วมันก็คือการถ่ายทอดของเขาเอง ดังนั้นโล่เฉินจึงรู้สึกใกล้ชิดกับมันอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม ชายชรายังคงไม่ได้ฝึกมันอย่างถ่องแท้ ดูเหมือนว่าวิชาฝังเข็มห้ามังกรเขาจะบรรลุได้เพียงแค่เข็มสาม อีกทั้งยังใช้เข็มที่สี่ได้อย่างฝืดเคือง
แบบนี้ไร้ทางรักษาคุณนายได้
“พวกนายออกไปเถอะ”
ชายชราโบกมือ
เจิ้งข่ายรีบตะโกนขึ้น “ไปกันเถอะ ไปกันเถอะ ผอ. น้องหรงหรง ฝากทุกอย่างให้คุณท่านป๋อก็พอ ไม่มีปัญหาแน่”
“จริงเหรอ?”
“วางใจเถอะ”
เมื่อมาถึงประตู เจิ้งข่ายก็เชิดคางขึ้นด้วยสีหน้าสะใจไปให้กับโล่เฉิน จากนั้นจึงพูดด้วยรอยยิ้มแปลก ๆ “โล่เฉิน หกล้านไม่เอา มาตอนนี้เป็นไง สักแดงเดียวนายก็ไม่ได้”
“ไม่จำเป็น”
“ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา!”
โล่เฉินยิ้มโดยไม่พูดอะไร
ในห้อง ชายชรายังคงแสดงทักษะหลายอย่างออกมา จนสีหน้าของคุณนายดีขึ้นเล็กน้อย
“ศิษย์เอ๋ย ดูทักษะในการใช้เข็มของฉันให้ดี”
ชายชรากำลังสั่งสอน
เด็กหนุ่มดูอย่างจริงจัง ดวงตาที่เต็มไปด้วยดวงดาวเปล่งประกายเจิดจ้า
“ฟุบ!” “ฟุบ! ” “ฟุบ!”
เข็มทั้งสามถูกแทงลงไปอีกครั้ง
เด็กหนุ่มเอ่ยว่า “อาจารย์ ดูเหมือนเข็มสามเล่มจะเอาไม่อยู่นี่ครับ”
“อย่างนั้นก็เข็มที่สี่”
“แต่ว่าอาจารย์ ท่านเพิ่งบรรลุเข็มที่สี่ หากต้องฝืนใช้มันออกมา แบบนี้จะมีปัญหาหรือไม่?”
ใบหน้าของชายชราดูเคร่งเครียด เขาพูดเบา ๆ “ไม่เป็นไร นายดูให้ดี”
ฟุบ!
เข็มที่สี่ปักลงมา
เมื่อเวลาผ่านไป ใบหน้าของคุณนายก็กลายเป็นสีม่วงคล้ำ
ในที่สุด เธอก็กระอักเลือดสีดำออกมาเต็มปาก สภาพดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
เด็กหนุ่มดีใจอย่างมาก “อาจารย์ สำเร็จแล้ว”
“ไม่ผิด”
ชายชราพยักหน้าด้วยความพอใจ
เขาปรับลมหายใจอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงตรวจดูคน เมื่อมั่นใจว่าคุณนายไม่เป็นอะไรมากแล้วเขาก็เอ่ยสั่ง “ให้พวกเขาเข้ามาเถอะ”
แอ๊ด
เด็กหนุ่มเปิดประตู
เจิ้งข่ายกังวลเสียยิ่งกว่าจูเป่ากั๋ว เขารีบเข้ามาและถามว่า “หมอเทพ เป็นอย่างไรบ้างครับ?”
จูเป่ากั๋วสองพ่อลูกกำลังจ้องไปที่คุณท่านป๋ออย่างเอาเป็นเอาตาย
หลังจากเงียบไปไม่กี่วินาที คุณท่านป๋อก็ลูบเคราของตน จากนั้นจึงยิ้มและพยักหน้า “โชคดีที่ทุกอย่างลุล่วง คุณนายตอนนี้ไม่เป็นอันตรายแล้ว”
ทันใดนั้น หมี่หลานก็ถอนหายใจ
เมื่อมองดูโล่เฉิน เธอก็ยิ่งโกรธขึ้นมา
หกล้าน หมดไปทั้งอย่างนี้แล้ว ผู้ชายคนนี้เป็นหมูหรือไง ยังมาแสร้งทำเป็นเก่งอะไรอีก
เจิ้งข่ายหัวเราะลั่น
จูเป่ากั๋วสองพ่อลูกดีใจสุดขีดจนแทบจะคุกเข่าให้คุณท่านป๋อ พวกเขารีบเข้าไปที่เตียงและพบว่าใบหน้าของคุณนายดีขึ้นมาก
การเปลี่ยนแปลงนั้นชัดเจนอย่างยิ่ง
“หมอเทพ เป็นหมอเทพจริงๆ”
จูเป่ากั๋วโค้งคำนับ ซาบซึ้งจนน้ำตาไหล
“หมอเทพ ฮว่าถัวในยุคปัจจุบัน คุณคือผู้มีพระคุณของตระกูลจู วันหน้าหากคุณต้องการให้ผมจูเป่ากั๋ว ได้โปรดเอ่ยปากอย่างเต็มที่ ผมไม่มีทางปฏิเสธแน่”
ฮว่าถัวในยุคปัจจุบัน?
แววตาของคุณท่านป๋อฉายแววดูหมิ่นและเหยียดหยามวาบผ่าน ฮว่าถัวนับเป็นใครกัน? ทักษะทางการแพทย์ไม่อาจสู้วิชาฝังเข็มห้ามังกรของตระกูลป๋อของพวกเขาได้
“โล่เฉิน”
ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้ ในที่สุดเจิ้งข่ายก็ทนไม่ไหวแล้ว เขาเอ่ยปากแสยะยิ้ม “คุณนายถูกรักษาหายแล้ว นายยังมีอะไรจะพูดอีก”
สิ่งนี้ดึงดูดความสนใจของเด็กหนุ่ม เขาถามด้วยความสงสัย “พี่ข่าย เกิดอะไรขึ้น?”
เจิ้งข่ายประสานมือคำนับให้คุณท่านป๋อ ก่อนจะอธิบายว่า “เจ้าหนุ่มนี้พูดจาโอหัง บอกว่าหมอเทพคุณไม่สามารถรักษาโรคของคุณนายได้ อีกทั้งยังเดิมพันกับฉัน”
เมื่อเด็กหนุ่มได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของเขาก็ดูไม่พอใจและพูดอย่างเย็นชาว่า “ท่านอาจารย์ของฉันเป็นถึงหมอเทพของโลกใบนี้ รักษาโรคยากประหลาดมามากมายนับไม่ถ้วน มีชื่อเสียงในเมืองหลวง คนตัวเล็กๆกระจ้อยอย่างนาย กล้ามาสงสัยอาจารย์ของฉัน จำเป็นต้องขอโทษมาเดี๋ยวนี้”
“จุนเอ๋อพอเถอะ อย่าได้สนใจ”
เด็กหนุ่มพยักหน้าและแค่นเสียง “อาจารย์เป็นคนใจกว้าง ไม่มาสนใจนาย หากเป็นในเมืองหลวง มีคนได้ยินว่านายสงสัยในตัวอาจารย์ของฉัน คนใหญ่คนโตหลายคนคงให้นายต้องได้เจอดีแน่”
“โอ้ น่าเสียดายน่าเสียดาย”
โล่เฉินส่ายหัวและถอนหายใจอย่างต่อเนื่อง
เด็กหนุ่มโกรธจัด เขาก้าวมาข้างหน้า จ้องเขม็งแล้วถามว่า “นายหัวเราะอะไร!”
“ฉันหัวเราะเพราะพวกนายน่าขำเกินไป”
“คุณหมายถึงอะไร!”
“ทักษะทางการแพทย์ของคุณท่านป๋อนั้นยอดเยี่ยมจริงๆ แต่ในความคิดของฉัน เขายังขาดระดับไฟอยู่บ้าง แม้แต่สาเหตุที่แท้จริงของโรคก็ยังไม่รู้ชัดเจน แต่กลับกล้าพูดว่ารักษาหายไม่เป็นอันตรายแล้ว นี่ช่างเป็นเรื่องที่น่าหยามหยันของผู้เชี่ยวชาญ”
ทันทีที่เสียงของโล่เฉินจบลง เจิ้งข่ายก็ตะโกนอย่างโกรธเคือง “บังอาจ!”
เด็กหนุ่มเองก็หน้าแดงด้วยความโกรธ
แม้แต่จูเป่ากั๋วสองพ่อลูกก็มีสีหน้าดูเป็นศัตรู จูเป่ากั๋วเดินเข้ามาและเอ่ยด้วยเสียงเย็นชา “โล่เฉิน ภรรยาของฉันดีขึ้นแล้ว ทุกคนก็เห็นสิ่งนี้ นายอย่ามากลัวเสียหน้า ยอมรับความพ่ายแพ้ รีบโอนย้ายบริษัททันที มิฉะนั้น นายจะต้องรับผลที่ตามมา!”
“นี่แกสาปแช่งการตายของแม่ฉันหรือไง ไสหัวออกไปจากที่นี่ ตระกูลของฉันไม่ต้อนรับแก” จูหรงหรงพูดจาหยาบคายออกมา
หมี่หลานกัดริมฝีปากของเธอและมองที่โล่เฉินด้วยความรู้สึกที่ไม่ดีในใจ
แพ้ไม่เป็น ก็เลยโกงงั้นเหรอ?
ในเมื่อรู้ว่าต้องเป็นแบบนี้ตั้งแต่แก แล้วตอนนั้นทำไมยังต้องทำตัวหน้าใหญ่ใจโต ตอนนี้มาพูดจาโยกโย้ไปมาไม่รู้จบแบบนี้มีประโยชน์อะไรกัน แถมยังทำให้หมอเทพจากเมืองหลวงขุ่นเคือง ก่อปัญหาให้ตัวเอง
โล่เฉินเอ๋ยโล่เฉิน เดิมทีคิดว่านายมีสมองอยู่บ้าง แต่ตอนนี้ดูว่านายสมแล้วที่เป็นไอ้ขยะ โง่จริงๆ
หมี่หลานแต่เดิมรู้สึกเข้าอกเข้าใจความรู้สึกของโล่เฉินอยู่บ้างเล็กน้อย ดังนั้นระหว่างทางไปยังสำนักงานบริหารอุตสาหกรรมและการค้าเธอจึงเอ่ยคำพูดพวกนั้นขึ้นมา
ในขณะนี้ ความรู้สึกดีเสี้ยวเล็กๆของเธอที่มีต่อโล่เฉินได้หายไป เหลือเพียงความดูหมิ่น
“เธอแน่ใจเหรอว่าอยากให้ฉันไป?” โล่เฉินถาม
“ไสหัวไป รีบไสหัวไปซะ”
จูหรงหรงตะโกนลั่น
เจิ้งข่ายกล่าวอย่างเย่อหยิ่งภาคภูมิใจว่า “หมี่หลาน พาโล่เฉินไปเซ็นสัญญา ถ้าเขาไม่ทำ โทรแจ้งตำรวจได้ทันที แสดงหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษรนั่น ให้ตำรวจจัดการ”
“ได้ค่ะคุณชาย โล่เฉินไปกันเถอะ” หมี่หลานสีหน้าไม่ดี
โล่เฉินมองไปที่ใบหน้าที่เย่อหยิ่งของคุณท่านป๋อ แม้กระทั่งคำพูดยังขี้เกียจจะเอ่ย และอดไม่ได้ที่จะผิดหวังอย่างยิ่งง
หมอ ต้องช่วยคนทั่วไป
ไม่ว่าจะเป็นคนระดับใด ล้วนต้องปฏิบัติอย่างเท่าเทียม
“ลูกหลานของตระกูลป๋อ อายุปูนนี้แล้ว วิชาฝังเข็มห้ามังกรกลับฝึกบรรลุได้แค่สามเข็ม ส่วนเข็มที่สี่ก็แทบจะเต็มกลืน พรสวรรค์แบบนี้ช่างเป็นการดูถูกทักษะการแพทย์ของฉันจริงๆ”
พูดจบ โล่เฉินก็หันหลังและจากไป