จักรพรรดิมังกร - ตอนที่ 102
บทที่ 102 วิธีการที่น่ากลัว
หลี่โม่หรี่ตาเล็กน้อย ดวงตาฉายแววเย็นชา
ซู๋ไห่เทียนสั่นสะท้านไปทั้งตัว รู้สึกว่าหลี่โม่ในขณะนี้ ร่างกายของเขาเปล่งประกายรังสีที่ไม่อาจบรรยายได้
มันเป็นความรู้สึกที่มั่นใจว่าไม่มีใครสามารถเอาชนะเขาได้
“หลี่โม่ คุณคิดว่าตนเองรู้จักฉู่จงเทียนแล้วมันจะวิเศษเหรอ?” ซู๋ไห่เทียนยิ้มเย้ยหยัน พร้อมกับบังคับตนเองให้สงบนิ่ง
เรื่องนี้ต้องเป็นเรื่องไม่โกหก ทำไมจู่ ๆคนไร้ประโยชน์อย่างหลี่โม่ ถึงได้กลายเป็นแข็งแกร่งมากขนาดนี้
ซู๋ไห่เทียนมีพ่อ พ่อเขารู้จักคนมากมาย
เขาถึงไม่กังวลว่าหลี่โม่จะกล้าทำอะไรเขา!
ต่อจากนั้น หลี่โม่กล่าวอย่างเรียบ ๆ “ ซู๋ไห่เทียน ผมไม่อยากพุ่งเป้าไปที่ตัวคุณ แต่คุณพุ่งเป้ามาที่ผมตลอด เรื่องในวันนี้ผมรู้ว่าคุณวางแผนทุกอย่างทั้งหมด ถ้าหากผมปล่อยคุณไปแบบนี้ ผมละอายใจต่อตนเอง และละอายใจต่อกู้หยุนหลัน”
สำหรับซู๋ไห่เทียนแล้ว ในใจหลี่โม่ไม่ได้รู้สึกยอมรับเขามากนัก ไอ้หมอนี้ อยากได้ตัวกู้หยุนหลันตลอด ตนเองถึงต้องลงมือตักเตือน
ซู๋ไห่เทียนแสดงสีหน้าตกใจ ขมวดคิ้วทั้งสองข้าง “หลี่โม่ ผมไม่เชื่อว่าคุณจะทำอะไรกับผมได้!”
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่เขาพูดจบ หลี่โม่ที่นั่งอยู่บนโซฟาฝั่งตรงข้ามก็พูดอย่างเรียบ ๆว่า “สาเหตุที่คุณหยิ่งผยองเช่นนี้ เป็นเพราะอาศัยเส้นสายบารมีและความแข็งแกร่งของพ่อคุณ ฉะนั้นผมจะทำลายมันต่อหน้าคุณตอนนี้เลย”
หลังจากนั้น หลี่โม่หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา แล้วโทรออกไปยังหมายเลขของเฉียนฝูโดยตรง แล้วพูดว่า “ลงมือเลย”
“ครับ นายน้อย วางแผนเรียบร้อยแล้วครับ” เฉียนฝูตอบผ่านโทรศัพท์
ที่เรื่องราวทั้งหมดมาถึงจุดนี้
หลี่โม่ไม่เสียใจ เพราะเขาจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายกู้หยุนหลันเด็ดขาด
เรื่องราวที่ซู๋ไห่เทียนทำในคืนนี้ แค่อยากถือโอกาสได้ตัวกู้หยุนหลันเท่านั้น
เพราะฉะนั้น เขาสมควรตาย!
เมื่อเห็นภาพนี้ซู๋ไห่เทียน อดไม่ได้ที่จะยืนขึ้นและหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ชี้ไปที่หลี่โม่ “หลี่โม่คุณล้อเล่นกับผมใช้ไหม คุณคิดว่าแค่คุณโทรศัพท์ จะล้มพ่อของผมได้? ฝันไปเถอะ! พ่อของผมเป็นประธานบริษัทซู๋ซื่อ และเป็นสมาชิกของสโมสรการค้าเมืองฮ่าน คุณรู้ไหมเขามีความสำคัญขนาดไหน นอกจากนี้ พ่อของผมยังรู้จักเจ้าเมือง!”
เผชิญหน้ากับความเย้ยหยันถากถางของซู๋ไห่เทียน หลี่โม่ไม่ไหวติง เพียงแค่มองดูอย่างไม่แยแส
ซู๋ไห่เทียน มีความมั่นใจมากเกินไป
เขาหัวเราะอย่างบ้าคลั่งไม่ถึงนาที มือถือของซู๋ไห่เทียนก็ดังขึ้นมา
เมื่อมองดูหน้าจอ เป็นพ่อเขาเองที่โทรมา!
ซู๋ไห่เทียนยิ้มเยือกเย็น รู้สึกเป็นต่อ สะบัดโทรศัพท์แล้วกล่าวว่า “ดูสิ แหกตาหมาของแกดู พ่อฉันโทรมา ฉันจะถามพ่อ ว่าคุณล้มพ่อของฉันได้หรือยัง!”
หลังจากกดรับสาย ซู๋ไห่เทียนถาม “พ่อ มีอะไรเหรอ? ”
“ซู๋ไห่เทียน! แกไปแหย่หาเรื่องคนอยู่ข้างนอกใช่ไหม? แกไปแหย่หาเรื่องใคร?! ” เสียงปลายสายพูดด้วยความโกรธ จนทำให้สมองของซู๋ไห่เทียนรู้สึกมึนงง
นี่มันอะไร?
ซู๋ไห่เทียนตื่นตระหนก เสียงหัวเราะของเขาหยุดลงทันที เหงื่อเย็นที่หน้าผากไหลออกมา และความรู้สึกไม่ดีก็ปะทุขึ้นในใจทันที!
“พ่อ หมายความว่ายังไง?” ซู๋ไห่เทียนถามอย่างไม่เข้าใจ สายตาของเขาจับจ้องไปที่ตัวหลี่โม่
“เมื่อสักครู่สโมสรการค้าเมืองฮ่านได้แจ้งว่า บริษัทซู๋ซื่ของพวกเราถูกถอนออกจากสมาชิกแล้ว!” ซู๋โห้เฟิงกล่าวอย่างโกรธเกรี้ยว“แล้วยังมีบริษัทในเครือของเรา ถูกตรวจสอบทั้งหมด ทรัพย์สินทั้งหมดถูกอายัด! แม่งฉิบหาย แกไปแหย่หาเรื่องใครอยู่ข้างนอก? ! แกรู้ไหมว่าตอนนี้ตัวแทนจำหน่ายโทรหาฉันกี่สาย? ! แกจะทำให้ฉันตาย! ตระกูลซู๋ของเราถูกแกทำลายจนย่อยยับ! ไอ้ลูกเวร ไอ้ลูกเวร!”
ตรึง ๆ!
ตอนนี้ในใจซู๋ไห่เทียนรู้สึกมีคลื่นลูกใหญ่พัดกระหน่ำ!
พ่อเขาพูดว่าถูกถอดออกจากสมาชิก บริษัทซู๋ซื่ของถูกตรวจสอบ!
ธุรกิจทั้งหมดของตระกูลซู๋ และทรัพย์สินทั้งหมดถูกอายัด!
นี่ก็หมายความว่าตระกูลซู๋ล้มละลายแล้ว!
เมื่อเป็นเช่นนี้ ตระกูลซู๋ มีหนี้อยู่อย่างน้อย 300 ล้าน
นี่มันอะไรกันแน่?
มันช่างน่ากลัวจริง ๆ!
“พ่อ! พ่อ มันเป็นไปไม่ได้ ทำไมถึงเป็นแบบนี้ได้?” ถึงตอนนี้ซู๋ไห่เทียนยังไม่เชื่อ เหงื่อของเขาผุดเต็มหน้าผาก ขาไร้เรี่ยวแรง ล้มตัวลงบนโซฟา ดวงตาทั้งสองข้างเลื่อนลอย
“แม่งฉิบหาย แกยังมีหน้ามาถามพ่ออีก! ไอ้ลูกเวร พวกเขาบอกชื่อเสียงเรียงนาม บอกว่าแกเป็นคนก่อเหตุ!” พ่อของเขาตะโกนด่าจากปลายสาย
ทันใดนั้น ได้ยินเสียงเปิดประตูดังขึ้น “ซู๋โห้เฟิง คุณถูกสงสัยว่าถ่ายโอนผลประโยชน์ และใช้อำนาจในทางมิชอบ ตอนนี้คุณถูกจับกุมแล้ว โปรดไปกับพวกเรา!”
ซู๋ไห่เทียนได้ยินประโยคนี้อย่างชัดเจน จากนั้นได้มีเสียงตะโกนด่าของซู๋โห้เฟิงดังมาจากปลายสาย “ไอ้ลูกเวร! ”
“พ่อ? พ่อ!”
ซู๋ไห่เทียนกังวลมาก ใบหน้าของเขาซีดเซียว โทรศัพท์ถูกกดวางสาย เขานั่งกะเผลกอยู่บนโซฟา ราวกับว่ากระดูกสันหลังของเขาถูกดึงออกมา
จบกัน ทุกอย่างจบสิ้นแล้ว!
ที่พึ่งในชีวิตของซู๋ไห่เทียน สลายในชั่วข้ามคืน!
สิ่งที่เขาจะต้องเผชิญคือหนี้ของตัวแทนจำหน่ายหลายร้อยคน และตัวแทนจำหน่ายเหล่านั้น จะมีใครบ้างที่ทำธุรกิจขาวแบบสะอาด?
ไม่มากก็น้อยที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกองกำลังใต้ดิน!
ซู๋ไห่เทียนรู้สึกหวาดกลัวอย่างมาก ชีวิตนี้ของเขาหมดสิ้นแล้ว แม้แต่ชีวิตก็อาจจะไม่เหลือต่อไป!
โหดเหี้ยมเกิน! หลี่โม่โหดเหี้ยมเกินไปแล้ว!
ตัดเส้นทางของเขาไปหมด!
และในขณะนี้ หลี่โม่ลุกขึ้นอย่างสงบ แล้วกล่าวอย่างเรียบ ๆ ว่า “ซู๋ไห่เทียน ทุกอย่างนี้คุณเป็นคนแส่หาเรื่องเอง นี่คือบทเรียนที่ผมให้คุณ หวังว่าคุณจะทำตัวดีๆ ละ”
พูดจบ หลี่โม่ลุกขึ้นแล้วเดินออกไป
ไม่นาน ทุกคนก็เดินออกไปกันหมด
ซู๋ไห่เทียนนั่งลงบนโซฟาในห้องรับแขกคนเดียว หัวเราะอย่างควบคุมสติตนเองไม่ได้ และทรุดตัวลงแล้วร้องไห้อย่างหนัก
ไม่คาดคิดว่า คนอย่างซู๋ไห่เทียน จะพ่ายแพ้ให้แก่หลี่โม่!
และเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหลี่โม่ทำอย่างไร?
เพียงแค่โทรศัพท์ครั้งเดียว แค่ครั้งเดียว!
น่ากลัวมาก!
หลี่โม่น่ากลัวมาก !
แต่ว่า ผมไม่ยอม!
ฉันซู๋ไห่เทียนไม่ยอม!
เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กดโทรออกไปที่หมายเลขหนึ่งด้วยมือที่สั่น เขาสำลักแล้วกล่าวว่า “คุณลุง ช่วยผมด้วย ช่วยตระกูลซู๋ด้วย คุณลุง…..”
……
หลังจากออกมาจากคฤหาสน์ของซู๋ไห่เทียนแล้ว หลี่โม่ขึ้นรถของฉู่จงเทียน และไปหาเฉียนฝูก่อน
“ลุงเฉียน ดึกขนาดนี้แล้วเรียกผมมามีธุระอะไรหรือเปล่า?” หลี่โม่นั่งจิบไวน์แดงอยู่บนโซฟาที่นุ่ม ๆ
เฉียนฝูยืนอย่างเคารพอยู่หน้าหลี่โม่ โค้งคำนับเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า “นายน้อย ขอโทษด้วย เป็นความประมาทของผมเอง ที่ทำให้คุณต้องทนทุกข์กับความอยุติธรรม”
หลี่โม่กล่าวอย่างเรียบ ๆ “ลุงเฉียน อย่ามาเล่นไม้นี้ มันก็ไม่ใช่เรื่องอะไรใหญ่โตสักหน่อย ว่ามาเลย ที่รีบร้อนต้องการพบผม มันเกิดอะไรขึ้น”
เฉียนฝูครุ่นคิดสักครู่ แล้วตอบอย่างนอบน้อมว่า “นายน้อย อีกไม่กี่วันราชินีของสำนักหลงเหมินจะมาเมืองฮ่าน”
ตรึง ๆ!
บรรยากาศอึมครึมลงทันที
แก้วไวน์แดงในมือของหลี่โม่ถูกเขวี้ยงไปในอากาศ ผ่านไปสักครู่ใหญ่ หน้าของเขาเคร่งขรึม สายตาเขามองที่ไปบนโต๊ะกาแฟ ที่ล้อมรอบด้วยหินอ่อนขอบโต๊ะเป็นด้ายสีทอง
ดวงตาทั้งคู่ว่างเปล่า ดูเหมือนจะมีอะไรในใจ
หลังจากนั้นไม่นาน หลี่โม่ขมวดคิ้วอย่างแผ่วเบา และถามว่า “เธอมาทำอะไรที่เมืองฮ่าน?”
ราชินีของสำนักหลงเหมิน ตอนนี้เป็นเจ้าสำนักหลงเหมิน
เธอเป็นผู้หญิงที่โหดเหี้ยมมาก
เมื่อก่อน เธอเป็นคนที่วางแผนและขับไล่ตัวเองและแม่ออกจากสำนักหลงเหมิน
“นายน้อย ราชินีของสำนักหลงเหมินได้กล่าวว่า อยากจะเห็นสะใภ้ของสำนักหลงเหมินและนายน้อย” เฉียนฝูหรี่ตาลงเล็กน้อย และพูดด้วยเสียงที่กดดัน
ราชินีของสำนักหลงเหมินเคยทำร้ายนายน้อย เรื่องนี้เฉียนฝูรู้ดี
ครั้งนี้ที่เธอมาเมืองฮ่าน กลัวว่ามันจะเกิดเรื่องไม่ดี
“ผมรู้แล้ว” หลี่โม่ขมวดคิ้วแล้วกล่าวด้วยสายตาเยือกเย็น
เมื่อเธอตั้งใจมา งั้นตัวเองต้องเตรียมการบางอย่างแล้ว
เขาไม่มีอารมณ์ที่จะนั่งนิ่งต่อไป หลี่โม่ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปด้วยสีหน้ากังวล
เฉียนฝูส่งเขากลับไปที่ชุมชนด้วยตัวเอง
“นายน้อย งั้นผมจะกลับไปก่อน” เฉียนฝูกล่าวด้วยความเคารพ เตรียมตัวจะขึ้นรถโรลส์รอยซ์
ขณะนั้น หลี่โม่กล่าวว่า “มันดึกแล้ว เข้ามานั่งข้างในบ้านเถอะ”
เฉียนฝูสะดุ้ง ถามด้วยความสงสัย “นายน้อย แบบนี้มันดีเหรอครับ? ”
“ไม่เป็นไร ไม่มีใครรู้จักคุณ อีกอย่างที่ผมออกมาได้ ก็ต้องหาเหตุผลสักอย่างมาอธิบาย แต่จะใช้เหตุผลอะไร คุณคิดเอาเอง” หลี่โม่กล่าว
พูดจบ เขาก็นำทางเข้าไปในเขตชุมชน
เฉียนฝูถอนหายใจอย่างจำยอม สิ่งที่นายน้อยทำ ไม่สามารถคาดเดาได้เลย
เมื่อให้คนลูกน้องขับโรลส์รอยซ์ไปอีกซอยหนึ่ง เฉียนฟู่จึงเดินตามหลังหลี่โม่ไป
ในบ้านตอนนี้ กู้หยุนหลันกำลังร้องไห้จนตาแดงช้ำ
“พ่อ พ่อต้องช่วยหลี่โม่น่ะ เขาถูกใส่ร้ายป้ายสี”
กู้เจี้ยนหมินนั่งอยู่บนโซฟา สีหน้าแดงก่ำ มุมปากกระตุก “ยังไงพ่อก็จะไม่โทร! เรื่องนี้หลี่โม่เป็นคนหาเรื่องเอง ดังนั้นให้เขาแก้ปัญหาด้วยตัวเอง ถ้าเขาถูกใส่ร้ายป้ายสีจริง เขาก็จะถูกปล่อยออกมาเอง”
กู้เจี้ยนหมินรู้สึกโกรธ มันช่างน่าอับอายเสียจริง!
ที่ลูกเขยตัวเอง ทำเรื่องเช่นนี้ได้!
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงหวังฟาง สีหน้าเต็มไปด้วยความอับอาย และสบถด้วยความโกรธ “ไอ้คนไร้ประโยชน์! ไอ้หมาหัวเน่า! ทำลายชื่อเสียงของตระกูล หยุนหลัน แม่จะบอกลูกว่า ไอ้คนไร้ประโยชน์ไม่ใช่คนดีอะไร ลูกก็ไม่เชื่อแม่ ยังไงก็จะแต่งงานกับมัน ตอนนี้ดีแล้ว ลูกสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน มันเป็นคนแต่ใจเดรัจฉาน! เอาอย่างนี้ พรุ่งนี้ลูกไปหย่ากับหลี่โม่เลย ครั้งนี้ยังไงก็ต้องหย่า!”
หวังฟางโกรธจนบ้าไปแล้ว พอลูกสาวกลับมาถึงบ้านก็พูดเช่นนี้
ในเวลานั้น หวังฟางชักสีหน้าไม่ดี
ไอ้ลูกเขยคนนี้ ทำให้คนแก่สองคนนี้อับอายขายหน้ามาก!
ถ้าหากเรื่องนี้รู้ถึงหูบ้านใกล้เรือนเคียง แล้วหวังฟางจะมีชีวิตอยู่ยังไง?
ทางที่ดีที่สุดคือยึดเรื่องนี้ไว้ เธอจึงจะสามารถบีบบังคับให้ลูกสาวหย่าได้
กู้หยุนหลันใช้มือปิดหน้า ร้องไห้จนหัวใจแทบสลาย
เมื่อพ่อกับแม่ไม่ช่วยเหลือ เธอควรจะทำยังไงดี?
ทันใดนั้น เสียงกริ่งก็ดังขึ้นมา
เดิมหวังฟางก็กำลังโมโหอยู่แล้ว ตะโกนถามด้วยอารมณ์ขุ่นมัว “ใครกัน ผีห่าที่ไหน มากดกริ่งอะไรกลางดึก! ”