จักรพรรดิมังกร - ตอนที่ 124
บทที่ 124 หยกมังกร
หวังฟางเห็นเช่นนั้นก็เอ่ยเสียงสูง “ไม่มีความรู้ก็อย่าได้เสแสร้งเลย โดยเฉพาะหลี่โม่นายฟังให้ดี ฟังเจี้ยนเฟิงแนะนำนาฬิกาที่เขามอบให้เรือนนี้ เพิ่มความรู้ให้มากหน่อย”
หลี่โม่สีหน้าไร้ความรู้สึกมองไปที่หวังฟางรอบหนึ่ง จากนั้นสายตาหันกลับไปทางฮั่วเจี้ยนเฟิง
สายตาของฮั่วเจี้ยนเฟิงและหลี่โม่ปะทะกัน ความรู้สึกเย่อหยิ่งประเภทหนึ่ง เกิดขึ้นอยู่ในใจของฮั่วเจี้ยนเฟิง
ฉันเป็นนักเรียนนอก เคยคลุกคลีอยู่ที่วอลล์สตรีท เห็นโลกมามากกว่านายเยอะ!
คนจนอย่างนายจะมาแข่งอะไรกับฉัน อ่านสถานการณ์ออกว่าต้องทำอย่างไรก็รีบถอยออกไปแล้วเปิดทางให้ซะ
สายตาของฮั่วเจี้ยนเฟิงกลอกไปมาครุ่นคิดวิธีการในใจอย่างไร้เสียง
ส่วนหลี่โม่เหมือนกับสถานีวิทยุที่พังไปแล้วเช่นนั้น แต่ไหนแต่ไรก็ไม่รับข้อความทางสายตาของฮั่วเจี้ยนเฟิงส่งมาให้ เพียงใช้สายตาที่ว่างเปล่า มองไปที่ฮั่วเจี้ยนเฟิงเงียบๆ
ฮั่วเจี้ยนเฟิงถูกสายตาของหลี่โม่ทำให้ตกใจเล็กน้อย ใจคิดว่าฉันเป็นกระเบื้องเคลือบชั้นดีหนึ่งในหมื่น ไม่อาจไปชนกับเศษหินอย่างหลี่โม่ได้
ถ้าไอ้ของสกปรกอย่างหลี่โม่ อยู่ๆ เกิดกลายเป็นหมาบ้ามากัดตนเอง นั่นก็เป็นเรื่องใหญ่ที่ไม่คุ้มกันแล้ว
“แค่กๆ ”
ฮั่วเจี้ยนเฟิงจัดการอารมณ์เล็กน้อย หยิบกล่องนาฬิกาข้อมือมาเอ่ยว่า “นี่คือเหรียญทองคำบริสุทธิ์ ใช้เหรียญมูลค่ายี่สิบดอลลาร์ หลังเจาะรูด้านในแล้วทำขึ้นเป็นนาฬิกาเหรียญทองอย่างละเอียดงดงาม ผู้ผลิตคือVacheron Constantin ที่มีชื่อเสียง”
“นาฬิกาเหรียญทองเป็นที่นิยมอย่างมากในสังคมชนชั้นสูงที่นั่น แม้แต่เจ้าหน้าที่ระดับสูงก็มีติดไว้ ดังนั้นราคาก็นับว่าไม่ถูก นาฬิกาเหรียญทองเรือนนี้ฉันจ่ายเงินซื้อไปเป็นเงินเกือบหนึ่งแสนดอลลาร์ ครั้งนี้ใช้โอกาสงานเลี้ยงวันเกิด มอบให้คุณลุงกู้เป็นของขวัญวันเกิด”
ฮั่วเจี้ยนเฟิงพูดจบ บนใบหน้ามีท่าทีลำพองใจ มองไปทางกู้เจี้ยนหมิน
นาทีนี้ ญาติพี่น้องทุกคน ต่างตกตะลึงจนพูดอะไรไม่ออกแล้ว!
Vacheron Constantin เอย!
แบรนด์หรูเอย!
กู้ซิงเว๋ยจ้องนาฬิกาเหรียญทอง ลูกกระเดือกขยับขึ้นลงไม่หยุด นั่นคือเขากำลังกลืนน้ำลายไม่หยุด ถ้าไม่กลืนให้เร็วล่ะก็ น้ำลายก็จะไหลออกมาตามมุมปากของเขาแล้ว
“หนึ่งแสนดอลลาร์หรือ แลกเปลี่ยนกลับมานับเป็นมากกว่าหกแสนแล้ว เด็กดีของฉัน”
ในใจกู้ซิงเว๋ยอิจฉาถึงขีดสุด
กู้เจี้ยนหมินได้ยินว่าราคามากกว่าหกแสน ดีใจจนปากหุบไม่ลงแล้ว
“ดูเธอสิ ส่งของขวัญที่มากขนาดนี้ ลุงไม่รู้ว่าจะทำดีกับเธอยังไงแล้ว เธอได้มาเป็นลูกชายของลุงคงดีไปแล้ว”
กู้เจี้ยนหมินพูดไปก็มองไปทางกู้หยุนหลัน ในคำพูดมีความหมายลึกๆ ซ่อนอยู่
ถึงแม้เขาจะไม่อยากให้ลูกสาวแต่งงานใหม่ แต่ว่าเผชิญหน้ากับทายาทเศรษฐีอย่างฮั่วเจี้ยนเฟิง ในใจเขายังคงปล่อยวางลงเล็กน้อย
คงไม่ถึงขนาดที่ ลูกสาวแสนดีของตนเอง ตลอดทั้งชีวิตเกาะติดอยู่กับคนไร้ค่าอย่างหลี่โม่หรอกมั้ง!
กู้ชิงหลินหัวคิ้วเลิกขึ้น เชิดหน้าเอ่ยขึ้น “หลี่โม่ นายดูคนเขาก็ให้ของขวัญวันเกิดแล้ว นายที่เป็นลูกเขยไม่ควรแสดงออกสักหน่อยหรือ? อย่าพูดนะว่านายไม่ได้เตรียมของขวัญวันเกิด”
“เฮ้อ ใช่แล้ว ถ้าไม่ใช่กู้ชิงหลินเตือนขึ้นคงลืมไปแล้ว คนยากจนอย่างนายเตรียมอะไรมาอวยพรวันเกิดล่ะ หยิบออกมาให้ฉันดูหน่อย จะได้เปิดหูเปิดตา”
กู้ซิงเว๋ยถากถางต่อทันที
“คนนอกอย่างเจี้ยนเฟิงให้ของขวัญที่มีค่ามากขนาดนี้แล้ว ของขวัญจากนายที่เป็นลูกเขยถ้าสู้คนเขาไม่ได้ นายก็อย่าได้เป็นลูกเขยนี่เลย เปลี่ยนคนมาเป็นแทนก็ได้แล้ว”
กู้เจี้ยนกั๋วในเวลานี้ ก็สอดปากมาอีกหนึ่งประโยค
ตลอดทาง เขาไม่ได้พูดอะไร
ยังคงโกรธเคืองบ้านรองตระกูลกู้ด้วยเรื่องการร่วมมือของบริษัทรุงคาง
แต่ว่าในตอนนี้ เขาทนไม่ไหวอยากจะเยาะหยันถากถางหลี่โม่แล้ว
อย่างไรก็ตาม ครั้งก่อนหลี่โม่ใช้อำนาจบาตรใหญ่อย่างกำเริบเสิบสานเช่นนั้น ไม่เอาลุงใหญ่อย่างเขามาไว้ในสายตาแม้แต่น้อย!
“เหอะๆ เห็นหน้าที่เหมือนกับหน้าคนตายของเขา จะต้องไม่ได้เตรียมแน่ ก็เหมือนกับมากินฟรีดื่มฟรี”
สะใภ้บ้านสามตระกูลกู้ ก็คือเฉาซูเฟินภรรยาของกู้เจี้ยนเจียง ครั้งนี้ก็ตามดูถูกอีกประโยคหนึ่ง
ฟังคำพูดแดกดันถากถางของเหล่าญาติพี่น้อง มือของหลี่โม่ก็ยื่นเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ ลูบกล่องไม้เนื้อแข็งในกระเป๋ากล่องหนึ่ง
นั่นมันเป็นของที่เฉาหงหรุ้ยประธานของบริษัทการค้าไห่ทงมองให้ตนเมื่อครั้งนั้น!
พูดกันว่า มูลค่ามหาศาล
อย่างไรเสียหลี่โม่ก็ไม่ได้สนใจอะไร
เห็นการกระทำของหลี่โม่ กู้หยุนหลันทนไม่ไหวขวางเอาไว้ เธอไม่อยากเห็นหลี่โม่หน้าแตกต่อผู้คนมากมายอีก ยิ้มเล็กน้อย พูดกับทุกคนว่า “ของที่หลี่โม่เตรียมไว้ลืมไว้ที่บ้านแล้ว รอจนกลับไปแล้วเขาค่อยเอามาให้คุณพ่อของฉันเอง”
กู้ชิงหลินเดินมาถึงข้างกายของหลี่โม่แล้ว ฉับพลันมือขวาคว้าจับที่ข้อมือของหลี่โม่ใช้แรงยกขึ้นทันที เอามือที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อของหลี่โม่ยกออกมา
มือที่ถือกล่องไม้อยู่ของหลี่โม่ ก็เปิดเผยต่อหน้าทุกคนเช่นนี้เอง
“ฮ่าๆ นี่ก็คือของขวัญที่คนไร้ค่าอย่างนายเตรียมไว้สินะ รีบเปิดออกให้ฉันดูสิ ดูว่าคนจนอย่างนายเตรียมของดีอะไรไว้”
กู้ชิงหลินหัวเราะเสียงดัง สีหน้าดูถูกและรอชมเรื่องสนุก
“ใช่แล้ว ให้พวกเราได้เปิดหูเปิดตา ไม่แน่ว่าพวกเราล้วนไม่รู้จัก ยังต้องให้นายแนะนำสักหน่อยนะ เป็นเช่นนั้นนายก็ได้หน้าใหญ่แล้ว”
“กล่องไม้นี่ดูไปแล้วหยาบจริงๆ อีกทั้งพอมองไปแล้วก็เป็นลายไม้เลียนแบบที่ติดอยู่บนกล่อง มองกล่องเปล่าๆ ก็รู้ว่า เป็นของข้างทางโดยสมบูรณ์เลย”
คนไม่กี่คน เธอพูดคำฉันพูดคำ ที่พูดออกมาล้วนไม่น่าฟัง
เพี๊ยะ
มือของหลี่โม่ตกลงบนโต๊ะหนักๆ กล่องไม้กระทบกับโต๊ะ เกิดเสียงดังกระจ่าง
คิ้วของหวังฟางตกลง พูดอย่างไม่พอใจ “หลี่โม่! นายไม่พอใจใช่หรือไม่? หรือว่าตระกูลของพวกเราติดค้างอะไรนาย? นายหยิบเอาของนั่นโยนอะไรกัน! ”
“ฉันเปล่า นั่นเป็นกู้ชิงหลินเธอ…”
หลี่โม่คิดจะอธิบาย
“หุบปาก! กู้ชิงหลินเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง จะทำอะไรนายได้ ไม่ถามปัญหาที่ตัวเอง รู้จักแต่ผลักความรับผิดชอบ นายยังเป็นผู้ชายอยู่ไหม! ”
กู้ซิงเว๋ยด่ามาประโยคหนึ่ง
หลี่โม่หุปปากลง มือค่อยๆ ขยับออกจากกล่องไม้ สีหน้าท่าทางเปลี่ยนเป็นไร้ความเคลื่อนไหว ไร้คลื่นอารมณ์อื่นใด
เมื่อครู่กู้ชิงหลินตั้งใจ ใช้แรงมหาศาลกดมือของหลี่โม่ลง หลี่โม่ไม่ได้ป้องกันล่วงหน้า ถึงทำให้กล่องไม้และโต๊ะกระทบเข้าด้วยกัน
กู้หยุนหลันเห็นทุกอย่างอยู่ในสายตา แต่ก็ไม่มีวิธีที่จะช่วยหลี่โม่โต้แย้ง
อีกทั้งการกระทำของกู้ชิงหลิน ล้วนไม่นับว่าเป็นเรื่องอะไรแล้ว ถ้าเกิดกล่องไม้ที่หลี่โม่ควักออกมาถูกเปิดออก นั่นถึงจะเป็นการเริ่มต้นของเรื่องใหญ่ที่แท้จริง
กู้หยุนหลันรู้สึกว่ากล่องนั้นราวกับกล่องแพนโดราแล้ว นาทีที่ถูกเปิดออก จะต้องเป็นจุดเริ่มต้นที่หลี่โม่ถูกกลุ่มคนที่ไม่มีขอบเขตเยาะหยัน
หรือบางทีนี่อาจจะเป็นเรื่องที่ไม่อาจหนีพ้น เรื่องพวกนี้มีแต่เพียงต้องแบกรับด้วยตัวเขาเองแล้ว
กู้หยุนหลันในใจจนปัญญาที่จะปลอบใจตัวเองแล้ว
กู้ซิงเว๋ยเข้าไปใกล้ หยิบกล่องไม้นั้นขึ้นมา ดันฝากล่องเปิดออก
เห็นป้ายหยกสีขาวที่แกะสลักรูปมังกรในกล่อง กู้ซิงเว๋ยอ้าปากหัวเราะขึ้นมา มุมปากแทบจะยกไปถึงใบหู
“ฮ่าๆ นี่มันของบ้าบออะไรกัน ตามที่คิดไว้ของที่สุนัขส่งให้ยังไม่สู้ก้นของสุนัขเลย นี่มันเป็นของที่ระลึกที่วางขายหลอกคนข้างทางนี่”
กู้ซิงเว๋ยทางหนึ่งพูด อีกทางหนึ่งหยิบหยกขาวสลักลายมังกรออกมา แกว่งไปมาต่อหน้าทุกคนรอบหนึ่ง
“เฮ้อ จริงๆเลย ของนี่ดูไปแล้วเหมือนกับสิ่งของงานฝีมือโรงงานกระจก เหมือนกับทำมาจากกระจกใสสินะ ไม่รู้ว่าราคาเกินยี่สิบไหม”
“ยี่สิบ? ยี่สิบนั้นมันราคาขายปลีก ราคาขายส่งมากที่สุดก็แค่สิบ ออกจากโรงงานคือห้าก็เป็นราคาสูงสุดแล้ว! หลี่โม่นายหยิบเอาของแบบนี้มาหลอกพ่อตาของนายหรือ นายนี่เป็นคนหลอกลวงในตำนานจริงๆ เลยนะ”
“โอ้โห การกระทำของหลี่โม่ทำให้ฉันได้เปิดหูเปิดตาแล้ว อย่างที่คิดความมั่งมีทำให้ฉันไม่เข้าใจตรรกะความคิดของคนจนจริงๆ นายนี่นะรวบรวมเงินเก็บสองเดือนของตัวเองไม่ได้เชียวหรือ ซื้อของที่มาตรฐานสักหน่อยมาให้พ่อตาของนาย ของอะไรก็ได้ล้วนดีกว่าของนี่เสียอีกนะ”
ทุกคนรุมโจมตีไม่หยุด
หลี่โม่มองหยกขาวแกะสลักลายมังกรที่ถูกกู้ซิงเว๋ยหยิบมาชั่งน้ำหนักอยู่ในมือ มุมปากโค้งเป็นรอยยิ้ม “พวกนายนี่มีความรู้มากเสียจริง ฉันหามาจากข้างทางของตลาดที่ขายของโบราณจริงๆ จ่ายเงินไปยี่สิบพอดี”
วันนี้ถูกอ้างความผิดมาตำหนิแล้วทั้งวัน ในใจหลี่โม่ก็มีความโกรธขึ้นมาแล้ว ดังนั้นจึงพูดไปตามที่พวกเขาพูด
ทุกคนตะลึงไปเล็กน้อย จากนั้นจึงระเบิดเสียงหัวเราะตามระเบียบ
กู้หยุนหลันปิดตาลงแรงๆ ปลายเท้าออกแรงจิกบนพื้น ราวกับจะใช้การกระทำนี้เอาความโกรธแค้นทั้งหมดระบายออกไป
แต่ว่า!
ในกลุ่มคนมีชายชราคนหนึ่ง จ้องเขม็งไปที่หยกขาวแกะสลักลายมังกรในมือของกู้ซิงเว๋ย ยิ่งมองยิ่งรู้สึกว่าของชิ้นนี้ไม่ธรรมดา
พลันเขาก็เปิดปากถาม “นี่ดูไปแล้วเหมือนเป็นของเก่าแก่ ราวกับเป็นหยกมังกรในตำนาน เอามานี่ให้ฉันดูอย่างละเอียด”