จักรพรรดิมังกร - ตอนที่ 131
บทที่ 131 ผู้ชายของฉัน
ในระหว่างที่สายตาพวกของกู้เจี้ยนหมินกำลังวุ่นวาย หวงฝูชิงนำหวงเหวินจิ่นกับลูกน้องกลุ่มหนึ่งออกจากห้องส่วนตัวไป
หลังจากจากไปไกลแล้ว หวงเหวินจิ่นก็ถามขึ้นเสียงต่ำ “ท่านประธาน เจ้าหมอนั่น…”
เพี้ยะ!
เสียงฝ่ามือปะทะใบหน้าดังกังวาน หวงฝูชิงใช้หลังมือตบไปที่ใบหน้าของหวงเหวินจิ่นหนึ่งที
“ท่านเป็นอาจารย์ของฉัน ต่อไปหากพบท่านจะต้องแสดงความเคารพอย่างสูงสุด ถ้าหากนับลำดับรุ่น นั่นก็เป็นอาจารย์ปู่ของแก!”
หวงเหวินจิ่นหมดอาลัยตายอยากจนถึงที่สุด เพียงช่วงเวลาแค่พูดกันสองประโยค เสือแห่งเมืองฮ่านอย่างตนก็กลายเป็นหลานของเจ้าเด็กหนุ่มคนนั้นไปเสียแล้ว!
“ให้อู๋เต้าเหวินจัดเตรียมห้องส่วนตัวใหม่ห้องหนึ่ง ต่อไปหากพบอาจารย์ของฉันรู้ใช่ไหมว่าต้องทำอย่างไร?”
หวงฝูชิงถามด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น
“ทราบแล้วครับ ต่อไปเขาจะเป็นปู่แท้ ๆ ของผมครับ”
หวงเหวินจิ่นพูดด้วยน้ำเสียงอู้อี้
หวงฝูชิงพยักหน้าอย่างพึงพอใจ นำคนจากไปอย่างรวดเร็ว
ในห้องส่วนตัว กู้เจี้ยนหมินและพวกของฮั่วเจี้ยนเฟิงล้วนมองหลี่โม่อย่างเงียบ ๆ ผ่านไปนานมากแล้วจึงจะเรียกคืนสติมาได้
คาดไม่ถึงว่านาทีวิกฤตจะถูกกำจัดไปได้อย่างแปลกประหลาด ในใจของทุกคนล้วนมีความรู้สึกไม่สบายใจอยู่บ้าง
หวงฝูชิงกลัวหลี่โม่?
อย่าล้อเล่นน่า ถ้าหากว่าหวงฝูชิงหวาดกลัวเจ้าตัวไร้ประโยชน์หลี่โม่นั่น ทำไมถึงโดนทุกคนรังแกมาตลอดได้?
นี่คือสิ่งที่ทุก ๆ คนต่างคิดเหมือน ๆ กันในใจ
หลังจากที่คิดอย่างนี้แล้ว ทุก ๆ คนก็รู้สึกในทันทีว่าเป็นเพราะหวงฝูชิงนั้นสูงส่งและซื่อสัตย์ไร้ข้อกังขา ไม่เช่นนั้นก็ไม่มีวิธีที่จะอธิบายสถานการณ์เมื่อครู่ได้
ภายในใจของฮั่วเจี้ยนเฟิงและพวกของกู้ซิงเว๋ยเต็มไปด้วยความขัดเคืองหงุดหงิดในชั่วพริบตา
พวกเขารู้สึกว่าเมื่อครู่ไม่ควรจะหวาดกลัวเลย ถ้าหากว่ากล้าที่จะตัดสินผู้ที่ยิ่งใหญ่กว่าตนได้แล้ว เช่นนั้นผู้ที่ได้หน้าก็ต้องเป็นตนเองแล้ว ไม่ต้องไปถึงเจ้าคนเลวเลื่องชื่อลือลั่นอย่างเจ้าหลี่โม่นั่นหรอก!
“ประธานหวงเป็นคนดีมาก ๆ คนหนึ่ง นึกไม่ถึงว่าประธานหวงไม่เพียงแต่ไม่ถือตัว แต่ยังยอมรับฟังคำแนะนำคนอื่น นั่นก็ห่างจากพวกเราอยู่มาก”
“พูดถูก ใคร ๆ ก็พูดกันว่าต่อกรกับลูกน้องนั้นง่ายกว่าต่อกรกับเจ้านาย และก็เพราะเจ้าหวงเหวินจิ่นนั่นคุยด้วยยาก เมื่อกี้เพิ่งจะคุยกันด้วยเหตุผลดี ๆ กับประธานหวง ไม่น่าจะทำให้สถานการณ์ตึงเครียดขึ้นมาได้”
“เป็นเพราะคนพวกนั้นฉวยโอกาสได้สำเร็จ อย่าคิดว่าทำอย่างนี้แล้วจะได้หน้านะ กลับทำให้พวกเรามองทะลุปรุโปร่งว่าพวกมันเลวอย่างไร”
คนที่บ้านพี่ใหญ่และบ้านน้องสามตระกูลกู้น่าจะโดนวิจารณ์จนเสียหายแล้ว
มีคนเกลียดเพราะริษยา ก็เลยย้ายหัวข้อบทสนทนาไปไว้บนตัวหลี่โม่แทน
ทันใดนั้น ไฟในใจของกู้ชิงหลินก็ลุกโชนขึ้นมา
เมื่อครู่เป็นเพราะหลี่โม่เปิดปากขึ้นมากะทันหัน ทำให้สถานการณ์ตึงเครียดจนกู้ชิงหลินตกใจจนปัสสาวะแทบราด
“หลี่โม่ เมื่อกี้ทำไมนายต้องพูดจามั่วซั่วแบบนั้นด้วย ถ้าหากไม่ใช่ท่านประธานหวงที่เป็นสุภาพชน แต่เปลี่ยนเป็นคนอื่นล่ะก็ พวกเราทั้งหมดจะต้องตายเพราะนายแน่!”
กู้ชิงหลินตำหนิเสียงสูง
“ชิงหลินพูดถูก เมื่อกี้เป็นเพราะประธานหวงมาแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะประธานหวงมาล่ะก็ คนขี้แพ้อย่างเจ้าหลี่โม่แค่อ้าปากก็ทำให้พวกเราเจอดีแน่ ๆ หวงเหวินจิ่นนั่นยิ่งฆ่าคนเก่ง ๆ อยู่ด้วย!”
“ไม่มีทางที่จะใช้เหตุผลกับคนปัญญาอ่อนได้ คราวหน้างานชุมนุมเช่นนี้ก็อย่าพาเจ้าปัญญาอ่อนนี่ไปอีกเลย ไม่เช่นนั้นจะพาคนอื่นไปตายด้วย เมื่อก่อนแค่นึกว่าหลี่โม่เป็นคนไร้ประโยชน์เหมือนกับดินเละ ๆ แต่ตอนนี้แม้แต่ดินเละ ๆ ก็ยังเทียบไม่ได้ เทียบไม่ติดแม้แต่ขี้ ขี้ยังเอาไปทำปุ๋ยได้!”
ทุกคนวิจารณ์และต่อว่าเขาไปตาม ๆ กัน
คนกลุ่มหนึ่งได้ลืมไปแล้วว่าหลี่โม่ได้ออกมาต่อสู้อย่างกล้าหาญเพื่อช่วยชีวิตทุกคนเอาไว้ ในตอนนี้กลับจะเอาการสู้อย่างยากลำบากไปโยนความผิดให้กับหวงฝูชิง และมองข้ามคุณงามความดีของหลี่โม่ไป
ฮั่วเจี้ยนเฟิงถูกตบไปสองทีจนตอนนี้หน้าบวมราวกับหัวสุกร ลูบผิวที่บวมแดงบนใบหน้า ฮั่วเจี้ยนเฟิงถือเอาทั้งหมดนั้นไปคิดบัญชีที่หลี่โม่
ในใจซ่อนความโกรธแค้นว่าทำไมหลี่โม่ถึงไม่ออกปากให้เร็วกว่านี้ ต้องรอให้ตนโดนตบถึงสองทีจึงจะออกปากได้!
เห็นได้ชัดว่าหลี่โม่อยากจะดูเรื่องตลกของเขาฮั่วเจี้ยนเฟิง!
“หลี่โม่ เมื่อครู่นายไร้เมตตาเกินไปแล้ว ในเวลาที่สำคัญขนาดนั้น นึกไม่ถึงว่านายยังคิดที่จะดูเรื่องตลกของฉัน หรือคิดว่าถ้าฉันโดนคนตบหน้าแล้วนายก็จะรู้สึกเบิกบานมีความสุข? หยุนหลัน เจ้าหลี่โม่นั่นเป็นคนต่ำทราม เธอจะต้องระวังเขาเอาไว้!”
ฮั่วเจี้ยนเฟิงฉวยโอกาสยุยง ขอเพียงทำให้กู้หยุนหลันแยกจากหลี่โม่ไปได้ ก็นับว่าฮั่วเจี้ยนเฟิงประสบความสำเร็จแล้ว ถึงอย่างไรฝ่ามือนั่น หวงเหวินจิ่นเป็นคนตบ พูดไปก็ไม่ขายหน้าใคร!
หลี่โม่ยิ้มเย็นแล้วหลับตาลงไม่ได้พูดอะไร ใครอยากพูดอะไรก็พูดไปเถอะ โลกของเขา พวกนายไม่สามารถเข้าใจได้หรอก
กู้หยุนหลันมองหลี่โม่ครั้งหนึ่ง รู้สึกปวดใจขึ้นฉับพลัน ไม่ว่าเมื่อครู่หลี่โม่จะทำผิดหรือไม่ อย่างน้อยที่สุดแล้วผลลัพธ์ก็ออกมาดี ทำให้ทุกคนเลี่ยงที่จะได้รับความทุกข์ทางกาย
แต่ทำไมคนพวกนี้ถึงไม่สำนึกบุญคุณหลี่โม่เลยสักนิดนะ ไม่สำนึกบุญคุณก็ช่างเถอะ นึกไม่ถึงว่าจะลุกฮือกันมารุมโจมตีอีก!
กู้หยุนหลันรู้สึกว่าความคิดของตนสับสนงงงวยอยู่บ้าง จิตใจคนแท้จริงเป็นอย่างไรกันแน่?
เห็นหลี่โม่ไม่พูดไม่จา คำพูดเหน็บแนมจากญาติมิตรตระกูลกู้ที่อยู่ข้าง ๆ ก็ยิ่งเกินเลยไปทุกที ดูเหมือนว่าจะนำความโกรธที่ได้รับเมื่อครู่มาระบายที่หลี่โม่ทั้งหมด
“กับพวกปัญญาอ่อนยังจะมีอะไรน่าพูดอีก ฉันว่านะหยุนหลัน เธอรีบหย่ากับหลี่โม่เถอะ ไม่อย่างนั้นถ้าหากเขานำความเดือดร้อนมาให้ ไม่แน่อาจจะถึงขั้นบ้านแตก… แค่ก ๆ ความหมายก็ประมาณนั้นล่ะ”
“มีอะไรที่ไม่น่าพูดงั้นหรือ ฉันว่าท่านอาเจี้ยนหมินก็หวังไว้ว่าหยุนหลันจะได้ผู้ชายที่ดีสักคน ถ้าหากหลี่โม่แค่ขี้ขลาดตาขาวไร้ความสามารถก็ว่าไป แต่ยังกล้าออกหน้าอย่างโง่ ๆ นั่นมันอาจจะทำให้ทั้งครอบครัวต้องตายอย่างอนาถได้เลยนะ”
กู้หยุนหลันโกรธจนมือสั่นน้อย ๆ สายตากวาดมองทุกคนอย่างช้า ๆ ทุกคนงดเปล่งเสียงฉับพลัน
“เรื่องการหย่าไม่มีทางเป็นไปได้ ต่อให้หลี่โม่จะเหลือทนยิ่งกว่านี้ก็ยังเป็นผู้ชายที่ฉันเลือก พวกเราจะเป็นตายร้ายดีอย่างไรนั่นก็เป็นเรื่องของครอบครัวเรา”
กู้หยุนหลันหัวเราะเหอะ ๆ แสดงทัศนคติอย่างชัดเจน “และเรื่องของฉันไม่จำเป็นต้องให้พวกนายสอดปาก!”
สีหน้าของฮั่วเจี้ยนเฟิงมืดครึ้ม รู้สึกว่าเป็นเพราะเมื่อครู่ห่างชั้นกันเกินไป ทำให้ภาพลักษณ์ที่ยิ่งใหญ่ทลายลง ดังนั้นเรือจึงมาล่มตอนใกล้ถึงฝั่ง โน้มน้าวใจของกู้หยุนหลันไม่ได้
หวังฟางเช็ดน้ำตา พูดอย่างคับแค้นใจว่า “หยุนหลันเอ๋ย ทำไมลูกถึงได้หัวแข็งอย่างนี้ หลี่โม่มีดีอะไรกัน! ลูกเชื่อฟังแม่เถิด หย่ากับเขาเปลี่ยนเป็นคนดี ๆ เถิด แม่ว่าเจี้ยนเฟิงก็ไม่เลวเลยนะ เมื่อครู่ก็ออกมาสู้อย่างกล้าหาญ ยอมแม้กระทั่งโดนตบเพื่อทุกคน
หวังฟางทำแม้กระทั่งพูดให้ฮั่วเจี้ยนเฟิงที่ห่างชั้นดูยิ่งใหญ่เกรียงไกร เพื่อที่จะให้กู้หยุนหลันเปลี่ยนแปลงความคิด
“หลี่โม่ไม่ได้มีอะไรดี ก็แค่เมื่อครู่หลี่โม่ช่วยชีวิตทุกคนเอาไว้ แลกกับหน้าตาของพวกท่าน”
กู้หยุนหลันพูดอย่างดื้อรั้น
หวังฟางถูกทำให้สำลักจนพูดไม่ออก แม้ว่าจะตำหนิหลี่โม่ต่ออีกอย่างไร แต่ว่าเมื่อครู่หลี่โม่ได้พูดชี้แจงข้อเท็จจริงกับหวงฝูชิงไปแล้ว เรื่องก็จบตั้งแต่ตอนนั้น ไม่ว่าอย่างไรก็บิดเบือนไม่ได้
กู้เจี้ยนหมินรู้สึกว้าวุ่นใจเล็กน้อย ตบโต๊ะแล้วพูดขึ้น “อย่าพูดเรื่องพวกนั้นเลย สั่งอาหารต่อเถิด สิ่งที่ทำให้ทุกคนตื่นตกใจคือการที่พวกเรารับรองได้ไม่ทั่วถึง อีกสักพักทุกคนทานมาก ๆ ดื่มมาก ๆ ปลอบขวัญสักหน่อย”
เห็นกู้เจี้ยนหมินออกปาก ทุกคนก็ไม่พูดอะไรอีก
ฮั่วเจี้ยนเฟิงถือเมนูอาหาร ในตอนที่คิดอยากจะแสดงออกต่อนั้น ประตูของห้องส่วนตัวก็มีคนเคาะขึ้นมาสามที
ตอนนี้ทุกคนสะดุ้งตกใจขึ้นมาง่าย ๆ เมื่อประตูห้องส่วนตัวถูกเคาะเสียงดัง
ทุกคนตกใจกันหมด ในขณะเดียวกันก็คิดว่าหวงฝูชิงกลับมาอีกแล้วหรือ เขาแกล้งแพ้แล้วกลับมาลอบแทงหรือเปล่า
“ต้องเป็นคนที่ประธานหวงหามาแน่ ๆ กลัวว่าทุกคนจะลำบากยิ่งขึ้นแล้ว เจ้าคนเลวหลี่โม่เป็นตัวกาลกิณี! อีกเดี๋ยวพวกเราต้องย่อยยับกันแน่แล้ว!