จักรพรรดิมังกร - ตอนที่ 137
ทที่ 137 หอบเงินหนีไป
คำพูดของกู้เจี้ยนหมินเตือนหวังฟางได้ เงินที่ลงไว้ที่บริษัทการลงทุน ใกล้จะครบกำหนดแล้วจริง ๆ เข้าใจว่าบริษัทการลงทุนน่าจะรับปากไว้ว่ากำไรจะงอกงาม คงเงินไว้หนึ่งปีจะมีกำไรร้อยละสามสิบกว่า!
ได้ฟังคำสัญญาของบริษัทการลงทุน ดวงตาของหวังฟางในตอนนั้นแดงไปหมด ไม่เพียงแต่เอาเงินส่วนใหญ่ของครอบครัวไปลงไว้ในนั้น กระทั่งเอาบ้านไปจำนำเงินกู้ เอาเงินกู้ไปลงไว้ในนั้น
ถ้าพูดกันตามความคิดของหวังฟางในตอนนั้น เอาเงินของครอบครัวลงไว้หนึ่งปี ก็เพียงพอที่จะซื้อบ้านได้อีกหลังหนึ่งแล้ว รอให้บ้านมีมูลค่าเพิ่มอีก นั่นก็มีเงินใช้ไปยันแก่แล้ว
“พรุ่งนี้ฉันจะไปดู งวดนี้พวกเราน่าจะหาเงินได้ก้อนใหญ่เลย ถ้าเกิดเจ้าลูกเขยสวะไร้ประโยชน์นั่นหลักแหลมได้สักครึ่งหนึ่งของพวกเราก็ดีสิ”
หวังฟางอดไม่ไหวลำพองใจขึ้นมา เริ่มจินตนาการถึงตอนได้รับผลกำไรจากการลงทุน ไปซื้อบ้านที่อสังหาริมทรัพย์ใจกลางเมือง
……
วันที่สองตอนเช้าตรู่ หวังฟางแต่งตัวอย่างดี ติดต่อบรรดาพี่สาวน้องสาวที่ลงทุนไปด้วยกันหลายคนรีบร้อนเดินทางไปที่บริษัทการลงทุน
ไปถึงใต้อาคารใหญ่ของบริษัทการลงทุน มองดูผู้คนมากมายทั้งชายหญิงชุมนุมกันอยู่ หวังฟางกับบรรดาพี่สาวน้องสาวหลายคนของเธอก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นทันที
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมมีคนมากันมากมายขนาดนี้ คงจะไม่ได้จะไปบริษัทการลงทุนเหมือนพวกเราหรอกนะ”
“เป็นไปได้นะ บริษัทการลงทุนนั่นก็ไม่ใช่บริษัทเล็ก ๆ คนที่เอาเงินไปลงทุนไว้ต้องมีไม่น้อยแน่นอนอยู่แล้ว พวกเราเองก็รีบเข้าไปดูเถอะ”
หวังฟางและบรรดาพี่สาวน้องสาวหลายคนเบียดเข้าไปในฝูงชน เสียแรงไปเยอะในที่สุดก็เบียดเข้ามาถึงหน้าประตูของบริษัทการลงทุน
แต่ประตูใหญ่ของบริษัทการลงทุนล็อกไว้อย่างแน่นหนา บนประตูปิดประกาศไว้หนึ่งฉบับ
“เนื่องจากการลงทุนกำไรถดถอย บริษัทปิดกิจการชั่วคราว ผู้ลงทุนทั้งหมดกรุณารอบริษัทติดต่อกลับไป”
หวังฟางอ่านเนื้อหาบนประกาศออกเสียงด้วยเสียงต่ำ หลังจากอ่านจบก็ราวกับฟ้าผ่าอยู่ตรงหน้าฉับพลัน ใช้หัวแม่เท้าคิดก็ยังเข้าใจได้ว่าจะต้องเป็นบริษัทการลงทุนหอบเงินหนีในเรื่องเล่าแน่ ๆ!
“บริษัทการลงทุนนี่หนีไปแล้ว ต้องหอบเงินหนีไปแน่ ๆ เลย นั่นมันเป็นเงินที่เป็นหยาดเหงื่อแรงงานทั้งชีวิตของฉันนะ!”
“ไร้คุณธรรมเกินไปแล้ว นึกไม่ถึงว่าจะต้มตุ๋นแม้แต่เงินของพวกเรา นั่นมันเป็นเงินที่เอาไว้ใช้ตอนแก่ ตอนเจ็บป่วย ฉันยังเตรียมจะใช้กำไรที่ได้จากการลงทุนไปซื้อที่สุสานดี ๆ แหนะ จบกันหมดแล้ว!”
พี่สาวน้องสาวหลายคนของหวังฟางร้องกันระงม คนยังมีชีวิตอยู่ แต่เงินกลับไม่มีแล้ว นั่นมันเป็นเรื่องน่าเศร้าที่สุดในชีวิตมนุษย์อย่างสิ้นเชิง
หวังฟางมองพี่สาวน้องสาวหลายคนอย่างขวัญหนีดีฝ่อ ความทุกข์ในใจยังพูดไม่ออก เธอน่าจะเป็นคนที่ลงเงินเยอะที่สุด แถมยังเอาบ้านไปจำนำไว้แล้วด้วย
ตามองดูระยะห่างเวลาที่บ้านจะครบกำหนดอีกไม่กี่วันแล้ว ถ้าหากเอาเงินกลับคืนมาไม่ได้ บ้านก็จะต้องถูกธนาคารยึดไป พอถึงตอนนั้นคนทั้งครอบครัวก็จะต้องไปนอนข้างถนนแล้ว!
“น้องสาว พวกเธอก็ลงทุนเหมือนกันใช่ไหม ตอนนี้คนที่บริษัทการลงทุนหอบเงินหนีไปแล้ว พวกเรามารวมตัวกันทำเรื่องให้มันใหญ่โตถึงจะมีคนมาจัดการ บ้านของพวกเธอมีญาติพี่น้องก็เรียกกันมาเพิ่มจำนวนหัวเถอะ เดี๋ยวอีกสักพักพวกเราจะไปปิดถนนประท้วง”
อีกด้านก็มีคนที่ได้รับความเสียหายออกมาประท้วง ตอนนี้ทุกคนคิดกันมาหมดทุกวิธีแล้วเพื่อที่จะเอาเงินของตัวเองกลับคืนมา สุดท้ายก็คิดวิธีปิดถนนประท้วงขึ้นมาได้
หวังฟางได้ยินแล้วดวงตาก็ส่องแสงสว่าง รู้สึกว่านี่ไม่มีปัญญาที่จะหมดปัญญาแล้ว รีบล้วงกระเป๋าติดต่อหาหลี่โม่
ตอนนี้ในบ้านมีแค่หลี่โม่ที่ยังว่างงานอยู่ อีกอย่างเรื่องปัญหาเรื่องการลงทุนนี้ จะให้กู้เจี้ยนหมินกับกู้หยุนหลันรู้ไม่ได้เด็ดขาด ในตอนนี้ทำได้เพียงเรียกหลี่โม่มาเพิ่มจำนวนหัวแล้ว
หลังจากตำหนิหลี่โม่ไปรอบหนึ่งทางโทรศัพท์หวังฟางก็ให้หลี่โม่มาที่บริษัทการลงทุนเพียงคนเดียว ไม่ให้บอกใครเด็ดขาด
จางชุ่ยฮัวที่สวมเสื้อผ้าสีสันฉูดฉาดอยู่ข้าง ๆ มองหวังฟางปราดหนึ่ง พูดอย่างเหยียดหยามว่า “พี่หวัง พี่เรียกลูกเขยไร้ประโยชน์นั่นของพี่มาแล้ว ตอนนี้ควรรีบหาเส้นสาย เรียกตัวไร้ประโยชน์มาจะมีประโยชน์อะไร”
“ชุ่ยฮัวพูดถูก ปกติหวังฟางมักจะบอกว่าครอบครัวเก่งอย่างนั้นเก่งอย่างนี้ ตอนนี้ต้องโชว์พาวกันหน่อยถึงจะถูก เธอดูญาติ ๆ เพื่อน ๆ ที่ฉันเรียกมา มีอำนาจน้อย ๆ กันทั้งนั้น ช่วยเหลือเรื่องใหญ่ไม่ได้ เรื่องเล็ก ๆ ยังพอออกโรงได้”
“เรื่องนี้ทุกคนต้องร่วมแรงร่วมใจกัน จะอุบไว้เงียบ ๆ ไม่ได้ ถ้าให้ฉันพูดนะ ฉันว่าหวังฟางเธอควรจะใช้เส้นสายของคนในตระกูลกู้ทั้งหมดถึงจะถูก อย่าให้เจ้าลูกเขยดินเละนั่นมาหลอกพวกเรา”
บรรดาพี่สาวของหวังฟางรู้สึกไม่พอใจอยู่บ้าง ปกติมักจะเห็นหวังฟางคุยโวโอ้อวดอยู่ตรงหน้าพวกเธอ ตอนนี้เป็นเวลาที่ใครมีแรงก็ควรออกแรง หวังฟางกลับทำเพียงแค่ติดต่อเจ้าลูกเขยไร้ประโยชน์นั่น
“จางชุ่ยฮัว หลี่ซูเฟินทุกคนจะต้องปิดถนนประท้วงจริงหรือ เรื่องต่ำ ๆ แบบนี้ ก็ต้องให้คนไร้ประโยชน์มาทำสิ ส่วนพวกตระกูลกู้ของพวกเราล้วนเป็นคนมีฐานะ จะมาทำเรื่องพวกนี้ได้อย่างไร อีกสักพักฉันจะหาคนที่มีชื่อเสียงมีความสามารถมาช่วยจัดการให้”
หวังฟางพูดอ้างตามใจ สมองกลับทำงานอย่างรวดเร็ว คิดอยู่ว่าจะหาใครมาจัดการเรื่องนี้ดี ก่อนอื่นคน ๆ นี้ต้องไม่ใช่คนในครอบครัว แล้วก็ต้องเป็นคนมากความสามารถ
เวลาเพียงชั่วพริบตา หวังฟางก็นึกถึงฮั่วเจี้ยนเฟิง ฮั่วเจี้ยนเฟิงฉลาดปราดเปรื่อง ทั้งยังเป็นผู้จัดการใหญ่ของบริษัทการลงทุนที่มีชื่อเสียงไม่แน่ว่าอาจจะรู้จักกับคนในบริษัทการลงทุนนี่!
จางชุ่ยฮัวเบะปาก พูดด้วยรอยยิ้มเยือกเย็น “ถ้าอย่างนั้นพวกเราจะรอคนที่มีชื่อเสียงมีความสามารถที่เธอเชิญมาก็แล้วกัน ถ้าช่วยให้พวกเราเอาเงินกลับคืนมาได้ พวกเราพี่น้องก็จะเลี้ยงอาหารขอโทษเธอหนึ่งมื้อ”
“พวกเธอรอดูเถอะ คนที่ฉันหามาจะต้องจัดการได้แน่” หวังฟางพูดอย่างไม่ลังเล
หลี่โม่มาถึงประตูบริษัทการลงทุน ดูสถานการณ์ตรงประตูใหญ่ของบริษัทการลงทุน ก็รู้แล้วว่าเรื่องมันไม่ปกติ เรื่องหอบเงินหนีในเรื่องเล่าก็เกิดขึ้นแล้วกับบริษัทการลงทุนนี้
เบียดอยู่ในฝูงชนอยู่นาน ในที่สุดหลี่โม่ก็แทรกกายมาถึงหน้าประตูของบริษัทการลงทุน
จางชุ่ยฮัวเห็นหลี่โม่ที่ใส่ชุดขาด ๆ ทั้งตัวก็กลอกตาอย่างเหยียดหยาม “พี่หวัง ลูกเขยไร้ประโยชน์ของพี่มาแล้ว ดูเขาสิ อย่างกับแรงงานชาวบ้าน น่าเสียดายลูกสาวที่สวยขนาดนั้นของเธอนะ”
“ที่เขาพูดกันว่าดอกไม้งามปักบนกองขี้ควาย หญิงที่ดีแต่งกับชายไม่ได้เรื่อง เมื่อก่อนฉันไม่เชื่อหรอกนะ ตอนนี้พอได้เห็นลูกเขยไร้ประโยชน์ของพี่หวังแล้ว ฉันก็เชื่อแล้วจริง ๆ แล้วก็ไม่รู้พี่หวังคิดยังไงในตอนนั้นถึงได้ตกลงให้การแต่งงานเกิดขึ้นได้”
“แต่จะว่าไปแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน เป็นเพราะลูกเขยของพี่หวังต่ำชั้นมาก พวกเราพี่สาวน้องสาวถึงจะสามารถมาร่วมชุมนุมกับพี่หวังได้ ถ้าหากเธอมีลูกเขยดี ๆ นะ เดินมาเจอพวกเราบนถนน ไม่แน่ว่าอาจจะแสร้งทำเป็นไม่รู้จักพวกเราก็ได้”
ปกติพี่สาวน้องสาวหลายคนโดนหวังฟางเหยียดหยามมาไม่น้อย ตอนนี้ได้โอกาส แน่นอนว่าต้องหยิบยืมการเยาะเย้ยหลี่โม่มาล้างแค้นเรื่องเมื่อก่อน
ในใจของหวังฟางเดือดดาลอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ยิ่งมองหลี่โม่ก็ยิ่งเดือดดาล ทนไม่ไหวตะโกนด่าหลี่โม่ไปอีก
“แกมันไอ้คนไร้ประโยชน์ ฉันให้แกรีบมา ทำไมถึงได้ชักช้ามาเอาป่านนี้ ไม่รู้จักมาให้มันเร็วกว่านี้ ถ้าหากเอาเงินกลับคืนมาไม่ได้ แกก็รอนอนข้างถนนได้เลย”
หลี่โม่เตรียมใจมาแต่แรกแล้ว พูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “เกิดอะไรขึ้นกับบริษัทการลงทุนนี่ ไม่ได้โทรติดต่อกับพวกเขาหรือ?”
“แกปัญญาอ่อนหรือ! มันชัดเจนแล้วว่าพวกนั้นมันหนีไปแล้ว ยังจะโทรติดต่อใครอีก!”