จักรพรรดิมังกร - ตอนที่ 138
บทที่ 138 ทุกเรื่องค่อย ๆ ดาหน้ากันเข้ามา
หลี่โม่เบะปาก แต่ก็ไม่ได้โต้แย้งอะไร คนพวกนี้กำลังเดือดพล่านอยู่บนกองไฟ ใช้เหตุผลพูดคุยกับพวกเขาไปก็ไม่รู้เรื่อง
หันหลังกลับ เห็นป้ายบริษัทการลงทุน หลี่โม่ก็หยิบโทรศัพท์มาส่งข้อความหาฉู่จงเทียน ให้ฉู่จงเทียนตรวจสอบเบื้องหลังของบริษัทการลงทุนนี้
คนที่ทำบริษัทการลงทุนสมัยนี้ หลายคนเคยปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยสูงมาก่อน มีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับพวกตำรวจ
หลี่โม่คาดว่าบริษัทการลงทุนนี้ก็เป็นเช่นนั้น ดังนั้นใช้ฉู่จงเทียนน่าจะสามารถค้นหาข้อมูลมาได้
เรียกว่าหนีอย่างไรก็หนีไม่พ้น ขอเพียงค้นหาเบื้องหลังของอีกฝ่ายได้ ก็จะสามารถหาวิธีมาแก้ไขต้นตอของปัญหาได้แล้ว
หลี่ซูเฟินเห็นหลี่โม่มองบริษัทการลงทุนเหม่อ ก็พูดอย่างดูถูกว่า “ดูลูกเขยโง่นี่สิ มาแล้วก็ยังไม่ช่วยคิดหาวิธี มายืนดูประตูบริษัทการลงทุนอยู่ที่นี่ ดูแล้วจะมีดอกไม้งอกออกมาหรือจะมีเงินงอกออกมาล่ะ”
“หลี่โม่! มานี่ มาช่วยคิดวิธีแก้ปัญหา อย่ายืนโง่อยู่ทั้งวันอย่างนั้น”
หวังฟางพูดอย่างมีโทสะ
ลูกเขยของจางชุ่ยฮัวสวี่หมานก็รีบจนมาถึงเอาในตอนนี้ ตอนที่พบเห็นหลี่โม่สวี่หมานก็เบิกบานใจขึ้นมาในทันที
ไม่นานมานี้สวี่หม่านรู้สึกอิจฉาหลี่โม่อย่างหาที่เปรียบไม่ได้ อิจฉาที่หลี่โม่ได้แต่งงานกับภรรยาที่งดงามราวนางอัปสร
แต่ว่าหลายปีมานี้ได้ฟังเรื่องมากมายของหลี่โม่ สวี่หมานก็ไม่อิจฉาแล้ว กลับดูถูกเขาไปทั้งใจ”
“โย่ว นี่มันสวะอันดับหนึ่งของเมืองฮ่านไม่ใช่หรือ ทำไมหรือ มาช่วยทวงเงินเหมือนกันหรือ? ผมไม่ได้ว่านะ แต่เรื่องที่บริษัทการลงทุนนี่หนีไปมันจัดการยากนะ แต่ผมติดต่อกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจไว้แล้วล่ะ รอสักพักก็น่าจะได้ข่าว”
สวี่หมานเชิดหน้า สองมือกอดอก ทำท่าทางราวกับจะบอกว่าข้าคือผู้ยิ่งใหญ่อย่างไรอย่างนั้น
จางชุ่ยฮัวลำพองใจขึ้นในทันที “ดูลูกเขยฉันสิ เป็นคนกว้างขวางมากเลยนะ ถึงแม้ว่าเขาจะทำงานอยู่ในสำนักงานตำรวจเล็ก ๆ แต่คอนเนคชั่นเยอะนะ พอจะพูดคุยกับคนไฮโซ ๆ อย่างพวกเราได้ ไม่แน่ว่าอีกสักพักอาจจะช่วยพวกเราเอาเงินกลับคืนมาได้”
“ลูกเขยของชุ่ยฮัวยังพอเข้าท่าหน่อย ดีกว่าเจ้าสวะนั่นตั้งเยอะ เจ้าสวะนี่มาเพิ่มจำนวนหัวยังไม่มีมาดเลย ดูท่าทางแบบนั้นของเขาสิ ไม่มีท่าทางจะมาทวงเงินคืนเลยสักนิด”
“ดูผู้ชายคนอื่นสิ ไปยืนปิดถนนประท้วงกันหมด ไอ้สวะอย่างแกทำไมยังมายืนอยู่ตรงนี้อยู่อีก รีบไสหัวไปยืนตรงถนน! ไอ้โง่เอ๊ย ฉันโมโหจนจะตายอยู่แล้ว”
หวังฟางตะโกนเสียงดังอย่างเดือดดาล กระทั่งรู้สึกเสียใจที่ตามตัวหลี่โม่มา ขายหน้าตัวเองแท้ ๆ เลย
หลี่โม่ตามกระแสผู้คนหลั่งไหลไปไม่พูดไม่จา เดินไปบนถนน ในใจก็คิดว่าปิดถนนไปจะมีประโยชน์อะไร มีแต่พวกไร้สมองที่คิดว่าทำแบบนี้แล้วจะมีประโยชน์
ตอนนี้จางชุ่ยฮัวได้เปรียบก็ยิ่งอวดเบ่ง “พี่หวัง พี่ไม่ได้พูดว่ามีคนที่มีชื่อเสียงมีความสามารถหรอกหรือ เชิญเขามาเถอะ ลูกเขยไร้ประโยชน์ของพี่คนนี้น่าจะช่วยเหลือทุกคนไม่ได้หรอก อย่าบอกนะว่าคนมีความสามารถที่พี่เชิญมาจะเทียบลูกเขยฉันไม่ได้น่ะ”
สวี่หมานเบะปากยิ้ม ปราดมองหลี่โม่แวบหนึ่งลำพองใจมากมาย “สวะเอ๊ย ไปยืนดี ๆ เถอะ เรื่องทวงเงินแกไม่ต้องกังวลแล้ว ไม่ถึงตาแกเสนอหน้าหรอก ไปหลบอยู่ในกลุ่มผู้คนให้มิดก็พอ ระวังเป้าขาดแล้วแกจะโผล่ออกมา”
“ถ้ามึงทวงเงินคืนกลับมาได้ มึงจะพูดอะไรก็ได้ แต่ถ้าหากทวงเงินคืนกลับมาไม่ได้ล่ะก็ อย่ามาปากพล่อยที่นี่”
หลี่โม่ตอบโต้กลับหนึ่งประโยค เดินไปบนถนนอย่างรวดเร็ว กลืนเข้าไปในกลุ่มคน
สวี่หมานจ้องมองด้านหลังของหลี่โม่อย่างโกรธแค้น ถุยน้ำลายใส่หลี่โม่ แต่ว่าระยะทางห่างเกินไป ถุยไม่โดน
“อะไรกันเนี่ย ตอนนี้แล้วยังจะเสแสร้งอะไรอยู่ สวะก็คือสวะ พูดมากกว่านี้ก็ยังเป็นสวะ!”
สวี่หมานด่าออกมาหนึ่งประโยค
หลี่โม่ที่กลืนเข้าไปในฝูงชนรู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนจากโทรศัพท์ ล้วงโทรศัพท์ออกมาอย่างเร่งร้อน ก้มหน้ามองข้อความที่ฉู่จงเทียนตอบกลับมา
ฉู่จงเทียนตอบกลับมาไวจริง ๆ เพราะว่าฉู่จงเทียนรู้จักเบื้องหลังของเจ้าของบริษัทการลงทุนแห่งนี้
“เจ้าของบริษัทการลงทุนแห่งนี้ชื่อว่าหลูหมิงเซิง เมื่อก่อนเคยปล่อยเงินกู้นอกระบบ ดูเหมือนจะเคยได้ยินชื่อคนคนนี้ เมื่อก่อนปล่อยเงินกู้อย่างกำเริบเสิบสาน เพียงแค่มีคนไม่คืนเงินก็ใช้กำลังทวงหนี้ ตัดเอ็นแขนขาก็มี”
หลี่โม่กระซิบเสียงต่ำ หลี่โม่เองก็เคยได้ยินเรื่องของหลูหมิงเซิงมากับหูอยู่บ้าง
เจ้าหมอนี่ เมื่อก่อนสร้างตัวมาจากการปล่อยเงินกู้ สุดท้ายมั่วมาเป็นเจ้าของบริษัทการเงินใต้ดิน ช่วงนี้เปิดบริษัทการลงทุนหลายบริษัท รวมรวบเงินทุนผิดกฎหมายจากพวกบริษัทเล็ก ๆ
“ถ้าหากเป็นแบบนี้ คนธรรมดา ๆ จัดการมันไม่ได้แน่ หึหึ ดูซิว่าอีกสักพักพวกมันจะทำอย่างไร”
หลี่โม่เองก็ไม่ได้ร้อนใจ เรื่องนี้ขอเพียงหลี่โม่ออกคำสั่ง ก็น่าจะมีคนคอยช่วยแก้ไขปัญหาอยู่ทุกนาที”
แต่ว่าแก้ไขรวดเร็วขนาดนั้นไม่เป็นผลดีกับหลี่โม่ ไม่สู้อยู่ดูละครสนุก ๆ รอดูพวกสวี่หมานกลายเป็นหนูติดจั่นแล้วค่อยว่ากัน
หลี่โม่เล่นโทรศัพท์อยู่ท่ามกลางฝูงชนอย่างอิสระไร้ข้อจำกัด พวกของหวังฟางอีกด้านเริ่มร้อนรนขึ้นมาแล้ว
คนที่ปิดถนนประท้วงก่อความวุ่นวายกันได้สักพักแล้ว ก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไรดีขึ้น
ตำแหน่งที่ตั้งของบริษัทการลงทุนนี่ค่อนข้างตระหนี่จริง ๆ เลือกที่ตั้งของช่วงถนนที่มีรถน้อยมาก ๆ ทุกคนขวางถนนตั้งนานแล้ว ยังไม่มีผลกระทบอะไรเกิดขึ้น
“ทำไมยังไม่โผล่หัวมาอีกล่ะ ชุ่ยฮัว ลูกเขยของเธอไม่ใช่ว่ารู้จักกับคนที่จัดการได้เหรอ ให้เขาลองติดต่อหน่อยสิ คนอื่นพวกเราไม่สน ให้พวกเขาติดต่อคนเอาเงินมาคืนพวกเราให้ได้”
หลี่ซูเฟินพูดอย่างเร่งร้อน
สวี่หมานมีสีหน้าพะอืดพะอมเล็กน้อย คำพูดที่พูดออกมาเมื่อครู่พูดออกมาเพื่อแซะหลี่โม่โดยเฉพาะ แถมจางชุ่ยฮัวยังโม้ออกมาแค่เพื่อเอาหน้า
สวี่หมานตอนนี้แค่อยู่ในที่ทำงานยังพูดอะไรออกมาไม่ได้ อย่าว่าแต่คนในเมืองเลย แม้แต่เจ้านายในที่ทำงานยังยากที่จะพบ
“ผมโทรศัพท์ไปถามก่อน พวกคุณน้าไม่ต้องรีบร้อน”
สวี่หมานทิ้งประโยคหนึ่งไว้ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแอบไปข้างหนึ่ง รีบร้อนสืบข่าวเล็ก ๆ น้อย ๆ
จางชุ่ยฮัวเห็นสถานการณ์ก็โยกย้ายความขัดแย้งทันที จะให้แรงระเบิดไปสุมอยู่บนตัวลูกเขยของเธอไม่ได้ แบบนั้นไม่ใช่เผยไต๋หรอกหรือ ถ้าทำให้สวี่หมานมีชื่อเสียงเป็นสวะเหมือนกับหลี่โม่ล่ะก็ ต่อไปจางชุ่ยฮัวก็ไม่มีหน้ามาพบพี่สาวน้องสาวพวกนี้แล้ว
“สวี่หมานของครอบครัวเราจะลงมือจัดการอะไรก็ต้องลงแรงอย่างสุดกำลังถึงจะได้ ตอนนี้ยังไม่ถึงขั้นนั้น ไม่ใช่ว่าพี่หวังจะหาคนมาจัดการหรอกหรือ ถ้าพี่หวังหาคนมาจัดการได้สบาย ๆ สวี่หมานของพวกเราก็ไม่ต้องทุ่มสุดแรงหรอก อย่างไรเสียติดหนี้บุญคุณคนก็ต้องใช้คืน เกรงว่าตระกูลเล็ก ๆ ของพวกเราจะแบกรับไว้ไม่ไหว”
จางชุ่ยฮัวพูดยิ้ม ๆ อย่างหน้าเนื้อใจเสือ
สีหน้าของหวังฟางเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา คิดในใจว่ายังดีที่เมื่อครู่รู้จักพลิกแพลง เลือกคนเอาไว้แล้ว ขอเพียงเรียกตัวฮั่วเจี้ยนเฟิงมาได้ ก็จะมีเกียรติทั้งนอกทั้งใน
“ก็จริง บ้านของเธอมีทรัพย์สินน้อย เรื่องน้ำใจเก็บไว้ให้สวี่หมานใช้เลื่อนตำแหน่งเถอะ ฉันติดต่อผู้จัดการใหญ่ของบริษัทการลงทุนติ่งซิน เขาเป็นเจ้าพ่อในวงการการลงทุน จัดการเรื่องนี้ได้พอดี”
กวาดตามองบรรดาพี่สาวที่อึ้งรับประทานครั้งหนึ่ง หวังฟางล้วงโทรศัพท์ออกมาอย่างลำพองใจ