จักรพรรดิมังกร - ตอนที่ 147
บทที่147 ขอโทษหลี่โม่เดี๋ยวนี้
หลูหมิงเซิงอกแทบระเบิด วิญญาณในร่างเหมือนจะสลาย เหมือนกับเด็กเอ๋อมองดูแก้มที่บวมเป่งเพราะถูกตบของหวังฟาง
ครั้งนี้จะอธิบายยังไง ตนเองดันไปตบหน้าแม่ยายของนายน้อย ควรรับการลงโทษอย่างไรดี?
ยอมรับผิดกรีดมือตนเอง หรือว่าหักขาตนเองเป็นการไถ่โทษ?
สมองเท่าเม็ดถั่วเหลืองของเขา พลันคิดออกมา
“ผมเสี่ยวหลูมีตาหามีแววไม่ ไม่รู้ว่าท่านคือแม่ยายของคุณหลี่ ดวงตาหมาของผมช่างไร้แววจริง ๆ ผมตบหน้าตนเองเพื่อเป็นการขอโทษ ถ้าคุณป้าไม่พูดว่าหยุด ผมเสี่ยวหลูยังตบหน้าตนต่อไปไม่หยุด”
หลังจากหลูหมิงเซิงพูดกับหวังจบคำ ไม่ทันให้หวังฟางรับคำ ยกมือขึ้นมาตบหน้าตนเองซ้ายขวาเข้าอย่างจัง
เพี๊ยะ เพี๊ยะ เพี๊ยะ!
ได้ยินเสียงตบ รู้ทันทีว่าหลูหมิงเซิงไม่คิดยั้งมือของตนเลย นั่นเป็นใบหน้าของตนเองนะ
ฮั่วเจี้ยนเฟิงลูบแก้มบวมเป่งของเขาโดยไม่รู้ตัว สายตามองหลี่โม่ คิดยังไงก็คิดไม่ออก หลี่โม่เจ้าสวะคนนี้ ทำไมถึงมีอำนาจขนาดนี้!
เมื่อครู่หลูหมิงเซิงท่าทีเย่อหยิ่งทะนงตน เวลานี้กลับตกใจกลัวจนหัวหด เปลี่ยนท่าทีได้รวดเร็วดั่งสายลม ทำให้ทุกคนที่เห็นถึงกับประหลาดใจ
หัวสมองจางฝันถึงกับชาไปทันที ไม่เคยเห็นเถ้าแก่ของเขาทำอะไรที่เสียหน้าเช่นนี้
ขยับมือไปมา จางฝันพลันคิดหาวิธีได้ จะต้องไปลงโทษตนเองพร้อมกับเถ้าแก่ของตน ไม่งั้นถ้านั่งมองอยู่ด้านข้างเพียงอย่างเดียว ไม่แน่ว่ากลับไปคงต้องตกงานแน่ ๆ
จางชุ่ยฮัวกับพวกตกใจจนตาค้าง ทุกคนต่างยืนนิ่งเหมือนคอห่าน มองดูหลูหมิงเซิง ในใจกลับมีคำถามมากมาย
หวังฟางมองการกระทำของหลูหมิงเซิงแล้ว ไม่เพียงแต่ไม่ระบายความโมโห ภายในใจกลับรู้สึกได้ถึงความอัปยศ จากความอัปยศเปลี่ยนมาเป็นเกิดบันดาลโทสะ
การกระทำของหลูหมิงเซิงทั้งหมดก็เพราะหลี่โม่ หวังฟางไม่ชอบหลี่โม่มาตลอด เกิดเรื่องในวันนี้ ทุกคนต้องมองว่าหัวสมองของตนต้องมีปัญหาอย่างแน่นอน
แต่ว่าสมองหวังฟางมีปัญหาหรือเปล่า?
หวังฟางคิดเสมอว่าตนเฉลียวฉลาด ต้องไม่มีปัญหาแน่นอน!
“หยุดได้แล้ว!”
หวังฟางตวาดใส่หลูหมิงเซิงด้วยความโมโห!
หลูหมิงเซิงตกตะลึง แม้ว่าแก้มเขาถูกตบจนบวมเป่งไปนานแล้ว แต่หลูหมิงเซิงคิดว่ายังไม่พอ
เพื่อแสดงถึงความจริงใจที่มีต่อนายน้อย ต้องตบหน้าตนเองให้เลือดสาดถึงจะถูกต้อง อย่างมากตบจนบวมเป่งเป็นหัวหมูไปเลยก็ได้
“เอ่อ? แค่นี้…….พอแล้วเหรอ ผมยังตบหน้าตนเองได้อีก ท่านป้าไม่ต้องสงสารผม ค่ายารักษาผมจัดการเอง นี่คือการลงโทษที่ผมควรได้รับ” หลูหมิงเซิงพูดพลางชำเลืองมองดูหลี่โม่
หลี่โม่จะยิ้มก็ไม่ยิ้มมองดูหวังฟาง ดูออกว่าเหตุใดหวังฟางถึงได้โมโหขนาดนี้
“ฉันพูดพอแล้วก็พอแล้วซิ รีบคืนเงินให้พวกฉันเดี๋ยวนี้ คืนเงินเสร็จแล้วก็รีบไสหัวไปให้พ้น!”
หวังฟางยิ่งระเบิดอารมณ์
“เฮ้ย จางฝันเจ้าโง่ไร้สมอง รีบคืนเงินให้ท่านป้าเดี๋ยวนี้ คืนเพิ่มอีกสิบเท่า รีบไปจัดการเดี๋ยวนี้!”
หลูหมิงเซิงตะคอกใส่
“ครับเถ้าแก่”
จางฝันก้มศีรษะไม่กล้าแม้แต่มองหน้าหลูหมิงเซิง ลุกขึ้นหยิบโทรศัพท์ออกมา เตรียมโทรไปหาแผนกการเงินทันที
จางชุ่ยฮัวกับพวกตกตะลึงจนทำปากเป็นรูปตัว O โต ๆ ตกตะลึงเป็นเวลานานกว่าจะตั้งสติได้ มองไปที่หลี่โม่พร้อมกัน
“เป็นลูกเขยของพี่หวังที่ช่วยเหลือ พูดคำเดียวเรื่องจบลงในทันที ช่างดูมีอำนาจมากจริง ๆ “
จางชุ่ยฮัวพูดด้วยน้ำเสียงปั้นแต่ง
ก่อนหน้านี้ต่อว่าหลี่โม่ว่าเป็นพวกสวะไร้ประโยชน์ แม้ว่าตอนนี้หลี่โม่จะออกหน้ามาช่วยได้ถึงขนาดนี้ แต่ในใจของจางชุ่ยฮัวที่มีต่อ หลี่โม่นั้น ยังคงไม่สามารถเปลี่ยนได้ในทันที
แต่ว่าหลี่โม่ช่วยพวกเขาเอาเงินคืนมาได้ อีกทั้งยังเพิ่มเงินให้อีกหลายเท่า จางชุ่ยฮัวเสียไม่ได้ที่จะกล่าวชมเชยแบบขอไปที
สีหน้าของสวี่หมานราวกับคนท้องผูก หน้าหงิกมองหลี่โม่พูดว่า “เจ้าพวกไร้……อะไรนะ เจ้าทำยังไง เถ้าแก่หลูถึงได้เกรงกลัวเจ้าขนาดนี้”
ฮั่วเจี้ยนเฟิงรู้สึกเสียหน้ามาก ไม่กล้าเสนอหน้าไปเทียบกับหลี่โม่ ทำได้คาหดหัวอยู่ข้าหลังบรรดาป้า ๆ ทั้งหลาย รอฟังคำตอบจากหลี่โม่ ต้องการจะรู้ให้ได้ว่าทำไมหลี่โม่ถึงมีอำนาจถึงเพียงนี้
หวังฟางเห็นท่าทีทุกคนแสดงความขอบคุณหลี่โม่กันยกใหญ่ ในใจยิ่งรับไม่ได้
ถ้าเรื่องนี้เป็นฮั่วเจี้ยนเฟิงทำสำเร็จ ความโมโหของหวังฟางคงคลายลง
แต่หลี่โม่เป็นคนทำ กลับทำให้หวังฟางรู้สึกเหมือนกินน้ำฉี่ คิดยังไงก็สะอิดสะเอียน
ถ้าหากสิ่งที่หลูหมิงเซิงคืน นั้นไม่ใช่เงิน เป็นสิ่งของอย่างอื่น หวังฟางต้องสะบัดหน้าไม่รับแม้แต่นิดเดียว ยอมรับคนนี้ไม่ได้จริง ๆ!
ยิ่งหลี่โม่ดูมีอำนาจมากขึ้นเท่าไหร่ หวังฟางยิ่งเสียหน้ามากขึ้นเท่านั้น
“ไม่มีอะไรมาก เป็นเพื่อนนักเรียนของผมรู้จักกับพวกเขา พอดีตอนนี้รับผิดชอบดูแลบริษัททางการเงินในเมืองฮ่าน หลัก ๆ ก็ดูแลบริษัทการลงทุนของเถ้าแก่หลูจำพวกนี้”
หลี่โม่หาเหตุผลบ่ายเบี่ยง สีหน้าจางชุ่ยฮัวกับพวกเผยให้เห็นถึงความเข้าใจ จากนั้นสายตาทุกคนก็แสดงความรังเกียจออกมา
“พวกไร้ประโยชน์ยังไงก็ไร้ประโยชน์ ไม่ว่าอย่างไรก็ตามไม่มีทางเปลี่ยนท่าทางไร้ประโยชน์นี้ไปได้ แค่เพียงวางก้ามให้ดูดีขึ้นเท่านั้น” สวี่หมานบ่นพึมพำ
หลังจากพูดจบสวี่หมานรู้สึกไม่พอใจ เจ้าสวะหลี่โม่ มีเพื่อนนักเรียนที่ดีขนาดนี้ ออกหน้าช่วยเหลือได้ถึงเพียงนี้ สวี่หมานอย่างข้าเก่งกว่าเจ้าสวะนี้มากมายก่ายกอง ทำไมถึงไม่มีเพื่อนนักเรียนที่มีอิทธิพลเช่นนี้
“เจ้าพูดอะไร?”
หลี่โม่มองสวี่หมานด้วยสายตาเย็นชาพูดออกมา
“ข้าว่านะ เจ้าก็แค่ไอ้สวะวางก้ามให้ดูดีขึ้นเท่านั้น ถ้าไม่มีเพื่อนนักเรียนของเจ้าคอยออกหน้า เจ้าก็เป็นได้แค่พวกขี้ขลาดไร้ความสามารถ เป็นพวกหนูเน่าในกองเศษขี้โคลน!”
สวี่หมานทั้งไม่ยินยอมและไม่พอใจอย่างมาก จึงได้แสดงท่าทางโกรธจนควบคุมสติไม่อยู่
“ฮืม เถ้าแก่หลู คืนเพียงแค่เงินต้นให้พวกเขาก็พอ ไม่ต้องชดเชยไปให้มากมาย พวกเขาไม่เกี่ยวข้องอะไรกับผม” หลี่โม่พูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“ได้ครับ ผมจะทำตามที่สั่งครับ”
เถ้าแก่หลูเชื่อฟังคำสั่งเหมือนกันสุนัขเชื่อง ๆ ตัวหนึ่ง
สวี่หมานตกใจ เพิ่งคิดขึ้นได้ว่านั่นคือเงินของพ่อตาแม่ยาย เวลานี้หลี่โม่ควบคุมทุกอย่างไว้ในมือ
จางชุ่ยฮัวโกรธจนลนลาน ตวาดใส่หลี่โม่ว่า “เจ้าสวะกำลังคิดทำอะไร เจ้ารู้มั้ยว่าเป็นเงินจำนวนเท่าไหร่ เจ้าถือดียังไงสั่งให้เขาไม่ให้พวกฉัน นั้นเป็นเงินชดเชยของพวกเรานะ! บ้าฉิบ!”
จางชุ่ยฮัว เดิมทีก็พอใจกับเงินที่ได้เพิ่มมาหลายล้าน แต่ตอนนี้ได้ระบายโทสะ ตวาดใส่หลี่โม่
หลี่โม่ยิ้มด้วยสีหน้าเย็นชา ราวกับว่าดูจางชุ่ยฮัวเหมือนดูตัวตลก
“พี่สาวทุกท่าน พวกคุณต้องเข้าใจ หากไม่มีคุณหลี่ออกหน้า พวกคุณไม่มีทางได้เงินคืน หากยังมีท่าทีไม่เคารพต่อคุณหลี่อีก เงินต้นของพวกคุณ ดูท่าแล้วตายไปก็ยังไม่มีทางได้คืน”
เถ้าแก่หลูลุกขึ้นยืนหน้าหลี่โม่ เชิดหน้าหมูอ้วนแดงก่ำของเขา เหมือนกับสุนัขหวงเจ้าของ ขมึงตาจ้องใส่จางชุ่ยฮัว
จางชุ่ยฮัวได้สติขึ้นทันทีเมื่อพูดถึงเงิน รู้สึกว่าเมื่อครู่เสียสติไปจริง ๆ ตะคอกใส่หลี่โม่ไปได้ยังไง เมื่อครู่ควรจะตบหน้าลูกเขยของตนเพื่อไถ่โทษถึงจะถูกต้อง!
“สวี่หมาน! ขอโทษหลี่โม่เดี๋ยวนี้”
จางชุ่ยฮัวกลั้นหายใจจนหน้าแดง ขมึงตามองไปที่สวี่หมาน