จักรพรรดิมังกร - ตอนที่ 155
บทที่155 ต้องสั่งสอนสักหน่อยละ
เมื่อเห็นสถานการณ์ที่น่าเศร้าของเฮียหู่ ลูกน้องในสังเฮียหู่ก็ก้าวถอยหลังไปกว่าสิบก้าว ไม่มีใครรีบวิ่งเข้าไปช่วยเฮียหู่ พวกเขาทั้งหมดยึดถือวิถีชีวิตในแบบของเพื่อนตายเถอะ แต่กูจะไม่ตาย
กู้หยุนหลันดูสิ่งที่เกิดขึ้นทุกอย่างด้วยความตกใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอเห็นคนไม่กี่คนที่มีจมูกฟกช้ำเพราะและใบหน้าบวมที่ถูกหลี่โม่ทุบตีเธอก็ประหลาดใจมากขึ้น
ตอนที่หลี่โม่พุ่งเขาไปต้องเผชิญหน้ากับผู้คนมากมายเพียงลำพัง!
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้หลี่โม่ไม่เพียงแต่ทำให้คู่ต่อสู้บาดเจ็บ และตัวเขาเองก็ยังไม่ได้ทำอะไร และไม่ได้รับการบัตรเจ็บเลย สำหรับกู้หยุนหลันเขาไม่สามารถเข้าใจได้เลย
สามีที่ไร้ประโยชน์ของตัวเองมีพลังมากขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?
ไม่เพียงแต่กู้หยุนหลันที่ไม่สามารถเข้าใจได้ สำหรับเฮียหู่ก็อยากที่จะเข้าใจได้เช่นกัน
ในอดีต เขาพาพวกลูกน้องไปไหนก็ตามแค่ยืนนิ่งเฉยก็สามารถทำให้ผู้คนหวาดกลัวได้แล้ว
แต่ตอนนี้ มาเจอกับคนเหี้ยมโหดที่กล้าเผชิญคนเป็นกลุ่มเพียงลำพังได้อย่างไรที่สำคัญคือชายคนนี้ดูเหมือนจะไม่มีใบหน้าที่โหดเหี้ยมเลย!
“ผมจะไปจากที่นี่ ผมจะไสหัวออกไปจากที่นี่เองครับ ขอบคุณพี่ใหญ่ที่เมตตา”
เฮียหู่ขาอ่อนแรงจนเดินไม่ได้ เขาคุยด้วยเสียงกระซิบ แล้วเดินถอยหลังช้าๆ
“เป็นเวลาเจ็ดวินาทีแล้ว ถ้ายังไม่รีบไป ฉันโช๊คต่อละนะ”
หลี่โม่ถูข้อมือของเขาและกล่าวว่า
ทันใดนั้นเฮียหู่ก็ขนหัวลุกระเบิด และไม่มีคำพูดไร้สาระอีกต่อไป เขาหันหลังและวิ่งอย่างก้าวกระโดดโดยไม่สนใจลูกน้องของเขาเลย
ลูกน้องทั้งหลายของเฮียหู่ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เดินตามเฮียหู่ไปอย่างอย่างรวดเร็ว
ในห้องรักษาความปลอดภัยที่ทางเข้าโรงงานวัตถุดิบ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหลายคนก็ตกตะลึง ตอนที่พวกเขาถูกเฮียหู่และคนอื่นๆล้อมรอบ พวกเขาทุกคนก็ตัวแข็ง และไม่กล้าที่จะพูดแรงๆกับพวกเฮียหู่เลย
เมื่อเห็นเฮียหู่ถูกขับออกไปในขณะนี้ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหลายคนก็ออกจากห้องเดินออกไปด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า พยักหน้าและโค้งศีรษะคำนับให้ลี่โม่
กู้หยุนหลันถอนหายใจด้วยความโล่งอก ก้าวไปข้างหน้าและจับแขนของหลี่โม่แล้วถามว่า: “ทำไมตอนนี้คุณเก่งจังขนาดนี้? แค่คนเดียวก็สามารถจัดการกับคนพวกนั้นได้”
“ตอนที่ผมยังเด็กฉันชอบกังฟูมาก ดังนั้นผมจึงได้ฝึกซ้อมกับชายชราคนหนึ่งเมื่อกี้ผมกระตือรือร้นมาก รีบวิ่งเข้าไปเพื่อปกป้องคุณ ผมไม่คาดคิดมาก่อนว่าผมจะต่อสู้เก่งขนาดนั้นได้ อาจเป็นเพราะพวกอันธพาลพวกนี้กระจอกเกินไป”
หลี่โม่พูดถึงเหตุผลอย่างไม่เป็นทางการ ชี้นิ้วไปที่บริเวณโรงงาน และเบี่ยงเบนความสนใจของกู้หยุนหลันไปที่อื่นได้สำเร็จ
เมื่อเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหลายคนเห็นกู้หยุนหลัน พวกเขาก็วิ่งเหยาะๆและพูดว่า:
“ประธานกู้มาแล้วหรือครับ เมื่อกี้โรงงานอยู่ดีๆก็ไฟดับ เลยส่งผลให้เกิดปัญหากับอุปกรณ์ ตอนนี้ทีมงานกำลังซ่อมแซมอยู่ครับ”
“พวกคุณเฝ้าประตูให้ดี อย่าให้เกิดเหตุการณ์อย่างเมื่อกี้อีก ในตอนนี้ถ้ามีคนมาขวางประตู ควรหาแผนกที่เกี่ยวข้องเพื่อจัดการกับมันให้ทันเวลา”
กู้หยุนหลันสั่งสอนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอย่างเย็นชา จากนั้นก็พาหลี่โม่เข้าไปในโรงงาน
ขณะที่เธอเดินกู้หยุนหลันหยิบโทรศัพท์มือถือของเธอออกมา และโทรหาคนที่ดูแลโรงงาน
หลังจากพูดไม่กี่คำเดินกู้หยุนหลันก็วางโทรศัพท์ และกระซิบ: “คนที่รับผิดชอบที่นี่คือกู้เผิงเฟยซึ่งถือว่าเป็นญาติห่างๆของครอบครัว และค่อนข้างสนิทสนมกับกู้ซิงเว๋ยและครอบครัวของเขา”
“ตอนนี้เขาดูแลงานซ่อมบำรุงในโรงงาน แต่เขาบอกว่ายังไม่พบปัญหาและไม่รู้ว่าจะซ่อมเสร็จเมื่อไหร่”
ยิ่งกู้หยุนหลันพูดถึงเรื่องนี้มากเท่าไหร่อารมณ์ของเธอก็ยิ่งแย่ลงเท่านั้น ถ้ารู้ว่าปัญหาอยู่ที่ไหนก็ยังดี หากไม่รู้ปัญหาปัญหาเกิดจากอะไร นั่นแหละเป็นปัญหาใหญ่
“ไปดูก่อน ถึงตอนนั้นเราจะใช้วิธีระดมความคิดกัน หากไม่ได้ผลค่อยจ้างผู้เชี่ยวชาญมาซ่อมให้
หลี่โม่ให้คำแนะนำ
กู้หยุนหลันไม่ได้พูด แต่แค่กลอกตาใส่หลี่โม่ทีหนึ่ง
หลี่โม่เกาหัวและยิ้ม และคาดเดาไม่ออกว่าความหมายของสายตานั้นคืออะไร หรือเธอจะรู้สึกว่าเราพูดมากเกินไปแล้ว เขาไม่คิดว่าเขาจะพูดมากเกินไป หรือเพราะไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ตัวเองพูด
ทั้งสองเดินอย่างเงียบๆ ภายในโรงงานมีชายร่างผอมสูงในวัยสามสิบ สวมชุดสูทพากลุ่มคนเดินมาอย่างถาโถม
“หัวหน้าคือกู้เผิงเฟย เดี๋วยคุณไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น เพราะคุณไม่ได้ทำงานใน บริษัทครอบครัวอยู่แล้ว”
หลี่โม่พยักหน้า เพื่อไม่ให้กู้หยุนหลันลำบากใจ ความข้องใจของหลี่โม่ก็ไม่สำคัญเลย
“อ้าว หยุนหลันก็มาแล้วหรือ ที่นี่จู่ๆก็มีปัญหาเกิดขึ้น ฉันกำลังให้คนไปตรวจสอบมายกเครื่องอยู่ คุณไม่ต้องกังวลเลย และไม่จำเป็นต้องมาให้เหนื่อยเช่นนี้ก็ได้”
กู้เผิงเฟยกล่าวอย่างเคร่งขรึม ด้วยท่าทีปฏิเสธผู้อื่นซึ่งหมายความว่าอย่ามายุ่งเรื่องนี้
“ไม่มาดูไม่ได้ ล่าสุดมีออร์เดอร์สั่งเข้ามาจำนวนมาก หากวัตถุดิบทำไม่ทันก็เป็นไปได้มากว่าจะส่งของไม่ตรงเวลา ผลที่ตามมาจะร้ายแรงมาก”
กู้หยุนหลันมองไปที่กู้เผิงเฟยด้วยใบหน้าที่เย็นชา และมีท่าทีว่าหน้าที่ก็คือหน้าที่
เมื่อทั้งสองพบกัน บรรยากาศก็กลายเป็นตาต่อตาฟันต่อฟันทันที
หลี่โม่ขมวดคิ้ว คิดถึงเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ รู้สึกว่าสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นมันไม่ง่ายอย่างที่เห็น
กู้เผิงเฟยยิ้มและพูดเสียงดัง: “มาแบ่งกันดูแลคนละส่วนเถอะ เราจะไม่กาวก่ายกันและกัน ตอนนี้มีปัญหากับอุปกรณ์ ถือว่าเป็นเหตุสุดวิสัย อย่างไรก็ตามผมบอกได้แค่ว่ากำลังให้คนมาซ่อมอย่างเร่งด่วนแล้ว ”
“ฉันจะไปดูก่อน ถ้าคนของคุณไม่สามารถซ่อมได้ ฉันจะได้ติดต่อคนอื่นเพื่อมาซ่อมแซมต่อ เพราะเราต้องรีบซ่อมแซมให้เสร็จโดยเร็วที่สุด”
กู้หยุนหลันไม่มีท่าทางที่จะยอมแพ้เลย
สีหน้าของกู้เผิงเฟยเปลี่ยนไปเล็กน้อย และคิดในใจว่าจะเริ่มงานได้เร็วขนาดนั้นได้อย่างไง เดิมทีการหยุดงานนั้นจัดขึ้นเพื่อเล่นงานคุณโดยเฉพาะ และจะถ่วงเวลาให้นานที่สุด
“นั่นคือธุระของโรงงานวัตถุดิบของเรา จะซ่อมแซมอย่างไงก็เป็นธุระของเรา คุณไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ โปรดกลับไปก่อนเถอะ พวกเรากำลังยุ่งอยู่กับการตรวจสอบอุปกรณ์ ไม่มีเวลาตอนรับพวกคุณ”
หลังจากพูดจบ กู้เผิงเฟยก็หันกลับมามองคนงานหุ่นล่ำที่อยู่ข้างหลังเขา จากนั้นก็เดินไปที่ห้องประชุมในโรงงาน
คนงานที่หุ่นล่ำไม่กี่คนยืนอยู่ที่เดิม จ้องมองกู้หยุนหลันด้วยความกระตือรือร้นดูเหมือนว่าจะป้องกันไม่ให้กู้หยุนหลันเข้ามาในห้องประชุม
กู้หยุนหลันขมวดคิ้วรับรู้ถึงท่าทีที่ผิดปกติของกู้เผิงเฟย เมื่อก่อนกู้เผิงเฟยไม่มีความกล้าที่จะเผชิญหน้ากับตัวเอง
ดูจากท่าทางตอนนี้ของกู้เผิงเฟยแล้ว เห็นได้ชัดว่ามีคนที่อยู่เบื้องหลังต้องการชะลอการเริ่มงานที่โรงงานวัตถุดิบ
สำหรับใครอยู่เบื้องหลังเรื่อง มันก็ชัดเจนโดยไม่ต้องกล่าวอยู่แล้ว กู้หยุนหลันแค่คิดก็รู้ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังคือใคร
กู้หยุนหลันก้าวไปข้างหน้า และคนงานหลายคนก็เอื้อมมือไปปิดกั้นเส้นทางของกู้หยุนหลัน
“หัวหน้างานของเราสั่งไว้ว่า ห้ามคนนอกเข้าออกห้องประชุมโดยไม่ได้รับอนุญาต ดังนั้นโปรดอย่าทำให้พวกเราต้องลำบากใจเลยครับ”
คนนำกล่าวด้วยรอยยิ้มกวนๆ
“พวกนายออกไปจากที่นี่ฉันไม่ใช่คนนอก!”
กู้หยุนหลันตะโกนด้วยความโกรธ
หลี่โม่เดินก้าวไปที่ด้านข้างของกู้หยุนหลัน และมองไปที่คนงานหลายคนด้วยสายตาเย็นชา: “แหกตาสุนัขของพวกนายดูให้ดี นี่คือเจ้านายของหัวหน้างานพวกนาย ยังกล้ามาห้ามอีกหรือ?”
“คุณอย่าทำให้เราต้องลำบากใจเลย ตราบใดที่หัวหน้างานของเราไม่พยักหน้าเห็นด้วย ก็ไม่มีใครสามารถเข้าไปในห้องประชุมที่โรงงานได้”
คนงานที่นำยืนยัน
หลี่โม่ยิ้มเยาะและพยักหน้า: “ดูเหมือนว่าฉันต้องสั่งสอนพวกแกซะหน่อยแล้ว”