จักรพรรดิมังกร - ตอนที่ 158
บทที่158 ค่าทำขวัญ
ในขณะเดียวกัน ฮั่วเจี้ยนเฟิงเคาะประตูบ้านของกู้หยุนหลัน
หลังทราบข่าวจากเฮียเตา ฮั่วเจี้ยนเฟิงอดใจไม่ไหวจึงรีบรุดมาเยาะเย้ยหลี่โม่
หลังเฮียเตาถูกฉู่จงเทียนตำหนิยกใหญ่ ยิ่งคิดยิ่งโมโห แสร้งบอกฮั่วเจี้ยนเฟิงว่าได้จัดการหลี่โม่แล้ว เพื่อให้ฮั่วเจี้ยนเฟิงโอนเงินงวดสุดท้ายให้เขา
หลังฮั่วเจี้ยนเฟิงโอนเงินงวดสุดท้ายไปด้วยความดีใจ จึงรีบไปซื้อของฝากให้บ้านกู้หยุนหลันทันที เพื่อเยาะเย้ยสร้างความอัปยศให้หลี่โม่ เพื่อทวงคืนศักดิ์ศรีของตนคืนมา
เปิดประตูบ้าน หวังฟางเห็นแก้มฮั่วเจี้ยนเฟิงยังมีรอบบวมแดง จึงเกิดอารมณ์เคียดแค้นขึ้นภายในใจ
“เจี้ยนเฟิงเองเหรอ รีบเข้ามาในบ้าน”
“ผมซื้อเครื่องสำอาง และครีมมาร์คหน้ามาให้คุณป้า สามารถลดปวดลดบวมได้เป็นอย่างดี ผมใช้มา ดีขึ้นมากแล้ว”
หวังฟางได้ยินแทบร่ำไห้ ช่างเป็นคนที่ใส่ใจคนอื่นจริง ๆ ตนเองถูกตบจนหน้าบวม ยังไม่ลืมซื้อของมาฝากอีก เทียบกันแล้วใส่ใจมากกว่าหลี่โม่เสียอีก
“คุณควรพักฟื้นอยู่ที่บ้าน เป็นระดับหัวหน้าคน รักษาแผลให้หายดีก่อน จะได้ไม่เสียหน้าต่อหน้าลูกน้อง”
“ยังไงคุณป้าก็สำคัญกว่า ผมสามารถทำงานที่บ้านได้ ไม่มีผลกระทบอะไร”
ฮั่วเจี้ยนเฟิงพูดพลางเหลือบมองดูนาฬิกา ประเมินเวลาแล้วหลี่โม่คงใกล้จะมาถึง ไม่รู้ว่าหลี่โม่จะอยู่ในสภาพอย่างไร เดาว่าหน้าตาคงจะบวมช้ำจนแม่ตัวเองยังจำไม่ได้
คิดถึงตรงนี้ ใบหน้าฮั่วเจี้ยนเฟิงเผยรอยยิ้มสะใจ
“เจี้ยนเฟิงมีน้ำใจมาก รีบนั่งลงกินผลไม้ก่อน เดี๋ยวป้าจะไปยกน้ำชามาให้”
“คุณป้าไม่ต้องเกรงใจ ผมมาทักทาย เดี๋ยวก็กลับ”
ฮั่วเจี้ยนเฟิงพูดจบ ได้ยินเสียงเปิดประตู ฮั่วเจี้ยนเฟิงดีใจยิ่ง จึงหันไปตามเสียงเปิดประตู
กู้หยุนหลันกับหลี่โม่เดินเข้าประตูตามกันมา ฮั่วเจี้ยนเฟิงเห็นใบหน้าหลี่โม่ไม่บุบสลายแม้แต่น้อย ความโมโหเกิดขึ้นในใจ
นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
ทำไมหลี่โม่ถึงไม่เป็นอะไรเลย?
หรือว่าเฮียเตาทำร้ายผิดคน?
ฮั่วเจี้ยนเฟิงเกิดคำถามในใจขึ้นมากมาย อีกเดี๋ยวต้องถามเฮียให้แน่ชัด จึงทำได้เพียงเก็บคำถามทั้งหมดไว้ในใจ
หลี่โม่เห็นฮั่วเจี้ยนเฟิงนั่งบนโซฟา ทักทายด้วยความกระตือรือร้นว่า“คุณฮั่วมาด้วยเหรอ รอยฟกช้ำบนใบหน้าคุณฮั่วหายเร็วมากนะ”
แก้มฮั่วเจี้ยนเฟิงกระตุกเล็กน้อย ขบเคี้ยวฟัน แต่ไม่ยอมเผยอารมณ์โกรธตนออกมาให้เห็น
“แผลของผมไม่ใช่เรื่องใหญ่ ผมได้ยินว่าหลี่โม่คุณอยู่ที่บ้านไม่มีอะไรทำ อุดอู้อยู่บ้านไม่ใช่หนทางที่ดีนัก ออกไปหางานทำนอกบ้านดีกว่า? นั่ง ๆ นอน ๆ ที่บ้าน ทำให้คนอื่นหัวเราะเยาะได้”
ฮั่วเจี้ยนเฟิงตอบกลับห้วน ๆ ด้วยความชิงชัง
หวังฟางได้ยินงานที่หลี่โม่ทำ สีหน้าหม่นหมองขึ้นทันที
“หลี่โม่ เจ้าอายุก็ไม่น้อยแล้ว ควรรับผิดชอบภาระเลี้ยงดูครอบครัวบ้าง แม้ว่าทำงานได้เงินไม่มากมาย ก็เป็นค่าเล่าเรียนให้กับซีซี ค่าอาหารและค่าเสื้อผ้าบ้าง”
“แม่……”
“ลูกอย่าเพิ่งสอด หลี่โม่ไอ้ไร้ประโยชน์ไม่ควรทำงานที่ร้านเสริมสวยต่อไป ต้องให้เขาออกไปหางานทำเป็นหลักแหล่งซักที!”
หวังฟางเอาความหงุดหงิดทั้งหมดระบายใส่หลี่โม่ ตัดสินใจให้หลี่โม่ออกไปหางาน ทำอย่างนี้ถึงไม่ต้องให้เขาอยู่ขวางหูขวางตา
อีกทั้งให้หลี่โม่ทำงานจนหัวเป็นน๊อตตัวเป็นเกลียว ไม่แน่ว่าหลี่โม่ไม่มีเวลาดูแลกู้หยุนหลัน ถึงเวลานั้นฮั่วเจี้ยนเฟิงถึงจะมีโอกาสใกล้ชิดกู้หยุนหลันมากขึ้นบ้าง
ฮั่วเจี้ยนเฟิงหัวเราะเยาะพูดว่า“ผมหางานที่เหมาะสมให้กับหลี่โม่ได้แล้วครับ ถ้าหากหลี่โม่ยินดี ผมไปจัดการให้”
“เจี้ยนเฟิงยังเก่งเช่นเดิม เทียบกับหลี่โม่เจ้าตัวไร้ประโยชน์เก่งกว่าหลายเท่า ถ้าเจี้ยนเฟิงมีหนทาง งั้นรีบไปจัดการ ให้ไอ้สวะนี้ไปทำงานเร็ว ๆ จะได้ไม่ต้องมาขวางหูขวางตาฉันอยู่ที่นี่”
หวังฟางกับฮั่วเจี้ยนเฟิงพูดสำทับกันเหมือนนัดกันมา เพื่อขับให้หลี่โม่ออกไปทำงานนอกบ้าน
“แต่ไม่ใช่งานใหญ่โตอะไรนัก เป็นบริษัทรักษาความปลอดภัยของเพื่อน แต่หลี่โม่ไม่มีเอกสารรับรองการศึกษา ทำงานรักษาความปลอดภัย ดีมากสำหรับเขาแล้ว”
ฮั่วเจี้ยนเฟิงพูดด้วยสีหน้าเย้ยหยัน
กู้หยุนหลันถอนหายใจ ไม่พูดให้มากความ กู้หยุนหลันพูดไปตอนนี้ไม่เป็นผลอะไร อีกทั้งกู้หยุนหลันหวังว่าหลี่โม่จะหางานที่ดีทำ
ยังไงทำงานที่ร้านเสริมสวย เป็นผู้ชายก็ไม่เหมาะสมเท่าไหร่นัก
หลี่โม่นั่งนิ่งไม่พูดตอบโต้ ราวกับว่าสิ่งที่ฮั่วเจี้ยนเฟิงพูดนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับตน
เพื่อไม่ให้กู้หยุนหลันต้องวางตัวลำบากระหว่างตนกับแม่ของเธอ หลี่โม่ยินดีแบกรับความอัปยศไว้กับตน
หวังฟางชำเลืองมองหลี่โม่ พูดเสียงดังว่า“หลี่โม่ เจี้ยนเฟิงหางานให้ทำ ใช้เส้นสายในวงการ เจ้ายังไม่รีบขอบคุณเขาอีกเหรอ”
“อ๋อ ให้จัดการเรียบร้อยค่อยขอบคุณ ถ้าหากทำไม่ได้ ไม่ใช่ว่าขอบคุณไปเสียเปล่าเหรอ”
หลี่โม่พูดตอบเบา ๆ
“ฮ่าฮ่าฮ่า”
ฮั่วเจี้ยนเฟิงหัวเราะท้องแข็ง“ไอ้สวะอย่างเจ้ากล้าพูดอีกเหรอ ข้าพูดว่าจัดการได้ แน่นอนว่าต้องจัดการได้อย่างเรียบร้อย เจ้าวางใจได้”
“ครั้งที่เอาเงินคืนจากเถ้าแก่หลู คุณก็พูดอย่างนี้”
หลี่โม่พูดออกไปตรงๆ
“เจ้า! ไอ้ตัวไร้ประโยชน์เสนอหน้าให้น้อย ๆ หน่อย ไม่เชื่อพวกเราไปเสียตอนนี้ หากข้าจัดการหางานให้แกได้เรียบร้อย เจ้าก็ก้มหัวคำนับข้าสามครั้ง!”
ฮั่วเจี้ยนเฟิงโมโหจนควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ ไม่หลงเหลือท่าทีความอ่อนน้อมถ่อมตนของบุคคลที่ประสบความสำเร็จ
“งั้นถ้าคุณจัดการไม่สำเร็จล่ะ? คุกเข่าคำนับขอโทษผมสามครั้ง?
หลี่โม่พูดทีเล่นทีจริง
“ได้! พวกเราไปกันเดี๋ยวนี้!”
หวังฟางขมึงตาใส่หลี่โม่ ยืนขึ้นพูดว่า“เจี้ยนเฟิงอย่าเพิ่งโมโห หางานให้หลี่โม่ต้องอาศัยคุณแล้วล่ะ ถ้าคุณหางานให้หลี่โม่สำเร็จ ฉันต้องให้หลี่โม่ขอโทษคุณแน่นอน ไม่เพียงแค่คุกเข่าคำนับสามครั้ง ต้องคำนับสามสิบครั้ง”
หวังฟางเข้าข้างฮั่วเจี้ยนเฟิงเห็นได้ชัด หวังฟางต้องการเพียงผลักไสหลี่โม่ออกไปจากครอบครัวได้ก็พอแล้ว ให้ฮั่วเจี้ยนเฟิงเข้ามาเป็นลูกเขยคนใหม่ของครอบครัว
ฮั่วเจี้ยนเฟิงเดินไปข้างนอกด้วยท่าทางหยิ่งทะนงตน“ตามมาเถอะ อีกเดี๋ยวจะให้เจ้าได้เห็นความสามารถของข้า”
หวังฟางดึงตัวกู้หยุนหลัน พูดเบา ๆ ว่า“เจ้าเด็กโง่ ตามไปดูสิ เจี้ยนเฟิงเป็นคนที่มีความสามารถคนหนึ่ง เก่งกว่าไอ้สวะนั่นตั้งเยอะ”
“แม่ ลูกกับหลี่โม่ไม่มีทางหย่ากันแน่นอน แม่อย่าเสียแรงเปล่าเลย”
กู้หยุนหลันพูดด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่น
“ลูกมันตาบอด ยังไงตอนนี้ลูกตามไปดูก่อนเถอะ ต่อไปลูกจะเปลี่ยนใจเอง”
หวังฟางดึงตัวกู้หยุนหลันเดินไปข้างนอกพร้อมกัน หลี่โม่เดินตามด้านหลังเงียบ ๆ
ฮั่วเจี้ยนเฟิงขึ้นนั่งฝั่งคนขับรถBMWของเขา หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งความออกไป อีกเดี๋ยวจะให้หลี่โม่ได้อับอาย
“เหอะเหอะ ครั้งนี้ต้องสั่งสอนหลี่โม่ให้ได้ ให้มันได้รู้ว่า ศักดิ์ศรีของฮั่วเจี้ยนเฟิงจะมาล้อเล่นไม่ได้!”
ส่งข้อความให้กับเพื่อน ฮั่วเจี้ยนเฟิงยังส่งข้อความดูหมิ่นเฮียเตาไปทางวีแชท เพื่อต่อว่าเขาที่รับเงินไปแต่ไม่ทำงานให้สำเร็จ
เฮียเตารีบตอบกลับข้อความเสียง“ถ้าเจ้ายังไม่อยากตายอย่ามายุ่งกับข้า เจ้ารู้มั้ยว่าคุณหลี่คนนี้เป็นใคร! เงินสองแสนงวดสุดท้ายที่โอนมา เป็นค่าทำขวัญพวกข้า!”
ฟังข้อความนี้แล้ว ฮั่วเจี้ยนเฟิงตกตะลึงมาก?
หลี่โม่เป็นใครกัน?
เฮียเตาถึงได้กลัวขนาดนี้?