จักรพรรดิมังกร - ตอนที่ 159
บทที่ 159 เฝ้าประตูสุนัข
คุณหลี่คือใคร?
คุณหลี่คงไม่ใช่หลี่โม่ หรือว่าหลี่โม่ยังมีสถานะอื่นอีก?
ภูมิหลังที่ทำให้เฮียเตาตกใจถึงเพียงนี้ ต้องไม่ธรรมดาแน่นอน
ฮั่วเจี้ยนเฟิงครุ่นคิดครู่หนึ่ง กำลังคิดจะส่งข้อความถามเฮียอีกครั้ง หวังฟางพากู้หยุนหลันกับหลี่โม่มาถึงพอดี
เห็นหลี่โม่และคนอื่น ๆ มาถึง ฮั่วเจี้ยนเฟิงจึงไม่ได้ทำอะไรต่อ จึงเก็บโทรศัพท์
“หยุนหลัน ลูกไปนั่งข้างคนขับ”
หวังฟางส่งสายตาให้กู้หยุนหลัน
กู้หยุนหลันแสร้งทำเป็นไม่เห็น เดินไปนั่งด้านหลังทันที
หวังฟางโมโหแต่ทำอะไรไม่ได้ จึงเดินไปนั่งข้างคนขับแทน
ฮั่วเจี้ยนเฟิงมองกระจกหลัง เห็นแถวหลังกู้หยุนหลันกับหลี่โม่ แอบยิ้มมุมปากอย่างมีนัย
“คุณป้า หยุนหลัน เพื่อนของผมเป็น HRระดับสูงของเจียงซานกรุ๊ป และเป็นผู้จัดการฝ่ายบุคคล จัดเตรียมตำแหน่งพนง.รักษาความปลอดภัย คงจะไม่มีปัญหาแน่นอน ถ้ารู้ว่าเป็นงานรักษาความปอดภัยของเจียงซานกรุ๊ป ผู้คนในเมืองฮ่านต่างแย่งกันเข้าไปทำงาน แน่นอนว่ารายได้มากกว่าทำงานร้านเสริมสวยหลายเท่า”
ฮั่วเจี้ยนเฟิงกำลังสาธยายเส้นสายในวงการธุรกิจและความสามารถของตน สามารถนำคนเข้าไปทำงานในเจียงซานกรุ๊ป เป็นเส้นสายในวงการธุรกิจที่ร้ายกาจมากแล้ว
หวังฟางดีใจจนปากหุบไม่ลง“ดูสิ ความสามารถเจี้ยนเฟิง เจียงซานกรุ๊ปเข้ายากมากขนาดนี้ ได้ยินว่าคนที่ทำงานเป็น พนง.รักษาความปลอดภัย ต้องเป็นคนที่มีความสามารถถึงจะทำได้”
“หลี่โม่ เจ้าสวะไม่รีบขอบคุณเจี้ยนเฟิงอีกเหรอ หากไม่มีเจี้ยนเฟิงช่วยเหลือ เจ้าก็ยังเป็นโคลนเน่าที่นอนรอความตายไปวัน ๆ!”
“แม่ แม่อย่าพูดแบบนี้อีกได้มั้ย”
กู้หยุนหลันรู้สึกคำพูดฟังไม่เข้าหู เอ่ยปากเพื่อปกป้องหลี่โม่
“ลูกยังปกป้องมันอีก มันใส่เสน่ห์ยาแฝดอะไรกับลูกเนี่ย!”
หวังฟางพูดเหน็บแนม
“เขาไม่ได้ทำเสน่ห์ยาแฝดอะไรให้ลูก แม่อย่าไปดุด่าเขาอีกเลย แค่นี้เขา……ก็อดทนมากพออยู่แล้ว”
เสียงของกู้หยุนหลันค่อย ๆ เบาลง
“เหอะ!”
หวังฟางส่งเสียงเหอะ ด้วยความโมโห โกรธมากจนได้แต่นั่งพิงเบาะไม่พูดอะไรอีก
ฮั่วเจี้ยนเฟิงมองดูกระจกหลัง ดูหลี่โม่ที่นั่งสงบนิ่งไม่มีทีท่าตอบโต้ซักคำ ยิ้มเยาะในใจ
ฮั่วเจี้ยนเฟิงขับรถออกไปด้วยความเร็ว ไม่นานก็มาถึงสำนักงานใหญ่เจียงซานกรุ๊ป
หลังรถยนต์จอดสนิท ฮั่วเจี้ยนเฟิงพาหลี่โม่ทั้งสามคน เดินตรงไปที่ตึกสำนักงานใหญ่ของเจียงซานกรุ๊ป โดยเดินตรงไปแผนกต้อนรับลูกค้าเพื่อลงทะเบียน
หยิบสมุดลงทะเบียนที่พนักงานต้อนรับยื่นให้ ฮั่วเจี้ยนเฟิงตวัดลายเส้นเขียนด้วยท่าทางมีราศี แต่สายตาของพนักงานต้อนรับไปจับจ้องที่หลี่โม่โดยไม่ละสายตา
ยิ่งดู พนักงานต้อนรับยิ่งรู้สึกว่าคุ้นหน้าหลี่โม่มาก รอจนฮั่วเจี้ยนเฟิงคืนสมุดลงทะเบียน พาหลี่โม่กับทุกคนเดินจากไป พนักงานต้อนรับรีบเปิดสมุดลงทะเบียนมาดู
หลังดูเสร็จ พนักงานต้อนรับรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ต่อสายภายในด้วยความลนลาน
สายตามองซ้ายมองขวา จากนั้นพนักงานต้อนรับกระซิบในสายพูดว่า“ท่านประธาน ดิฉันเห็นนายน้อยคนที่ท่านได้เคยกำชับไว้”
โครมมม
ภายในห้องทำงานประธานบริษัท แก้วน้ำในมือของเจียงเฉิงพลันตกลงบนโต๊ะ น้ำชาหกกระจายเต็มโต๊ะ
แต่ว่า เจียงเฉิงไม่สนใจว่าโต๊ะจะรกอย่างไร ลุกขึ้นถามทันทีว่า“นายน้อยมาเหรอ? คุณจำไม่ผิดนะ?”
“ดิฉันมั่นใจจำไม่ผิดแน่ พวกเขามากันสี่คน ชายสองหญิงสอง คนที่ลงทะบียนคือ ฮั่วเจี้ยนเฟิงจากบริษัทการลงทุนติ่งซิน นายน้อยไม่พูดจาอะไร พวกเขาต้องการพบไป๋จื่อหาวผู้จัดการฝ่ายบุคคล”
เจียงเฉิงสูดหายใจเข้าลึก ๆ ครุ่นคิดหลี่โม่มาด้วยสาเหตุใด
ชายสองหญิงสองไปพบผู้จัดการฝ่ายบุคคล เรื่องนี้เจียงเฉิงคิดอย่างไรก็คิดไม่ออก หรือว่านายน้อยต้องการหางานให้เพื่อนของเขา?
แต่ว่าคิดยังไงก็คิดไม่ออก นายน้อยต้องการฝากงานให้คนอื่น โทรศัพท์หาเขาโดยตรงก็ได้แล้ว
ทำไมถึงไม่มาหาเขาเป็นการส่วนตัว?
แต่ทำไมไปฝ่ายบุคคล?
ความคิดมากมายหลั่งไหลเข้ามาในสมองของเจียงเฉิง แต่ว่าเจียงเฉิงเดาไม่ออกจริง ๆ ถึงการมาของหลี่โม่ในครั้งนี้
“ผมเข้าใจแล้ว ครั้งนี้คุณทำได้ดีมาก หลังจากผมตรวจสอบแล้ว จะย้ายคุณไปทำงานส่วนกลางเลื่อนตำแหน่งและขึ้นเงินเดือน”
เจียงเฉิงพูด
“ขอบคุณท่านประธาน!”
พนักงานแผนกต้อนรับสาววางสายโทรศัพท์ ตื่นเต้นอย่างมาก อยากจะวิ่งไปหอมแก้มหลี่โม่ซักฟอดใหญ่ ๆ คำสัญญาที่เจียงเฉิงให้นั้น ทำให้สาวพนักงานต้อนรับดีใจลิงโลด
เจียงเฉิงมือถือหูโทรศัพท์ลังเลพักหนึ่ง ค่อย ๆ วางหูโทรศัพท์ลงบนเครื่องโทรศัพท์ จากนั้นจัดระเบียบเสื้อตนเองให้เรียบร้อย
“ต้องไปพบนายน้อยให้ได้ ยังไงก็ไปควบคุมเหตุการณ์ นายน้อยคงไม่ต้องการให้เปิดเผยฐานะเขา”
เจียงเฉิงเตรียมความพร้อม จัดระเบียบความคิดเล็กน้อย เพื่อเลี่ยงทำให้เกิดข้อผิดพลาด ไม่เพียงแต่ทำเสียเรื่องเข้าหน้าไม่ติด ยังอาจจะก่อเรื่องใหญ่ได้
……
ฮั่วเจี้ยนเฟิงพาหลี่โม่ทั้งสามคนเข้าไปสำนักงานของไป๋จื่อหาว สายตาที่ทั้งสองคนสบตากัน เผยรอยยิ้ม
ไป๋จื่อหาวคือเพื่อนที่สนิทมากของฮั่วเจี้ยนเฟิง เพียงแค่ทั้งสองคนสบตากัน ก็สามารถสื่อสารข้อมูลเข้าใจกัน
“เจี้ยนเฟิงมาแล้วเหรอ เชิญนั่ง มาถึงที่นี่ไม่ต้องเกรงใจ คุณต้องการฝากงานให้กับใครเหรอ?”
ไป๋จื่อหาวสวมเสื้อสูทสวมรองเท้าหนัง สวมแว่นตากรอบสีทอง นับว่าเป็นผู้ชายรูปหล่อเจ้าชู้คนหนึ่ง
เขาพูดเข้าประเด็นทันที สายตาสำรวจดูสัดส่วนกู้หยุนหลัน จากนั้นหันไปมองหลี่โม่
ฮั่วเจี้ยนเฟิงใช้นิ้วมือชี้ไปที่หลี่โม่ ยิ้มและพูดว่า“เป็นคน ๆ นี้ ไม่มีใบปริญญา และไม่มีประสบการณ์ทำงาน ทำงานที่ร้านเสริมสวย ผมสงสารเขาที่นั่ง ๆ นอน ๆ อยู่ที่บ้าน ดังนั้นจึงมาขอความช่วยเหลือจากคุณ”
“อ๋า คุณพูดอย่างนี้ นั่นมันไอ้ตัวไร้ประโยชน์ เจียงซานกรุ๊ปของพวกเราไม่รับคนไร้ประโยชน์นะ ฝากคนแบบนี้ทำให้ผมลำบากใจมาก ถึงจะทำงานตำแหน่งพนง. รักษาความปลอดภัยเจียงซานกรุ๊ปของพวกเรา ต้องมีคุณสมบัติที่พอประมาณ”
คำพูดไป๋จื่อหาว ดูแล้วไม่ค่อยให้ความเกรงใจ เป็นท่าทีเหยียดหยามดูหมิ่นคนต่ำต้อย
กู้หยุนหลันใจเต้นตุกตุก รู้สึกได้ถึงครั้งนี้ฮั่วเจี้ยนเฟิงไม่มีเจตนาดี
“ผู้จัดการไป๋พูดถูก หลี่โม่คนนี้ เป็นคนไร้ประโยชน์ในครอบครัวของพวกเรา ทำอะไรก็ไม่เป็น กินก็จุ ให้หยุนหลันของพวกเราเลี้ยงดูฝ่ายเดียว เป็นจำพวกราชาจอมขี้เกียจ พวกเราจึงคิดว่าจะหางานให้เขาทำซักหน่อย”
หวังฟางพูดด่าทอหลี่โม่ขึ้นสำทับ ในคำพูดแฝงด้วยความโมโห เหมือนกับโกรธหลี่โม่จนเข้ากระดูกดำ
หลี่โม่มองดูทั้งสามคนด้วยท่าทางสงบนิ่ง ใบหน้าค่อย ๆ เผยรอยยิ้มเล็กน้อย
เห็นหลี่โม่ยิ้ม ไป๋จื่อหาวรู้สึกประหลาดใจ จากนั้นเชิดหน้าใส่หลี่โม่
“ไอ้ตัวไร้ประโยชน์ยังมีหน้ายิ้มอีก พูดมาซิ ร้อยเมตรเอ็งวิ่งได้กี่วินาที ต่อสู้ชนะไปกี่คน พนง.รักษาความปลอดภัยเจียงซานกรุ๊ปของพวกเรา ต้องมีคุณสมบัติทางร่างกายที่ดีมาก ผมว่าตัวผอมขี้ก้างกุ้งแห้งไร้เรี่ยวแรง เกรงว่าคุณสมบัติมีไม่พออีกด้วยซ้ำ”
ไป๋จื่อหาวพูดโดยไม่เกรงใจ ในคำพูดเต็มไปด้วยคำเหน็บแนมและเย้ยหยัน
“จื่อหาว ให้เกียรติผมเถอะ หาหน้าที่อะไรก็ได้ให้กับเขาทำ เกรงว่าทำงานกะดึกน่าจะได้ หาตำแหน่งอะไรให้ทำก็ได้”
ฮั่วเจี้ยนเฟิง ยิ้มเยาะพูด
“ใช่ ใช่ ให้เขาทำงานกะดึกก็ได้ ทำงานให้นานขึ้น วันหนึ่งทำงานสิบสองชั่วโมง หรือทำทั้งวันตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงก็ได้”
หวังฟางเห็นด้วยยิ่งนัก คิดเพียงให้หลี่โม่ทำงานข้างนอกนานขึ้น ฮั่วเจี้ยนเฟิงมีโอกาสอยู่กับหยุนหลันได้มากขึ้น
“มีตำแหน่งเฝ้าประตูใหญ่คลังสินค้าแถบชานเมืองว่างพอดี เหมาะสมกับไอ้ตัวไร้ประโยชน์ได้ใช้ไปชีวิตจนแก่ตาย”
จื่อหาวยิ้มเย้ยหยัน มุมปากแสดงถึงการเหยียดหยาม พูด“เป็นตำแหน่งเฝ้าประตูสุนัข ไม่รู้ว่าตำแหน่งนี้ยินดีจะทำหรือเปล่า”
“เฝ้าประตูสุนัขเจ้าไปทำเองก็แล้วกัน”
หลี่โม่พูดตอบด้วยเสียงเย็นชา