จักรพรรดิมังกร - ตอนที่ 161
บทที่ 161 นอบน้อมอย่างยิ่ง
อยากทำอะไรก็ทำ
นี่ไม่ได้หมายความว่าตำแหน่งของเจียงซานกรุ๊ปสุ่มเลือกยังไงก็ได้ ไม่ต้องพูดถึงตำแหน่งกรรมการบริษัทและหัวหน้าของเจียงซานกรุ๊ปเลย ต่อให้เป็นผู้จัดการแผนก ออกไปก็สามารถเชิดหน้าชูตาได้แล้ว!
ไป๋จื่อหาวกับฮั่วเจี้ยนเฟิงต่างก็ตกตะลึง ตอนนี้ทั้งสองคนก็เกิดความสงสัยในใจ ที่จริงแล้วหลี่โม่เป็นคนแบบไหนกันแน่?
หวังฟางนิ่งอึ้งไป การเปลี่ยนแปลงเบื้องหน้ารวดเร็วเกินไป ทำให้สมองของหวังฟางตอบสนองไม่ทัน
“ประธานเจียง นี่คุณจริงจังเหรอคะ?”
กู้หยุนหลันถามเสียงอ่อน
ตำแหน่งระดับสูงของเจียงซานกรุ๊ป ถ้าหากหลี่โม่สามารถนั่งตำแหน่งนี้ได้ นั่นก็เพียงพอที่จะทำให้ทุกคนในตระกูลกู้ต้องเปลี่ยนมุมมองใหม่แล้ว
“จริงจังแน่นอนครับ ผมกังวลว่าคุณหลี่จะไม่ยอมลดตัวมาทำงานกับเจียงซานกรุ๊ปของเรา ถ้าหากคุณหลี่ยินยอมละก็ พวกเราเจียงซานกรุ๊ปก็จะมอบเงินเดือนและสวัสดิการที่ดีที่สุดให้เป็นการตอบแทน” เจียงเฉิงกล่าวอย่างนอบน้อม
“ทำไมกัน ทำไมหลี่โม่ถึงได้กล้าทำแบบนี้!” หวังฟางถามอย่างไม่เข้าใจ
สถานการณ์แบบนี้ เกินกว่าที่หวังฟางคาดคิดไว้โดยสิ้นเชิง เดิมทีคิดว่าจะมาตบหน้าหลี่โม่ แต่ตอนนี้กลับเป็นหวังฟางที่รู้สึกปวดแสบปวดร้อนบนใบหน้า
ไม่เพียงแต่หวังฟางที่อยากรู้คำตอบของคำถามนี้ ฮั่วเจี้ยนเฟิง ไป๋จื่อหาว และกู้หยุนหลันก็ล้วนกางหูออก รอฟังคำตอบของเจียงเฉิง
เจียงเฉิงยิ้มตาหยีกล่าว “คุณหลี่เป็นผู้มีพระคุณของผม ชีวิตของผมล้วนเป็นคุณหลี่ที่ช่วยเอาไว้ ครั้งก่อนที่ผมอยู่บนถนนจู่ ๆ โรคหัวใจก็กำเริบ โชคดีที่คุณหลี่ช่วยให้ยาผมได้ทันเวลา แล้วยังส่งผมไปที่โรงพยาบาลอีกด้วย”
“คุณธรรมของคุณหลี่สูงส่งมาก ในตอนนั้นผู้คนมากมายเห็นผมอาการกำเริบ แต่ไม่มีสักคนที่กล้าเข้ามาดูอาการผม ถ้าไม่ได้คุณหลี่ ชีวิตแก่ ๆ นี้ของผมก็คงจบสิ้นไปแล้ว”
ในตอนนี้เจียงเฉิงราวกับถูกราชาจอเงินเข้าสิง แสดงได้อย่างสมบูรณ์ไร้ที่ติ ทำให้คนดูตกตะลึงงัน
กู้หยุนหลันสายตามองหลี่โม่ด้วยความสงสัย ครั้งนี้เจียงเฉิงถูกหลี่โม่ช่วยเหลือไว้ ครั้งก่อนหลี่โม่บอกว่าได้ช่วยหลานชายของประธานหวง หรือว่าหลี่โม่เลือกที่จะช่วยเฉพาะคนรวย?
แถมยังจะบังเอิญขนาดนั้น ที่พอคนรวยเหล่านี้เกิดเรื่องขึ้นทีไร หลี่โม่ก็อยู่ใกล้ ๆ พวกเขาตลอดเลยงั้นเหรอ?
ระงับความสงสัยในใจเอาไว้ กู้หยุนหลันคิดว่ากลับไปค่อยถามหลี่โม่อีกรอบ
หลี่โม่มองสายตาของคาดหวังของเจียงเฉิง ยิ้มแล้วพูด “ผมทำงานตำแหน่งสูงขนาดนั้นไม่ได้หรอกครับ คงได้แค่ขอบคุณน้ำใจของประธานเจียงเท่านั้น”
ในสายตาของเจียงเฉิงมีความผิดหวังเล็กน้อย เดิมทีคิดว่าจะสามารถทำให้หลี่โม่มาทำงานในเจียงซานกรุ๊ปได้ แบบนั้นจะง่ายต่อการเลียแข้งเลียขา
“งั้นถ้าคุณคิดได้แล้ว ก็ต่อสายตรงถึงผมก็พอ ผมเหล่าเจียงจะช่วยอย่างเต็มที่แน่นอน”
เจียงเฉิงพูดอย่างกระตือรือร้น
“ได้ครับ ถ้าต้องการอะไรจะติดต่อประธานเจียงแน่นอนครับ ถ้างั้นผมขอตัวไปก่อนนะครับ”
หลี่โม่ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปด้านนอก เจียงเฉิงรีบไปช่วยเปิดประตูห้องทำงานให้หลี่โม่
หางตาที่มองอยู่ของไป๋จื่อหาวกับฮั่วเจี้ยนเฟิงกระตุกอยู่ตลอด รู้สึกว่าเจียงเฉิงกำลังทำท่าประจบประแจงอยู่ชัด ๆ
ทั้งสองคนคิดเหมือนกันโดยไม่ได้นัดหมาย ถ้าหากคนที่ช่วยเจียงเฉิงเป็นตัวเองจะดีแค่ไหนกัน ทำไมหลี่โม่ถึงได้โชคดีขนาดนี้!
กู้หยุนหลันดึงหวังฟางที่ใบหน้าเศร้าหมองขึ้น แล้วพากันออกจากประตูห้องทำงานไป
ฮั่วเจี้ยนเฟิงแก้มกระตุก ตบโต๊ะอย่างรุนแรง โกรธจนอยากจะออกไปกัดหลี่โม่สักสองที
“เจี้ยนเฟิง ครั้งนี้นายทำร้ายฉันแล้ว แม่มันสิ ทำฉันต้องไปเป็นหมาเฝ้าประตู!”
ไป๋จื่อหาวมองฮั่วเจี้ยนเฟิงอย่างขุ่นเคือง
แค่คิดว่าต้องช่วยไป๋จื่อหาว ครั้งนี้เท่ากับพาตัวเองมาขาดทุนเข้าแล้ว
เพียงแค่การใช้อำนาจของเจียงเฉิง ไป๋จื่อหาวก็ไม่มีความคิดที่จะลาออก ถ้าหากลาออก แต่ตกงานโดยสิ้นเชิง
ฮั่วเจี้ยนเฟิงเองก็รู้สึกผิดต่อไป๋จื่อหาว พูดขึ้นท่ามกลางความเงียบ “สหาย นายอดทนไว้ก่อน รอฉันจัดการหลี่โม่ได้แล้ว นายต้องผงาดกลับมาอีกครั้งได้แน่”
“นายต้องจัดการให้ไวหน่อย ชีวิตที่เป็นยามเฝ้าประตู ฉันหวังว่ามันจะไม่นานเกินไปนะ”
น้ำเสียงของไป๋จื่อหาวเต็มไปด้วยความอับจนปัญญา ทางด้านฮั่วเจี้ยนเฟิงเขาเองก็ก่อเรื่องไม่ได้ ได้แต่หวังว่าฮั่วเจี้ยนเฟิงจะจัดการหลี่โม่ได้ในเร็ววัน
เวลานี้เจียงเฉิงก็ได้ส่งหลี่โม่ออกไปแล้ว วางแผนให้คนขับรถของตัวเองไปส่งหลี่โม่กลับบ้าน
“คุณหลี่ หลังจากนี้ถ้าว่างก็มาได้เสมอ ประตูใหญ่ของพวกเราเจียงซานกรุ๊ป เปิดรับคุณเสมอ คุณคือแขกวีไอพีของพวกเราตลอดไป”
เจียงเฉิงพูดประจบ ทั่วทั้งใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“อืม ถ้าว่างผมจะมา”
หลี่โม่เข้าไปนั่งที่นั่งด้านหลัง เจียงเฉิงปิดประตูรถอย่างกระตือรือร้น โบกมือให้ขับรถออกไปได้
ระหว่างทางหวังฟางไม่ได้พูดอะไร ในใจสับสนไปหมดจนไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี
เมื่อถึงบ้าน หวังฟางก็ถามขึ้นขณะก้มหน้า “หลี่โม่ แกบอกฉันมาว่ามันเรื่องอะไรกัน!”
“เรื่องอะไรครับ?”
หลี่โม่แสร้งถามอย่างโง่งม
“แกยังมาเสแสร้งอะไร แกกับประธานเจียงที่จริงแล้วมันเรื่องอะไรกันแน่!ทำไมเขาถึงเคารพแกขนาดนั้น นี่มันไม่มีเหตุผล!”
ระหว่างทางหวังฟางยิ่งคิดยิ่งรู้สึกว่ามันมีอะไรไม่ถูกต้อง รู้สึกว่าถึงแม้หลี่โม่จะช่วยชีวิตเจียงเฉิง แต่เจียงเฉิงก็ไม่น่าจะปฏิบัติต่อเขาแบบนี้
“ผมก็แค่บังเอิญได้ช่วยชีวิตประธานเจียงเข้า ไม่ใช่ว่าประธานเจียงพูดไปแล้วเหรอ ตอนนั้นกลุ่มคนไม่มีใครกล้าเข้าไปช่วยคนเลย คิดว่าประธานเจียงเป็นพวกนักต้มตุ๋น ผมเห็นว่าสถานการณ์ของประธานเจียงไม่ถูกต้อง เลยเข้าไปเอง”
หลี่โม่อธิบายออกมาทันทีอย่างไม่ต้องคิด
“ต่อให้แกช่วยชีวิตประธานเจียง เขาก็ไม่น่าจะปฏิบัติกับแกแบบนี้!จะให้แกมาเลือกตำแหน่งในบริษัทตามใจชอบได้ยังไง นั่นคือเจียงซานกรุ๊ปนะ บริษัทขนาดใหญ่ของเมืองฮ่าน!”
หวังฟางยังคงไม่เชื่อหลี่โม่ คิดว่าถ้าตัวเองเป็นเจียงเฉิง คงจ่ายค่าตอบแทนให้มากหน่อยก็พอแล้ว แต่ไม่ใช่ให้ตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงของบริษัท
“เหอะเหอะ ประธานเจียงพูดสุภาพอย่างนั้น คุณไม่เห็นเหรอว่าผมไม่กล้ารับ เขาเองก็ออกหน้าเพื่อช่วยผม กำจัดไป๋จื่อหาวไป ถึงเขาจะให้ผมเป็นผู้บริหารระดับสูงหรืออะไรก็ตามจริง ๆ ผมเองก็ไม่กล้าที่จะเป็นหรอก”
คำอธิบายของหลี่โม่ทำให้หวังฟางเงียบสนิท คิดว่าอธิบายแบบนี้ ค่อนข้างมีเหตุผล บางทีเจียงเฉิงอาจจะแค่พูดสุภาพไปเท่านั้น
“แม่คะ หลี่โม่พูดมีเหตุผลนะคะ ครั้งนี้เขาทำได้ไม่เลว จากสถานการณ์ของเขา ยังไม่เหมาะที่จะทำงานในเจียงซานกรุ๊ปจริง ๆ นั่นแหละค่ะ”
กู้หยุนหลันพูดช่วย
หวังฟางจ้องหลี่โม่ด้วยความโกรธ พูดอย่างเชือดเฉือนว่า “รีบไปทำอาหารซะ คนไร้ประโยชน์อย่างแกน่ะก็เป็นแค่แมงดาที่อยู่ในบ้านเท่านั้น!”
“ครับ”
หลี่โม่ก้มหัวเข้าไปในครัว ไม่นานกู้หยุนหลันก็โผล่เข้ามาในครัวด้วย ถามเสียงต่ำ “ที่นายพูดเมื่อกี้เป็นความจริงเหรอ? ไม่ได้โกหกใช่ไหม?”
“เป็นความจริงสิ คุณไม่เชื่อผมเหรอ ผมไม่ได้มีความสามารถอะไรขนาดนั้น ถ้าผมมีความสามารถคุณก็คงไม่ให้เห็นผมโดนรังแกหรอก”
หลี่โม่พูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
“ฉันเชื่อนาย เรื่องวันนี้นายอย่าแค้นเคืองแม่ฉันเลยนะ เธอเองก็ร้อนใจ เห็นนายทำงานที่ร้านเสริมสวยแล้วไม่ได้เงิน เลยหวังว่านายจะมีงานที่เหมาะสมได้ เป็นฮั่วเจี้ยนเฟิงที่เลวเกินไป เห็นได้ชัดว่าถือโอกาสทำให้นายอับอาย”
กู้หยุนหลันพูดกัดฟัน มุ่ยปาก ทำท่าโกรธอย่างน่ารักน่าชัง
“ไม่เป็นไร ครั้งนี้เขาเองก็เดือดร้อนไม่ใช่เหรอ เดาว่าไป๋จื่อหาวนั่นคงเกลียดฮั่วเจี้ยนเฟิงแทบตาย บางทีหลังจากนี้ถ้าเขาก่อเรื่องอะไรขึ้นมาคงทำให้ฮั่วเจี้ยนเฟิงเสียใจแล้ว”
หลี่โม่หัวเราะชอบใจ