จักรพรรดิมังกร - ตอนที่ 162
บทที่ 162 รนหาที่ตาย
ในขณะเดียวกัน
เฮียหู่ยืนอยู่หน้ากู้ซิงเว๋ยด้วยใบหน้าบวมช้ำ มองกู้ซิงเว๋ยด้วยความสงสาร
“ไม่ใช่ว่าฉันไม่เต็มที่กับการทำงาน นายดูฉันสิโดนตีจนเป็นแบบนี้ เจ้าเด็กนั่นยังสบายดีอยู่จริง ๆ พี่น้องหลายสิบคนของฉันล้วนทำอะไรเขาไม่ได้เลย”
เฮียหู่พูดไปด้วยความท้อใจ
กู้ซิงเว๋ยดึงปึกเงินออกมาอย่างอารมณ์เสีย วางลงด้านหน้าเฮียหู่
“ไอ้พวกคนไร้ประโยชน์ เอาไปรักษาตัวซะ”
เฮียหู่หยิบเงินแล้วออกไป มาหากู้ซิงเว๋ยก็เพราะต้องการเงิน
กู้ซิงเว๋ยมองด้านหลังของเฮียหู่ หยิบเอาบุหรี่มาสูบสองเฮือก แล้วโทรหากู้เผิงเฟย
แต่ว่าโทรไปหลายสิบสายก็ไม่มีคนรับ
กู้ซิงเว๋ยกดโทรไปหลายครั้ง กู้เผิงเฟยก็ไม่รับสายเลย
“สารเลว!ไอ้เด็กนี่ต้องหักหลังแน่ คิดว่าทำแบบนี้แล้วจะอยู่อย่างสบายไร้กังวลได้งั้นเหรอ? ไร้เดียงสาจริง ๆ ”
ในเมื่อแผนแรกล้มเหลว กู้ซิงเว๋ยจึงตัดสินใจใช้แผนที่สอง ไม่ว่ายังไงก็ต้องทำให้วัตถุดิบมีปัญหาให้ได้ จะให้กู้หยุนหลันส่งมอบทั้งหมดตามเวลาในสัญญาไม่ได้
“เฮียพีลี่ เอาตามที่พวกเราคุยกันไว้ก่อนหน้านี้ พรุ่งนี้พวกคุณขวางทางไปโรงงานวัตถุดิบซะ รถทุกคันที่ออกมาจากโรงงานจะต้องขวางและถูกหยุดเอาไว้ ทำได้ไหม?”
กู้ซิงเว๋ยต่อสายหาอีกเบอร์หนึ่ง
“ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว สหายนายสบายใจได้ ”ต่อให้เป็นเง็กเซียนฮ่องเต้มาก็เอารถกลับไปไม่ได้
ปลายสาย เสียงทุ้มต่ำตอบกลับมา
“ถ้าอย่างนั้นก็ดี เริ่มพรุ่งนี้เช้า”
กู้ซิงเว๋ยวางสาย ในสายตาแสดงออกถึงความพึงพอใจ
“หึหึ เฮียพีลี่คนนี้เป็นคนโหดเหี้ยมที่เคยผ่านการนองเลือดมาแล้ว ฉันจะดูว่าครั้งนี้พวกแกจะทำยังไง”
……
เช้าวันรุ่งขึ้น เสียงริงโทนโทรศัพท์ดังขึ้นปลุกกู้หยุนหลันจากความฝัน
กู้หยุนหลันรับสายอย่างสะลึมสะลือ “ฮัลโหล?”
“ประธานกู้ เกิดเรื่องแล้ว รถวัตถุดิบของพวกเราที่ออกจากโรงงานถูกขวางเอาไว้ พวกเราไปเจรจาก็โดนคนทุบตีกลับมา”
กู้เผิงเฟยพูดอย่างกังวล
“มาขวางได้ยังไง? ใครขวาง”
กู้หยุนหลันลุกขึ้นนั่งที่นอน แล้วรีบลงจากที่นอน
“ชื่อว่าเฮียพีลี่อะไรเนี่ยแหละ สารเลวที่มีชื่อเสียงในท้องที่แถวโรงงานนี้ ลูกน้องก็โหดเหี้ยมมาก ผมได้แจ้งความไปแล้ว แต่ว่าคนทางนั้นแค่มาดู ๆ แล้วก็ไป บอกว่าเป็นเรื่องของกฎหมายแพ่งจัดการไม่ได้”
กู้เผิงเฟยตอบ
กู้หยุนหลันใจกระตุก รู้สึกว่าเรื่องจะต้องบานปลายแน่ กลัวว่าเรื่องคราวนี้จะจัดการได้ไม่ง่ายนัก
“นายเจรจากับพวกเขาไปก่อน ดูว่าพวกเขาต้องการอะไรกันแน่ ถ้าอยากได้เงิน จำนวนไม่มาก นายก็เอาให้พวกเขาไป ถ้าหากต้องการจำนวนมาก นายค่อยโทรมาหาฉัน……”
กู้หยุนหลันให้กู้เผิงเฟยจัดการส่วนนั้น จากนั้นก็รีบลุกไปเก็บของ
หลี่โม่เห็นกู้หยุนหลันกำลังยุ่งกับการล้างหน้าบ้วนปาก ก็รู้สึกว่าตัวเองควรไปดูสถานการณ์ก่อน
หลี่โม่ที่ใส่เสื้อผ้าเรียบร้อย เอาการซื้ออาหารมาเป็นข้ออ้างในการออกไป แล้วเรียกรถให้รีบวิ่งไปที่โรงงานวัตถุดิบ
……
ถนนด้านนอกของโรงงานวัตถุดิบ รถบรรทุกที่ใช้ในการขนส่งวัตถุดิบถูกจอดไว้ข้างทาง
เพียงแต่บนรถทั้งหมดไม่มีคนขับ คนขับรถแต่เดิม ในเวลานี้ล้วนหมอบอยู่กับพื้นโดยใช้สองมือกุมหัวเอาไว้
ชายหนุ่มหลายสิบคนที่มีรอยสักเสือและมังกร เผยรอยสักบนแผ่นหลังอย่างชัดเจน นำตัวคนขับรถไปไว้ตรงกลาง คุยโม้หัวเราะกันคิกคัก
“งานคราวนี้ง่ายจริง ๆ ได้ยินมาว่ากู้หยุนหลันจะออกมาแล้ว นั่นคือคนงามที่สุดในเมืองฮ่านของพวกเราเลยนะ”
“ฉันเคยเจอกู้หยุนหลันอยู่ครั้งหนึ่ง ความสวยนั่นฮอตสุด ๆ รูปร่างมองแล้วเลือดกำเดาฉันแทบจะไหลออกมาจริง ๆ ”
“รูปร่างดีงามหน้าอกโตก้นงอน ใบหน้างดงามอย่างเปรียบไม่ได้ ถ้ากดลงเตียงได้ ชั่วชีวิตนี้ฉันคงไม่ยอมลงจากเตียงแน่”
คนพวกนี้ ยิ่งพูดยิ่งตื่นเต้น อยากให้กู้หยุนหลันออกมาเจรจาจนแทบจะทนไม่ไหว
หลี่โม่เดินมาทางพวกมันด้วยสีหน้ามืดครึ้ม สิ่งที่กลุ่มคนพวกนี้คุยกันเสียงดัง หลี่โม่ได้ยินมันทั้งหมดไม่มีตกหล่นแม้แต่คำเดียว
“ขอโทษสำหรับถ้อยคำหยาบคายที่พวกแกเพิ่งพูดเมื่อครู่มาซะ”
หลี่โม่พูดเสียงเย็น
นักเลงหลายคนยืนอยู่รอบนอก มองไปที่หลี่โม่ แล้วพากันหัวเราะ
“ขอโทษ? ขอโทษแม่มึงสิ!มึงเป็นใครกัน ถึงจะให้พวกกูขอโทษ มึงรู้ไหมว่าพวกกูเป็นใคร!”
“คนที่กล้าให้พวกกูขอโทษ ยังไม่เกิดมาเลยด้วยซ้ำ ไอ้ลูกเต่าอย่างมึงโผล่ออกมาจากไหนกัน”
“มัวพูดไร้สาระกับมันทำไม ตีจนมันร้องเรียกปู่ก่อนค่อยคุย!”
เหล่าชายหนุ่มที่อยู่รอบนอกก็เริ่มโมโหเช่นกัน คนที่ไม่เห็นก็ละเลงหมัด โจมตีไปทางหลี่โม่
“หาเรื่องตาย!”
หลี่โม่เองก็ไม่เกรงใจ ในเมื่อคนเหล่านี้เอากู้หยุนหลันมาคุยเล่น หลี่โม่ก็จะทำให้พวกมันชดใช้ด้วยความเจ็บปวด
ปังปังปัง!
เสียงกร๊อบแกร๊บดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลี่โม่รัวหมัดราวกับฟ้าแลบ โจมตีที่แขนของชายหนุ่มหลายคน
แกร๊บ!
แกร๊บ!
เสียงกระดูกหักดังขึ้น พวกมันทุกคนพากันกรีดร้องออกมา
“อ้าก! แขนกูหักแล้ว!”
“มือกูหักแล้ว ไอ้เด็กนี้แรงเยอะเกินไปแล้ว!”
“พี่ใหญ่ มีคนมาโจมตีที่ลาน!”
ชายหนุ่มหลายคนที่รู้ถึงความเก่งกาจของหลี่โม่ ล้วนไม่กล้าสู้กับหลี่โม่อีก และรีบถอยออกไปอย่างรวดเร็ว รอให้คนกลุ่มใหญ่ด้านหลังเข้ามา
พวกนักเลงที่ล้อมรอบคนขับรถอยู่ก็รีบมารวมตัวทันที พากันมองหลี่โม่อย่างถมึงทึง
ในสถานการณ์ที่มีคนจำนวน พวกมันก็ไม่กลัวคนมีฝีมือแค่คนเดียว พวกมันมั่นใจว่าด้วยจำนวนคนจะสามารถจัดการหลี่โม่ได้
เฮียพีลี่ที่มีรอยสักมังกรเก้าแถวพันอยู่ทั่วกล้ามเนื้อทั้งตัว ถือมีดเล่มหนาเดินเข้ามา
ใบหน้าเต็มไปด้วยเส้นเลือดปูดโปน ความชั่วร้ายเผยออกมา เฮียพีลี่แผ่รังสีโหดเหี้ยมในลานอย่างเต็มที่
“ไอ้หนุ่ม มึงหาเรื่องเหรอ?”
เขาตะคอกถามอย่างโมโหร้าย
“ฉันให้พวกแกขอโทษ”
หลี่โม่จ้องเฮียพีลี่ ไม่สนใจออร่าของเฮียพีลี่โดยสิ้นเชิง
“ขอโทษ? ตลกแล้ว คนที่กูเฮียพีลี่พามา เป็นคนที่จะไม่ขอโทษใครมาก่อน มึงเป็นใครมาจากไหน เอ่ยชื่อมา”
เฮียพีลี่เห็นหลี่โม่สงบนิ่ง ก็รู้สึกว่าหลี่โม่อาจไม่ใช่คนธรรมดา
ถ้าหากหลี่โม่เป็นคนสนิทของเจ้าพ่อที่มีอิทธิพลคนไหน งั้นก็ต้องคิดการรับมือให้ดี ๆ
“แกไม่คู่ควรที่จะรู้ ให้เวลาแกสิบวินาทีในการขอโทษ ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจ”
หลี่โม่บอกเสียงเย็น ขณะเดียวกันก็บิดคอเล็กน้อย
ลูกน้องของเฮียพีลี่ ถูกคำพูดของหลี่โม่ทำให้โมโหแทบแย่แล้ว รู้สึกว่าหลี่โม่อวดดีเกินไป
“มึงไอตูดหมาเล่นอะไรก็ให้มันน้อย ๆ หน่อย เฮียพีลี่ของพวกกูถามมึงเพราะเห็นแก่หน้ามึง มึงอย่าทำตัวน่าอาย”
“อย่าคิดว่ามีแรงเยอะนิดหน่อยแล้วจะเจ๋ง พวกกูคนเยอะขนาดนี้ไม่กี่นาทีก็จัดการมึงได้แล้ว”
“เฮียพีลี่ จะพูดกับคนจรจัดแบบนี้ให้เสียเวลาไปทำไมกัน ทั้งตัวมันใส่สินค้าตามแผงลอย ดูก็รู้ว่าเป็นสินค้าขยะ แค่ตีก็พอแล้ว”
สีหน้าของเฮียพีลี่ก็ทนไม่ไหวแล้วเหมือนกัน ยิ่งมองเสื้อผ้าที่หลี่โม่ใส่ ในใจก็รู้สึกเสียใจที่ระวังมากเกินไปขึ้นมาทันที
จากเสื้อผ้าตามแผงลอยทั่วทั้งตัวแล้ว ก็มองออกว่าฐานะของหลี่โม่ไม่ได้สูงส่งอะไร คนสนิทของเจ้าพ่อผู้มีอิทธิพลที่ไหน จะใส่เสื้อผ้าตามแผงลอยแบบนี้
“แม่งเอ๊ย!เกือบถูกเจ้าหนุ่มนี้ต้มซะแล้ว”
เฮียพีลี่สบถอย่างโมโหร้าย ถลึงตามองหลี่โม่แล้วพูด “คุกเข่าลง โค้งคำนับขออภัยซะ แล้วจะไว้ชีวิตสุนัข ๆ ของมึงให้ ไม่อย่างนั้นวันนี้จะทำให้มึงเป็นศพอยู่ที่นี่”
“ดูแล้วคงเป็นพวกแกที่รีบหาเรื่องตายแล้วล่ะ”
หลี่โม่พูดอย่างเยาะเย้ย