จักรพรรดิมังกร - ตอนที่ 165
บทที่ 165 เพิ่มราคา!ห้าล้าน
“ขอบคุณพี่ใหญ่ที่ให้ให้โอกาสพวกผมกลับตัวกลับใจนะครับ พวกผมจะขยันทำงานแน่นอน จะเปลี่ยนแปลงชีวิตต่อจากนี้สุดความสามารถ ขอบคุณพี่ใหญ่ ขอบคุณพี่สะใภ้”
เฮียพีลี่กล่าวคำขอบคุณเสร็จ ก็พาลูกน้องที่ไม่บาดเจ็บไปทำงานในโกดัง
ส่วนลูกน้องที่บาดเจ็บทั้งหลาย เฮียพีลี่ควักเงินตัวเองจ้างคนส่งพวกเขาไปโรงพยาบาล
ดูเฮียพีลี่ที่เข้าไปทำงานแปรรูปอย่างแข็งขัน กู้เผิงเฟยและทุกคนวุ่นวายไปหมด ภาพนี้เกินกว่าที่ทุกคนจินตนาการออกมาได้
“อวดดี อวดดีเกินไปแล้วจริง ๆ เอ่อ ที่ผมพูดล่วงเกินไป หวังว่าหลี่โม่คุณจะให้อภัยผมนะ”
ผู้จัดการแผนกรักษาความปลอดภัยขอโทษอย่างสำนึกผิด
เห็นสภาพเฮียพีลี่ที่น่าเวทนา หัวหน้าแผนกรักษาความปลอดภัยก็นึกเสียใจที่พูดจาเสียดสีหลี่โม่ไปเมื่อครู่ ตอนนี้เห็นว่าเรื่องถูกจัดการเรียบร้อยแล้ว จึงรีบออกมาขอโทษในทันที
นอกจากนี้ผู้จัดการคนอื่นที่เคยเกลียดหลี่โม่ ก็มาขอโทษหลี่โม่ด้วย
“พี่หลี่ คุณดูพี่น้องปากเสียนี่สิ เมื่อครู่เพิ่งจะพูดไร้สมองอยู่เลย ยังมาขอให้พี่หลี่ให้อภัย”
“เป็นผมเองที่ปากเสีย เมื่อครู่ที่สงสัยพี่หลี่ไป ล้วนไม่ได้ตั้งใจพูด ขอพี่หลี่อย่าได้ใส่ใจเลย”
ผู้จัดการหลายคนที่มีอายุมากกว่าครึ่งร้อย เรียกพี่หลี่ อย่างเต็มปากเต็มคำ ทำให้หลี่โม่หัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก
“ล้วนเป็นเรื่องเล็กน้อย ทุกคนให้ความร่วมมือกับหยุนหลันทำงานออกมาดีก็พอแล้ว เรื่องอื่นล้วนไม่ต้องไปสนใจ”
หลี่โม่พูดอย่างใจกว้าง
กู้หยุนหลันที่อยู่ด้านข้างมองหลี่โม่เงียบ ๆ สายตามีประกายความสมใจวาบผ่าน
“ให้พวกเขาทำงานในโรงงาน จะเกิดเรื่องอะไรหรือเปล่า?”
กู้หยุนหลันถามเสียงต่ำ
“ไม่ครับ พวกเขาล้วนปรารถนาจากส่วนลึกของจิตวิญญาณที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง ไม่ก่อเรื่องอะไรแน่นอน”
หลี่โม่พูดอย่างมั่นใจ
กลุ่มคนวุ่นวายอยู่พักหนึ่ง จากส่วนลึกของจิตวิญญาณไม่มีใครอยากจะเชื่อ ทุกคนก็ไม่ใช่เด็ก ๆ กันแล้ว แค่มองก็รู้ว่า คนพวกนี้โดนตีจนเชื่อง
……
ภายในที่นั่งพิเศษของคลับจินตี้ กู้เจี้ยนกั๋วและกู้ซิงเว๋ยสีหน้ามืดครึ้มนั่งอยู่ทางหนึ่ง ฝั่งตรงข้ามของทั้งคู่คือคน ๆ หนึ่งที่ใส่แหวนทองคำวงใหญ่ สร้อยทองเส้นใหญ่ ชายหัวล้านตัวโตที่กำลังสูบซิการ์อยู่
ชายหัวล้านตัวโตคือเฮียเปียวผู้มีชื่อเสียงในสังคมอิทธิพลมืดเมืองฮ่าน สถานะเกือบจะเท่าฉู่จงเทียน อู๋เต้าเหวินและราชาใต้ดินทั้งสี่ของเมืองฮ่าน
พูดได้ว่า เขาคือบุคคลสังคมมืดเมืองฮ่านที่ลงมือได้โหดเหี้ยมที่สุดในยุคเมโซโซอิก
“คนพวกนี้ของแกไร้ประโยชน์เกินไปแล้ว เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็จัดการไม่ได้ ให้พวกมันไปขัดขวางผลผลิตของโรงงานวัตถุดิบไม่กี่วัน แต่แกดูเรื่องที่ทำสิ”
กู้เจี้ยนกั๋วทุบโต๊ะแล้วพูด
ตั้งแต่เฮียหู่จนถึงเฮียพีลี่ก็ล้มเหลว ทำให้กู้เจี้ยนกั๋วร้อนใจมาก
ถ้าหากยังขัดขวางผลผลิตของโรงงานวัตถุดิบไม่ได้ ตำแหน่งของกู้หยุนหลันก็จะมั่นคงขึ้นแล้ว
เฮียเปียวพ่นควันออกมา ส่ายหน้าแล้วพูด “พวกคุณอายที่จะบอกว่า ที่งานไม่สำเร็จ นั่นเป็นเพราะข้อมูลของพวกคุณมันไม่ถูก ทางนั้นมีคนมีฝีมือ วันนี้ลูกน้องของผมถูกหามส่งโรงพยาบาลไปหลายสิบคน”
“คนมีฝีมือที่ไหนกันล่ะ เห็นชัด ๆ ว่าแกมันกากเกินไป บอกว่าแกเฮียเปียวเป็นคนมีชื่อเสียง พวกฉันถึงมาให้แกทำงานให้ ดีเลวยังไงแกก็ต้องพึ่งคู่มือ!”
กู้ซิงเว๋ยพูดหน้าถมึงทึง
“เฮียเปียวอย่างผมต้องพึ่งคู่มือตั้งแต่เมื่อไร ข้อมูลของพวกคุณไม่ตรง ทำให้ลูกน้องของผมเสียหายยับเยิน พวกคุณยังมีหน้ามาพูดว่าผม”
เฮียเปียวพูดจบก็ถลึงตามองพ่อลูกกู้เจี้ยนกั๋ว จากนั้นก็ผายมือขวาไปที่โต๊ะ “ลูกน้องของผมบอกมาหมดแล้ว พวกมันถูกคนเพียงคนเดียวทุบตีจนบาดเจ็บ คนที่มีฝีมือขนาดนั้น พวกคุณลองคิดเอาเอง ว่ามีกำลังต่อสู้แข็งแกร่งขนาดไหน”
“อีกอย่างผมเองก็ตรวจสอบแล้ว ชายคนนั้นไม่เพียงมีกำลังต่อสู้ที่แข็งแกร่ง ยังมีเบื้องหลังที่ไม่ธรรมดา ช่วยพวกคุณเรื่องนี้ ผมไม่ได้แค่สูญเสียลูกน้อง ยังทำให้ผิดใจกับคนไปไม่น้อย”
กู้เจี้ยนกั๋วและกู้ซิงเว๋ยมองตากัน ก็คิดไม่ออกว่าคนที่เฮียเปียวพูดถึงนั้นเป็นใคร
“พวกเราไม่รู้จริง ๆ ว่าฝั่งนั้นมีคนมีฝีมือ แกบอกมาว่าคนมีฝีมือคนนั้นคือใคร?” กู้ซิงเว๋ยถาม
“คน ๆ นั้นคือคุณหลี่ พวกคุณไม่รู้ได้ยังไง?”
เฮียเปียวนวดหัวคิ้วแล้วพูด
“คุณหลี่? หรือว่าจะเป็นหลี่โม่? นั่นก็แค่คนไร้ประโยชน์ เฮียเปียวนี่แกเล่นตลกอย่างจริงจังอยู่หรือไง?” กู้ซิงเว๋ยทุบโต๊ะแล้วตะคอก
กู้เจี้ยนกั๋วดึงกู้ซิงเว๋ยไว้ จ้องเฮียเปียวที่อยู่ตรงข้ามแล้วพูด “เพราะงั้นแกก็เลยกลัว? ไม่กล้าลงมือกับพวกมันต่อ?”
“กลัว? ฮ่าฮ่าฮ่า ผมไม่รู้จริง ๆ ว่าคำว่ากลัวสะกดยังไง พวกคุณอยากให้ผมลงมือต่อเหรอ?” เฮียเปียวพูดพลางหัวเราะ
“ใช่ พวกเราทำสัญญากัน ฉันหวังให้ทำต่อไป” กู้เจี้ยนกั๋วพูด
“ถ้างั้นก็ต้องจ่ายค่ารักษาของน้องผมที่นอนโรงพยาบาลก่อน นอกนั้นยังต้องเพิ่มเงิน คุณหลี่คนนั้นไม่ใช่คนธรรมดา การรับมือเขาผมต้องใช้แรงใจนิดหน่อย บางทีอาจจะต้องใช้ไพ่เด็ดในมือผม นี่คือค่าใช้จ่ายที่ไม่น้อยเลยทีเดียว”
ต้องการเงิน นี่คือจุดประสงค์หลักที่เฮียเปียวมาในครั้งนี้
ยังไงก็ตามลูกน้องในมือต้องเลี้ยงดูตั้งเท่าไร ต้องทำเงินได้มากพอ ถึงจะเลี้ยงดูลูกน้องได้ และอีกอย่างเพื่อรวบรวมกำลังคนขยายอาณาเขต
ตอนนี้ฉู่จงเทียนและคนอื่น ๆ ก็อายุมากแล้ว ในใจของเฮียเปียวก็พองฟูขึ้นมาแผ่ว ๆ คิดอยากจะแทนที่ฉู่จงเทียนและคนอื่น ๆ
“พูดมา ต้องการเงินเท่าไร ก่อนหน้านี้ตอบรับแกไปแล้วสามล้านมันเป็นจำนวนที่ไม่น้อยเลยนะ หวังว่าแกจะไม่เพิ่มราคาเกินพอดีเป็นสิงโตปากใหญ่”
กู้เจี้ยนกั๋วพูดอย่างสงบ
“หึหึ ผมก็ไม่ใช่คนที่จะเพิ่มราคามั่ว ๆ เหล่าพี่น้องเองก็รู้ ผมกู้เจี้ยนกั๋วเป็นคนที่พูดเชื่อถือได้”
เฮียเปียวพูดแล้วยื่นมือออกมากางห้านิ้ว แกว่งไปมาหน้ากู้เจี้ยนกั๋ว “ห้าล้าน แล้วจะไม่ขอเงินคุณเพิ่มอีกแน่นอน”
“นี่แกจะปล้นกันหรือไง รับมือหลี่โม่แค่คนเดียว แกจะเอาเพิ่มอีกสองล้าน!”
กู้ซิงเว๋ยพูดด้วยสีหน้าไม่น่าดู
ในมุมมองของกู้ซิงเว๋ย เฮียเปียวคนนี้กำลังปล้นสะดมตอนไฟไหม้!
กระทั่ง กู้ซิงเว๋ยสงสัยว่า สองครั้งก่อนหน้าที่ล้มเหลวไป ทั้งหมดเป็นลูกน้องของเฮียเปียวแสดง เพื่อที่จะได้เพิ่มราคาให้สูงขึ้น
“ถ้าคิดว่าแพง พวกคุณไปหาคนอื่นได้ ลองดูว่าใครจะยังกล้ารับงานของพวกคุณ ตอนนี้ทั่วทั้งเมืองฮ่านที่กล้ารับงานนี้ มีแค่ผมเฮียเปียว”
เฮียเปียวแผ่พลังออกมาเต็มร้อย ยื่นนิ้วโป้งออกมา แล้วใช้นิ้วโป้งชี้ที่ตัวเอง
สายตาของกู้ซิงเว๋ยมองทางกู้เจี้ยนกั๋ว กู้เจี้ยนกั๋วก้มหน้าลงใช้เวลาคิดสักพัก กัดฟันพูด “ตกลง แต่ว่าครั้งนี้แกต้องทำให้ได้ ถ้าหากล้มเหลวละก็ แม้แต่หยวนเดียวก็จะไม่จ่าย!”
“หึหึ สบายใจได้ ถ้าหากล้มเหลวผมเองก็ไม่มีหน้าไปเอาเงินกับพวกคุณแน่นอน ในเมื่อตกลงกันได้แล้ว งั้นผมไปก่อนล่ะ งานเสร็จแล้วพวกเราค่อยมาเจอกัน”
เฮียเปียวเดินวางท่าออกไป
กู้ซิงเว๋ยพูดอย่างไม่พอใจ “พ่อ ควรต่อราคาก่อนค่อยคุยไม่ใช่เหรอ รับปากราคาห้าล้านไปตรง ๆ บางทีมันอาจจะมีความคิดไม่ดีอะไรอยู่ก็ได้ ”
“แกว่า หลี่โม่เก่งขนาดนั้นจริงไหม?”
กู้เจี้ยนกั๋วได้ตอบคำถาม แต่กลับถามเรื่องอื่นออกมา
“พ่อ พ่อเชื่อที่มันพูดจริง ๆ เหรอ ถ้าหลี่โม่ต่อยตีได้ขนาดนั้นจริง ๆ ยังจะโดนพวกเราด่าเป็นสวะได้เหรอ หลายปีมานี้พ่อเคยเห็นมันตอบโต้มาก่อนเหรอ? มันคือเศษขยะที่ไร้ค่าที่สุด กากเดน!”
กู้ซิงเว๋ยด่ากราด ในแววตามีประกายเยือกเย็น