จักรพรรดิมังกร - ตอนที่ 167
บทที่ 167 ตีมันให้ตาย
หลี่โม่คำรามออกมาเสียงดัง!
เหล่าชายฉกรรจ์ ต่างหยุดมือ หันมามองหลี่โม่ด้วยความประหลาดใจ
พวกเขาเคยเห็นคนเหี้ยมโหดมานักต่อนัก แม้ว่าต่อสู้ตัวต่อตัว ก็ล้วนเคยเจอ
แต่คนเช่นหลี่โม่ ที่มาท้าทายด้วยตัวคนเดียว ยังไม่เคยเห็นสักที
“นี่……นี่มันเกิดอะไรขึ้น พวกเขาล้วนถือแท่งเหล็ก ถ้าเกิดโดนรุม ต้องถึงชีวิตแน่”
ผู้จัดการฝ่ายความปลอดภัยพึมพำกับตัวเอง
หัวคิ้วของกู้เผิงเฟยชนกัน สถานการณ์ตอนนี้จะเรียกตำรวจก็ไม่ทันแล้ว แต่ถ้าจะให้ไปช่วยหลี่โม่ กู้เผิงเฟยก็ไม่กล้าขนาดนั้น
“ประธานกู้ พวกเราอย่าเข้าไปเลย ดูอยู่ตรงนี้แหละ รีบติดต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเถอะ”
กู้เผิงเฟยห้ามกู้หยุนหลัน
กู้หยุนหลันกัดริมฝีปาก น้ำตาคลออยู่ในดวงตา
กู้หยุนหลันเข้าใจ หลี่โม่พยายามพิสูจน์ตัวเอง พิสูจน์ว่าเขาไม่ใช่คนที่ไร้ประโยชน์
“พวกคุณรีบโทรศัพท์เร็วเข้า เร็ว!”
กู้หยุนหลันตะโกนอย่างเป็นกังวล
“อ่า พวกเราติดต่อเร็ว”
กู้เผิงเฟยหยิบโทรศัพท์ออกมา ขยิบตาให้ผู้จัดการทุกคนหยิบโทรศัพท์ออกมาและเริ่มโทร
หลี่โม่ตอนนี้ยืนอยู่หน้ากลุ่มชายฉกรรจ์
“เฮ้ ไอ้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม กล้าพูดกับกูแบบนี้ รู้ไหมกูเป็นใคร?”
ชายร่างกำยำที่มีกล้ามเนื้อปูดโปน มีรอยสักทั่วตัว ผลักลูกสมุนตรงหน้าออก แล้วเดินออกไปมองหลี่โม่พร้อมกับเอียงศีรษะ
“บอกมาสิ ฉันยังไม่เคยเห็นไอ้ห่วยแบบแกเลย”
หลี่โม่พูดเบา ๆ
“บังอาจ!กล้าที่จะดูถูกเฮียหลังของพวกเรา เฮียหลังของพวกเราเป็นถึงนักเลงอันดับต้น ๆ ที่ไม่มีใครสามารถเอาชนะได้!”
“ทุกวันนี้ใครเห็นเฮียหลังของพวกเราก็ต้องคุกเข่าทั้งนั้น ถ้ามึงอยากมีชีวิตรอด ก็ลองคุกเข่าขอร้องเฮียหลังสิ”
“ไม่แค่คุกเข่า ดูท่าทางบอบบางอย่างมึง ยังต้องการการสั่งสอนจากเฮียหลังถึงจะถูก เฮียหลังของพวกเราต้องจัดการสั่งสอนมึงอย่างดีแน่ ฮ่าฮ่าฮ่า”
หลี่โม่มองไปที่เฮียหลัง “ที่แท้ก็เป็นหมาป่า ไม่เห็นจะดีกว่าขี้หมาตรงไหน กล้ามาสร้างปัญหาในที่ของฉัน อยากตายหรือไง!”
“ถุย!”
เฮียหลังถ่มน้ำลาย แล้วมองไปที่หลี่โม่ “อย่างมึงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของกูหรอก เสี่ยวอู๋พวกมึงห้าคน ไปสอนวิธีปฏิบัติตัวให้มัน แค่หักแขนหักขาก็พอ ”
หลังคำสั่งของเฮียหลัง ชายแข็งแกร่งห้าคนเดินออกจากกลุ่ม ในมือล้วนถือแท่งเหล็ก
แสงสะท้อนจากแท่งเหล็กเปล่งออกมา เสี่ยวอู๋มองไปที่หลี่โม่อย่างดูถูก “จะไม่ว่าหรอกนะ ถ้ามึงจะร้องขออาวุธ”
“แค่จัดการพวกแก ไม่ต้องใช้อาวุธหรอก”
หลี่โม่ยืนมือเปล่า ราวกับว่าเขาเป็นปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้
“เหอะ ยังไม่รู้ชะตาตัวเองอีก รอก่อนเถอะจะให้มึงชิมรสชาติของความเจ็บปวด ไป!”
เสี่ยวอู๋โบกแท่งเหล็กในมือ อีกสี่คนที่เหลือก็ตามเขามา
หลี่โม่เคลื่อนร่างของเขาหลบท่อนเหล็กที่เสี่ยวอู๋ตีมา ใช้โอกาสคว้าแขนของเสี่ยวอู๋ ใช้มือทั้งสองข้าง หักแขนของเสี่ยวอู๋อย่างแรง
“อ๊าก!”
เสี่ยวอู๋ส่งเสียงร้องอย่างน่าสังเวช รู้สึกได้ทันทีว่าเขากำลังหมุน และเปลี่ยนตำแหน่งกับหลี่โม่
ใบหน้าของเสี่ยวอู๋บิดเบี้ยวฉาย ดวงตาฉายแววความหวาดกลัว เขามีประสบการณ์ในการต่อสู้ เดาได้แล้วว่าตนเองกำลังจะเผชิญกับสถานการณ์ใด
ปังปังปัง!
เสียงเคาะดังขึ้น แท่งเหล็กของอีกสี่คนตีไปที่หลังของเสี่ยวอู๋
เสี่ยวอู๋รู้สึกว่าซี่โครงและกระดูกสันหลังของเขาถูกทุบเป็นชิ้น ๆ เจ็บจนเหงื่อไหลออกมาทั่วร่างกาย ใบหน้าของเขาเหี่ยวย่น
“จะตายแล้ว!”
เสี่ยวอู๋ตะโกนเสียงแหบ
อีกสี่คนมองไปที่เสี่ยวอู๋ด้วยความงุนงง หลี่โม่เตะไปที่ท้องของเสี่ยวอู๋ เสียงเตะเสี่ยวอู๋ทำให้ทั้งสี่คนสะดุ้ง
ทั้งสี่คนรีบไปช่วยเสี่ยวอู๋ หลี่โม่ฉวยโอกาสนี้ พุ่งออกไป ปล่อยหมัดของเขาใส่ใบหน้าของอีกสี่คนอย่างรวดเร็ว
เสียงกรีดร้องดังขึ้น และในพริบตา หลี่โม่ก็กระแทกอีกสี่คนลงกับพื้น
หลังจากทุกอย่างเสร็จสิ้น หลี่โม่ผู้ซึ่งเป็นคนทำ ก้าวไปที่ข้าง ๆ ใบหน้าของเสี่ยวอู๋ และพูดด้วยรอยยิ้ม “เซอร์ไพรส์หรือเปล่า?”
“เฮียหลัง ช่วยด้วย ช่วยฉันด้วย ฉันจะตายแล้ว รีบพาฉันส่งโรงพยาบาลเร็ว”
เสี่ยวอู๋พูดอย่างอ่อนแรง
กลุ่มคนที่เข้ามาช่วยเห็นเหตุการณ์ การชนะอย่างใสสะอาดแบบนี้ ดูเหมือนว่าจะมีแต่ในภาพยนตร์เท่านั้น
“เชี่ย น่ากลัวขนาดนี้ ดูเหมือนจะเก่งกว่าเฮียหลังอีก”
“เสี่ยวอู๋พวกมันห้าคนรวมกัน เฮียหลังก็ยังไม่สามารถชนะได้ ผู้ชายคนนี้เป็นปรมาจารย์แน่นอน”
“ก็ไม่รู้ว่าเขาฝึกยังไง ถ้าทักษะนี้อยู่ในตลาดมืด จะต้องเป็นดาวรุ่งแน่ ๆ ”
ใบหน้าของเฮียหลังบิดเบี้ยว เพียงเพราะลูกสมุนบอกว่าเขาด้อยกว่าหลี่โม่
ในความเป็นจริงเฮียหลังรู้อยู่แก่ใจ ว่าเขาไม่สามารถเอาชนะหลี่โม่ได้ แม้ว่าหลี่โม่เพิ่งจะใช้กลอุบาย แต่ก็มาจากความแข็งแกร่งทั้งนั้น
ตามความคิดของเฮียหลัง ยังไงก็ไม่สามารถสู้เสี่ยวอู๋ในช่วงเวลาสั้น ๆ และควบคุมเสี่ยวอู๋ได้
“พี่ชาย ดูจากฝีมือของคุณแล้ว ของทราบชื่อเสียงเรียงนามหน่อย”
เฮียหลังโค้งศีรษะลง
“ไม่มี คนอื่นมักจะเรียกฉันว่าขยะ”
หลี่โม่กล่าวอย่างตรงไปตรงมา
เมื่อเฮียหลังได้ยินคำพูดของหลี่โม่ เขาแทบจะสำลักน้ำลาย ไอเป็นเวลานานและพูดว่า “พี่ชาย อย่าล้อเล่นแล้ว เราทุกคนล้วนเป็นพวกกระหายเลือด ถ้านายบอกชื่อสักหน่อย ฉันยังสามารถชั่งน้ำหนักสถานการณ์ได้”
เฮียหลังคิดที่จะถามเรื่องราวของหลี่โม่ จากนั้นก็หาวิธียั่วยุหลี่โม่ ถ้าเขาต่อสู้โดยตรงกับหลี่โม่ เฮียหลังคาดว่าเขาอาจจะโดนหลี่โม่ฆ่า
แต่ถึงแม้ว่าหลี่โม่จะหมดแรง เฮียหลังก็ประเมินว่าตามความดุเดือดของหลี่โม่ ยังไงเขาก็แพ้
หลี่โม่เม้มริมฝีปาก และพูดอย่างเหยียดหยาม “จะสู้ก็เข้ามา ถ้าไม่สู้ก็ไสหัวไป อย่ามาส่งเสียงเจื้อยแจ้วแถวนี้”
ชายในกลุ่มคนหนึ่งคำรามอย่างหงุดหงิด
เฮียหลังปรามชายที่คำรามออกมา ก่อนจะพูดอย่างสุภาพ “พี่ใหญ่ของฉันคือเฮียเปียว ถ้าคุณเคยได้ยินชื่อพี่ใหญ่ของฉัน คงจะรู้ว่าควรทำตัวยังไง”
หลี่โม่ส่ายหัว และพูดอย่างเย็นชา “ฉันไม่เคยได้ยินชื่อเฮียเปียว ฉันรู้จักแค่เฮียหู่ เฮียพีลี่ ทุกคนล้วนแพ้ให้กับฉัน”
สีหน้าของเฮียหลังค่อย ๆ เปลี่ยน เข้าใจว่าหลี่โม่ไม่รักษาหน้าตนแล้ว
“พี่ชาย จริงจัง?อย่าคิดว่าฉันกลัวคุณนะ แต่เพียงแค่ไม่อยากให้พี่ชายต้องเสียหน้า”
“เหอะเหอะ ตลกเหรอ?”
หลี่โม่ถามด้วยรอยยิ้ม
ลูกน้องของเฮียหลังทุกคน ดวงตาเต็มไปด้วยไฟแค้น มองไปยังหลี่โม่อย่างกินเลือดกินเนื้อ
“บังอาจ! ให้โอกาสแล้วยังไม่สำนึก งั้นก็อย่าหาว่าฉันใจร้ายแล้วกัน!”
เฮียหลังยกท่อเหล็กในมือขึ้น แล้วคำราม “ตีมันให้ตาย!”