จักรพรรดิมังกร - ตอนที่ 185
บทที่ 185 ส่งความตาย
กู้หยุนหลันค่อยๆ ขับรถมาจอดไว้ตรงที่จอดรถ มือถือของหลี่โม่สั่นขึ้นมา
เมื่อเห็นหน้าจอมือถือ หลี่โม่จึงกดรับแล้วพูดว่า “คุณฉู่ มีเรื่องอะไรเหรอ”
“ถ้าไม่มีเรื่องอะไรผมคงไม่กล้าโทรมากวนคุณหรอก ครั้งนี้เป็นเรื่องที่ยุ่งยากทีเดียวเลยล่ะครับ ถ้าคุณว่างรีบมาที่ไนท์คลับหวงถิงสักหน่อยนะครับ”
น้ำเสียงของฉู่จงเทียนค่อนข้างเป็นกังวล น่าจะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างร้ายแรง
หลี่โม่มองไปยังกู้หยุนหลัน
กู้หยุนหลันยิ้มแล้วพูดว่า “มีธุระก็รีบไปเถอะ รีบกลับมาก็พอแล้ว”
“เพื่อนมีเรื่องนิดหน่อยน่ะ เดี๋ยวผมไปส่งคุณก่อน แล้วค่อยไปที่นั่น”
เมื่อหลี่โม่มาส่งกู้หยุนหลันที่บ้าน เขาลากู้หยุนหลันที่หน้าประตูบ้าน จากนั้นจึงขับรถไปที่ไนท์คลับหวงถิง
ลูกน้องของฉู่จงเทียนพาหลี่โม่เข้ามาในห้องของฉู่จงเทียน
คนที่กำลังนวดขมับอย่างฉู่จงเทียน รีบลุกขึ้นมา “ในที่สุดคุณก็มาแล้ว คุณดูการ์ดเชิญนี่ก่อน”
ฉู่จงเทียนหยิบการ์ดที่วางอยู่บนโต๊ะยื่นให้หลี่โม่
หลี่มองรับการ์ดเชิญมาดู การ์ดเชิญที่สวยงามไม่ได้เขียนอะไรไว้มากมาย เขียนไว้แค่ว่าการประลองของราชา พร้อมทั้งเวลาและสถานที่
“นี่มันหมายความว่าอะไร มีคนจะประลองกับนายอย่างนั้นเหรอ”
หลี่โม่หัวเราะแล้วโยนการ์ดลงบนโต๊ะ จากนั้นจึงนั่งลงบนโซฟาอย่างเกียจคร้าน
“นี่เป็นการ์ดเชิญจากเจ้าพ่อวงการใต้ดินแห่งเมืองเอก พวกเขาจัดการประลองนี้ขึ้น เพราะอยากใช้การประลอง แบ่งพื้นที่ของเมืองฮ่านอีกครั้ง ผมได้รับข่าวมาว่า เจ้าพ่อของเมืองเอกอยากได้พื้นที่ของเมืองฮ่าน การประลองครั้งนี้แค่เริ่มต้นเท่านั้น”
ใบหน้าชราของฉู่จงเทียนตึงเครียดขึ้นมา มองดูแล้วเหมือนเขากำลังโดนกลั่นแกล้งอย่างไรอย่างนั้น ไม่มีภาพลักษณ์ของความน่าเกรงขามเลยแม้แต่น้อย
“การประลองครั้งนี้ ผมจำเป็นต้องไป ถ้าไม่ไปก็แสดงว่ายอมแพ้ ลูกน้องจะขาดความเชื่อใจ และผมต้องชนะการประลองครั้งนี้เท่านนั้น ถ้าแพ้ขึ้นมา ผมก็ไม่สามารถแบกรับผลที่ตามมาได้เหมือนกัน”
ถ้าชนะจะพูดอะไรก็ได้ แต่ถ้าแพ้ ลูกน้องของฉู่จงเทียนจะต้องลังเลอย่างแน่นอน กลัวว่าจะมีคนทรยศไม่น้อยเลยทีเดียว
สำหรับฉู่จงเทียนการประลองครั้งนี้ถือว่าเป็นการตัดสินชะตากรรมว่าจะอยู่หรือตาย ต้องชนะเท่านั้น ถ้าแพ้เขาก็จะไม่เหลืออะไรเลย แม้แต่ชีวิตของตัวเอง
“แล้วยังไง ดึกดื่นขนาดนี้เรียกผมมาฟังเรื่องทุกข์ระทมของคุณเหรอ” หลี่โม่หัวเราะแล้วพูดออกมา
“ไม่ใช่อย่างนั้น ผมอยากขอความช่วยเหลือจากคุณ ลูกน้องของผมไม่มีใครที่ฝีมือดีเลย เพราะฉะนั้นผมเลยอยากให้นายน้อยช่วยจัดหาคนฝีมือดีไปช่วยผมในการประลองครั้งนี้”
ฉู่จงเทียนมองหลี่โม่ด้วยสายตาคาดหวัง ในใจของเขาเต็มไปด้วยความตึงเครียด ถ้าหลี่โม่ไม่ช่วยเขา คงยากที่ฉู่จงเทียนจะผ่านอุปสรรคครั้งนี้ไปได้
หลี่โม่ยื่นมือจะล้วงบุหรี่ แต่ฉู่จงเทียนรู้เสียก่อน จึงยื่นบุหรี่ให้หลี่โม่ หลังจากนั้นจึงหยิบไฟแช็กจุดบุหรี่ให้หลี่โม่
หลังจากที่ได้สูบบุหรี่ หลี่โม่ก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “คนที่มาจากเมืองเอกคือใคร”
“มีหลายคนครับ หัวหน้าคือคนของตระกูลซูชื่อว่าซูเหวินปิน เขาได้รับหน้าที่ดูแลเรื่องผิดกฎหมายของตระกูลซู ชื่อเสียงโหดเหี้ยมมาก”
เมื่อได้ยินว่าเป็นตระกูลซู หลี่โม่จึงนึกได้ว่าก่อนหน้านี้ตัวเองได้ทำร้ายคุณชายซู
“ตระกูลซูแห่งเมืองเอกงั้นเหรอ ช่างบังเอิญอะไรอย่างนี้ เดี๋ยวฉันจะช่วยคุณเอง”
ในเมื่อคนของตระกูลซูนำทัพมาเอง หลี่โม่ก็ไม่ถือสาที่จะสั่งสอนพวกเขา ก่อนหน้านี้คุณชายซูรบกวนเวลาดินเนอร์ของเขากับกู้หยุนหลัน ทำให้เขาไม่พอใจเป็นอย่างมาก
อีกทั้งสายตาของคุณชายซูที่มองกู้หยุนหลันก็ไม่ใช่สายตาที่ดีสักเท่าไร
หลี่โม่ไม่อยากโดนสวมเขา
“ขอบคุณครับนายน้อย มันดีมากเลยที่ได้คุณมาช่วย การประลองไม่ได้มีกฎเกณฑ์อะไร แต่ละฝั่งสามารถส่งคนมาได้สองคน อิงตามผลคะแนนสูงสุดในการต่อสู้ครั้งสุดท้าย…”
ฉู่จงเทียนอธิบายกฎการประลอง แต่ไม่ได้เข้าหูหลี่โม่สักนิด สำหรับหลี่โม่กฎอะไรก็ไม่สำคัญ
“เอ่อ ถ้านายน้อยสามารถหาคนฝีมือดีมาสักสองคน น่าจะปลอดภัยสักหน่อยนะครับ” ฉู่จงเทียนถามอย่างระมัดระวัง
“ไม่ต้องทำให้ยุ่งยาก คุณส่งคนไปหนึ่งคนก็พอ ส่วนอีกคนผมจะไปเอง” หลี่โม่พูดอย่างเดือดดาล
ฉู่จงเทียนอึ้งไป เขาเอาแต่มองหลี่โม่โดยไม่พูดอะไร
นายน้อยจะไปประลองอย่างนั้นเหรอ
ถ้านายน้อยเป็นอะไรไปจะทำยังไงล่ะ
ฉู่จงเทียนคิดถึงฉากที่เกิดอะไรขึ้นหลี่โม่ตอนประลอง เม็ดเหงื่อก็ผุดขึ้นมาจากหน้าผากของเขา
“นายน้อย ร่างกายคุณมีค่าขนาดนี้ จะไปประลองได้ยังไงกันครับ ไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาดครับ”
ฉู่จงเทียนส่ายหน้าอย่างรุนแรง
“ได้ไม่ได้ก็ไม่เกี่ยวกับคุณ ผมตัดสินใจแล้ว” หลี่โม่เอ่ยขึ้น
ฉู่จงเทียนเห็นท่าทางแน่วแน่ของหลี่โม่ จึงจำใจพยักหน้า “งั้นคุณต้องระวังตัวเองด้วย ผมจะตามไปช่วยคุณด้วย”
ขณะนั้นเองฉู่จงเทียนปฏิญาณกับตัวเองว่าถึงแม้ว่าจะต้องเสียหน้า ก็ต้องปกป้องหลี่โม่ให้ปลอดภัย ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับหลี่โม่ เขาคงไม่สามารถหาอะไรมาชดใช้ได้อย่างแน่นอน
“อย่ากังวลไปเลย ก็แค่พวกไม่เอาไหน แค่สองหมัดก็อยู่แล้ว ผมดูเวลามันเป็นคืนนี้ใช่ไหม เราต้องเตรียมตัวไปกันได้แล้ว” หลี่โม่ถามขึ้น
“ครับ มันจะเริ่มเวลาสี่ทุ่มครึ่ง สถานที่คือสนามมวย สนามประลองที่นั่นมีมาตรฐานมากครับ” ฉู่จงเทียนตอบ
“ไปกันเถอะ ไปจัดการพวกมัน”
หลี่โม่ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปข้างนอก ฉู่จงเทียนรีบเดินนำทางให้หลี่โม่
เมื่อเข้ามานั่งในรถ ฉู่จงเทียนล้วงมือถือกดไปยังหมายเลขหมายเลขหนึ่ง “ออกเดินทางได้ วันนี้หยวนเหมิ่งขึ้นเวทีเป็นคนแรก บอกให้เขาเตรียมตัวให้ดี”
ฉู่จงเทียนวางสายแล้วมองหลี่โม่เหมือนอยากจะพูดอะไร หลี่โม่โบกมือไปมา ฉู่จงเทียนจึงทำได้เพียงกลืนคำพูดลงคอไป
ไม่นานขบวนรถก็ขับเข้ามาในสนามมวย ชายรูปร่างกำยำสองสามคนยืนอยู่ที่ลานจอดรถและยืนมองรถของฉู่จงเทียนอย่างเงียบๆ
“ฉู่จงเทียน คุณชายซูสั่งว่านายสามารถพาคนเข้าไปได้แค่สองคนเท่านั้น ส่วนคนอื่นต้องรออยู่ที่นี่”
ทันใดนั้นลูกน้องของฉู่จงเทียนไม่สบอารมณ์ขึ้นมาทันที การทำแบบนี้เป็นการไม่ไว้หน้าฉู่จงเทียนแม้แต่น้อย
“ทำไมถึงพูดกับท่านเทียนแบบนี้ แกเรียกชื่อท่านเทียนตรงๆ แบบนั้นได้ยังไง!”
“พวกแกอยากตายหรือไง มีสิทธิ์อะไรมาห้ามไม่ให้พวกเราเข้าไป เราจะเข้าไปดูแลความปลอดภัยของท่านเทียน”
“เมืองฮ่านเป็นถิ่นของเรา พวกแกรีบไสหัวกลับไปเมืองเอกซะ ไม่งั้นเราจะส่งสัญญาณเรียกคนมา”
ชายรูปร่างกำยำที่เป็นหัวหน้ามองลูกน้องของฉู่จงเทียนด้วยสายตาเย็นชา เขาใช้มือเปิดเสื้อโค้ตของตัวเองออก เผยให้เห็นปืนที่อยู่ตรงเอว
เมื่อเห็นปืนที่อยู่ตรงเอวของชายรูปร่างกำยำ ลูกน้องของฉู่จงเทียนก็หุบปากทันที
สถานการณ์ดูจะตึงเครียดกว่าคน คนมีฝีมือที่มาจากเมืองเอกดูเหมือนจะเตรียมการมาอย่างดี มีดที่ลูกน้องของฉู่จงเทียนเอามาสู้ปืนไม่ได้อย่างแน่นอน
“หึหึ ดูเหมือนจะรู้ว่าอะไรดีอะไรชั่ว พวกแกยังจะทำตัวน่ารำคาญอีก คุณชายของเราจัดการยังไงพวกแกก็มาอย่างนั้น ให้พวกแกทำตัวยังไง พวกแกก็ทำอย่างว่านอนสอนง่าย อย่ามาทำเป็นหัวแข็ง” ชายรูปร่างกำยำแสยะยิ้มออกมา
“แกอวดดีพอหรือยัง แกควรจะให้ฉันพาคนเข้าไปได้แล้ว” ฉู่จงเทียนยิ้มด้วยสีหน้าอึมครึม
ชายรูปร่างกำยำมองหลี่โม่ที่ตามฉู่จงเทียนมา เขาแสยะยิ้มอย่างดูถูก “ท่าทางอ่อนแอขนาดนี้มาตายเปล่าๆ”