จักรพรรดิมังกร - ตอนที่ 191
บทที่191 เถ้าแก่ของเรา
คุณชายชูนอนราบบนเตียงราวกับหมาตายซากก็ไม่ปาน แม้ว่าไม่ได้มีบาดแผลฉกรรจ์อะไร แต่ผลกระทบทางจิตใจไม่น้อย
คุณชายซูผู้กร่างไปทั่วเมืองก่อนหน้า มาถึงเมืองฮ่านต้องมาโดนหลี่โม่ซ้อมเอา ทำให้คุณชายซูรู้สึกทนไม่ได้
“คุณอา ฉันจะหาคนมาจัดการหลี่โม่นั่น มันจะเก่งกาจสักแค่ไหนเชียว กำปั้นหนึ่งคู่หรือจะสู้สี่มือได้ วีรบุรุษแพ้คนหมู่มาก ฉันไม่เชื่อว่าคนหนึ่งร้อยคนจะเอามันไม่อยู่ หนึ่งร้อยสู้ไม่ได้ ก็ห้าร้อย ห้าร้อยสู้ไม่ได้ก็หนึ่งพัน!”
วางแผนอะไรเหล่านั้น สำหรับคุณชายซูแล้ว ก็ไม่มีตัวตนทั้งนั้น
ใต้หล้าไม่มีความแค้นที่คั่งค้างข้ามคืน ความแค้นวันนี้ต้องล้างแค้นวันนี้เท่านั้น โดยเฉพาะความแค้นที่ต้องเสียหน้า
ซูเหวินปินสูบบุหรี่ มุมตากระตุกขึ้นสองที ในหัวเต็มไปด้วยภาพการต่อสู้กับหลี่โม่
ฉู่จงเทียนมีลูกน้องแบบหลี่โม่ได้ ทำให้ซูเหวินปินรู้สึกอิจฉาระคนแค้นเคือง
สิ่งที่ลัทธิถือสาที่สุดคือการล้ำเส้น ครั้งนี้ซูเหวินปินเรียกได้ว่าล้ำเส้นเข้าแล้ว และได้แสดงความทะเยอทะยานต่อเมืองฮ่านออกมาอีก ไม่แน่ว่าพอฉู่จงเทียนตัดสินใจเด็ดเดี่ยว อาจจะส่งหลี่โม่มาลอบสังหารตนก็เป็นได้
“ก็พูดถูกนะ แต่ว่ารับมือคนมากขนาดนี้ ไม่รู้จะบอกกับที่บ้านยังไง นายเป็นคนโทรระดมคนดีกว่า ฉันจะคอยวางแผนอยู่ลับๆ เรียกคนที่ฝีมือเก่งกาจที่สุดมาให้นาย”
ระดมคนมาที่เมืองฮ่านนับร้อยนับพัน นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กเลย ต่อให้เป็นฝีมือการจัดการจองซูเหวินปิน ก็ต้องรายงานให้กับคนที่บ้านรู้ แบบนี้สถานภาพของคุณชายซูน่าจะเหมาะกว่า
อย่างไรเสียคุณชายซูก็เป็นผู้สืบทอดตระกูลซู ผู้จัดการมรดกทั้งหลายล้วนให้ความเอ็นดูเขาเป็นอย่างดี ขอแค่คุณชายซูโอดครวญทีสองที แค่นี้ก็ได้แล้ว
คุณชายซูพยักหน้า ฝืนกลั้นความเจ็บควักโทรศัพท์ออกมา กดเบอร์ออกไป
หลังจากที่คุณชายซูพูดไม่กี่คำจึงวางสาย มุมปากหยักรอยยิ้มขึ้น แต่เป็นเพราะไปกระทบรอยแผลบนใบหน้า จึงทำให้รู้สึกเจ็บแสบ
“ซี๊ด!เจ็บเป็นบ้า ไอ้บ้าหลี่โม่ คราวนี้กูต้องถอนรากถอนโคนมัน รอให้กูพาคนไปล้อม แล้วจะประกาศก้องดังๆ กูจะรับช่วงต่อเมียมันเอง!”
เหอปินตกตะลึง จากนั้นจึงตื่นตัวขึ้น ประจบสอพลอใหญ่
“ความอหังการ์ของคุณชายซู ไม่เพียงแต่จะต้องเลี้ยงไว้ ยังจะต้องคุมไว้ด้วย เลี้ยงลูกสาวมันจนโตแล้ว ต่อไปก็ไม่พ้นเงื้อมมือคุณชายซูอยู่ดี”
“เจ้านี่พูดถูกใจข้าจริงโว้ย ข้าก็คิดแบบนี้ แค่คิดก็เร้าใจ โคตรเร้าใจ”
คุณชายซูค่อยๆคึกคักขึ้น ในหัวจินตนาการไปถึงไหนต่อไหน
ซูเหวินปินยิ้ม หยิบมือถือขึ้นมาส่งข้อความออกไป
“เอาล่ะ ส่งข้อความให้เป้าจื่อเถาแล้ว ให้เขาพาพรรคพวกที่ตีเก่งที่สุดมาหานาย ให้พวกเขาฟังคำสั่งของนาย”
“ขอบคุณคุณอา คุณอาวางใจเถอะ จัดการหลี่โม่เรียบร้อยแล้ว ผมจะช่วยคุณอาเก็บฉู่จงเทียนด้วย ต่อไปเมืองฮ่านก็เป็นอาณาเขตของตระกูลซูเราแล้วล่ะครับ”
คุณชายซูคำนวณไว้ในใจอย่างดิบดี ครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะต้องเก็บหลี่โม่ให้สิ้น ถ้ามีโอกาสก็ต้องครอบครองอาณาเขตเมืองฮ่านด้วย ถือว่าได้ขยายศักยภาพตัวเอง
ซูเหวินปินไหนเลยจะอ่านใจคุณชายซูไม่ออก ยิ้มแล้วพูดขึ้น“ถ้าทำสำเร็จ ผมจะพูดในงานเลี้ยงตระกูล คุณอาพักผ่อนก่อน เสี่ยวเหอดูแลให้ดีด้วย”
“คุณปินวางใจเถอะครับ ผมต้องดูแลคุณชายซูให้ดีอยู่แล้ว”
เหอปินลุกขึ้นยืน ส่งซูเหวินปินออกจากห้องผู้ป่วย เมื่อสายตามองส่งเงาหลังของซูเหวินปินหายลับไปแล้ว จึงกลับเข้ามาพักผ่อนเป็นเพื่อนคุณชายซู
ราตรีค่อยๆคืบคลานเข้ามา ความง่วงงุนเข้ามาแทนที่ คุณชายซูหลับคอพับไป เหอปินนอนขดอยู่บน
โซฟา
……
รุ่งอรุณ หลี่โม่ตื่นแต่เช้า สาละวนทำอาหารเช้าให้บ้านกู้หยุนหลัน
หวังฟางมองดูหลี่โม่ยกอาหารเช้าขึ้นตั้งโต๊ะ จึงพูดอย่างไม่สบอารมณ์“ก็แค่เศษขนมปังปิ้งทำให้ใครกิน แล้วก็เศษผักกับมายองเนสมาเป็นสลัดก็ยกขึ้นมา เลี้ยงหมูหรือไง”
“แม่ แซนวิชก็ทำแบบนี้ทั้งนั้นแหละ ผมยังอุตส่าห์ใส่เนื้ออกไก่นะ”
หลี่โม่อธิบายอย่างเหนื่อยหน่าย
“หึ เพิ่มเนื้ออกไก่แล้วยังไง ฉันกินไม่เป็นหรอกนะ แกทำอะไรที่มันอร่อยและมีคุณค่าทางสารอาหารไม่ได้หรือไง น้ำเต้าหู้ ปาท่องโก๋ เต้าฮวยแกทำไม่เป็นหรือไง คนเกาะผู้หญิงกินแบบแกจะไปมีประโยชน์อะไร วันๆอยู่แต่บ้าน ก็ไม่หัดทำอะไรที่มันอร่อยถูกปากบ้าง”
กู้เจี้ยนหมินขมุ่นคิ้ว พูดอย่างไม่สบอารมณ์“ไม่ได้อยากจะว่าแกนะ ถ้าแกชอบอะไรฝรั่งแบบนี้ แกก็กินเองเถอะ พวกเราชอบอาหารเช้าพื้นบ้านมากกว่า ไปทำมาใหม่”
“ทำใหม่บ้าอะไรล่ะ นี่กี่โมงเข้าไปแล้ว กว่าจะทำเสร็จก็ปาไปเวลาอาหารเที่ยงแล้ว เราออกไปกินเถอะ เห็นสวะนี่แล้วไม่มีอารมณ์กินข้าว”
หวังฟางทำท่าฮึดฮัดลุกขึ้นเตรียมออกไป กู้เจี้ยนหมินจ้องมองหลี่โม่ ก็ลุกตามออกไป
กู้หยุนหลันเปิดประตูห้อง เห็นพ่อแม่ออกมา จึงได้เข้าไปนั่งลงในห้องอาหาร
“แหม แซนวิชเหรอ ที่รักนี่ยอดเยี่ยมไปเลย”
กู้หยุนหลันทำท่าทำทาง
“รีบกินเถอะ วันนี้มีธุระที่บริษัทไม่ใช่เหรอ”
หลี่โม่พลางพูด
“อืม ต้องไปเฝ้าที่บริษัทหน่อย ไม่งั้นพวกพนักงานเละเทะไปหมด เดี๋ยวยุ่งเลย ถ้าพบเจอปัญหาต้องรีบแก้ไข ไว้อีกสองสามวันเสร็จธุระแล้ว ต้องไปทำสปาซะหน่อย”
ผู้หญิงรักสวยรักงามทุกคนแหละ เพราะอย่างนั้นพวกสถาบันเสริมความงามทั้งหลาย กับพวกโรงพยาบาลศัลยกรรมทั้งหลายจึงต่างทยอยกันผุดขึ้น ใครๆก็รู้ว่าหาเงินกับพวกผู้หญิงรักสวยรักงามนี้ง่ายที่สุด ก็แค่เอาน้ำยามาตีๆตบๆ ไม่กี่นาทีก็หาเงินมาได้เป็นพันเป็นหมื่น
หลี่โม่ตื่นเต้นเล็กน้อย เหมือนนึกขึ้นได้ฉับพลันว่าตัวเองซื้อสถาบันความสวยความงามมาแห่งหนึ่ง ไม่ได้ไปดูมาพักหนึ่งแล้ว ควรจะไปดูหน่อย
กู้หยุนหลันเห็นหลี่โม่เหม่อลอย จึงใช้นิ้วเท้าเขี่ยขาเขา“คิดอะไรอยู่เหรอ ใจลอยขนาดนี้”
“กำลังคิดว่าคุณสวยขนาดนี้ ยังจะไปเสริมสวยอีก แบบนี้เท่ากับตัดหนทางผู้หญิงคนอื่นๆนี่นา”
หลี่โม่หยอกล้อเล่น
“จะบ้าหรือไง ฉันตัดทางผู้หญิงคนอื่นตรงไหนกันนะ คุณจะไม่ยอมให้ฉันสวยหรือไง”
“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก คุณยิ่งสวยผมยิ่งดีใจนะ”
กู้หยุนหลันกลอกตาขาวให้หลี่โม่ แล้วจึงกินแซนวิชอย่างเอร็ดอร่อย คุยเรื่องสถาบันเสริมความงาม
กับหลี่โม่
“ตอนนี้คนทำศัลยกรรมมีเยอะแยะไปหมด ไม่รู้ว่าพวกหล่อนคิดอะไรกัน สุดท้ายก็ทำออกมาหน้าตาซ้ำๆกันไปหมด ดูน่าตกใจ ไม่พูดแล้ว พูดไปคุณก็ไม่เข้าใจ ผมไปทำงานก่อนนะ”
กู้หยุนหลันรับอาหารเช้าเสร็จ จึงไปทำงานอย่างมีพลัง
หลี่โม่เก็บของ ขับรถไปที่สถาบันเสริมความงาม แล้วเริ่มตรวจงานแบบเถ้าแก่
ข้างหน้าร้านมีสาวสวยยืนต้อนรับอยู่สองคน เมื่อมองเห็นหลี่โม่แต่ไกลจึงรู้สึกตื่นเต้น
“นั่นเถ้าแก่ของเรานี่นา”